Share

เรื่องวุ่นวายในตลาด

Author: WangFei
last update Last Updated: 2025-08-16 02:18:16

จางอวิ๋นซีเดินเที่ยวตลาดในเมืองหลวงแคว้นหานอย่างสบายใจ หลังจากที่ได้สั่งสอนจางเซียวหรูกับคนที่เคยทำร้ายเจ้าของร่างนี้ในอดีต

 “เมืองหลวงใหญ่ขนาดนี้ มีแค่ตลาดของชาวเมืองแค่นั้นหรือ” จางอวิ๋นซีถาม ตามประวัติศาสตร์จีนโบราณนั้นแต่ละแคว้นเริ่มมีการติดต่อกับชาติตะวันตก และวิทยาการการแพทย์แบบตะวันตกน่าจะเริ่มเข้ามาอย่างแพร่หลายบ้างแล้ว

 “อยู่นอกตลาดนี้ออกไป เป็นท่าเรือและตลาดสินค้าใหญ่จากพ่อค้าชาวตะวันตกและพ่อค้าชาวต่างชาติเจ้าค่ะคุณหนู ฝ่าบาททรงมีนโยบายการค้าแบบเสรีกับต่างชาติไม่กี่ปีที่ผ่านมาเจ้าค่ะ” หรูหรงอธิบาย

 จางอวิ๋นซีครุ่นคิดสักครู่หนึ่งแล้วถาม

 “แสดงว่าการแพทย์ของพวกฝรั่งก็เริ่มเข้ามาแล้วน่ะสิ” 

 หรูหรงยิ้ม “เจ้าค่ะ แต่ว่าก็ไม่ค่อยได้รับการยอมรับแบบแพร่หลายมากนัก”

 “ทำไมล่ะ” จางอวิ๋นซีถามด้วยความสงสัย

 “เนื่องจากพวกเราคุ้นเคยกับการรักษาแบบปัจจุบันมากกว่าเจ้าค่ะ อีกทั้งพวกฝรั่งเหล่านี้มียามากมายที่พวกเราไม่คุ้นเคยกัน” หรูหรง กล่าวเท่าที่นางรู้เพียงเท่านั้น

 “แบบนี้ถ้าเจ็บป่วยขึ้นมา ก็รักษาด้วยสมุนไพรประคับประคองตามอาการเท่านั้นน่ะสิ แย่จัง” จางอวิ๋นซีบ่นอย่างแสนเสียดาย วิทยาการแบบตะวันตกมีการรักษาที่ก้าวหน้ามากมาย การรักษาย่อมเห็นผลข้างเคียงน้อยกว่าและให้ผลการตอบสนองหลังการรักษาที่ดีกว่ามาก เห็นทีมายุคนี้ นางมีอะไรสนุกๆ ให้ทำอีกแล้วล่ะ

 “ข้าอยากไปตลาดของพวกฝรั่งต่างชาติ เราไปกันเถิด” จางอวิ๋นซีจูงมือหรูหรงแล้วลากพาอีกฝ่ายไปตลาดค้าขายของพวกฝรั่ง ซึ่งก็มีพวกสตรีและขุนนางชั้นสูงมาเดินจับจ่ายซื้อของที่นี่เช่นกัน

 หานไท่หยางหรือ ‘อ๋องไท่หยาง’ พระราชโอรสองค์รองในฮ่องเต้และพระราชโอรสองค์ใหญ่ในหลิวฮองเฮา ซึ่งบัดนี้กลับมาจากศึกปราบกบฏที่ชายแดนเหนือตำบลซ่างจิ่ง กำลังควบม้าเล่นในตลาดของแคว้นหานหลังจากกรำศึกมาเนิ่นนาน

 เนื่องด้วยวันพรุ่งนี้คือวันพระราชสมภพของไทเฮาผู้เป็นเสด็จย่า เขาจำเป็นต้องรีบกลับมาร่วมงานถวายพระพรให้ทัน

 “ไม่กี่เดือน บ้านเมืองเราครึกครื้นขนาดนี้เชียวรึ” ไท่หยางกล่าวกับองครักษ์ข้างกายซึ่งควบม้ามาคู่กัน

 ‘เฉินหรง’ องครักษ์คนสนิทที่รับใช้ข้างพระวรกายหานไท่หยางมาตั้งแต่เมื่อครั้งศึกที่แคว้นเยว่กล่าวขานรับ

“พะยะค่ะ ฝ่าบาททรงปรารถนาส่งเสริมการค้ากับพวกพ่อค้าตะวันตกและชาวเปอร์เซีย จึงทรงมีนโยบายเปิดการค้าอย่างเสรีกับพวกเขา รวมถึงการแพทย์แบบตะวันตกที่เริ่มเข้ามาแล้วพะยะค่ะ”

“แต่น่าเสียดายนักที่ไม่ค่อยได้รับการส่งเสริมมากเท่าใด ข้าเห็นว่าวิทยาการแบบพวกตะวันตกนั้นมีความก้าวหน้ากว่าชาวเรานัก จะมีประโยชน์ยิ่งต่อบ้านเมืองเรา” ไท่หยางกล่าวขณะกำลังควบม้าไปเรื่อยๆ

“ท่านอ๋อง นั่นใช่คุณหนูจางหรือไม่พะยะค่ะ” เฉินหรงกล่าวหานไท่หยางหันหน้ามองหญิงสาวที่เฉินหรงกล่าวถึง นางคือจางอวิ๋นซี สตรีที่พระมารดากับ

เสด็จย่าทรงโปรดปรานนัก

นานมากแล้วที่เขากับนางไม่ได้พบกัน...

ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า หาใช่จางอวิ๋นซีผู้ชอบทำสีหน้าราวกับคนอมทุกข์ แต่เป็นสตรีที่กำลังเดินยิ้มระรื่นจับจ่ายซื้อของจากพวกชาวต่างชาติกับสาวใช้ของนาง ภาพรอยยิ้มอันงดงามที่หานไท่หยางไม่เคยได้เห็นจากนาง วันนี้กลับปรากฏอย่างชัดเจนนัก เป็นรอยยิ้มที่งดงามประทับใจคราแรกนัก

“ปกตินางไม่ค่อยยิ้มเท่าใด ทุกครั้งที่กระหม่อมเคยเจอนาง เมื่อครั้งมาเมืองหลวง นางมักจะมีสีหน้าราวกับคนอมทุกข์ แต่วันนี้นางมาแปลกยิ่งนักพะยะค่ะ” เฉินหรงเอ่ย แล้วหันมามองผู้เป็นนายที่ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าอันหล่อเหลา

เง็กเซียนทรงโปรด! ท่านอ๋องของเขายิ้มเป็นหรือ?!

หานไท่หยางเป็นอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าเสือยิ้มยากนัก ทั้งชีวิตทรงตรากตรำกับการศึกสงครามมานับไม่ถ้วน ด้วยฐานะโอรสของฮองเฮาจึงจำเป็นต้องแบกรับภาระและความหวังเอาไว้มากมาย รวมถึงต้องแก่งแย่งคอยระวังเหล่าบรรดาองค์ชาย ซึ่งเป็นโอรสที่ประสูติจากพระสนมแห่งวังหลังหลายองค์ที่ต่างแย่งชิงความโปรดปรานจากฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา เพื่อตำแหน่งรัชทายาทที่ว่างเว้นมานาน

แต่หากนับตามธรรมเนียมแล้ว หากฮองเฮาทรงให้ประสูติพระโอรสนั้น พระโอรสที่ถือกำเนิดจากฮองเฮามีสิทธิ์เป็นรัชทายาทเท่านั้น ยกเว้นเสียแต่จักรพรรดิจะทรงโปรดโอรสองค์ใดมากเป็นพิเศษ

หานไท่หยางมองจางอวิ๋นซีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด นางอารมณ์ดีอย่างคาดไม่ถึง รอยยิ้มของนางที่เขาเห็นแบบมีความสุขนี้ทำให้อ๋องหนุ่มพระทัยเต้นระรัวยิ่งนัก อ๋องหนุ่มผู้เย็นชาต่อสตรี ผู้ได้รับฉายาว่าเป็นจอมอำมหิต แต่ขณะนี้กำลังมองสตรีตัวน้อยอย่างไม่วางตา

เฉินหรงมองความเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นนาย จึงได้แต่กลั้นยิ้มในใจ

“เราไปกันต่อเถิด” หานไท่หยางไม่อยากใส่ใจนัก เขายังควบม้าต่อไป

จางอวิ๋นซีเลือกซื้อเครื่องประดับและสมุนไพรร้านนั้นร้านนี้อย่างสนใจ เนื่องจากหรูหรงกล่าวว่าจางฮูหยินนั้นป่วยเรื้อรังมานานแล้ว แม้ว่าไทเฮาหรือฮองเฮาจะส่งหมอหลวงกี่สำนักมารักษา ก็ไม่อาจรักษาให้หายป่วยได้ นางจึงเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ เสมอมา

“คุณหนูจะไม่ถามเรื่องเทียบยากับเจ้าของร้านหรือท่านหมอฝรั่งหน่อยหรือเจ้าคะ” หรูหรงถาม นางขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกับเทียบยามากมายที่อีกฝ่ายเลือกหยิบมา

ฉันนี่ล่ะเป็นหมอ และเป็นหมอที่เก่งมากด้วย...จางอวิ๋นซีคิดในใจ

“เอาเถิดน่า ข้ารักษาแม่ข้าได้แล้วกัน เจ้าแค่นำเทียบยาพวกนี้กลับไปที่จวนก็พอ” จางอวิ๋นซีสั่งหรูหรง

เพล้ง!!!

เสียงราวกับของตกกระทบกันบริเวณหน้าร้านขายยา จางอวิ๋นซีกับหรูหรงกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ภายนอก กำลังเห็นบุรุษสองถึงสามคนสวมผ้าโพกหัวเหมือนกับชาวอินเดียหรือชาวเปอร์เซีย ซึ่งตอนนี้ผลักหญิงชราผู้หนึ่งที่แต่งตัวคล้ายกันล้มลงนอนกับพื้น นางกับหรูหรงช่วยเข้าไปพยุงหญิงชราผู้นั้นขึ้นมา

จางอวิ๋นซีถามอีกฝ่ายด้วยภาษาอังกฤษ

“ท่านไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะท่านป้า” จางอวิ๋นซีถามอีกฝ่ายเป็นภาษาอังกฤษ ขณะที่นางกับหรูหรงกำลังช่วยพยุงอีกฝ่ายขึ้นมา แม้หรูหรงจะไม่เข้าใจกับท่าทีอันเปลี่ยนไปของเจ้านายตน แต่นางกลับมิได้คิดใส่ใจมาก การที่เจ้านายของนางแข็งแกร่งขึ้น เก่งมากขึ้นย่อมสามารถปกป้องตนเองจากการกลั่นแกล้งของสองแม่ลูกนั่นได้

“นางเกะกะขวางทางเดินของพวกข้า!” หนึ่งในชาวต่างชาติตะโกนเสียงดัง ทางด้านหานไท่หยางกับเฉินหรงที่ได้ยินเสียงตะโกนราวกับคนโมโห จึงควบม้าแอบมาดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เมื่อเห็นจางอวิ๋นซีกำลังยืนประจันหน้ากับชายกลุ่มนั้นอย่างไม่กลัวเกรง

 จางอวิ๋นซีเปลี่ยนแปลงไปเยอะจนน่าสนใจจริงๆ

 หรูหรงกับจางอวิ๋นซีช่วยกันพยุงร่างท้วมของหญิงชราขึ้นมาอย่างเบามือ ก่อนจะพานางไปนั่งพักที่แคร่ไม้ใหญ่

 “พวกเจ้าเป็นต่างชาติต่างเมือง มาอาศัยค้าขายบนแผ่นดินผู้อื่น เหตุใดจึงทำกันเช่นนี้!” จางอวิ๋นซีถามด้วยความโกรธเป็นภาษาอังกฤษ แววตาของนางแข็งกร้าว

 “สตรีนางนี้ เจ้าน่าสนใจดีเหลือเกิน พูดภาษาของพวกข้าเป็นด้วย ฮ่าๆ” หนึ่งในกลุ่มพ่อค้าจากเปอร์เซียเอ่ยอย่างชอบใจ เขาเดินเข้ามาประชิดตัวจางอวิ๋นซี ขณะที่อีกฝ่ายกำลังกระถดถอยหนี

 “ต่างชาติเช่นพวกเจ้ามาอาศัยแผ่นดินผู้อื่นอยู่ ไม่คิดละอายหรือยำเกรงบ้างเลยรึ ที่ทำพฤติกรรมน่ารังเกียจแบบนี้!” จางอวิ๋นซีถามขณะพยายามสงบสติอารมณ์ร้อนที่กำลังพุ่งพล่านในใจ 

 ฝ่ามือหยาบหนาของพ่อค้าชาวเปอร์เซียนั้นหมายจะสัมผัสใบหน้างดงามของจางอวิ๋นซี แต่นางกลับเบี่ยงตัวหลบได้ทัน

 “ขอโทษนางเดี๋ยวนี้!” จางอวิ๋นซีสั่งเสียงแข็ง นางกำหมัดแน่นข่มกลั้นโทสะเอาไว้

 “เจ้า!” พ่อค้าชาวเปอร์เซียผู้นั้นหมดความอดทนกับจางอวิ๋นซีแล้ว หรูหรงร้องห้ามแต่อีกฝ่ายไม่สนใจเลยสักนิด

 “ท่านอ๋อง เราเข้าไปห้ามดีหรือไม่พะยะค่ะ” เฉินหรงถามด้วยความกังวล จางอวิ๋นซีเป็นเพียงสตรี ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนนางก็ไม่อาจต่อสู้บุรุษพวกนั้นได้อยู่ดี แต่แทนที่หานไท่หยางจะเห็นด้วย เขากลับยกมือห้ามรอหยั่งเชิงก่อน

 “หยั่งเชิงก่อนเถิด” หานไท่หยางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 “เจ้ารังแกนาง แต่เจ้ากลับมิคิดขอโทษนางกระนั้นรึ?” จาง อวิ๋นซีเอ่ยเสียงดังด้วยความโกรธ 

 พ่อค้าชาวเปอร์เซียพร้อมด้วยพรรคพวกอีกสามคนล้อมนางเป็นวงกลมเอาไว้ ชายชาวเปอร์เซียที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกับนางเดินเข้ามาเงื้อมือหมายจะตบสั่งสอนนาง แต่หรูหรงเข้ามากางแขนกั้นเอาไว้

 “อย่านะ!” หรูหรงยืนกางแขนปกป้องเจ้านายตนเองเอาไว้ แต่จางอวิ๋นซีพาตัวเองกับหรูหรงหลบฝ่ามือที่กำลังฟาดลงมาที่พวกนาง พวกนางจึงรอดอย่าง

หวุดหวิด

 “คุณหนูข้าเป็นบุตรสาวใต้เท้าจางกับฮูหยินเอก หากพวกเจ้าแตะต้องนาง พวกเจ้าไม่ได้ค้าขายอย่างสงบสุขแน่!” หรูหรงตะโกนตอบโต้พวกชาวเปอร์เซียเหล่านั้น

 “เจ้า วันนี้ข้าต้องตบสั่งสอนความปากดีของเจ้า!” แต่ดูเหมือนว่าพ่อค้าชาวเปอร์เซียนายนั้นจะไม่ยอมรามือง่ายๆ หานไท่หยางเห็นสถานการณ์ที่เริ่มไม่ดีจึงควบม้าฝ่าเข้ามายืนขวางหน้าเอาไว้

 กระบี่ของหานไท่หยางจ่อที่ลำคอของพ่อค้าผู้นั้นอย่างดุดัน

 “ท่านอ๋อง” เฉินหรงที่ควบม้าตามมาติดๆ เอ่ย

 “ที่นี่คือแคว้นหาน ฝ่าบาททรงเปิดนโยบายการค้าแบบเสรีกับพวกเจ้า แต่ก็ใช่ว่าพวกเจ้าจะมีสิทธิ์มารังแกประชาชนข้าได้ตามอำเภอใจ อยู่ที่นี่พวกเจ้าต้องเคารพกฎบ้านเมืองข้า หาใช่ประพฤติตนเยี่ยงบ้านป่าเมืองเถื่อน!” หานไท่หยางกล่าวเสียงดัง

 “เจ้าเป็นผู้ใดกัน?!” พ่อค้าชาวเปอร์เซียผู้นั้นถามเสียงดังเป็นภาษาอังกฤษ แต่หานไท่หยางฟังไม่เข้าใจ จางอวิ๋นซีที่ยืนนิ่งอยู่จึงแปลภาษาให้

 “ท่านมีนามว่ากระไร” นางถามบุรุษที่ขี่ม้า

 “ท่านผู้นี้คือหานอ๋องไท่หยาง พระโอรสในฮองเฮา” เฉินหรง     กล่าวแนะนำเจ้านายของตนเองเสียงดัง พลันเสียงฮือฮาจากเหล่าชาวบ้านก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จางอวิ๋นซีจึงตอบชายพ่อค้าผู้นั้นเป็นภาษาอังกฤษไปว่า

 “เขาคือโอรสในฮ่องเต้กับฮองเฮา หานไท่หยาง” 

 แค่เพียงได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด เหล่าชายพ่อค้าชาวเปอร์เซียผู้นั้นต่างรีบขออภัยต่อจางอวิ๋นซีและหญิงชราผู้นั้น ก่อนจะวิ่งหนีหายไป เหล่าชาวบ้านที่มามุงดูต่างก็รีบสลายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว

 “คุณหนูผู้นี้คือท่านอ๋องไท่หยางเจ้าค่ะ...” หรูหรงกล่าว

 แววตาโหดร้ายและเย็นชาของอ๋องไท่หยาง จางอวิ๋นซีนางสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงประกายบางอย่างที่ส่งมาถึงนางผ่านแววตาเย็นชาคู่นั้น แม้เขาจะเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาคมคาย รูปร่างสูงโปร่งกำยำ แต่ทว่าแววตาเย็นชาคู่นั้น ชวนให้

นางขนลุกขนพองไปทั้งร่างนัก

 นี่น่ะหรือคืออ๋องที่เย็นชาและอำมหิต...

 ‘หานไท่หยาง’

 เรื่องราววุ่นวายในตลาดที่จางอวิ๋นซีต่อล้อต่อเถียงกับพวกพ่อค้าชาวเปอร์เซีย กลายเป็นที่โจษขานกันอย่างสนุกปากของเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลาย พวกนางต่างเล่าถึงความเก่งกาจของคุณหนูจางอวิ๋นซีแห่งสกุลจางผู้นี้ ว่ามีวาจาคมคายต่อปากต่อคำกับพวกฝรั่งต่างชาติได้เก่งกาจนัก แม้กระทั่งหานไท่หยางยังแอบมองนางด้วยสายตาชื่นชม

 “เรื่องวันนี้จะต้องเป็นที่โจษขานกันยาวนานแน่เลยเจ้าค่ะคุณหนู” หรูหรงกล่าวนางยกนิ้วโป้งขึ้นที่หมายถึงยอดเยี่ยมต่อหน้าหญิง

สาว

 จางอวิ๋นซีหยิบถั่วจากถุงกระดาษขึ้นมากินเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างอารมณ์ดี

 “ก็ดีน่ะสิ จางอวิ๋นซีที่เคยอ่อนแอคนเดิมนั้นไม่มีอีกแล้ว นับจากนี้จะเป็นคนใหม่ที่ไม่ยอมใครอีกต่อไป” จางอวิ๋นซีหันมายิ้มให้กับหรูหรง

 “ดีแล้วเจ้าค่ะที่คุณหนูลุกขึ้นมาสู้คนบ้าง มิเช่นนั้นคุณหนูใหญ่ลูกฮูหยินรองก็จะข่มเหงท่านเสมอไป คราก่อนที่ท่านตอกกลับนางไป นางถึงกับนิ่งเงียบไปเลยนะเจ้าคะ” จางอวิ๋นซียิ้มอย่างพอใจกับคำพูดเยินยอจากหรูหรง นางหันมาถามสาวใช้คนสนิทบางอย่างเมื่อนึกถึงเรื่องที่สำคัญขึ้นมาได้

 “หรูหรง เมื่อก่อนท่านแม่ป่วยหนักมากเลยหรือ?” จางอวิ๋นซีถาม

 “เจ้าค่ะ แต่นายท่านก็ไม่เคยสนใจ ไทเฮากับฮองเฮาก็ส่งหมอหลวงมาตรวจ แต่ก็ไม่สามารถรักษาโรคที่นางเป็นอยู่ได้” หรูหรงเอ่ย ขณะกำลังเดินตามจางอวิ๋นซีเข้ามาในโรงน้ำชาใหญ่ของเมือง พวกนางทั้งสองนั่งลงบนชั้นสองของร้าน ซึ่งค่อนข้างสงบและมีความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง

 “แล้วท่านแม่เวลาป่วยมักมีอาการอย่างใดบ้าง” จางอวิ๋นซีถาม หลังจากที่เสี่ยวเอ้อร์ของร้านรินน้ำชาให้พวกนางเสร็จแล้วเดินออกไป

 หรูหรงทำท่านึกอยู่นาน ก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ “นึกออกแล้วเจ้าค่ะ เวลาฮู

หยินใหญ่ป่วยนางมักจะมีอาการไอเป็นเลือดอยู่บ่อยครั้ง หากวันไหนโดนนายท่านทำร้ายเพราะฮูหยินรอง นางจะมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างมากเลยเจ้าค่ะ”

 จางอวิ๋นซีกำชายกระโปรงแน่นอย่างโกรธแค้น เธอไม่รู้เลยว่า

จางอวิ๋นซีคนเก่ากับมารดาจะต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ มีฮูหยินรองกับพี่สาวที่ร้ายกาจก็ว่าแย่แล้ว แต่ยังมีบิดาที่ไม่ได้ความและลำเอียงอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้ นางไม่แน่ใจนักว่าหากเจอเหตุการณ์เช่นนี้ด้วยตนเองจะหักห้ามใจไหวที่จะไม่สั่งสอนครอบครัวนี้ได้หรือไม่

 “หมอหลวงจากราชสำนักก็รักษาไม่ได้เลยหรือ?” จางอวิ๋นซีถาม

 หรูหรงส่ายหน้า “แม้แต่หมอหลวงเก่งๆ ยังไม่อาจหาสาเหตุที่แท้จริงของโรคนี้ได้เลยเจ้าค่ะ”

 “งั้นถ้าเป็นเช่นนี้ อาการก็คงเหมือนกับวัณโรคปอด...” จางอวิ๋นซีเอ่ยขึ้นมา นางหันมาสั่งกับหรูหรง 

 “หรูหรง เจ้าไปหาขมิ้นชันมาให้ข้าที...” 

 หรูหรงรีบทำตามผู้เป็นนายสั่งอย่างตั้งใจ นางเดินออกจากร้านน้ำชาไปตลาดสมุนไพรให้ผู้เป็นนาย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 30 ไทเฮาสิ้นพระชนม์

    เมื่อเข้ามาถึงในวัง ระหว่างรอฮ่องเต้ ฮองเฮาและไทเฮาเสด็จ มีฮูหยินตระกูลใหญ่มากมายต่างเข้ามาผูกมิตรกับจางอวิ๋นซีมิได้ขาด แต่ละนางนั้นเป็นภรรยาของขุนนางที่มีตำแหน่งใหญ่โตอย่างมาก พวกนางล้วนเข้ามาผูกมิตรกับจางอวิ๋นซีและซิ่วอิ่งเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนเท่านั้นหญิงสาวเจอมารดาเดินเข้ามาพร้อมกับไท่ฮูหยิน จึงวิ่งเข้าโผกอดด้วยความดีใจ“ท่านแม่ ท่านย่า ข้าคิดถึงพวกท่านจังเลยเจ้าค่ะ” หญิงสาวพูดพลางกอดออดอ้อนไท่ฮูหยินเอาอกเอาใจ“เด็กดีของย่า ไม่เจอเจ้าเสียหนึ่งเดือน สบายดีหรือไม่” ไท่ฮูหยินลูบหัวหลานสาวอย่างเอ็นดู จางฮูหยินที่ประคองมารดาของสามีอดยิ้มเอ็นดูบุตรสาวของตนเองไม่ได้“สบายดีเจ้าค่ะ แล้วท่านแม่ทานยาตามที่ข้าให้หรูหรงจัดเอาไปให้หรือไม่เจ้าคะ” นางหันมาถามจางฮูหยินด้วยความเป็นห่วงจางฮูหยินยิ้มอ่อนโยนตอบบุตรสาว “แม่ทานยาตามที่เจ้าแจ้งหรูหรงเอาไว้แล้ว อาการของแม่ตอนนี้ดีขึ้นมากเพราะเจ้าซีเอ๋อร์”จังหวะที่ทั้งสามกำลังสนทนากันอยู่นั้น หานไท่หยางที่เดินเข้ามาสมทบเข้ามาคำนับไท่

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 29 หนิงรื่อหง

    จางอวิ๋นซีเดินกลับมาถึงตำหนัก ก็พบว่าหานไท่หยางมานั่งรอนางอยู่นานแล้ว หญิงสาวรวบรวมความกล้าเดินเข้าไป นางไม่กล้าสบตาเขาที่นั่งบนเก้าอี้ไม้มองนางอย่างคาดโทษ เดิมทีหน้าที่การปรนนิบัติสามีย่อมเป็นหน้าที่ของภรรยาอย่างนาง แต่วันนี้นางมิได้ทำหน้าที่ได้เต็มที่ เกรงว่าเขาคงไม่พอใจนักนางขึ้นไปนอนบนเตียงอีกฝั่งอย่างรู้งาน ก่อนจะหยิบผ้าห่มคลุมกายนอนหลับไป หานไท่หยางมองนางอย่างไม่สบอารมณ์ เขารู้ว่านางออกไปหาซิ่วอิ่งมา และรู้ด้วยว่าซิ่วอิ่งนั้นบาดเจ็บและสนทนากับชายาของเขาอยู่นานสองนาน แต่มิได้สืบสาวความอันใดกับบทสนทนาของพวกนางนอกจากเขาจะมีเฉินหรงเป็นหูตาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ไว้ใจใครง่ายๆ วิชาตัวเบาที่เขาฝึกฝนมานานหลายปีนับตั้งแต่อยู่ทางแดนเหนือบัดนี้ได้เอามาใช้อย่างจริงจัง ก็เพื่อลอบจับตาดูซิ่วอิ่งและองครักษ์เงาทั้งสิบของเมิ่งฉีทุกอย่างเป็นดั่งที่เขาเคยคาดการณ์ไว้เช่นเดียวกับจางอวิ๋นซี องครักษ์เงาพวกนี้เป็นคนของเมิ่งฉีทั้งหมด และมิใช่องครักษ์เงาทั่วไปแต่ฝีมือของพวกมันนั้นเทียบเท่าระดับมือสังหารได้เลยทีเดียว ฉะนั้นเขากับเฉินหรงต้องระมัดระวังมากนัก แม้กระทั่งหนิงเ

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 28 ผู้มีพระคุณ

    “มีเพียงพระชายาจางเท่านั้นที่จะช่วยได้..!”องครักษ์หนุ่มกล่าว ซือเหลียนนางกำนัลขององค์หญิงซิ่วอิ่งหน้าถอดสี เมื่อนึกพระพักตร์ของพระชายาเอกจางอวิ๋นซีที่เคยตบหน้านางเมื่อคราวก่อนด้วยความหวาดกลัว องค์หญิงของนางร้ายกับจางอวิ๋นซีถึงขนาดนั้น นางจะยอมมาช่วยหรือ“มะ ไม่เอา” ซิ่วอิ่งพยายามเอ่ยปากกล่าว แค่ได้ยินชื่อคนที่นางไม่ชอบอย่างจางอวิ๋นซี นางก็พาลโมโหยิ่งนัก การที่นางเจ็บป่วยอาเจียนแบบนี้ จางอวิ๋นซีต้องกลั่นแกล้งนางแน่ๆ นางจะไม่ยอมเด็ดขาด“ข้าเกลียดนาง!” นางรวบรวมแรงโพล่งขึ้นมาเสียงดัง นางเกลียดจางอวิ๋นซี!“พอได้แล้ว! ตอนนี้ไม่มีใครจะช่วยเจ้าได้นอกจากพระชายาจางเท่านั้น” เฉินหรงเขย่าไหล่ของสตรีที่นอนอ่อนแรงบนเตียงนอน“ขะ ข้าจะไปหาพระชายาเอง” ซือเหลียนกล่าว นางรีบเดินออกไปทันที ตอนนี้ต่อให้นางต้องหมอบกราบอีกฝ่ายนางก็ยอมทำ เพื่อรักษาเจ้านายนางให้ได้ซือเหลียนกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ตำหนักของจางอวิ๋นซีอย่างเหนื่อยหอบนางยืนก้มหอบหายใจเมื่อมา

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 27 องค์หญิงซิ่วอิ่ง

    เฉินหรงอุ้มองค์หญิงซิ่วอิ่งมาที่บ้านพักของตนเอง เป็นบ้านไม้สีน้ำตาลไม่ใหญ่และไม่เล็กมาก ซึ่งเป็นของพระราชทานจากหานไท่หยางเมื่อคราวกลับมาร่วมงานพระราชสมภพของไทเฮา หานไท่หยางรู้ว่าเขารักสันโดษ ชอบความเงียบสงบยิ่งนัก จึงพระราชทานเรือนหลังหนึ่งให้แก่เขาร้อยวันพันปีเขาพักอาศัยอยู่ในวังอ๋อง น้อยครั้งที่จะกลับมาเรือนพักพระราชทานแห่งนี้ แต่วันนี้นึกไม่ถึงยิ่งนักว่าจะพาสตรีที่เคยเป็นคนรักของตนเองกลับมา“เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม” นางถามหลังจากที่เขาวางร่างของนางบนเตียงนอน นางมองสำรวจรอบๆ เรือนหลังเล็กๆ นี้ แม้จะไม่เล็กไม่ใหญ่มาก แต่เงียบสงบอย่างยิ่งองครักษ์หนุ่มไม่ตอบ เขาเดินไปหยิบเทียบยาสำหรับรักษาบาดแผลมา เตรียมทำแผลที่ถูกกระบี่ฟันให้กับนาง“เจ้าจะทำอะไรข้า” นางร้องถามด้วยความตกใจ เฉินหรงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เขาฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางตรงส่วนที่ถูกฟันออก เผยให้เห็นหัวไหล่ขาวเนียนชวนกลืนน้ำลายยิ่ง องครักษ์หนุ่มพยายามควบคุมตนเองไม่ให้รู้สึกใดๆ กับนางอีก แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจทำได้เมื่อเห็นนางตกอยู่ในอันตราย“

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 26 วางแผนร้าย

    จางอวิ๋นซีนำชามอาหารของสุนัขจิ้งจอกที่ตนเองเลี้ยงเอาไว้ มาจัดเป็นภาชนะใส่สำรับอาหารขององค์หญิงซิ่วอิ่ง! นางแสร้งปรุงอาหารในสำรับขององค์หญิงทั้งหมดเป็นรสเค็มและรสเผ็ด ในเมื่ออยู่ดีไม่ว่าดี ชอบหาเรื่องนางนัก นางก็จะสั่งสอนให้รู้เองว่าใครเป็นใหญ่!หากหานไท่หยางอยากมีชายารองนางก็ไม่ขัด แต่ในเมื่อวังนี้นางคือนายหญิงใหญ่ นางต้องสั่งสอนให้แขกผู้มาเยือนซึ่งกำลังจะกลายเป็นภรรยาอีกคนของสามีหลาบจำเสียบ้างมาเล่นกับใครไม่เล่น...มาเล่นกับแพทย์จากโลกอนาคตแบบข้า เจอกันหน่อยเถิดยัยองค์หญิง!“พระชายา ทรงทำสิ่งใดเพคะ!” หัวหน้าแม่ครัวเอามืออุบปากด้วยความตกใจ เมื่อเห็นจางอวิ๋นซีนำชามอาหารสุนัขมาใส่ข้าวสวยขององค์หญิงซิ่วอิ่งจนเกือบพูนจาน และยังปรุงให้รสชาตผิดแผกไปจากเดิมอีกชู่ว์หญิงสาวเอานิ้วมือแตะที่ริมฝีปากของตนเองเบาๆ เป็นเชิงให้หัวหน้าแม่ครัวและบรรดาลูกน้องเงียบเอาไว้ “ห้ามบอกใครเด็ดขาดนะ ไม่งั้นข้าจะโกรธมากๆ ด้วย”“เพคะ” หัวหน้าแม่ครัวยิ้มรับ นางคาดเดาว่าพระชายาคงหาทางสั่งสอนองค์หญิงซิ่วอิ่ง ที่ช

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 25 แผนล่มงานแต่ง

    หลิวฮองเฮาคิดไม่ตกว่าควรวางแผนเช่นไรถึงจะล้มงานแต่งของหานอี้กับจางเซียวหรูลงได้ เนื่องด้วยจางเยี่ยนผู้เป็นบิดาของจางเซียวหรู มีจิตใจฝักใฝ่มาทางหานอี้อย่างเห็นได้ชัด หากหานอี้ได้รับการสนับสนุนจากเจ้ากรมการปกครองและอัครมหาเสนาบดีอย่างเขา ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าตำแหน่งรัชทายาทอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แต่กับหานไท่หยางที่มีเพียงไม่กี่คนที่สนับสนุน จะนำสิ่งใดไปต่อกรกับหานอี้กันจางกูกูรินน้ำชาถวายอย่างรู้พระทัย “พระนาง ทรงเสวยชาก่อนเถิดเพคะ”หลิวฮองเฮายกจอกชาขึ้นดื่มดับกระหาย พลางใช้ความคิดหาแผนการอย่างถี่ถ้วน“อีกไม่กี่วันก็เป็นฤกษ์อภิเษกที่ไทเฮาทรงให้ท่านราชครูหาเอาไว้ พระนางจะทรงปล่อยให้เป็นเช่นนี้จริงหรือเพคะ” หวังกูกูถาม นางกับจางกูกูถวายการรับใช้หลิวฮองเฮามานาน ตั้งแต่พระนางเป็นพระชายารัชทายาท ก่อนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮามานานหลายสิบปี มีสิ่งใดบ้างที่พวกนางไม่รู้ว่าองค์ฮองเฮาทรงกังวลพระทัย“หากพระนางทรงกังวลพระทัยเช่นนั้น เหตุใดไม่ยอมรับการแต่งงานให้องค์หญิงซิ่วอิ่งเป็นพระชายาเอกของท่านอ๋องเล่าเพคะ” หวังกูกูเสนอแนะ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status