ริมฝีปากหยักได้รูปไม่รอช้ารีบประกบริมฝีปากกระจับนั้น เรียวลิ้นหนาเริ่มรุกล้ำเข้าไปในโพรงแม้ในตอนแรกจะปิดแน่นสนิท นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่มีความรู้เรื่องนี้ ครั้งก่อนเธอมึนเมาและถูกปลุกเร้าด้วยฤทธิ์บางอย่าง แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป.. “อือ!” เสียงครางหวานเล็ดลอดผ่านลำคอเพราะตอนนี้ภายในร่างกายของเธอรู้สึกแปลก ตอบสนองรสจูบของเขาอย่างห้ามไม่ได้ อีกทั้งลิ้นเรียวเล็กของเธอถูกดูดกลืนราวกับกำลังจะถูกเขาครอบงำ...ยากที่จะปฏิเสธมัน รสจูบที่จาบจ้องและรุนแรงทำให้เธอแทบหายใจไม่ทัน “อื้อ...” เสียงค้านดังขึ้นผ่านลำคอเมื่อรู้สึกถึงมือหนาที่ค่อยลูบไล้ปลดเปลื้องเสื้ออาภรณ์ของเธอ ทุกการสัมผัสของเขาราวกับมีมนต์สะกด ความรู้
“ยังไงคุณก็จะไม่บอกผมใช่ไหมครับว่าคุยเรื่องอะไรกัน?” เมื่อเท้าก้าวเข้าบ้านมาดีนก็เอ่ยถามนิลมณีทันทีเมื่อเห็นว่าเธอกำลังเดินนำเตรียมจะขึ้นไปห้องของตัวเองที่ชั้นสอง นิลมณีชะงักฝีเท้าเธอหันกลับไปมองเขาด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า ที่รู้สึกเหนื่อยเพราะเธอคิดเรื่องทางเลือกที่อัคคีให้มาไม่หยุดไม่ว่าจะมองหาทางไหนก็มืดมันแปดด้านจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วและอยากอยู่เงียบๆกับตัวเองสักพัก “บอสคะ คุณมีคฤหาสน์หลังใหญ่ให้อยู่ มีผู้ติดตามตลอด มีลูกน้องมีคนขับรถ...ทำไมบอสไม่กลับไปอยู่บ้านของตัวเองล่ะคะ” “หืม? ก็เพราะแมว...คุณชวนผมมาอยู่ที่นี่เองไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จะไล่กันแล้วว่างั้น?” “ลองคิดดูนะคะ ถ้าเกิดวันนี้ซันนี่มาเที่ยวที่บ้านจริงเธอก็ต้องรู้...นั่นหมายถึงคนในบริษัทรู้ ถึงวันนี้
'ข้าจักให้เวลาเจ้าได้คิดเสียหน่อย...แล้วค่อยกลับมาให้คำตอบ' คำพูดของอัคคียังคงก้องอยู่ในหูของเธอ จากที่ได้คุยกับอัคคีแล้วนั้นหากต้องการพลังของเธอคืนเพื่อจะช่วยพวกพ้องเหล่าภูติผีปีศาจก็ต้องดึงดวงจิตของพญาสิงห์ อดีตจอมราชาองค์ก่อนแยกออกจากร่างของดีน แต่ขณะเดียวกันนั้น.... ...ร่างของดีนก็อาศัยดวงจิตของพญาสิงห์เพื่อดำรงชีวิตอยู่เช่นกัน... ...ด้วยสัญญาแลกเปลี่ยนที่มีให้กัน.... เพราะเหตุนี้หากทำพิธีดึงดวงจิตออกมาดีนก็จะต้องตาย...แต่ทำไมเธอถึงได้ลังเลกันล่ะ ในเมื่อต่อให้เขาตายก็ไม่มีผลกับเธอ แถมยังดีกับด้วยซ้ำ...ไม่มีผลกับเธอจริงๆน่ะหรือ? ยิ่งคิดใบหน้าสวยก็ยิ่งเคร่งเครียด ความเจ็บปวดแผ่ซ่านเข้าที่หัวใจจนแทบหายใจไม่ออก...แค่คิดว่าเขาจะหายไปตลอดกาล... "คุยเรื่องอะไรกันถึงทำให้เลขาจอมเย็นชาของผมทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้ได้" เสียงของดีนเรียกให้เธอตื่นจากภวังค์ความคิด เธอหันไปมองเขาที่ตอนนี้นั่งไขว้ห้างเท้าแขนกับกระจก มือท้าวคางจ้องมองเธอราวกับกำลังสนุกที่เห็นสีหน้าของเธอเป็นแบบนี้...เขาผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย... "ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ" นิลมณีตอบพลางสะบัดหน้าหนีสายตาคมของเขา
“เอ่อ...คือว่าฉันอยากไปที่ร้านคุณอัคคีก่อนน่ะค่ะ” หลังจากที่หงส์พรายหายไปกับสายลมนิลมณีก็รีบหันไปบอกกับดีนทันที ภายในใจนึกเป็นห่วงพวกพ้องของตนและคิดว่าตัวเธอเองอยู่ที่โลกมนุษย์นานเกินไปแล้ว ถึงจะจำเรื่องที่ตัวเองถูกดีดมายังโลกมนุษย์ไม่ได้แต่ว่า...ความทรงจำในโลกปีศาจนั้นเธอยังคงจำได้ขึ้นใจ แม้ร่างกายของเธอตอนนี้แทบจะเป็นมนุษย์เต็มตัว แต่มันก็ยังคงมีกลิ่นไอของปีศาจแมวอยู่จางๆ ไม่เช่นนั้นหงส์พรายคงไม่มีทางหาเธอเจอแน่ เธอมีเรื่องที่ต้องคุยกับอัคคีให้รู้เรื่อง “เหอะ...คิดถึงมันขนาดนั้นเลย?” ดีนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเธอพึ่งออกจากโรงพยาบาลแท้ๆแต่กลับเรียกหาอยากเจอคนอื่น “มันที่คุณพูดถึงก็คือเพื่อนของคุณไม่ใช่หรือคะ?”&n
ทุกวันที่อยู่โรงพยาบาลมักจะมีดีนคอยเฝ้าและคอยกวนเธอตลอด ไม่ทำให้เธอรู้สึกเบื่อเลย...อีกทั้งภายในใจกลับรู้สึกถึงแรงบางอย่างเสมอเมื่อเขาเข้าใกล้...ก้อนเนื้อในอกมันมักจะเต้นระบำอย่างควบคุมไม่ได้ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ในสายตาของเธอมองเขาเปลี่ยนไป...อาจจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางกายที่เคยเกิดขึ้นถึงทำให้เธอรู้สึกแบบนี้...แต่มันก็แค่คืนเดียว... “แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเหรอ?” ดีนเดินเข้าห้องมาพร้อมกับผู้ติดตามคนสนิทหลังจากที่ออกไปเตรียมรถ เพราะวันนี้เป็นวันที่เธอได้ออกจากโรงพยาบาลนั่นเอง “อือ” เธอตอบสั้นๆ พลางเบือนหน้าหนี แค่เห็นหน้าเขากลับรู้สึกแปลกๆจนไม่กล้ามองหน้าเสียอย่างนั้น “เรา...กลับบ้านกันเถอะ” พูดพลางยื่นมือไปทางเธอด้วยรอยยิ้ม นิลมณีมองค้างไปด้วยใจที่เต้นรัวก่อนท
“เพราะมีราชากระจอกแบบนี้...เจ้าจึงต้องเสียดินแดนเขตนี้ให้ข้า ผู้ยิ่งใหญ่...ทุกเขตแดนล้วนแต่มีข้าปกครอง อย่าดื้อดึงไปหน่อยเลย” เสียงพูดพร้อมยิ้มเยาะหลุบสายตามองมาที่เธอ ...เอ๊ะ.... “จงดับสิ้นไปเสียเถอะ!!” “อ๊ากกกกกกก!!” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด เลือดหยดลงพื้นต่อหน้าต่อตา ภาพที่เห็นเพียงหลังข้อเท้าของผู้ที่เอาตัวมาปกป้อง พยายามเอียงหน้าขึ้นมองด้วยความยากลำบาก...เห็นกรงเล็บที่งอกยาวทะลุร่างของสหาย สมิงพรายเหลียวมองเธอด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ไปซะท่านราชินี!!” .