หลายวันต่อมา ท่านราชครูมาบอกเรื่องจะต้องไปงานเลี้ยงฉลองยศของขุนนางใหม่่ในอีกสามวัน ขุนนางทั้งหมดทั้งใหม่และเก่าต้องไปร่วมฉลองงานนี้กันรวมถึงครอบครัวด้วย ท่านราชครูถามบุตรสาวว่า " เจ้าอยากจะไปเปิดหูเปิดตาในงานเลี้ยงนี้ไหมดูไหม จะได้สดชื่นขึ้น " ซิ่วอิงสนใจทันที " ไปเจ้าค่ะ "
นางอยากไปเพราะอยากไปเห็นบรรยากาศงานเลี้ยงในวังหลวง ซิ่วอิงเตรียมตัวที่จะไปงานและออกไปซื้อหาชุดใหม่ที่จะใส่ไปงานเลี้ยงในวัง
นางรื้อค้นเครื่องประดับที่จะใส่ให้เข้ากับชุดใหม่ เช้าวันงานนางลุกขึ้นอาบน้ำอย่างพิถีพิถันจนเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดใหม่ที่เตรียมไว้และให้เหม่ยเอ๋อทำผมให้ นางเลือกใช้ปิ่นที่นางซื้อมาใหม่และไม่ต้องใส่เครื่องประดับให้มากจนเกินไปและแต่งหน้าแบบสมัยใหม่ที่นางชำนาญจนเหม่ยเอ๋อตกตะลึงถึงกับเอ่ยว่า " วันนี้คุณหนูของบ่าวงามเหลือเกินเจ้าคะ "
เมื่อเสร็จแล้วทั้งสองรีบเดินออกไปหาท่านพ่อที่รออยู่ที่รถม้าหน้าจวน จากนั้นทั้งสองพ่อลูกก็ขึ้นรถม้าเพื่อตรงไปยังงานที่วังหลวงเมื่อไปถึงหน้างานขันทีขานชื่อท่านราชครูและบุตรสาวคืออย่างซิ่วอิ่งมาถึงแล้วจากนั้นทั้งสองเดินตรงเข้าไปในงาน
สายตาหลายคู่ต่างมองมาที่หยางซิ่วอิงวันนี้นางงดงามมากได้ยินข่าวว่าจะเลิกรากับชินอ๋องแล้วด้วยเรื่องที่ฉาวโฉ่จนรู้กันไปทั้งเมือง
แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่บุรุษมีหญิงหลายคนแต่การกระทำที่ฝ่ายหญิงไปหาชายที่ในตำหนักและร่วมรักกันโจ๋งครึ้มในตอนกลางวันในศาลาที่บ่าวไพร่เดินผ่านไปมาเห็นทั้งจวนนั้นก็น่าอับอาย
ยิ่งหญิงนั้นยังไม่ได้ออกเรือนซ้ำยังเป็นหญิงอันดับหนึ่งของเมืองเรื่องยิ่งโด่งดังเป็นที่เล่าลือกันไปใหญ่โต ทุกคนต่างเห็นใจหยางซิ่วอิงที่ถูกหญิงอื่นแย่งสวามีแบบต่อหน้าต่อตา จนนางรับไม่ได้ขนของกลับจวนและจะขอหย่าร้างทันที
หลายคนที่มองหยางซิ่วอิงในวันนี้นางงามมากจนไม่น่าเชื่อว่าสวามีนางจะนอกใจ จนมีเรื่องต้องหย่าร้างกัน หนุ่มๆหลายคนทั้งบุตรคหบดีและขุนนางหนุ่มหลายคนมองนางตาเป็นมัน ถึงแม้นางจะเป็นหม้ายแต่นางก็งามมาก บางคนก็อยากได้นางไปเป็นเมียรอง ต่างคอยจับตาว่านางจะรับไมตรีของใคร
ฝ่ายชินอ๋องเห็นนางตั้งแต่เดินเข้ามาในงานแล้ววันนี้เมียของเขางามมากจนชวนตะลึง แต่ทำไมขันทีขานว่านางเป็นคุณหนูหยางล่ะ นางเป็นเมียของเข้าแท้ๆต้องขานเรียกนางว่าพระชายาในชินอ๋องถึงจะถูก ใครบอกให้ขันทีขานชื่อเช่นนั้นกัน
เขาครุ่นคิดพลางมองไปรอบกายเห็นสายตาของขุนนางหนุ่มๆและบุตรชายคหบดีหลายคน รวมถึงคนที่มีภรรยาแล้วบางคนด้วยก็จ้องมองนางตาไม่กระพริบ อะไรกันเมียของเขาแท้ๆ หรือพวกนั้นคิดว่าเขาจะหย่ากับนาง ไม่มีทางเสียหรอก เรื่องอะไรกันเขารักของเขามากไม่ยอมหย่ากับนางเด็ดขาดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งนางจะมองหาสามีใหม่ฝันไปเถอะไม่มีทางให้ใครได้ตัวนางไปเด็ดขาด
เมื่อผ่านพิธีการที่ฮ่องเต้มาให้โอวาทขุนนางใหม่แล้ว ก็ให้ทุกคนทำตัวตามสบายกินอาหารและเครื่องดื่ม สุราต่างๆ และชมการแสดงหลายรายการ ตามสะดวก เมื่องเสร็จพิธีที่เป็นทางการซิ่วอิงขอท่านพ่อออกไปเข้าห้องน้ำและเดินเล่นข้างนอก ท่านราชครูพยักหน้า นางจึงเดินออกไปเพื่อสูดอากาศ
“แม่นางออกมาเดินเล่นหรือ คงจะอึดอัดกับบรรยากาศข้างในหรือไม่ ” ซิ่งอิงหันไปมองเห็นเป็นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผิวพรรณขาวผ่องเหมือนชนชั้นสูงที่เห็นข้างในงานทั่วไป แต่งชุดขุนนางน่าจะมียศใหญ่พอประมาณ ซิ่วอิงยิ้มรับ
“ เจ้าค่ะ ข้าไม่คุ้นเคยกับงานเลี้ยงที่เป็นทางการเช่นนี้ เพียงอยากออกมาเพื่อชมงานเลี้ยงในวังว่าเป็นอย่างไรบ้างเท่านั้น ” ขุนนางหนุ่มพยักหน้า “ แม่นางเป็นบุตรสาวของจวนใด ” ขุนนางหนุ่มชวนสตรีที่เขารู้สึกสนใจสนทนา
" ข้าเป็นบุตรสาวของท่านราชครูหยางเจ้าค่ะ ชื่อหยางซิ่วอิง " เขาพยักหน้ารับรู้นางน่าจะเป็นสตรีที่มีข่าวว่าเลิกรากับชินอ๋องนั่นเอง ทั้งสองคุยกันเรื่องสัพเพเหระได้ครู่ใหญ่
ชินอ๋องมองหาชายารักไปทั่วเมื่อไม่เจอ จึงเดินออกมาตามหาข้างนอก มองไปเห็นนางสนทนากับบุรุษผู้หนึ่งอยู่ในสวน หน้าตาเขาพลันบึ้งตึงเป็นอย่างมาก
ผัวก็มีแล้วจะให้ความหวังคนอื่นอีกทำไม อย่าหวังว่าจะสลัดผัวคนนี้ทิ้งไปได้นะ เขาไม่ยอมเด็ดขาด อย่าคิดว่าเรื่องมันจะง่ายดายอย่างที่นางคิด
จากนั้นชินอ๋องเดินตรงไปหาทั้งสอง เมื่อไปถึงเขาโอบเอวนางแล้วหันไปทักทายขุนนางผู้นั้น อย่างทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจบรรยากาศระหว่างคนทั้งสอง
เมื่อขุนนางหนุ่มเห็นแววตามุ่งร้ายหมายขวัญของชินอ๋องและท่าทางเหมือนจงอางหวงไข่นั้นก็คิดว่าข่าวลือคงไม่เป็นจริงเสียแล้ว จึงขอตัวไปจากทั้งสองทันที ชินอ๋องเมื่อเห็นขุนนางผู้นั้นเดินจ้ำอ้าวหนีไปแล้ว เขาก็ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
“ที่เหลือก็มีเจ้านะเมียรัก กลับตำหนักกันเลยเดี๋ยวนี้ ” พูดจบเข้าก็เรียกองครักษ์คู่กายของเขาออกมา “ พาตัวพระชายาไปที่ห้องของเปิ่นหวางเฝ้าไว้ไม่ให้นางออกมาจากห้องได้ แล้วให้คนดูแลนางอย่างดี จนกว่าเปิ่นหวางจะเสร็จงานทางนี้แล้วกลับไปคิดบัญชีกับนางที่หนีออกไปจากตำหนักโดยไม่บอกกล่าว ” หลังจากสิ้นคำสั่งของอ๋องหนุ่ม ซิ่วอิงกำลังจะอ้าปากขึ้นประท้วงแต่ถูกพ่นควันสีเหลืองใส่หน้านางจึงสลบไป จากนั้นองครักษ์จึงได้พาพระชายากลับตำหนักตามคำสั่งของเจ้านายทันที
หลายวันต่อมา ท่านราชครูมาบอกเรื่องจะต้องไปงานเลี้ยงฉลองยศของขุนนางใหม่่ในอีกสามวัน ขุนนางทั้งหมดทั้งใหม่และเก่าต้องไปร่วมฉลองงานนี้กันรวมถึงครอบครัวด้วย ท่านราชครูถามบุตรสาวว่า " เจ้าอยากจะไปเปิดหูเปิดตาในงานเลี้ยงนี้ไหมดูไหม จะได้สดชื่นขึ้น " ซิ่วอิงสนใจทันที " ไปเจ้าค่ะ " นางอยากไปเพราะอยากไปเห็นบรรยากาศงานเลี้ยงในวังหลวง ซิ่วอิงเตรียมตัวที่จะไปงานและออกไปซื้อหาชุดใหม่ที่จะใส่ไปงานเลี้ยงในวังนางรื้อค้นเครื่องประดับที่จะใส่ให้เข้ากับชุดใหม่ เช้าวันงานนางลุกขึ้นอาบน้ำอย่างพิถีพิถันจนเสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดใหม่ที่เตรียมไว้และให้เหม่ยเอ๋อทำผมให้ นางเลือกใช้ปิ่นที่นางซื้อมาใหม่และไม่ต้องใส่เครื่องประดับให้มากจนเกินไปและแต่งหน้าแบบสมัยใหม่ที่นางชำนาญจนเหม่ยเอ๋อตกตะลึงถึงกับเอ่ยว่า " วันนี้คุณหนูของบ่าวงามเหลือเกินเจ้าคะ "เมื่อเสร็จแล้วทั้งสองรีบเดินออกไปหาท่านพ่อที่รออยู่ที่รถม้าหน้าจวน จากนั้นทั้งสองพ่อลูกก็ขึ้นรถม้าเพื่อตรงไปยังงานที่วังหลวงเมื่อไปถึงหน้างานขันทีขานชื่อท่านราชครูและบุตรสาวคืออย่างซิ่วอิ่งมาถึงแล้วจากนั้นทั้งสองเดินตรงเข้าไปในงานสายตาหล
ซิ่วอิงเดินน้ำตาไหลรินผ่านสีหน้าตกใจของพ่อบ้านเกาไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ พ่อบ้านเกาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ซิ่วอิงเมื่อเดินไปถึงเรือนหลังเล็กก็บอกให้เหม่ยเอ๋อเก็บข้าวของทั้งหมด และให้ไปตามบ่าวมาช่วยเก็บและให้บ่าวชายช่วยกันขนของทั้งหมดที่เป็นของนางขึ้นรถม้าให้หมด หากรถม้าไม่พอให้ไปนำมาจากจวนของนางเหม่ยเอ๋อก็พอจะรู้เหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้นางจะไม่เห็นภาพนั้นแต่นางได้ยินเสียงนั้นชัดเจนและมองเข้าไปในศาลาก็เห็นลางๆว่าเป็นชินอ๋องกับหลิวอี้เฟย นางจึงไม่กล้าซักถามอะไรพระชายาได้แต่รีบทำตามคำสั่งเท่านั้นเมื่อเก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยไม่ให้หลงเหลือสิ่งใดที่เป็นของนางไว้ แล้วก็พากันขนขึ้นรถม้าตรงไปที่จวนท่านราชครูทันที เมื่อไปถึงท่านราชครูตื่นตกใจเมื่อเห็นบุตรสาวขนข้าวของกลับมาเป็นจำนวนมากแสดงว่าคงเก็บมาทั้งหมดแล้วรวมทั้งสินเดิมของเจ้าสาว จึงให้บ่าวขนของไปเก็บทั้งหมดและจูงมือบุตรีไปนั่งในห้องโถงกลาง พลางซักถามเรื่องราว ซิ่วอิงเล่าให้ฟังคร่าวๆ ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดแต่ท่านราชครูก็พอคาดเดาเหตุการณ์ได้ จึงบอกนางว่าตามใจนางว่าจะทำอย่างไรต่อจะหย่ากับชินอ๋องก็ได้ ท่านจะไปขอร้อ
บ่ายวันรุ่งขี้นหลิวอี้เฟยนำน้ำแกงสมุนไพรมาให้ท่านอ๋องลองชิมอีกนางบอกว่าเป็นสูตรที่ได้มาจากญาติทางฝ่ายมารดาของนาง จึงเพิ่งทดลองทำเป็นครั้งแรกและได้เอามาให้ท่านอ๋องลองชิมท่านอ๋อง ชวนนางไปนั่งที่ศาลากลางบึงบัวเหมือนเดิมทั้งสองคุยกันปกติแต่นางสังเกตว่าครั้งนี้ท่านอ๋องดูรักษาระยะห่างห่างกับนางมากกว่าทุกครั้งและไม่ค่อยพูดคุยหยอกเย้านางเหมือนเดิมและนัยน์ตาของเขาที่เคยกรุ้มกริ่มเวลามองนางนั้นตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเฉยชาไม่ค่อยมองนาง อย่างพึงใจเช่นทุกครั้งระหว่างที่ท่านอ๋องเผลอนางสลับโถที่นางใช้ใส่น้ำแกงสมุนไพรนั้นเปลี่ยนเป็นอีกอันนึงให้ท่านอ๋องเมื่อท่านอ๋องยกขึ้นดื่มไปได้ซักครู่หนึ่งก็รู้สึกรุ่มร้อนแปลกๆเหงื่อกาฬไหล และรู้สึกว่ามีกำหนัดมากขึ้นผิดปกติ หันไปมองอี้เฟยรู้สึกต้องการนางขึ้นมาอย่างรุนแรงผิดปกติ เมื่อเห็นยาปลุกกำหนัดออกฤทธิ์แล้ว หลิวอี้เฟยลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งบนตักของท่านอ๋อง สองมือของนางโน้มศีรษะของท่านอ๋องลงมาประกบจูบปากจิ้มลิ้มของนางทันทีท่านอ๋องตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ลิ้นเล็กของนางก็สอดเข้าไปในปากของท่านอ๋องไม่ให้ทันได้ตั้งตัวทำให้ชินอ๋องทำอะไรไม่ถูก เหตุด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดชนิด
บ่ายวันต่อมา ซิ่วอิงรู้สึกเบื่อๆเล็กน้อยและอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนนางจึงเข้าครัวให้เหม่ยเอ๋อนำมะม่วงไปล้างปอกเปลือกให้เรียบร้อยแล้วสอนหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนางก็ลงมือทำน้ำปลาหวาน โดยใช้ปลาตากแห้งเมื่อวานมาทุบและตำให้ละเอียดนำไปเคี่ยวใส่เกลือและน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ทุบพริกที่ซื้อมาเมื่อวานลงไป ชิมรสดูพอกินได้ แก้ขัดเพราะสมัยนี้ไม่มีน้ำปลาวันหลังจะลองทำปลาร้าหมักดูเห็นมีไหที่ใช้ดองผักอยู่ที่ครัวหลักหลายใบ จะขอมาสักสองใบเอามาใช้หมักปลาร้า กลิ่นคงแรงน่าดูขณะนี้คิดก็หัวเราะคิกคักคนเดียว เหม่ยเอ๋อหันมามองพระชายาดูแจ่มใสอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนางก็พลอยยิ้มมีความสุขไปด้วยเมื่อมะม่วงและน้ำปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกไปนั่งหน้าชานเรือนเล็ก นั่งลงกินมะม่วงน้ำปลาหวานกัน ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวรูปร่างผึ่งผายใบหน้าก็หล่อเหลาปรากฏที่ตรงหน้าซิ่วอิง นางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขายิ้มให้นางจึงยิ้มตอบไป" พระชายาทำอะไรกันน่าสนุกนะ ข้ามาเยี่ยมเสด็จพี่จึงเดินเลยชมสวนในตำหนักนี้เห็นสวนที่นี่สวยงามนัก จึงเดินเลยมาถึงเรือนนี้ " ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นยิ้มว่า " หม่อมฉันกับเหม่ยเอ๋อกำลัง
ชินอ๋องชักรูดลำกายแกร่งสองสามครั้งจากนั้นสอดลำกายใหญ่นั้นเข้าไปที่ร่องอวบ ค่อยผลักดันมันเข้าไปจนสุด “อ๊าย อ๊าย อ๊ะ”สะโพกอวบสั่นกระตุกอีกครั้ง จากนั้นเขาค่อยๆขยับโยกลำกายแกร่งเข้าสุดออกสุดช้าๆ ค่อยเร่งความเร็วขึ้น ควงบั้นเอวเป็นวงกลมกดกระแทกตอกเข้าไปแรงขึ้นเรื่อยๆ ตับ ตับ ตับ ตับ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง ชินอ๋องขย่มคนใต้ร่างจนเตียงสั่นไหว หัวเตียงกระทบผนังดังกึกๆ ทั้งสองร้องครวญครางประสานกันดังลั่นจนออกไปหน้าเรือนนอน เหม่ยเอ๋อที่นั่งอยู่หน้าเรือน ค่อยๆถอยออกไปจากบริเวณนี้ ใบหน้าแดงก่ำ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ท่านอ๋องแรงขึ้นอีกเพคะ อ๊าย อ๊าก อ๊าก” ร่างหนาขย่มโยกร่างอวบอย่างรุนแรง ส่วนคนใต้ร่างก็ไม่ยอมแพ้ร่อนสะโพกผายรับกายแกร่งเป็นจังหวะเดียวกัน สองแขนเรียวยกโอบลำคอหนา สองขาเรียวงามก็เกี่ยวรัดบั้นเอวหนาไว้แน่น ตับ ตับตับ ตับ ชินอ่องกระแทกลำกายแกร่งเข้าออกสุดแรงจนนางแทบจะจมไปกับเตียงอ๋องหนุ่มปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปในร่องรักของชายาจนหมดทุกหยาดหยด ชินอ๋องหมดแรงลงนอนกอดชายารักแน่น หอมแก้มนวลดังฟอดใหญ่“ เมียจ๋า เมียรักของพี่ พี่ไม่ยอมให้เจ้าเป็นของผู้อื่นง่ายๆหรอก พี่จะไม่ยอมหย่าให้เจ้า
“ ท่านทำบ้าอะไร เห็นไหมแขกของหม่อมฉันกลับไปแล้ว เขายังไม่ทานอะไรเลย เนื้อย่างนี่ข้าทำให้เขาลองชิมดูเขายังไม่ได้ลองชิมดูสักคำเลย ” ซิ่วอิงหันไปเอ็ดชินอ๋อง “ เปิ่นหวางทำอะไรผิดก็เจ้าเป็นเมียเปิ่นหวาง เมื่อเจ้ามีแขกมาเยี่ยมในตำหนักเปิ่นหวางก็ต้องมาช่วยเจ้ารับแขกก็ถูกต้องแล้ว ส่วนเนื้อย่างแสนอร่อยนี้ เปิ่นหวางเป็นสวามีของเจ้า ปกติแล้วเจ้าก็ทำอาหารมาให้เปิ่นหวางชิมอยู่บ่อยๆ เมื่อแขกกลับไปแล้วเราก็มานั่งทานเนื้อย่างกันสองคนเถอะนะเมียจ๋า ” ชินอ๋องพูดพร้อมกับโอบกอดนางอีกครั้งและก้มใบหน้าหล่อคมของเขาดอมดมและซุกไซร้แถวซอกคอของนางอีกด้วย เหม่ยเอ๋อตาค้างแล้วก็ค่อยๆถอยออกไปจากตรงบริเวณนั้นทันที ซิ่วอิงตีแขนแกร่งเบาๆ “ ท่านอ๋องจะบ้าหรือไง ใครเป็นเมียท่านกัน อย่ามาพูดซี้ซั้วนะ ผู้อื่นได้ยิน เข้าใจผิดเลยเห็นไหม อีกไม่นานเราจะหย่าขาดจากกันแล้ว ท่านก็อดทนรอหน่อยก็แล้วกัน หรือจะแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาเลยก็ได้ หม่อมฉันไม่ได้ว่าอะไรเพราะอีกหน่อยหม่อมฉันก็จะย้ายกลับจวนของท่านพ่อแล้ว ” ชินอ๋องตะลึงค้างนางคิดจะหย่าจากเขาอย่างนั้นหรือ แถมบอกให้เขาแต่งหลิวอี้เฟยเข้ามาอีกด้วย แสดงว่านางคิดจะหย่าจ