บ่ายวันต่อมา ซิ่วอิงรู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยและอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนนางจึงเข้าครัวให้เหม่ยเอ๋อนำมะม่วงไปล้างปอกเปลือกให้เรียบร้อยแล้ว
สอนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนางก็ลงมือทำน้ำปลาหวาน โดยใช้ปลาตากแห้งเมื่อวานมาทุบและตำให้ละเอียดนำไปเคี่ยวใส่เกลือและน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ทุบพริกที่ซื้อมาเมื่อวานลงไป ชิมรสดูพอกินได้ แก้ขัดเพราะสมัยนี้ไม่มีน้ำปลา
วันหลังจะลองทำปลาร้าหมักดูเห็นมีไหที่ใช้ดองผักอยู่ที่ครัวหลักหลายใบ จะขอมาสักสองใบเอามาใช้หมักปลาร้า กลิ่นคงแรงน่าดู
ขณะนี้คิดก็หัวเราะคิกคักคนเดียว เหม่ยเอ๋อหันมามองพระชายาดูแจ่มใสอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนางก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วย
เมื่อมะม่วงและน้ำปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกไปนั่งหน้าชานเรือนเล็ก นั่งลงกินมะม่วงน้ำปลาหวานกัน ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวรูปร่างผึ่งผายใบหน้าก็หล่อเหลาปรากฏที่ตรงหน้าซิ่วอิง นางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขายิ้มให้นางจึงยิ้มตอบไป
" พระชายาทำอะไรกันน่าสนุกนะ ข้ามาเยี่ยมเสด็จพี่จึงเดินเลยชมสวนในตำหนักนี้เห็นสวนที่นี่สวยงามนัก จึงเดินเลยมาถึงเรือนนี้ "
ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นยิ้มว่า " หม่อมฉันกับเหม่ยเอ๋อกำลังจะกินมะม่วงน้ำปลาหวานกัน ท่านจะลองทานกับเราด้วยไหมเพคะ รสชาติดีมากนะเพคะ " องค์ชายก้มลงมามองมะม่วงกับถ้วยใส่น้ำปลาหวาน พลางรู้สึกเปรี้ยวปากจึงนั่งลงข้างๆซิ่วอิงอย่างไม่ถือตัว
จากนั้นจึงเอื้อมมือหยิบมะม่วงมาส่งเข้าปากไปหนึ่งชิ้น " ข้ากินไม่ไหวหรอกมันเปรี้ยวมากเกินไป " ซิ่วอิงกับเหม่ยเอ๋อหัวเราะขึ้นพร้อมๆกัน พลางสาธิตวิธีการกินมะม่วงจิ้มน้ำปลาหวานอย่างถูกวิธีให้เขาดู
เขาหัวเราะชอบใจใหญ่ที่เขาทำอะไรน่าขันออกไป ทั้งสามนั่งกินมะม่วงพลางคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ระหว่างนั้นองค์ชายซานหลงมองใบหน้าหวานนั้นเวลาพูดคุยนางน่ารักสดใสไม่เห็นเหมือนที่เขาเคยได้ยินมาว่านางร้ายกาจ เอาแต่ใจ และชอบตามหึงหวงเสด็จพี่ของเขาจนมีเรื่องเล่าลือกันไปทั้งเมือง
เขาชอบปากจิ้มลิ้มของนางเวลาเจรจามันน่ารัก น่าจูบ คิดมาถึงตรงนี้เขาตกใจกับความคิดของตัวเองจึงพยายามสลัดมันออกไป
ฝ่ายชินอ๋องเห็นน้องชายที่ออกไปเดินชมสวมหายไปทางเรือนเล็กเป็นเวลานาน จึงเดินมาตามเขาชะงักหยุดแอบมองที่พุ่มไม้ก่อนถึงเรือนหลังเล็กนั่น เห็นน้องชายและซิ่วอิงกับสาวใช้ของนางนั่งกินอะไรกันอยู่ตรงหน้าเรือน ท่าทางเอร็ดอร่อยมากและพูดคุยหัวเราะกันดูสนุกสนาน น้องชายของเขาไปสนิทสนมกับนางตั้งแต่เมื่อใดกัน
เขานึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่นางตกน้ำไปคราวนั้น นางไม่มาหาเขาที่เรือนไม่พยายามชวนเขาคุย หรือทำขนมหรืออาหารมาเพื่อเอาใจเขาอีก
และนางไม่เคยไปรอเขาเวลากลับมาจากราชการในวังอีกเลย บางวันเขานั่งรถม้ามาถึงเขาหวังว่าจะเห็นนางมายืนรอรับเขาพร้อมกับรอยยิ้มของนางอย่างที่เคยเป็น แต่ก็ไม่เคยเห็นนางมายืนรอรับเขาอีกเลยสักครั้งมันเกิดขึ้นเมื่อใดกันที่เขาเหมือนจะเฝ้ารอนางมาเรียกที่หน้าประตูห้องหนังสือเพื่อเอาขนมหรืออาหารมาให้เขาลองชิม แต่ไม่เคยได้ยินเสียงที่เขาคาดหวังว่าจะได้ยินมันอีก
เมื่อวานนี้เขาเห็นนางยิ้มแย้มแจ่มใสนั่งคุยกับบุรุษอื่นที่ภัตตาคาร เขารู้สึกแปลกๆขึ้นมา และวันนี้เห็นน้องชายของเขานั่งหัวเราะกับนาง นั่งกินอาหารของนางที่ทำนั่น เขาที่เป็นสวามีของนางแท้ๆยังไม่รู้เลยว่านางทำขนมอะไรให้น้องชายของเขาชิมนางลืมหรือไงว่ามีสวามีแล้ว จะมานั่งหัวเราะต่อกระซิกกับชายอื่นทั้งๆ ที่เขาก็อยู่ตรงนี้ ยิ่งเป็นที่ภัตตาคารเมื่อวานยิ่งแล้วใหญ่ นางไม่กลัวคำครหาหรืออย่างไร สวามีนั่งอยู่อีกโต๊ะใกล้กัน นางทำเป็นไม่เห็น แต่นั่งทานข้าวกับชายอื่นพูดคุยหัวเราะกันอย่างไม่สนใจสายตาใคร นางกำลังท้าทายเขาใช่ไหม
เสนาบดีหลิวถือโอกาสที่ฮ่องเต้และเหล่าอ๋องและองค์ชายทั้งหลายอยู่พร้อมหน้ากัน เดินออกไปเบื้องหน้าพระพักตร์เอ่ยขึ้นว่า" กระหม่อมขอใช้ตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ทำงานรับใช้ฝ่าบาทมาหลายสิบปี ขอพระองค์เมตตาประทานอนุญาติให้ชินอ๋องรับบุตรีของกระหม่อมเป็นพระชายารองด้วย เพราะนางได้ตกเป็นของชินอ๋องแล้ว นางจะไม่สามารถแต่งให้ใครได้อีกพะยะค่ะ “ชินอ๋องตกตะลึงที่เสนาบดีหลิวกล้าใช้ฝ่าบาทมาบีบบังคับเขา ตอนนี้เขาคงไม่ยอมให้ใครมาบีบบังคับเขาอีกแล้ว จะมีเมียขอเป็นคนเลือกเองบ้าง จึงลุกขึ้นตอบโต้ท่านเสนาบดีหลิวว่า“ หากเปิ่นหวางได้เสียกับนางเพราะเต็มใจ เปิ่นหวางจะไม่ขัดท่านเลยจะรับนางเข้ามาเป็นชายารองเองโดยที่ไม่ต้องให้ท่านร้องขอ แต่นี่นางวางยาปลุกกำหนัดเปิ่นหวางทำให้ต้องทำเรื่องน่าอับอายนั่นต่อหน้าบ่าวไพร่ในจวนจนเกิดเรื่องเล่าลือไปทั่วทำให้เป็นที่น่าขายหน้าต่อศักดิ์ศรีของราชวงศ์ ตอนนี้พระชายาก็หนีกลับไปที่จวนท่านราชครูเพราะเรื่องนี้ ยังจะต้องตามไปง้องอนนางไม่รู้นางจะหายโกรธเปิ่นหวางหรือไม่ เรื่องนี้ทำให้เปิ่นหวางเสื่อมเสียอับอายมาก จึงไม่สามารถรับนางเข้ามาเป็นพระชายารองได้ หากนางไม่ได้ทำเรื่องอ
หลายวันต่อมา ท่านราชครูมาบอกเรื่องจะต้องไปงานเลี้ยงฉลองยศของขุนนางใหม่่ในอีกสามวัน ขุนนางทั้งหมดทั้งใหม่และเก่าต้องไปร่วมฉลองงานนี้กันรวมถึงครอบครัวด้วย ท่านราชครูถามบุตรสาวว่า " เจ้าอยากจะไปเปิดหูเปิดตาในงานเลี้ยงนี้ไหมดูไหม จะได้สดชื่นขึ้น " ซิ่วอิงสนใจทันที " ไปเจ้าค่ะ " นางอยากไปเพราะอยากไปเห็นบรรยากาศงานเลี้ยงในวังหลวง ซิ่วอิงเตรียมตัวที่จะไปงานและออกไปซื้อหาชุดใหม่ที่จะใส่ไปงานเลี้ยงในวังนางรื้อค้นเครื่องประดับที่จะใส่ให้เข้ากับชุดใหม่ เช้าวันงานนางลุกขึ้นอาบน้ำอย่างพิถีพิถันจนเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดใหม่ที่เตรียมไว้และให้เหม่ยเอ๋อทำผมให้ นางเลือกใช้ปิ่นที่นางซื้อมาใหม่และไม่ต้องใส่เครื่องประดับให้มากจนเกินไปและแต่งหน้าแบบสมัยใหม่ที่นางชำนาญจนเหม่ยเอ๋อตกตะลึงถึงกับเอ่ยว่า " วันนี้คุณหนูของบ่าวงามเหลือเกินเจ้าคะ "เมื่อเสร็จแล้วทั้งสองรีบเดินออกไปหาท่านพ่อที่รออยู่ที่รถม้าหน้าจวน จากนั้นทั้งสองพ่อลูกก็ขึ้นรถม้าเพื่อตรงไปยังงานที่วังหลวงเมื่อไปถึงหน้างานขันทีขานชื่อท่านราชครูและบุตรสาวคืออย่างซิ่วอิ่งมาถึงแล้วจากนั้นทั้งสองเดินตรงเข้าไปในงานสายตาหล
ซิ่วอิงเดินน้ำตาไหลรินผ่านสีหน้าตกใจของพ่อบ้านเกาไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ พ่อบ้านเกาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ซิ่วอิงเมื่อเดินไปถึงเรือนหลังเล็กก็บอกให้เหม่ยเอ๋อเก็บข้าวของทั้งหมด และให้ไปตามบ่าวมาช่วยเก็บและให้บ่าวชายช่วยกันขนของทั้งหมดที่เป็นของนางขึ้นรถม้าให้หมด หากรถม้าไม่พอให้ไปนำมาจากจวนของนางเหม่ยเอ๋อก็พอจะรู้เหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้นางจะไม่เห็นภาพนั้นแต่นางได้ยินเสียงนั้นชัดเจนและมองเข้าไปในศาลาก็เห็นลางๆว่าเป็นชินอ๋องกับหลิวอี้เฟย นางจึงไม่กล้าซักถามอะไรพระชายาได้แต่รีบทำตามคำสั่งเท่านั้นเมื่อเก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยไม่ให้หลงเหลือสิ่งใดที่เป็นของนางไว้ แล้วก็พากันขนขึ้นรถม้าตรงไปที่จวนท่านราชครูทันที เมื่อไปถึงท่านราชครูตื่นตกใจเมื่อเห็นบุตรสาวขนข้าวของกลับมาเป็นจำนวนมากแสดงว่าคงเก็บมาทั้งหมดแล้วรวมทั้งสินเดิมของเจ้าสาว จึงให้บ่าวขนของไปเก็บทั้งหมดและจูงมือบุตรีไปนั่งในห้องโถงกลาง พลางซักถามเรื่องราว ซิ่วอิงเล่าให้ฟังคร่าวๆ ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดแต่ท่านราชครูก็พอคาดเดาเหตุการณ์ได้ จึงบอกนางว่าตามใจนางว่าจะทำอย่างไรต่อจะหย่ากับชินอ๋องก็ได้ ท่านจะไปขอร้อ
บ่ายวันรุ่งขี้นหลิวอี้เฟยนำน้ำแกงสมุนไพรมาให้ท่านอ๋องลองชิมอีกนางบอกว่าเป็นสูตรที่ได้มาจากญาติทางฝ่ายมารดาของนาง จึงเพิ่งทดลองทำเป็นครั้งแรกและได้เอามาให้ท่านอ๋องลองชิมท่านอ๋อง ชวนนางไปนั่งที่ศาลากลางบึงบัวเหมือนเดิมทั้งสองคุยกันปกติแต่นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องดูรักษาระยะห่างห่างกับนางมากกว่าทุกครั้งและไม่ค่อยพูดคุยหยอกเย้านางเหมือนเดิมและนัยน์ตาของเขาที่เคยกรุ้มกริ่มเวลามองนางนั้นตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเฉยชาไม่ค่อยมองนาง อย่างพึงใจเช่นทุกครั้งระหว่างที่ท่านอ๋องเผลอนางสลับโถที่นางใช้ใส่น้ำแกงสมุนไพรนั้นเปลี่ยนเป็นอีกอันนึงให้ท่านอ๋องเมื่อท่านอ๋องยกขึ้นดื่มไปได้ซักครู่หนึ่งก็รู้สึกรุ่มร้อนแปลกๆเหงื่อกาฬไหล และรู้สึกว่ามีกำหนัดมากขึ้นผิดปกติ หันไปมองอี้เฟยรู้สึกต้องการนางขึ้นมาอย่างรุนแรงผิดปกติ เมื่อเห็นยาปลุกกำหนัดออกฤทธิ์แล้ว หลิวอี้เฟยลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งบนตักของท่านอ๋อง สองมือของนางโน้มศีรษะของท่านอ๋องลงมาประกบจูบปากจิ้มลิ้มของนางทันทีท่านอ๋องตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ลิ้นเล็กของนางก็สอดเข้าไปในปากของท่านอ๋องไม่ให้ทันได้ตั้งตัวทำให้ชินอ๋องทำอะไรไม่ถูก เหตุด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดชนิด
บ่ายวันต่อมา ซิ่วอิงรู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยและอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนนางจึงเข้าครัวให้เหม่ยเอ๋อนำมะม่วงไปล้างปอกเปลือกให้เรียบร้อยแล้วสอนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนางก็ลงมือทำน้ำปลาหวาน โดยใช้ปลาตากแห้งเมื่อวานมาทุบและตำให้ละเอียดนำไปเคี่ยวใส่เกลือและน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ทุบพริกที่ซื้อมาเมื่อวานลงไป ชิมรสดูพอกินได้ แก้ขัดเพราะสมัยนี้ไม่มีน้ำปลาวันหลังจะลองทำปลาร้าหมักดูเห็นมีไหที่ใช้ดองผักอยู่ที่ครัวหลักหลายใบ จะขอมาสักสองใบเอามาใช้หมักปลาร้า กลิ่นคงแรงน่าดูขณะนี้คิดก็หัวเราะคิกคักคนเดียว เหม่ยเอ๋อหันมามองพระชายาดูแจ่มใสอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนางก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วยเมื่อมะม่วงและน้ำปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกไปนั่งหน้าชานเรือนเล็ก นั่งลงกินมะม่วงน้ำปลาหวานกัน ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวรูปร่างผึ่งผายใบหน้าก็หล่อเหลาปรากฏที่ตรงหน้าซิ่วอิง นางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขายิ้มให้นางจึงยิ้มตอบไป" พระชายาทำอะไรกันน่าสนุกนะ ข้ามาเยี่ยมเสด็จพี่จึงเดินเลยชมสวนในตำหนักนี้เห็นสวนที่นี่สวยงามนัก จึงเดินเลยมาถึงเรือนนี้ " ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นยิ้มว่า " หม่อมฉันกับเหม่ยเอ๋อกำลัง
ชินอ๋องชักรูดลำกายแกร่งสองสามครั้งจากนั้นสอดลำกายใหญ่นั้นเข้าไปที่ร่องอวบ ค่อยผลักดันมันเข้าไปจนสุด “อ๊าย อ๊าย อ๊ะ”สะโพกอวบสั่นกระตุกอีกครั้ง จากนั้นเขาค่อยๆขยับโยกลำกายแกร่งเข้าสุดออกสุดช้าๆ ค่อยเร่งความเร็วขึ้น ควงบั้นเอวเป็นวงกลมกดกระแทกตอกเข้าไปแรงขึ้นเรื่อยๆ ตับ ตับ ตับ ตับ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง ชินอ๋องขย่มคนใต้ร่างจนเตียงสั่นไหว หัวเตียงกระทบผนังดังกึกๆ ทั้งสองร้องครวญครางประสานกันดังลั่นจนออกไปหน้าเรือนนอน เหม่ยเอ๋อที่นั่งอยู่หน้าเรือน ค่อยๆถอยออกไปจากบริเวณนี้ ใบหน้าแดงก่ำ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ท่านอ๋องแรงขึ้นอีกเพคะ อ๊าย อ๊าก อ๊าก” ร่างหนาขย่มโยกร่างอวบอย่างรุนแรง ส่วนคนใต้ร่างก็ไม่ยอมแพ้ร่อนสะโพกผายรับกายแกร่งเป็นจังหวะเดียวกัน สองแขนเรียวยกโอบลำคอหนา สองขาเรียวงามก็เกี่ยวรัดบั้นเอวหนาไว้แน่น ตับ ตับตับ ตับ ชินอ่องกระแทกลำกายแกร่งเข้าออกสุดแรงจนนางแทบจะจมไปกับเตียงอ๋องหนุ่มปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปในร่องรักของชายาจนหมดทุกหยาดหยด ชินอ๋องหมดแรงลงนอนกอดชายารักแน่น หอมแก้มนวลดังฟอดใหญ่“ เมียจ๋า เมียรักของพี่ พี่ไม่ยอมให้เจ้าเป็นของผู้อื่นง่ายๆหรอก พี่จะไม่ยอมหย่าให้เจ้า