ความไม่แน่ใจทำให้ข้าวหอมขยับตัวเล็กน้อย เธอยกแขนขึ้นกอดอกแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว รู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองที่มาหวั่นไหวกับคำพูดเล่นๆ ของเขาแบบนี้
…เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว! เธอต้องเลิกใส่ใจคำพูดของเขาให้ได้!
ดวงตาคมเหลือบมองเด็กสาวข้างๆ ที่ยังนั่งกอดอก หน้าบูดเหมือนกำลังข่มความว้าวุ่นใจไว้เต็มที่ ความเงียบระหว่างพวกเขาไม่ได้อึดอัด… แต่มันกลับทำให้ธีร์ต้องใช้แรงทั้งหมดเพื่อเก็บซ่อนความรู้สึกที่กำลังเอ่อล้นอยู่ในอก
…บางทีเขาน่าจะแค่เงียบไปตั้งแต่แรก ไม่ควรเผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไปเลยจริงๆ
รอยยิ้มของเขาก็จางลงเมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
แล้วถ้าเธอไม่ได้รู้สึกเหมือนเขาล่ะ?
ถ้าเธอแค่เขินเพราะคำพูดกำกวม ไม่ใช่เพราะรู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับเขา…
ธีร์กำมือที่จับพวงมาลัยแน่นโดยไม่รู้ตัว คำพูดเมื่อครู่มันหลุดออกไปตามสัญชาตญาณ เหมือนทุกครั้งที่เขามักแหย่เธอให้หน้าแดงเล่น แต่คราวนี้กลับรู้สึกไม่เหมือนเดิม
บางที…เขาอาจจะพูดอะไรเกินไปจริงๆ
ถ้าเขาปล่อยให้ตัวเองเผลอแสดงอะไรออกไปมากกว่านี้ล่ะ?
ถ้าเธอจับได้… แล้วถอยห่างออกไปล่ะ?
คิดได้ดังนั้น เขาก็แค่หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเลือกที่จะเงียบไป เหมือนไม่ได้ตั้งใจพูดอะไรออกมาแต่แรก
เขายอมให้ตัวเองแกล้งเธอ แหย่เธอให้โวยวายใส่เขาเหมือนเดิมดีกว่า ดีกว่าต้องมานั่งเห็นเธอสร้างกำแพงกั้นเขาออกไปจากชีวิต…
และถ้าต้องแลกกับการได้อยู่ข้างเธอแบบนี้ต่อไป
…เขาก็ยอมทำเป็นไม่รู้สึกอะไรต่อไปก็ได้
ไม่นานนัก รถก็เคลื่อนเข้ามาจอดที่ลานจอดประจำมหาวิทยาลัย ข้าวหอมรีบปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูออกทันที ราวกับต้องการหนีจากบรรยากาศชวนให้ใจเต้นเมื่อครู่
ข้าวหอมก้าวลงจากรถ ยืนนิ่งอยู่ข้างตัวรถชั่วครู่ แล้วกวาดตามองไปรอบๆ
บรรยากาศของมหาวิทยาลัยในช่วงเช้าคึกคักไปด้วยนักศึกษาที่เดินขวักไขว่ บ้างเดินถือหนังสือหนาเตอะ บ้างรวมกลุ่มคุยกันเฮฮา เสียงหัวเราะและเสียงกดชัตเตอร์จากโทรศัพท์มือถือดังเป็นระยะ ทำให้ข้าวหอมรู้สึกถึงชีวิตชีวาของที่นี่
“วันแรกดูคึกคักกันดีจัง” ข้าวหอมพูดพึมพำกับตัวเองในขณะที่สายตายังคงสำรวจไปทั่ว
ธีร์เดินอ้อมมาจากฝั่งคนขับ สายตาเผลอหยุดอยู่ที่ข้าวหอมที่ยืนอยู่ข้างรถ ดวงตากลมโตของเธอกวาดมองรอบตัวด้วยความสนอกสนใจ แววตาที่สดใส รอยยิ้มที่เผยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเบื่อเลย
เธอเป็นคนที่เข้ากับทุกสถานที่ได้ง่ายดาย แค่ยืนเฉยๆ ก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ข้าวหอมไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเธอมีอิทธิพลต่อตัวเขามากแค่ไหน
ธีร์กระแอมเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดสายกระเป๋าเธอเล่น พลางพูดแหย่ “อย่ามัวแต่มองเพลิน เดี๋ยวก็หลงหรอก”
ข้าวหอมละสายตาจากบรรยากาศรอบตัว หันมายิ้มให้เขาอย่างสดใส “ข้าวหอมจะหลงได้ไง ก็มีพี่ธีร์อยู่ด้วย”
เพียงคำพูดสั้นๆ แต่กลับทำให้ธีร์ชะงักไป
ธีร์เบือนหน้าหนี พยายามซ่อนความรู้สึกวูบหนึ่งที่แล่นผ่าน หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะกับคำพูดใสซื่อนั่น… ข้าวหอมคงไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับเขา มันกลับส่งผลมากกว่าที่ควรจะเป็น
แค่คำพูดสั้นๆ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนได้รับการยืนยันถึงตำแหน่งของตัวเองในชีวิตเธอ แม้เธออาจจะไม่ได้ตั้งใจพูดให้ลึกซึ้ง แต่สำหรับธีร์ มันคล้ายกับการตอกย้ำว่าเธอยังคงเห็นเขาเป็น ‘พี่ชาย’ ที่เธอเชื่อใจ เป็น ‘พี่ธีร์’ ที่เธอพึ่งพาเสมอมา ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
…มีเพียงเขาเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง
“ก็ดี… งั้นอย่าทิ้งพี่ไปล่ะ” เขาพูดออกไปเรียบๆ พยายามทำให้มันฟังดูปกติที่สุดทั้งที่ในใจรู้ดีว่าความหมายจริงๆ ของมันลึกซึ้งกว่านั้นมากนัก
ข้าวหอมขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดกำกวมนั้น แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรจริงจังนัก
“พี่ธีร์พูดอะไรเนี่ย ข้าวหอมไม่ได้เดินหนีสักหน่อย”
ธีร์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินนำไป “งั้นก็รีบเดินตามมา อย่ามัวแต่โอ้เอ้”
ข้าวหอมรีบก้าวตาม พลางอมยิ้มขำกับตัวเอง แต่สำหรับธีร์... เขาไม่ขำไปกับเธอ เพราะตอนนี้... คำว่า ‘ข้าวหอมจะหลงได้ไง ก็มีพี่ธีร์อยู่ด้วย’ ยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่ไปไหนเลย
ไม่นานนัก ทั้งสองก็มาถึงสวนริมน้ำที่มีนักศึกษานั่งอยู่กันเกือบเต็ม ข้าวหอมกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างสนอกสนใจ ที่นี่ดูร่มรื่น ลมเย็นพัดผ่านให้ความรู้สึกสบาย เหมาะสำหรับมานั่งพักชิลๆ หลังเลิกเรียน
แต่ทันทีที่พวกเขาเดินผ่านโต๊ะหนึ่ง เสียงเรียกที่ฟังดูตั้งใจเรียกเป็นพิเศษก็ดังขึ้น
“พี่ธีร์คะ~”
ข้าวหอมหันไปตามเสียง ก่อนจะพบกลุ่มนักศึกษาสาวที่แต่งตัวเปรี้ยวเฉี่ยวกำลังจ้องธีร์ด้วยแววตาเป็นประกาย ดูจากชุดที่พวกเธอใส่ ก็คงเป็นรุ่นพี่ของเธอแน่ๆ และที่สำคัญคือพวกเธอคงรู้จักธีร์กันดีอยู่แล้ว
ก็ไม่น่าแปลก... ธีร์เป็นเดือนคณะและหนุ่มฮอตที่ใครๆ ก็หมายตา การที่มีสาวๆ เรียกเขาแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ
ธีร์หยุดฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปส่งยิ้มตามมารยาทให้พวกเธอ ข้าวหอมเห็นรอยยิ้มจางๆ นั้นแล้วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“พี่ธีร์ นั่งด้วยกันก่อนไหมคะ~” หนึ่งในกลุ่มเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว ดวงตาหวานเยิ้มเต็มไปด้วยความตั้งใจที่ชัดเจน
“ใช่ค่ะ ไม่เห็นพี่ธีร์แวะมานั่งที่นี่นานแล้วเลย~” อีกคนเสริมขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
ข้าวหอมกะพริบตาปริบๆ มองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทำไมเธอถึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมานะ?
กล้ามเนื้อใบหน้าเขาเกร็ง ความร้อนแล่นขึ้นมาถึงท้ายทอย แต่เขายังไม่หยุดเสียงหวานครางสั่นของเธอช่างยั่วยุเกินต้านธีร์รู้ตัวดีว่าไม่ว่าจะพยายามอดกลั้นแค่ไหน ร่างกายกลับเป็นฝ่ายทรยศ เขายิ่งกดสะโพกเข้าหาเธอด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจหักห้ามช่องทางนุ่มภายในร่องนั้นตอดรัดเขาแทบบ้า ตอดรัดเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป ตอดจนเขารู้สึกว่า…เขาไม่มีทางหนีจากเธอได้อีกแล้วและข้าวหอม…เธอก็รู้ เธอรู้ว่ากำลังถูกเติมเต็มอย่างถึงที่สุดหัวใจเธอเต้นแรงจนได้ยินเสียงของมันชัดเจนในหู ความอนที่แล่นพล่านจากจุดเชื่อมต่อกลางกายแผ่ซ่านขึ้นไปจนมือสั่น ขาอ่อน ร่างกายเธอไม่มีแรงจะต้านหรือห้าม เธอมีเพียงแค่แรงขอ แรงอ้อนวอนที่เปล่งผ่านเสียงหวานพร่า“พี่ธีร์… อื้อ… ลึกอีก… ตรงนั้น… ข้าวจะไม่ไหวแล้ว…”คำขอของเธอเหมือนยิ่งปลดเปลื้องพันธนาการของเขา ธีร์เคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งเน้น ทั้งหนัก ลึกเข้าไปในจุดที่ทำให้เธอสะดุ้งทุกครั้งที่สัมผัสธีร์ก้มลงมองใบหน้าของเธอที่กำลังบิดเบี้ยวเพราะความหฤหรรษ์ ริมฝีปากสีอ่อนเผยอคราง เส้นผมเปียกชื้นแนบแก้ม ร่างกายเล็กสั่นระริกด้วยความเสียวซ่าน แต่เธอกลับยิ่งยกสะโพกขึ้นหาเขา เหมือนท้าทาย เ
"อื้อออ...พี่ธีร์...อย่าแกล้ง..." ข้าวหอมร้องเสียงหลงพลางหอบหายใจถี่จัด น้ำตาคลอด้วยความเสียวซ่านที่เกินจะทน"ข้าว...ข้าวอยากได้...อยากได้พี่ธีร์..."ธีร์หัวเราะในลำคอ ราวกับชอบใจนักที่ได้เห็นเธอคร่ำครวญสารภาพออกมาเอง"อยากได้อะไร ตัวเล็ก...บอกพี่ชัดๆสิ" เขายังไม่ยอมให้เธอพ้นจากความทรมาน กลับลากแท่งแข็งขืนถูวนตรงติ่งเสียวเนิ่นนาน จงใจให้เธอสั่นระริกใต้ร่างเขาเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กำลังดิ้นกระสับกระส่าย"อยากได้...อยากได้…ของพี่ธีร์...อื้อออ...ข้าวทนไม่ไหวแล้ว..." น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเบาแต่ชัดเจน เจือความอายแต่แน่นไปด้วยความต้องการจริงๆดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำตา เธอหลบตาเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ มือเล็กคว้าท่อนแขนของเขาไว้แน่น อ้อนขอสิ่งที่เธอต้องการอย่างน่าสงสารธีร์ขบฟันแน่นจนกรามขึ้นเป็นสัน รู้ตัวอีกทีก็หลุดเสียงครางต่ำในลำคอออกมาอย่างอดกลั้นเขาแทบจะเสียหลักในวินาทีนั้น เพราะเธออ้อน เพราะเธอวิงวอนขอเขาด้วยเสียงหวานๆที่แทบจะขาดใจเขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วกระซิบกลับเสียงกระเส่า"รู้ไหม...เวลาที่ตัวเล็กขอแบบนี้ มันทำให้พี่แทบบ้า..."เสียงของเขาหอบ แผ่วต่ำราวกับเสียงคำรามจากคนที่กำลังจะขาดสติ
ข้าวหอมหลับตาแน่น พยายามหนีความรู้สึกวูบไหวด้วยการซ่อนหน้าไว้ในความอบอุ่นของอกเขา แต่ก็เหมือนเดิม เธอไม่เคยหนีพ้นสายตาคมที่ไล่ตะครุบอารมณ์ของเธอได้ทันเลยและแล้ว...มือใหญ่ของเขาก็เลื่อนแทรกเข้ามาใต้ชายเสื้อยืดตัวหลวมของเธอนิ้วมือร้อนผ่าวลากไล้บนผิวเนื้อเปลือยเปล่า เคลื่อนจากเอวบางขึ้นไปถึงทรวงอกนุ่มนิ่ม แล้วจงใจสะกิดวนตรงยอดอกที่กำลังแข็งตัวนิดๆด้วยสัมผัสที่ยั่วเย้า“อ้ะ!!...พี่ธีร์...” เสียงของเธอสั่นพร่า ทั้งอายทั้งวูบวาบไปทั้งตัวยังไม่ทันตั้งหลัก มือที่เคยวนเวียนอยู่ข้างบนกลับขยับต่ำลง ลากผ่านหน้าท้องแบนราบ แล้วค่อยๆล้วงแทรกผ่านชั้นในชิ้นบางเบาที่แทบจะไม่ได้ปกปิดอะไรปลายนิ้วหยาบกร้านแตะต้องกลีบเนื้อที่เริ่มฉ่ำชื้นเพียงเพราะแค่ถ้อยคำกระซิบไม่กี่คำเมื่อครู่ ข้าวหอมสั่นสะท้าน ร่างกายโอนอ่อนราวกับไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไปความอายพุ่งทะยานจนเธออยากหายตัวไปเสียเดี๋ยวนั้น แต่ร่างกายกลับเปิดทางให้เขาเข้าสัมผัสอย่างง่ายดายเสียจนธีร์หลุดหัวเราะต่ำๆ ออกมาอีกครั้ง“หึ...ตัวเล็ก” เขากระซิบเสียงต่ำในขณะที่ไล้นิ้วไปมาในช่องทางที่ชื้นแฉะนั้นอย่างกลั่นแกล้ง “แล้วตอนอยู่บ้านล่ะ...ช่วยตัวเองบ้างไหม?
ข้าวหอมชะงัก ปลายผ้าขนหนูหยุดค้างที่ข้างแก้มของเขา“หือ?”“พี่ไม่ได้กินบ่อยหรอก” ธีร์พูดต่อ “รู้ว่ากินเหล้ามันไม่ดี มันทำให้สุขภาพแย่… แล้วข้าวหอมก็ไม่ได้ชอบคนกินเหล้าใช่ไหมล่ะ”คำพูดเรียบๆนั้นทำให้ข้าวหอมรู้สึกเหมือนถูกสะกิดบางอย่างเธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่ทำไมมันฟังดูเหมือนเขากำลังพูดให้เธอฟัง… หรือพูดให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้กินเหล้าเพราะเธอ?เธอเม้มปากแน่น วันนี้เขาทำให้เธอใจเต้นไม่หยุดหย่อน เขาดูแปลกไปจากทุกทีมากเลย พี่ธีร์...รู้หรือเปล่านะว่าตัวเองทำให้คนเขาใจเต้นแค่ไหน“ก็… จริงแหละ” ข้าวหอมพึมพำตอบ ก่อนจะรีบเบี่ยงหน้าหนี ยกผ้าขึ้นเช็ดแก้มเขาอีกรอบเพื่อกลบเกลื่อนความคิดของตัวเองพี่ธีร์กำลังเมา…แล้วเธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?ข้าวหอมมองคนตัวโตที่เอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างทิ้งตัว เปลือกตาของเขาดูหนักอึ้งกว่าปกติจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เสี้ยวหน้าคมที่เธอคุ้นเคยดูผ่อนคลายลงจนเธออดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขานานกว่าปกติเธอไม่ค่อยได้เห็นพี่ธีร์ในสภาพแบบนี้บ่อยนักนึกสนุก…ข้าวหอมยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มเขาเบาๆ “พี่ธีร์ เมาจริงปะเนี่ย?”ธีร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนตอบกลับด้วยเสียงเนิบๆ “เปล
ในช่วงของคืนของเย็นวันศุกร์คืนหนึ่ง ข้าวหอมกำลังจะปิดไฟเข้านอน ท่ามกลางความเงียบสงบของค่ำคืนที่ชวนให้นึกถึงเรื่องเก่าๆจู่ๆ เสียงโหวกเหวกหน้าบ้านก็ดังขึ้น เรียกให้เธอชะงักข้าวหอมหันไปมองนาฬิกา เข็มสั้นชี้เลขสิบเอ็ด เข็มยาวเกือบแตะเลขสิบสองเธอขมวดคิ้ว ก้าวออกจากเตียงแล้วเดินไปชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างห้องนอนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นเธอเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นมีรถจอดและคนสองคนยืนเซไปมาอยู่หน้าบ้านของพี่ธีร์ เธอรีบใส่เสื้อคลุมแล้วเดินลงมาชั้นล่าง เปิดประตูบ้านออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นแสงไฟจากหน้ารถสาดให้เห็นร่างของพี่บอลกำลังประคองใครบางคนอยู่ และทันทีที่ข้าวก้าวออกไป เธอก็จำได้ทันทีว่าคนที่เซๆ อยู่ในอ้อมแขนนั้นคือพี่ธีร์...ในสภาพตาเยิ้มๆหน้าแดงๆ“ขะ...ข้าว?”เสียงของคนเมาเรียกชื่อเธอ ก่อนจะเอนตัวมาเล็กน้อยเหมือนจะโบกมือแต่ก็เกือบล้มลงไป“เฮ้ยพี่ธีร์! เดี๋ยวล้ม!”ข้าวรีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองอีกแรง ขณะที่บอลถอนหายใจแรงแล้วหันมาพูดกับเธอ“พี่ฝากหน่อยนะน้องข้าวหอม ธีร์มันไม่ไหวละวันนี้... โดนเพื่อนกรอกเหล้าไปหลายแก้ว”ข้าวพยักหน้ารับเล็กน้อย แม้จะตกใจนิดๆที่เห็นพี่ธีร์ในสภาพแบบนี้ แต่ก็ไม่โทษ
เสียงงึมงำเบาๆดังขึ้นใต้ผ้าห่ม“อื้อ...บ่ายแล้ว...”ข้าวหอมบ่นเหมือนจะลุก แต่แค่ขยับก็ถูกกอดแน่นกว่าเดิมธีร์กระชับอ้อมแขนแน่นยิ่งขึ้น เหมือนกลัวว่าแค่กระพริบตาเธอก็จะหายไปไหนข้าวหอมถอนหายใจเพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงเธอก้มหน้าซุกอกเขาแน่นขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก เหมือนหัวใจอยากบันทึกช่วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุด...เขามีวิธีทำให้เธอใจเต้นแรงได้เสมอ โดยไม่ต้องพูดอะไรเลยธีร์กดหน้าลงกับผมนุ่มยุ่งของเธอ เสียงหายใจของเขาหนักขึ้นเล็กน้อย ตามด้วยเสียงครางต่ำๆอย่างขี้เกียจเขายังไม่อยากตื่น ไม่อยากลุก ไม่อยากปล่อยเธอไปจากอ้อมแขนเลยเมื่อคืนเขาเป็นฝ่ายได้เธอ...แต่เช้านี้กลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกกลืนลงไปทั้งใจ"ยังไม่อยากลุกเลยตัวเล็ก...อยากกอดแบบนี้ทั้งวัน"น้ำเสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความงอแงแบบผู้ใหญ่ที่เอาแต่ใจสุดขีดข้าวหอมหลุดหัวเราะในลำคอ พลางเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างง่วงงุน เปลือกตายังหนักอึ้ง แต่รอยยิ้มจางๆที่ปรากฏบนริมฝีปากเล็กนั่นกลับทำให้ธีร์รู้สึกเหมือนโดนแทงเข้ากลางใจอีกครั้งโคตรน่ารัก...น่ารักจนอยากจับขังไว้ในอ้อมกอดทั้งชีวิตเสียงของเขานุ่ม แต่หนักแน่นอย่างที่ข้าวหอมไม่เคยได้ยิน