แชร์

บทที่ 16

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
ไต้ซือเทียนสุ่ยรับคำสั่งจากฉินซวงซวง สายตาที่ทอดมองซ่งรั่วเจินเองก็เจือไอเย็น สตรีผู้นี้บังอาจมาทำลายช่องทางทำมาหากินของเขา เขาจะจัดการให้หนักเลยทีเดียว!

ครู่ถัดมา เขามองผีน้อยที่ตนเลี้ยงอย่างลำพองใจ เขาต้องเสียแรงไปมากถึงจะเลี้ยงออกมาได้ ยังได้รับคำชี้แนะจากผู้มีวิชาจึงมีความสามารถเช่นนี้

สายตาซ่งรั่วเจินเองก็ตกลงบนตัวผีน้อย ผีน้อยตัวนี้อายุราวหกถึงเจ็ดขวบเท่านั้น เพราะถูกเลี้ยงดูอย่างดี รูปร่างกลับไม่น่ากลัว เพียงแต่กลิ่นอายชั่วร้ายยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าคือวิญญาณอาฆาตตนหนึ่ง

ตายอย่างไม่เป็นธรรม จึงสั่งสมไอแค้นไว้มาก

ในฐานะคนของสำนักวิชาเต๋า เผชิญหน้ากับวิญญาณอาฆาตเช่นนี้สมควรหาวิธีกำจัดความอาฆาตพยาบาท ช่วยเหลือเขาให้ไปเกิดใหม่ในเร็ววัน

ไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ ใช้ประโยชน์จากความอาฆาตพยาบาทเล็กน้อยนี้ ทำให้กลายเป็นกลวิธีหาเงิน

“ไต้ซือเทียนสุ่ย ชาตินี้ข้ายังมีหวังจะหาตัวลูกสาวของข้าพบอีกหรือไม่?” สวีฮูหยินเอ่ยถามอย่างร้อนใจ

ไต้ซือเทียนสุ่ยแสร้งหยิบกระดองเต่าออกมา ใส่แผ่นเหล็กสองชิ้นเข้าไปภายใน ปากบ่นงึมงำสวดคาถาขึ้นมา

สกุลสวีตามหาลูกสาวคนนี้มานานนับสิบกว่าปีแล้ว กลับหาไม่พบมาโดยตลอด หากไต้ซือเทียนสุ่ยสามารถหาคนพบได้จริง นั่นก็ไม่มีอันใดดีไปมากกว่านี้แล้ว

ไต้ซือเทียนสุ่ยฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญ จากนั้นพลังที่คุ้นชินกลับไม่แผ่ออกมา แผ่นเหล็กในกระดองเต่าก็ตกลงบนโต๊ะ

“เกิดอะไรขึ้น?”

ไต้ซือเทียนสุ่ยหันมองผีน้อยทางข้างหลังอย่างรวดเร็ว ผีน้อยมีพลังวิญญาณอยู่บ้าง ใช้งานผ่านวิธีนี้ย่อมมอบเบาะแสให้บางส่วน ทว่าบัดนี้ถึงขั้นไม่มีอันใดเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ถัดมา ยามเขาหันหน้ากลับมาก็พบว่าปากของผีน้อยที่ตนเลี้ยงคล้ายถูกผนึกไว้แล้ว ขณะเดียวกันกำลังดิ้นอย่างรุนแรง แต่กลับคล้ายมีพลังงานไร้รูปร่างสายหนึ่งควบคุมเอาไว้ทำให้เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย

“นี่...เหตุใดเป็นเช่นนี้?”

ซ่งรั่วเจินยกมุมปากยิ้มเยาะ “ไต้ซือเทียนสุ่ย การแสดงเลี้ยงดูผีน้อยพรรค์นี้ ยามอยู่ต่อหน้าข้าไม่พอให้ชายตาแลหรอกนะ”

คำนี้พูดออกมา สีหน้าไต้ซือเทียนสุ่ยเปลี่ยนไป สายตาตื่นตะลึงอย่างหนักสะท้อนออกมาแวบหนึ่ง

ซ่งรั่วเจินถึงขั้นมองเห็น!

ครู่ถัดมา ซ่งรั่วเจินเหยียดนิ้วมือและงอทีหนึ่ง ผีน้อยตัวนั้นก็เดินไปหยุดข้างกายนางอย่างเชื่อฟัง

“ไต้สือเทียนสุ่ย นี่หมายความว่าอย่างไร?”

สวีฮูหยินเห็นท่าทีของไต้ซือเทียนสุ่ยเปลี่ยนเป็นตกตะลึงหวาดกลัวอย่างฉับพลัน ทันใดนั้นในใจก็ให้ตกตะลึงไปชั่วขณะ มิใช่ว่าบุตรสาวของนางตายไปแล้วกระมัง?

ไต้ซือเทียนสุ่ยยากจะลงจากหลังเสือแล้ว ทำได้เพียงแสร้งสุขุม “ฮูหยิน ลูกสาวของท่านวาสนาตื้นเขิน ถูกกำหนดให้ต้องอยู่ห่างไกลพันลี้ แต่ลูกสาวของท่านยังมีชีวิตอยู่บนโลก ด้วยวิชาเต๋าของข้าในตอนนี้ ทำนายได้เพียงลูกสาวของท่านอยู่ทางทิศอาคเนย์ หากต้องการตามหาก็สามารถไปหาทางทิศนี้ได้”

“มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว ๆ ” สวีฮูหยินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง นี่ก็คือข่าวดีที่สุด

“ไต้ซือ สามารถบอกให้ชัดเจนยิ่งกว่านี้ได้หรือไม่? ขอเพียงสามารถหาลูกสาวของข้าพบ เงินมากน้อยเพียงใดข้าก็ยินดีมอบให้!”

“ความลับสวรรค์มิอาจเปิดเผย แม้ข้าสามารถคำนวณหาตำแหน่งของนางได้ แต่เรื่องของวาสนาก็คือสวรรค์กำหนด ผู้อื่นไม่สมควรเข้าไปยุ่ง มิเช่นนั้นภัยจะย้อนเข้าตัว”

ฉินซวงซวงมองเทียนสุ่ยอย่างไม่พอใจ นางรู้ความสามารถของคนผู้นี้ ขอเพียงคำนวณออกมาแม่นยำยิ่งกว่านี้ได้ คำพูดของซ่งรั่วเจินก็จะกลายเป็นแพ้ภัยตนเอง ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกแล้ว!

บัดนี้โอกาสอันดีก็วางอยู่ตรงหน้า เขาถึงขั้นคำนวณออกมาไม่ได้?

เทียนสุ่ยกระวนกระวายคุมสติไม่อยู่ ไฉนเลยยังจะสนใจฉินซวงซวงอีก?

เห็นดังนั้น สวีฮูหยินเผยสีหน้าผิดหวัง สาวใช้ข้างกายจึงพูดปลอบ “ฮูหยิน ขอเพียงคุณหนูยังมีชีวิตอยู่ จะต้องมีวันได้พบหน้ากันอีกเป็นแน่”

ซ่งรั่วเจินเองก็สำรวจหน้าตาของสวีฮูหยินเฉกเดียวกัน เห็นสามีภรรยามีดวงชะตาดี แม้ด้านลูกชายลูกสาวขาดหายไปบ้าง แต่ก็เริ่มสมบูรณ์แล้ว มิใช่สัญญาณของการพลัดพราก

“สวีฮูหยิน ข้าขอดูมือขวาของท่านได้หรือไม่?”

อันที่จริงสวีรั่วหลานไม่เชื่อซ่งรั่วเจิน กระนั้นเห็นนางเอ่ยปากพร้อมไปด้วยมารยาท ก็ยื่นมือออกไป

ซ่งรั่วเจินตรวจลวดลายบนฝ่ามือ มั่นใจในการตัดสินใจของตนแล้ว

“ลูกสาวท่านยังมีชีวิตอยู่จริงๆ”

ได้ยินแล้ว ซุนฮั่นเฟยก็หัวเราะออกมา “ข้าว่าญาติผู้น้อง เมื่อครู่ไต้ซือเทียนสุ่ยเองก็พูดคำนี้มาก่อนแล้ว เจ้าพูดเช่นนี้ยังมีความหมายอันใดอีก? มีความสามารถเจ้าก็หาคนออกมา นั่นต่างหากจึงจะยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง!”

“รั่วเจิน ข้ารู้เจ้ามีโทสะภายในใจ ต่อให้ไม่ชอบแม่นางฉินก็ไม่ควรพูดให้ร้ายไต้ซือเทียนสุ่ย ยังสร้างเรื่องต่อไปเช่นนี้ ที่ขายหน้าก็คือทั้งสกุลซ่งนะ”

หลิ่วเฟยเยี่ยนรีบถลันออกมา แม้คล้ายพูดเกลี้ยกล่อม แต่พูดไปพูดมากลับใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงของซ่งรั่วเจิน

“ต่อให้ข้าทำให้สกุลซ่งเสียหน้าจริงก็ไม่เกี่ยวอันใดกับท่าน ตรงข้ามกันท่านน้ายังไม่รู้ผล ทุกถ้อยคำก็พูดว่าข้าใส่ร้าย ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่เข้าใจเพราะเหตุใดญาติผู้พี่จึงยื่นแขนออกนอกบ้านเข้าข้างผู้อื่น ที่แท้ก็เรียนรู้มาจากท่านน้านี่เอง!”

สีหน้าหลิ่วเฟยเยี่ยนแข็งทื่อ นางก็คิดเช่นนี้จริง แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกซ่งรั่วเจินเปิดโปงอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้

“แม่นางซ่ง เจ้าไม่ชอบข้าก็ช่างเถอะ ซุนฮูหยินเป็นน้าของเจ้า เหตุใดเจ้าพูดเช่นนี้?” ฉินซวงซวงขมวดคิ้วพลางพูด

“แม่นางฉินช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ชี้แนะอดีตคู่หมั้นข้าให้มอบของขวัญ บัดนี้ก็มาสอนข้าให้เป็นคนดี เจ้ามีหลักการยิ่งใหญ่เพียงนี้ เหตุใดไม่มีใครสอนเจ้าว่าไม่ควรยั่วยวนชายมีคู่หมั้นแล้วกันเล่า?” ซ่งรั่วเจินเยาะหยันทีหนึ่ง สายตาสุกสกาวมองนางอย่างสงสัย

ฉินซวงซวงรู้สึกเก้อกระดากขึ้นมาในทันใด ครู่ถัดมาดึงมือหลินจือเยว่ ฝ่ายหลังเตรียมอ้าปาก ซ่งรั่วเจินก็เลิกคิ้ว “อะไรกัน? ท่านเองก็จะสอนข้าให้เป็นคนดีด้วยหรือ?”

คำพูดที่กำลังจะหลุดจากปากหลินจือเยว่กลืนกลับไปแล้ว

“ความหมายของแม่นางซ่งก็คือ สามารถหาตัวแม่นางสวีพบงั้นหรือ?” ฉินซวงซวงกำหมัดแน่น เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันภายในใจ ใบหน้าไม่เผยอารมณ์ใดออกมา

ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “แน่นอน!”

สวีฮูหยินจับมือนางอย่างตื่นเต้น “แม่นางซ่ง ที่เจ้าพูดเป็นความจริงกระนั้นหรือ? ขอเพียงเจ้าสามารถช่วยข้าหาลูกสาวพบ ข้าจะจดจำบุญคุณยิ่งใหญ่นี้เอาไว้ ภายภาคหน้าหากมีเรื่องใดต้องการให้สกุลสวีของพวกเราช่วยเหลือก็ขอให้พูดออกมาตามตรง”

“ลูกสาวของท่านก็อยู่ที่นี่แล้ว”

คำนี้พูดออกมา ทุกคนที่นี่ล้วนตะลึงงัน ถัดมาหันมองทุกทิศทาง ซ่งรั่วเจินกำลังพูดอะไร?

“เจ้าไม่รู้ตั้งแต่แรก ไฉนเลยพูดส่งเดชออกมาได้?” หลินจือเยว่ทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว “หรือเจ้าไม่รู้สวีฮูหยินเพื่อตามหาลูกสาวต้องลงแรงไปมากน้อยเพียงใด เพียงเพราะความเห็นแก่ตัวก็ทำให้ผู้อื่นเสียใจ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ไร้เหตุผลจริงๆ!”

ฉินซวงซวงเองก็ไม่เข้าใจ “แม่นางซ่ง แม่นางสวีจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เกรงว่าเจ้าพูดผิดไปแล้วกระมัง?”

“หลินโหว แม่นางซ่งยังไม่พูด เหตุใดเจ้าก็รู้ว่านางพูดไม่ถูก?”

ตอนนี้เอง เสียงเยียบเย็นห่างเหินพลันดังขึ้นเนิบๆ

ทุกคนหันไปมองโดยไม่รู้ตัว มองเห็นเงาร่างงดงามหล่อเหลาไม่ธรรมดาสายหนึ่ง ประหนึ่งเทพเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ก็มิปาน สง่างามน่าเกรงขาม รัศมีอยู่เหนือทุกคน

ฝ่ายชายสวมชุดสีดำ ปักลายดิ้นทองสะท้อนแสงประกายเรืองรอง ทั้งเรียบง่ายทั้งหรูหรา แต่กลับมิอาจบดบังรัศมีของใบหน้าหล่อเหลานั้นได้

สายตาลุ่มลึกดุจดวงดาวในมหาสมุทร คิ้วงามขับเน้นให้ดวงหน้าคมเข้มยิ่งขึ้น เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ก็คล้ายกำลังเย้ยหยันอย่างไม่ใส่ใจ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (5)
goodnovel comment avatar
ปนัสยา ประสงค์เงิน
ทำไมกลับมาที่บทเดิมทั้งที่ทำตามและอ่านมาถึงบทที่ 27แล้วแต่กลัมาบที่ 17อีกเกิดอะไรหรือ
goodnovel comment avatar
Suthida Pornjamroen
อยากอ่านต่อ
goodnovel comment avatar
ความทรงจำ ที่หายไป
ปลดล็อคยังไงค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1158

    “ส่วนจวินถิง สาเหตุที่เขาไม่เป็นไร เป็นเพราะถุงหอมที่หม่อมฉันเคยให้เขาไปก่อนหน้านี้ ในนั้นใส่สมุนไพรชนิดต่างๆ เอาไว้”“หากพกติดตัวเป็นระยะเวลานานจะช่วยให้ร้อยพิษไม่กล้ำกราย”“มิน่าเล่า!” ฉู่อวิ๋นกุยเบิกตากว้าง “ข้านึกแล้วเชียวว่าเหตุใดอาการของเสด็จพี่จึงดีกว่าข้ามากขนาดนั้น ที่แท้ก็ไม่ใช่เพราะสุขภาพข้าอ่อนแอเกินไป!”หากเป็นเมื่อก่อน นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดสำหรับเขา แต่ยามนี้ใกล้จะแต่งงานแล้ว ย่อมไม่อาจปล่อยให้คนเข้าใจผิดว่าสุขภาพตนเองไม่แข็งแรง ลือออกไปมิกลายเป็นเรื่องชวนขันหรอกรึ?ฉู่จวินถิงกลับก้มหน้ามองถุงหอมที่ตนเองพกไว้ นี่เป็นสิ่งที่เจินเอ๋อร์ปักให้เขาด้วยตัวเองเขาทะนุถนอมน้ำใจนี้ยิ่งนักจึงพกติดตัวตลอดเวลา คิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งของข้างในจะมีสรรพคุณเลิศล้ำปานนี้!“หมายความว่ามีคนจงใจวางยาพิษในค่ายทหาร?”ฉู่จวินถิงได้สติคืนมาก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เดิมทีการเกิดขึ้นของโรคระบาดก็เต็มไปด้วยพิรุธมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีเรื่องเช่นนี้อีก ฝ่ายตรงข้ามช่างมีความสามารถโดยแท้!ฝีมือเช่นนี้...คนทั่วไปคิดวิธีการเช่นนี้ออกมาไม่ได้แน่ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเล็กน้อย “หม่อมฉันค

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1157

    สิ้นเสียงฉู่จวินถิง สีหน้าหมอหลวงจินก็เปลี่ยนเป็นปั้นยากอย่างยิ่งยวดในชั่วพริบตา เขาคุกเข่าลงไปทันที“ท่านอ๋อง ข้าน้อยผิดไปแล้ว ถึงจะถูกลงโทษก็จะยอมรับ แต่ยามนี้เป็นช่วงที่ต้องใช้คน ท่านอ๋องโปรดทบทวนด้วย!”ฉู่จวินถิงยกมือขึ้น “ลากออกไป”หมอหลวงจินถูกลากออกไปโดยไม่ได้รับโอกาสให้อธิบาย ในไม่ช้าก็มีเสียงร้องโหยหวนครั้งแล้วครั้งเล่าดังมาจากข้างนอกซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วบางขึ้นน้อยๆ รู้สึกเพียงว่าหมอหลวงจินสมควรได้รับแล้วจริงๆ!ฉู่จวินถิงสังเกตท่าทีของภรรยาตนเอง เมื่อเห็นคิ้วนางคลายออกก็ทราบว่าเมื่อครู่นี้ตนเองทำถูกแล้ว!“ฮูหยินหายโกรธหรือยัง?” ฉู่จวินถิงลดเสียงลงกล่าวซ่งรั่วเจินปรายตามองเขาอย่างไม่พอใจ คราวนี้เรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ยังกล้าปิดบังนาง จะให้ปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?“พรวด!”ใบหน้าซีดเซียวของฉู่อวิ๋นกุยพลันขึ้นสีแดงเรื่อ จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่งชั่วขณะที่ทุกคนเห็นอวิ๋นอ๋องอาเจียนเป็นเลือด ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสีกันหมดจนถึงตอนนี้ ทหารคนอื่นเพียงแต่อ่อนแอและรู้สึกไม่สบายตัว แต่ไม่มีใครกระอักเลือดเลยสักคน!“อวิ๋นกุย เจ้าไม่เป็นไรนะ?”ความตึงเครียดปรากฏขึ้นบนใบหน้า

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1156

    ของสิ่งหนึ่งข่มของอีกสิ่งจริงๆ ด้วยไม่ว่าเมื่อก่อนเสด็จพี่สามจะร้ายกาจแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ อยู่ต่อหน้าพี่สะใภ้ก็ยังต้องเชื่อฟังแต่โดยดีซ่งรั่วเจินจับชีพจรให้ฉู่จวินถิงเสร็จแล้วก็พบว่าชีพจรของเขาแตกต่างจากทหารที่ติดโรคคนอื่นๆ ในใจยิ่งแน่ใจกว่าเดิมยามนั้น นางกวาดสายตาไปแล้วค่อยสังเกตเห็นฉู่อวิ๋นกุยที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจึงกล่าวว่า “อวิ๋นอ๋อง พวกท่านติดโรคพร้อมกันหรือ?”“ใช่” ฉู่จวินถิงชิงตอบรับขึ้นมาก่อนทว่าซ่งรั่วเจินกลับไม่มองเขาแต่กล่าวกับฉู่อวิ๋นกุยว่า “หม่อมฉันจับชีพจรให้ท่านก่อน”ฉู่อวิ๋นกุยพยักหน้าน้อยๆ แล้วเหลือบมองฉู่จวินถิงอย่างได้ใจ ทำให้พี่สะใภ้โกรธแล้ว เกรงว่าเสด็จพี่คงง้อคนไม่สำเร็จในเร็วๆ นี้แน่ฉู่จวินถิงกล่าวอีกว่า “อวิ๋นกุยก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ทั้งที่มาค่ายทหารพร้อมกัน ช่วงเวลาที่ติดโรคก็ไล่เลี่ยกัน แต่อาการของเขากลับรุนแรงกว่ามาก”“ทั้งอาเจียนและท้องร่วง ทั้งตัวคนแทบจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว ตอนนี้กระทั่งแรงจะพูดจาก็ยังไม่มี เจ้าอยากรู้อะไรก็ถามข้า ข้าจะตอบแทนเขาเอง”ฉู่อวิ๋นกุย “!!!”เขาก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ?เขาอายุน้อยกว่าเสด็จพี่เสียอีก!แม้วรย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1155

    “ที่แท้หมอหลวงจินก็ยังดูไม่ออกหรือนี่ ข้ายังนึกว่าหมอหลวงจินค้นพบอะไรที่สุดยอดจะมาบอกข้าเสียอีก” ซ่งรั่วเจินแสร้งกล่าวด้วยความประหลาดใจพวกหมอหลวงหยางอดหัวเราะออกมาไม่ได้ พวกเขาไม่ได้โง่ ย่อมดูออกว่าท่าทีก่อนหน้านี้ของหมอหลวงจินทำให้พระชายาฉู่อ๋องไม่พอใจ ตอนนี้ยังคิดจะให้พระชายาฉู่อ๋องพูดจาดีๆ กับเขาอีก นั่นจะเป็นไปได้อย่างไรกันเล่า?คนเขาเป็นถึงชายาอ๋อง ทั้งยังเชี่ยวชาญวิชาแพทย์ ยังคิดว่าจะเดินตามหลังมาขอร้องเขาอีกอย่างนั้นรึ?บัดนั้น หมอหลวงทุกคนล้วนเงียบกริบ อย่างไรเสียตอนนี้พวกเขาก็คิดหาวิธีการไม่ได้ เมื่อครู่นี้หมอหลวงจินก็บอกว่าไม่มีวิธีอื่นแล้วไม่มีความสามารถก็ควรรู้จักถ่อมตัวเหมือนพวกเขา!ซ่งรั่วเจินจับชีพจรให้ทหารอีกสิบกว่าคนติดต่อกัน ความงุนงงในใจในตอนแรกชั่วขณะนี้เริ่มมีเค้าโครงขึ้นมาแล้วเห็นที สถานการณ์คงเป็นเหมือนที่นางคิดไว้จริงๆคนที่วางแผนชั่วร้ายนี้ขึ้นมาช่างโหดร้ายนักโรคระบาดก็เลวร้ายมากแล้ว ยังมาทำให้คนสับสนอีก ถ้ายังไม่จับคนผู้นี้ออกมา จะต้องกล้ำกลืนโทสะนี้ไม่ลงอย่างแน่นอน!พวกหมอหลวงหยางล้วนยืนอยู่ข้างๆ อย่างสงบเสงี่ยม ในใจล้วนแต่สงสัยใคร่รู้ในการวินิจฉ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1154

    หมอหลวงหยางสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับหน้ากากเป็นทุนเดิม เห็นซ่งรั่วเจินให้เขามาชิ้นหนึ่งก็รับมาอย่างทะนุถนอม แล้วสวมโดยเลียนแบบวิธีที่นางสวม“พระชายาฉู่อ๋อง ไม่ทราบว่านี่ทำมาจากอะไรหรือ ถึงได้พิเศษเช่นนี้?”หมอหลวงหยางลูบคลำหน้ากากบนใบหน้าแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ จากนั้นก็ได้ยินซ่งรั่วเจินบอกเขาว่าต้องบีบขอบบนเล็กน้อย จะได้แนบจมูกได้ดีกว่าเดิม ก็ยิ่งอุทานด้วยความอัศจรรย์ใจนี่ดีกว่าที่พวกเขาใช้ผ้าเช็ดหน้าป้องกันในยามปกติมากนัก!“นี่คือหน้ากาก ข้าทำขึ้นมาโดยเฉพาะ” ซ่งรั่วเจินพูดประโยคเดียวกลบเกลื่อนไปแต่ชั่วขณะนี้ หมอหลวงหลายคนนั้นกลับยิ่งเลื่อมใสซ่งรั่วเจินกว่าเดิม สามารถมีความคิดที่น่าทึ่งเช่นนี้ได้ พระชายาฉู่อ๋องไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ ด้วย!นอกจากนี้ หลังจากพวกเขาสวมแล้วก็สามารถได้กลิ่นสมุนไพรจางๆ บนนั้น ไม่ได้ฉุนเสียดจมูก แต่กลับทำให้พวกเขารู้สึกจิตใจสงบอย่างประหลาดหมอหลวงจินเห็นสิ่งของที่ทุกคนสวมอยู่บนใบหน้าแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ รอให้ซ่งรั่วเจินมอบให้เขาสักอัน แต่คิดไม่ถึงว่าหมอหลวงคนอื่นๆ ล้วนได้รับกันหมด มีเพียงเขาที่ไม่ได้รับ“พระชายาฉู่อ๋อง ของข้าเล่า?” หมอหลวงจินอดถามขึ้นมาไม่ได้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1153

    ยามนี้ค่ายทหารให้เข้าได้ออกไม่ได้ ถึงจะเป็นพระชายามาเอง ก่อนที่โรคระบาดจะคลี่คลายก็ยังไม่สามารถออกไปได้มิฉะนั้น หากชาวบ้านติดโรคระบาด ผลที่ตามมาก็ไม่มีใครสามารถแบกรับได้ไหว!“ข้าเข้าใจ ตั้งแต่ที่ข้าย่างเท้าเข้ามาในนี้ก็ไม่คิดจะออกไปแล้ว”ซ่งรั่วเจินมีสีหน้าสงบเยือกเย็น คนทั้งหลายมองไปด้านหลังนางก็พบว่านางไม่ได้มาเพียงคนเดียว สาวใช้สองคนด้านหลังยังนำสิ่งของจำเป็นทั้งหมดมาด้วยชิงเถิงและไป๋จื่อพอรู้ว่าพระชายาจะมาก็ติดตามมาด้วยโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยหน้าที่ของพวกนางคือการปกป้องพระชายาให้ดี บัดนี้พระชายาต้องการมาค่ายทหาร พวกนางย่อมต้องติดตามมาด้วยแม้จะช่วยรักษาโรคระบาดไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถดูแลพระชายาหมอหลวงคนอื่นๆ ก็คิดเหมือนกันว่าซ่งรั่วเจินเข้ามาวุ่นวาย แต่ยามนี้เห็นว่านางไม่เพียงแต่มีท่าทีหนักแน่น ทุกอย่างก็ยังเตรียมการมาพร้อมพรัก ฉับพลันนั้นทุกคนก็เปลี่ยนความคิดแม้จะเป็นเจ้านายสตรี แต่ลำพังจิตใจที่เด็ดเดี่ยวนี้ก็พอให้คนเลื่อมใสแล้ว“เช่นนั้นตอนนี้พวกท่านใช้ยาอะไรไปบ้างแล้ว? ได้ผลอย่างไรบ้าง?” ซ่งรั่วเจินถามต่อนางจำเป็นต้องทำความเข้าใจสถานการณ์เสียก่อนจึงจะสะดวกต่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status