นางหงส์ที่พลัดพราก หวนกลับคืนรวงรังอีกครั้ง เพื่อทวงคืนและปกป้อง แผ่นดิน และ บุคคลอันเป็นที่รัก 'นางหงส์สลัดปีก ขาวฟูฟ่อง เนื้อนวลผ่องเสลาดั่งจันทร์ฉาย ตระกอง กอดแนบเนื้อมิรู้คลาย ลูบไล้กาย สอดประสานสมใจปอง ยอดพยัคฆ์แข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ขับเคลื่อนกายาของเราสอง ฝ่ามือหนาบีบเคล้นเป็นทำนอง ตามครรลองแห่งวสันต์รัญจวนใจ บทเพลงรักบรรเลงจรุงจิต กายแนบชิดเติมเต็มสุขสดใส หงส์มังกรเกี่ยวกระหวัดขยับไป เชื่อมสายใยแห่งรักให้หลั่งริน สะโพกสอบบดอัดบุปผาร่อน ส่ายวนว่อนร้อนเร่าทั้งหยางหยิน เร่งจังหวะให้ซาบซ่านเป็นอาจิณ ต่างดื่มกินรสรักสลักทรวง'
View Moreย้อนไปเมื่อครั้งฟ้าดินก่อกำเนิด ยุคที่ยังไม่มีการรวมแผ่นดินจีนเป็นปึกแผ่น ยังคงแบ่งการปกครองเป็นแว่นแคว้น แผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลมีสี่แคว้นใหญ่ครอบครอง และรายล้อมด้วยชนเผ่าต่างๆ
หนึ่งแคว้นที่ยิ่งใหญ่ แผ่นดินอุดมสมบูรณ์ มั่งมีไปด้วยทรัพย์ในดินสินในน้ำ แผ่นดินที่ใครๆ ก็อยากที่จะครอบครอง นั่นคือ แผ่นดินหยวน แคว้นที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ เป็นแคว้นมหาอำนาจและถือว่าเรืองอำนาจที่สุด ดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ อาณาประชาราษฎร์อยู่เย็นเป็นสุขอยู่ดีกินดีกันถ้วนหน้า มีองค์กษัตริย์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยทศพิธราชธรรม เช่น ไท่หรวนหวงตี้ องค์กษัตริย์ผู้ปกครองแคว้น แต่ถึงแม้ว่าจะมีผู้ที่อยากจะครอบครองแต่ใช่ว่าจะกระทำการโดยง่าย เพราะแคว้นหยวนนั้นยังมีกำลังทหารที่แข็งแกร่งและเก่งกาจ ชื่อเสียงของกองทัพหยวนนั้นระบือไกล นำทัพโดยพระราชโอรสพระองค์รองของหวงตี้ ชินอ๋องไท่หมิงหลง และยังมีพระโอรสองค์โต องค์รัชทายาทผู้เก่งกาจและชาญฉลาด องค์รัชทายาทไท่อู่ซวน พระโอรสทั้งสองพระองค์ล้วนเกิดจากพระมารดาองค์เดียวกัน เพราะแผ่นดินหยวนนั้นมีสตรีผู้เป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว โอรสทั้งสองพระองค์นั้นล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ
ดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ มีแสงสว่างก็ย่อมต้องมีความมืดมิด ยังมีผู้คนอีกมากมายที่กระหายในอำนาจ ความโลภยังคงมอมเมาจิตใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ไฟสงครามยังคงเกิดบนผืนแผ่นดินไม่หยุดหย่อน
เช่นดัง แคว้นจ้าว แคว้นที่กระหายในอำนาจ ยกทัพทำศึกรวบรวมชนเผ่าใหญ่น้อยเข้าด้วยกันขยายดินแดนจนเป็นปึกแผ่นและแข็งแกร่ง แผ่กระจายอำนาจเข้าตียึดเมืองน้อยใหญ่ ไฟสงครามปะทุไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ชนเผ่าเร่ร่อนล้วนถูกตีจนแตกพ่ายอยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นจ้าว จุดหมายสูงสุดของแคว้นจ้าวคือการรวมแผ่นดินเข้าด้วยกัน ขึ้นเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เส้นชัยนั้นคือการบุกยึดแคว้นหยวน แต่ใช่ว่าจุดหมายนั้นจะสำเร็จได้โดยง่าย แต่ไม่ว่าอย่างไรความโลภก็เอาชนะทุกอย่าง ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ตั้งแต่อดีตทั้งสองแคว้นต่างดูท่าทีกันมาตลอด หากมีโอกาสแคว้นจ้าวก็ไม่เคยลังเลที่จะไขว่คว้าเอาไว้ แต่ก็ไม่เคยที่จะเอาชนะแคว้นหยวนที่แข็งแกร่งได้ แต่แคว้นจ้าวก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ยังคงกวาดต้อนดินแดนรอบนอกบุกยึดเมืองน้อยใหญ่ต่อสู้ขับเคี่ยวกับชนเผ่าต่างๆ มาตลอดหลายปี เพื่อรวบรวมกองกำลังให้ยิ่งใหญ่เหนือกองทัพแคว้นหยวน
ฮ่องเต้จ้าวไห่ถัง ผู้ปกครองแคว้น จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้กระหายในอำนาจ มีหญิงงามที่ช่วยส่งเสริมในอำนาจเต็มวัง โอรสและธิดาล้วนถูกส่งไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต่างแคว้น และมีกองทัพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร มีองค์ชายใหญ่ จ้าวฉีหนาน ผู้เกิดจากฮองเฮาเป็นผู้นำกองทัพ องค์ชายผู้ที่เต็มไปด้วยความเก่งกาจและทะนงตน แม้ศึกภายนอกจะร้อนระอุ แต่การแข่งขันภายในก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน ยังมีองค์ชายรองผู้เกิดจากกุ้ยเฟย จ้าวฉีหมิง ที่หยิ่งผยองมิแพ้กันและยังโหดเหี้ยมราวสัตว์ป่าผู้กระหายเลือด พี่น้องต่างชิงดีชิงเด่น แก่งแย่งกันจนกลายเป็นศึกภายในที่ไม่อาจเลี่ยง ตำแหน่งรัชทายาทคือสิ่งที่ทั้งปรารถนา
แผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ยังมีแผ่นดินที่รายล้อมไปด้วยภูเขาหินสูงชัน อันเป็นที่ตั้งของแคว้นซ่ง ดินแดนที่เต็มไปด้วยความสงบ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับศึกสงคราม มีองค์ฮ่องเต้ ซ่งเต๋อเทียน ปกครองด้วยความเมตตา พระองค์มีเพียงสตรีคนรักผู้เป็นฮองเฮาเคียงพระทัยเพียงพระองค์เดียว ไม่มีเหล่านางสนมให้วุ่นวายพระทัย และเพราะมีใจรักมั่นเพียงสตรีคู่ชีวิต จึงไม่อาจทำให้นางผู้เป็นที่รักต้องทุกข์ใจ แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองพระองค์ไม่มีพระโอรสสืบทอดบัลลังก์ มีเพียงพระธิดาที่เป็นดังยอดดวงใจของคนทั้งแคว้น องค์หญิงซ่งเฟยหย่า องค์หญิงผู้มีจิตเมตตา สร้างคุณงามความดีจนเป็นที่รักของปวงประชา องค์หญิงผู้ที่กำเนิดมาพร้อมกับชะตาหงส์ เฟยหย่า จึงเป็นพระนามของพระองค์ซึ่งมีความหมายว่า โบยบินอย่างสง่างาม
แม้บ้านเมืองจะสงบร่มเย็น ชาวเมืองล้วนดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่เพราะต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติในทุกๆ ปี แม้ทางการจะพยายามช่วยเหลือเพียงใดแต่ก็ช่วยเหลือได้เพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น เมื่อแล้งก็แล้งจัด แต่เมื่อเกิดพายุฝนก็เกิดน้ำท่วมหนัก ทำให้แคว้นซ่งนั้นเริ่มถดถอยและอ่อนกำลังลง คนยากไร้เริ่มกระจัดกระจาย กลายเป็นแคว้นที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ
แคว้นอู่ แคว้นที่ไม่มีทีท่าว่าจะอยู่ฝ่ายใด และยังไม่คิดที่จะเข้ากับฝั่งใดมาก่อน มี ฮ่องเต้อู่หวังซวน เป็นกษัตริย์ผู้ครองแคว้น ผู้ที่คิดถึงผลประโยชน์อันสูงสุดของตนเองเป็นหลัก พระองค์ทรงมีโอรสและธิดาผู้ซึ่งเกิดจากฮองเฮาคู่บัลลังก์สองพระองค์ คือองค์รัชทายาท อู่หวังเล่อ และองค์หญิงใหญ่ อู่ชิงหลัน และจากพระสนมอีกหลายพระองค์ บัดนี้ กลับยอมเข้าร่วมกับแคว้นจ้าว ที่ยื่นข้อเสนอให้องค์หญิงใหญ่ อู่ชิงหลัน พระธิดาผู้เกิดจากฮองเฮา อภิเษกสมรสเป็นพระชายาเอกในองค์ชายใหญ่จ้าวฉีหนาน และฮ่องเต้เฒ่าแคว้นจ้าวยังคิดจะสู่ขอองค์หญิงซ่งเฟยหย่าแห่งแคว้นซ่งเพื่อเป็นพระชายาเอกในองค์ชายรองจ้าวฉีหมิงอีกด้วย
แต่มีหรือที่แคว้นซ่งจะยินยอมส่งยอดดวงใจให้บุรุษเช่นองค์ชายรองจ้าวฉีหมิง ความเลวร้ายขององค์ชายผู้นั้น ต่างเป็นที่โจษจันถึงความต่ำทรามไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เมื่อแคว้นซ่งมิยินยอมคนพาลเช่นแคว้นจ้าวมีหรือจะนิ่งเฉย หากมิยินยอมแต่โดยดีก็มีแต่ต้องใช้กำลัง แม้แคว้นซ่งจะเป็นแคว้นที่รักสงบ แต่ก็เป็นแคว้นใหญ่หนึ่งในสี่แคว้น ใช่ว่าจะไร้ซึ่งเขี้ยวเล็บ ยังคงมีแม่ทัพผู้เก่งกาจและมากฝีมือที่คอยปกป้องแคว้น ใช่ว่าจะให้แคว้นจ้าวบดขยี้ได้โดยง่าย บัดนี้แคว้นซ่งที่เคยสงบสุขจึงลุกท่วมไปด้วยไฟแห่งสงคราม การทำศึกยืดเยื้อยาวนาน
เมื่อมิอาจกระทำการได้ดั่งใจ จึงเกิดการร่วมมือกันระหว่างสองแคว้น โดยมีองค์ชายรองจ้าวฉีหมิง และองค์รัชทายาทแคว้นอู่ อู่หวังเล่อ เป็นผู้นำทัพใหญ่ในครั้งนี้ โดยแคว้นซ่งนั้นมีองค์ฮ่องเต้ซ่งเต๋อเทียนเป็นผู้นำทัพด้วยพระองค์เอง พร้อมด้วยเหล่าแม่ทัพและทหารกล้าที่พร้อมจะสละชีพเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและแว่นแคว้น แม้ตัวต้องตายก็ยังดีเสียกว่าถูกศัตรูเหยียบย่ำ
ฮ่องเต้ซ่งเต๋อเทียนก่อนออกทำศึกใหญ่ในครั้งนี้ ได้คัดเลือกทหารกล้าฝีมือดีถึงหนึ่งพันนายคุ้มครององค์หญิงซ่งเฟยหย่าผู้เป็นดังดวงใจและองค์ฮองเฮาสตรีผู้เป็นที่รัก หากศึกในครั้งนี้เกิดเพลี้ยงพลั้ง ให้คุ้มครองทั้งสองพระองค์ส่งให้ถึงดินแดนแคว้นหยวนอย่างปลอดภัย
เลือดสีแดงฉานอาบย้อมแผ่นดินซ่ง น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ พระเศียรขององค์ฮ่องเต้ซ่งเต๋อเทียนถูกคมดาบองค์ชายรองจ้าวฉีหมิงฟันจนขาดสะบั้นลง ศึกในครั้งนี้เป็นจุดจบของราชวงศ์ซ่งที่ถูกลบออกจากแผ่นดิน
พระมารดาที่ทราบถึงการจากไปของพระบิดาเลือกที่จะจบชีวิตของพระองค์เอง เรื่องราวในครั้งนั้นสร้างความเจ็บช้ำให้กับองค์หญิงซ่งเฟยหย่าอย่างที่สุด น้ำตาหลั่งรินแทบเป็นสายเลือด ทรงโทษพระองค์เองที่ทำให้แผ่นดินล่มสลายทุกคนต้องประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ เพียงเพราะพระองค์ มิใช่บุรุษ จึงไม่แม้แต่จะสามารถปกป้องราชวงศ์และประชาชนของพระองค์เอาไว้ได้ แต่ใช่ว่าการลี้ภัยในครั้งนี้จะสำเร็จ องค์ชายใหญ่จ้าวฉีหนานที่นำกำลังมาโอบล้อมขบวนเสด็จที่จะหลบหนีอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ พระสิริโฉมที่งดงามราวนางสวรรค์ทำให้เกิดต้องพระทัยในตัวองค์หญิงคนงาม หากให้ตกเป็นของอนุชาผู้น่าชังของตนก็เกิดความไม่ยินยอม คิดหักหาญน้ำใจ องค์หญิงซ่งเฟยหย่าที่หมดสิ้นทุกอย่างจึงเลือกที่จะปลิดชีพพระองค์เอง จบสิ้นความทุกข์ทรมานในชาติภพนี้ เลือดสีแดงฉานไหลทะลักลงบนแผ่นดิน อย่างน้อยเพราะองค์ก็ยังจบชีวิตลงบนแผ่นดินที่พระองค์ทรงรักและหวงแหน
ผืนดินเขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตา มองไปทางใดก็มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี อากาศบริสุทธิ์ปลอดโปร่งกลิ่นอายธรรมชาติโอบล้อม แผ่นดินที่เคยแตกระแหงแห้งแล้ง บัดนี้ล้วนเต็มไปด้วยสีเขียวของพืชผัก ผลหมากรากไม้พากันเบ่งบานออกดอกผลิผล ฝูงสัตว์เลี้ยงมากมายเดินหากินอยู่ในทุ่งกว้าง ชาวบ้านชาวเมืองล้วนอยู่ดีมีสุขมองไปทางใดล้วนเห็นแต่บรรยากาศอันชื่นมื่น ใบหน้าของทุกคนยามนี้ประดับประดาไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี ทุกหัวเมืองถนนหนทาง ร้านรวงต่างๆ ต่างประดับประดาเต็มไปด้วยผ้าแดงมงคล ทุกหนทุกแห่งในแผ่นดินนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลอง เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของบุคคลอันเป็นที่รักและเทิดทูนของเหล่าประชาชนแคว้นซ่ง วันที่ทุกคนต่างตั้งตารอคอยและร่วมยินดี วันอภิเษกสมรสที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ขององค์หญิงซ่งเฟยหย่าของพวกเขากับชินอ๋องไท่หมิงหลงแห่งแคว้นหยวนที่บัดนี้กลายเป็นรัชทายาทของแคว้นซ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความยินดีของทั้งสองแคว้นเสียงจุดประทัดมงคลดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ในขณะที่ทุกคนกำลังดื่มฉลองอย่างสนุกสนานและชื่นมื่น คู่บ่าวสาวก็กำลังดื่มด่ำกับความสุขเช่นกัน หลังจากที่ผ่านการกราบไหว้ฟ้าดินอย่างถ
คำตอบที่ออกมาจากริมฝีปากของสตรีตรงหน้า สตรีที่พระองค์มอบหัวใจรักให้กับนางราวกับดังมาจากที่ไกลแสนไกล แต่มันกลับดังก้องอยู่ในหัว อื้ออึงเต็มสองหู จนรู้สึกถึงความเจ็บแปลบในโพรงอก หัวใจมันบีบรัดจนปวดหนึบ ชินอ๋องไท่หมิงหลงที่จ้องมองใบหน้างามตรงหน้าอย่างรวดร้าวในอก จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่งามที่พระองค์หลงใหลและหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่สบสายตา ราวกับจะค้นหาความจริงในนั้น อยากให้คำตอบนั้นนางเพียงแค่ล้อพระองค์เล่น แต่ยิ่งจ้องมองพระองค์ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดเพราะมันมีแต่ความจริงจังอยู่ในนั้น จนวูบโหวงไปทั้งโพรงอก อยากไปให้พ้นจากตรงนี้โดยไว ก่อนที่จะแสดงความอ่อนแอออกมา แต่กว่าจะเปร่งคำพูดออกไปได้ช่างทรมานยิ่งนัก"พี่เข้าใจแล้ว"เสียงแหบโหยที่ดังอย่างโรยแรง ทำให้คนฟังนั้นสะท้านในอกซ่งเฟยหย่าที่มองคนตรงหน้าที่มองนางอย่างเจ็บปวดและผิดหวัง ก่อนจะหันหลังให้นาง แผ่นหลังกว้างลู่ลงดูน่าสงสารและก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวเดินออกไป นางจึงรีบเอ่ยขึ้น"ข้ายังมิได้บอกท่านเลยว่าจะเป็นไท่จื่อเฟยของแคว้นใด"เสียงหวานที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เท้าหนักอึ้งที่กำลังจะก้าวไปด้านหน้าหยุดชะงัก ทบทวนสิ่งที่นางกล่าวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะห
หลังจากที่แคว้นซ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ การปลูกพืชผักต่างๆ จึงเป็นไปได้โดยง่าย ตอนนี้ทุกคนต่างช่วยกันพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้ง ขะมักเขม้นปลูกพืชผลทางการเกษตรกันอย่างขยันขันแข็ง และยังช่วยกันปลูกไม้ยืนต้นที่องค์หญิงที่พวกเขาเทิดทูนกล่าวว่า ต่อไปต้นไม้ที่พวกเขาช่วยกันปลูกจะสร้างคุณให้พวกเขาอย่างใหญ่หลวง ซึ่งพวกเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับทำตามสิ่งที่พระองค์บอก ขอเพียงแค่พระองค์รับสั่ง พวกเขาก็พร้อมที่จะทำตามบัญชา เมื่อน้ำท่าสมบูรณ์ สิ่งดีดีต่างๆ ย่อมตามมาสถานการณ์ในแคว้นซ่งตอนนี้กำลังเกิดการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ประชาชนล้วนมีใบหน้าที่เอิบอิ่มแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแ่งความสุข ภายในแคว้นกลับมาคึกคักอีกครั้ง ความสงบร่มเย็นกลับมาเยือนแผ่นดินซ่ง และดูเหมือนว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”เสียงของคนสนิทที่เอ่ยเรียกทำให้ชินอ๋องไท่หมิงหลงจำต้องละสายตาจากภาพเบื้องล่างของโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของแคว้นซ่งที่เปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากที่ปิดให้บริการมาเนิ่นนาน ภาพอันสวยงามของแผ่นดินซ่ง แผ่นดินของสตรีที่พระองค์ทรงปักใจรัก สตรีที่พระองค์มิเคยพบเจอที่ใดมาก่อน และตอนนี้นางได้เข้ามาครอบครองทั้งหมดในพร
วันนี้มีทหารและชาวบ้านชาวเมืองมากมายที่เดินมุ่งหน้าไปยังภูเขาอันเขียวชอุ่มที่มีเพียงลูกเดียวด้านหลังของแคว้น เพื่อจะไปชมการเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำขององค์หญิงซ่งเฟยหย่าที่กลายเป็นหัวข้อการสนทนาตลอดหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่มีการขุดลอกคูคลองและสร้างฝายกั้นน้ำ ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะมีน้ำดื่มน้ำใช้ และอยากรู้ว่ามันจะเป็นความจริงและเห็นกับตาตนเอง ว่ามิใช่เป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ อีกต่อไป ผู้คนที่มามุงดูทั้งหมดถูกกันออกมาให้อยู่ในบริเวณที่ถูกกั้นเอาไว้โดยเหล่าทหาร มิให้เข้าไปในพื้นที่การทำงานเพราะเกรงว่าจะมีอันตรายและกีดขวางการทำงานของทหารที่กำลังขนย้ายถังไม้ที่บรรจุดินระเบิดเอาไว้เหล่าชาวบ้านชาวเมืองที่มามุงดูยาวไปตั้งแต่จุดที่เป็นต้นน้ำที่มองเห็นอยู่ไกลๆ ในระยะสายตา เห็นเหล่าทหารกำลังลำเลียงถังไม้ขึ้นไปอย่างแข็งขัน เลียบไปตลอดแนวตลิ่งของคูคลองที่ถูกขุดขึ้นยาวไปจนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกขุดขึ้นใจกลางแปลงเกษตร ต้นน้ำถูกจับจ้องว่าถังเหล่านั้นคือสิ่งใด และจะสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของน้ำได้เช่นไร เลียบแนวตลิ่งทุกสายตาต่างจ้องมองอย่างจดจ่อว่าเมื่อไหร่จะมีน้ำไหลมาเติมเต็มผืนดินที่แห้งแล้งนี้ซ่งเฟ
สัมผัสอุ่นละมุนที่ประทับลงมาแผ่วเบาซาบซ่านไปทั่วริมฝีปากอ่อนนุ่ม ความอ่อนโยนนั้นทำให้ดวงตาหงส์หลับพริ้มซึมซับความรู้สึกอ่อนหวานอย่างเต็มใจ ชินอ๋องไท่หมิงหลงที่เห็นว่าสตรีในอ้อมแขนมิได้รังเกียจสัมผัสจากพระองค์ให้รู้สึกยินดียิ่งนัก เจ็บกายคราวนี้ช่างคุ้มค่าเสียจริงที่ทำให้สตรีในอ้อมแขนเปิดใจให้พระองค์ ริมฝีปากหนาที่ผละออกเพียงเล็กน้อยเพื่อสบตากับสตรีตรงหน้าราวกับจะขออนุญาต เมื่อเห็นว่านางไม่กล่าวอันใดและมิได้มีท่าทีโกรธเคืองมีเพียงพวงแก้มนวลที่แดงก่ำอย่างเขินอาย เวลานางเขินอายก็ดูน่าเอ็นดูยิ่งนัก จึงยกยิ้มละมุน ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้จุมพิตนั้นช่างอ่อนหวานลึกซึ้งจนสองกายที่โอบกอดกันอยู่นั้นสั่นสะท้าน เรียวลิ้นอุ่นนุ่มที่สอดแทรกเข้ามาชิมความหวานในอุ้งปากเล็กนั้นให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำให้ร่างบางรู้สึกวาบหวิวตอบรับสัมผัสจากร่างหนาอย่างน่ารักน่าใคร่ จนจุมพิตอ่อนหวานในคราแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนปรารถนา"โอ๊ย...!"ร่างสูงที่ผละออกจากร่างบางร้องเสียงหลง สาเหตุเพราะแผลของพระองค์ถูกกดอย่างแรงจากคนตัวเล็กในอ้อมแขน"สมน้ำหน้า ได้คืบจะเอาศอก ฉวยโอกาสดีนัก""เจ็บ..."ใบหน
ภาพของสตรีที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าเรือนของผู้เป็นนายทำให้ลู่จิ่นยกยิ้มขึ้น เดินเข้าไปหาสตรีสูงศักดิ์ที่วันนี้ไม่ได้มาในคราบคุณชายหนุ่มรูปงาม แต่วันนี้ทรงสวมอาภรณ์งดงามเฉกเช่นสตรีแลดูอ่อนหวานจนเหล่าบุปผารอบกายนั้นพร้อมใจกันเบ่งบานชูช่อดูมีชีวิตชีวาไปด้วย "คารวะองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ"ลู่จิ่นที่ค้อมกายให้สตรีตรงหน้าอย่างนอบน้อมฮะแฮ่ม"ท่านลู่จิ่นอย่าได้มากพิธีเลย ท่านอ๋องเป็นเช่นไรบ้าง"ซ่งเฟยหย่าที่กระแอมไอเล็กน้อยเอ่ยถามอีกฝ่าย ใบหน้างามนั้นดูรู้สึกผิดกับเรื่องในคืนนั้น วันนี้จึงทำให้นางต้องมาเยือนที่เรือนรับรองแห่งนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อคิดได้ว่านางกลั่นแกล้งอีกฝ่ายมากเกินไป ทั้งๆ ที่พระองค์อุตส่าห์ไปช่วยเหลือนางแท้ๆ"ดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย จึงได้เบาใจขึ้น"เอ่อ แล้วนั่นท่านกำลังจะไปที่ใดหรือ""กระหม่อมจะไปตามท่านหมอมาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเปลี่ยนให้ก็ไม่ยอมท่าเดียว บอกว่ากระหม่อมมือหนัก"ลู่จิ่นที่เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มขัน ดูเหมือนท่านอ๋องจะผวาไม่น้อยกับรอยแผลบนแผ่นหลังนั้นเพราะโดนฤทธิ์เดชขององค์หญิงคนงามตรงหน้า"อ้อเช่นนั้น
ซ่งเฟยหย่าที่ชักม้าให้หยุดลง ก่อนจะหันไปหากลุ่มชายชุดดำที่เข้ามาช่วยเหลือพวกนาง อย่างต้องการจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของใครที่ส่งมาช่วย แต่ร่างสูงของบุรุษบนหลังอาชาผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือนางให้รอดพ้นจากธนูดอกนั้นกลับฟุบลงไปกับหลังม้า ด้านหลังนั้นมีธนูดอกหนึ่งปักอยู่จนแผ่นหลังกว้างนั้นเปียกชุ่มไปด้วยเลือด สร้างความตกใจให้แก่นางยิ่งนัก "ท่านอ๋อง"แต่เสียงของผู้ติดตามของชายชุดดำผู้นั้นที่น่าจะเป็นท่านลู่จิ่นเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ พร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปหาผู้เป็นนาย ทำให้นางจ้องมองร่างนั้นอย่างตกตะลึง บุรุษผู้นั้นที่ช่วยเหลือนางจนตัวเองได้รับบาดเจ็บคือชินอ๋องไท่หมิงหลงแห่งแคว้นหยวนไม่ผิดแน่ ขาเรียวจึงก้าวเข้าไปดูอาการของบุรุษสูงศักดิ์ที่ตอนนี้ถูกประคองลงจากหลังม้าในทันทีซ่งเฟยหย่าที่ดึงเอาผ้าปิดหน้าของอีกฝ่ายออกเพื่อให้พระองค์หายใจได้สะดวกขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้ซีดเซียวจนใจดวงน้อยของนางกระตุกวูบ นางไม่คิดว่าจะเป็นพระองค์ เพราะเรื่องที่นางจะลักลอบเข้าเผ่าจ่าวข่าย มีเพียงหน่วยพยัคฆ์ซ่อนเท่านั้นที่ล่วงรู้ แม้แต่พระบิดาของนางก็ไม่ทราบเรื่องนี้ เช่นนั้นก็คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากว่าอีกฝ่า
"องครักษ์เว่ยการก่อสร้างฝายกั้นน้ำและการขุดคูคลองเป็นเช่นไรบ้าง"เสียงหวานของร่างบางที่กำลังครุ่นคิดแผนการที่จะลอบเข้าไปในเผ่าจ่าวข่ายเพื่อนำกำมะถันออกมา เอ่ยถามองครักษ์คนสนิทถึงการดำเนินการสร้างฝายและการขุดคูคลองรอบๆ กำแพงเมืองและในพื้นที่ที่จะทำการเพาะปลูก"คาดว่าอีกไม่เกินสามวันก็จะเสร็จสมบูรณ์ขอรับ ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ส่วนพื้นที่ที่ท่านจะใช้ทำเป็นแปลงเกษตรก็ถูกเตรียมการเอาไว้แล้ว พื้นที่ถูกขุดยกร่องเพื่อเตรียมที่จะลงเมล็ดพันธุ์เอาไว้แล้วขอรับ"คำตอบนั้นสร้างความพอใจให้กับร่างบางยิ่งนัก การดำเนินงานนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วแล้วยังสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านและเหล่าขอทานให้สามารถลืมตาอ้าปากได้อีกด้วย นางคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ดึงคนเหล่านั้นให้ได้ทำงานแสดงความสามารถที่พวกเขามี พวกเขาเหล่านั้นต่างก็มีฝีมือเพียงแค่ไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง นี่เป็นก้าวแรกที่ถือว่าดีมากเลยทีเดียว ตอนนี้ก็คงเหลือเพียงการรอน้ำมาเติมเต็มเท่านั้น"เช่นนั้นท่านไปแจ้งให้หน่วยพยัคฆ์ซ่อนเตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้เราจะลงมือกัน"องครักษ์เว่ยที่ยังคงรีรอ ไม่ได้ไปทำตามคำสั่ง จนใบหน้างามต้องเงยขึ้นมอง เอ่ยถามอย่างไ
เรื่องราวที่ได้รู้ได้เห็นมาในวันนี้ ทำให้ซ่งเฟยหย่าที่กลับวังมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้งเกิดอาการปวดหน่วงขึ้นในโพลงอก ถึงกับไม่อาจที่จะข่มตาให้หลับลงได้ ใบหน้าอมทุกข์ของเหล่าประชาชนวิ่งวุ่นในหัวทุกครั้งที่หลับตา บรรยากาศโศกเศร้าที่รายล้อมอยู่รอบตัวคนเหล่านั้น ทำให้นางอยากจะร้องไห้ มือบอบบางยกขึ้นก่ายหน้าผาก ทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ครุ่นคิดถึงการที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับแผ่นดินของนาง อย่างแรกที่นางจะต้องทำคือลงมือสร้างระเบิดเพื่อเร่งสร้างทางน้ำและสร้างฝาย เพื่อที่แผ่นดินนี้จะไม่ต้องทนกับความแห้งแล้งอีกต่อไป มีพืชผักที่ปลูกขึ้นเองโดยที่ไม่ต้องรอคอยจากผู้อื่น นางจะต้องทำให้แผ่นดินนี้กลายเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ให้ได้ ผืนแผ่นดินที่แห้งแล้งแตกระแหงจะต้องเขียวชอุ่มด้วยต้นไม้ใบหญ้า ประชาชนของนางจะต้องอยู่ดีกินดี เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขซ่งเฟยหย่าที่ครุ่นคิดถึงวิธีการต่างๆ จนกระทั่งเผลอหลับไปในเวลาที่ล่วงเข้าสู่วันใหม่แล้ว ก่อนจะตื่นขึ้นในตอนที่ฟ้าไม่ทันสาง เดินทางขึ้นเขาที่ได้นัดหมายกับเหล่าทหารเอาไว้ สถานที่ที่นางคิดจะใช้เป็นฐานลับและกองบัญชาการของหน่วยพยัคฆ์ซ่อนของนางเมื่อเดินทางไปถ
Comments