LOGIN“ฝากเธอไว้ได้ไหมล่ะ?” ชายหนุ่มลองหยั่งเชิงหากเมวิกาเป็นคนหิวเงินเธอคงรีบกระโจนใส่
“ไม่เอา!!” เธอรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ฉันกลัวหาย...แล้วไม่มีปัญญาหามาใช้คืนด้วย...มันเยอะเกินไป”
หญิงสาวปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด เธอส่ายหน้าจนผมกระจาย
“คุณรักษามันไว้ดีๆ ล่ะ”
หญิงสาวเตรียมหมุนตัวหนี
“ถ้าฉันจะอยู่อีกสักพัก...รอจนกว่าญาติจะมารับเธอคิดว่าไง?”
ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมีแต่น้ำเสียงเฉยชาตอบกลับมา
“มันแล้วแต่คุณ! ฉันไม่เกี่ยว”
หล่อนรีบเดินกลับเข้าห้องตัวเองไม่สนใจเงินเยอะๆ ที่หล่อนพูดถึงสักนิด นอกจากไม่สนใจเงินแล้วหล่อนไม่สนใจเขาด้วยนี่สิ มันทำให้หนุ่มเสน่ห์แรงเคือง!! หากแวซ็องคิดจะเด็ดปีกความผยองของหล่อนให้สมกับฉายา 'นักล่ามือทอง' เขาไม่ผิดใช่ไหม? ก็เมวิกายั่วยุให้สัญชาตญาณนักล่ามือฉมังของเขาตื่นเพลิดขึ้นมาเอง...มันช่วยไม่ได้
ชายหนุ่มเดินอ้อมไปหาป้าเจ้าของบ้าน ตอนนี้เขามีเงินทุนสำหรับการลวงล่อเมวิกา หล่อนไม่สนเงินเขาก็จะใช้อย่างอื่นแทน
เริ่มต้นที่ ‘ร่างกาย’ โดยเฉพาะดวงตา
แวซ็องจำได้ดี เขาเคยมองจนฝ่ายตรงข้ามละลายมาแล้ว นับประสาอะไรกับผู้หญิงอ่อนเดียงสาคนหนึ่งอย่าง ‘เมวิกา’ หล่อนไร้เดียงสาจนเขาได้กลิ่นบริสุทธิ์
“อ้าว...มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอ? พ่อฝรั่ง”
นางรีบตะโกนถาม เมื่อผู้ชายแปลกหน้าคนเดิมเดินดิ่งตรงมาหา
แวซ็องส่งยิ้มให้ “ห้องพักยังพอมีเหลือไหมป้า?”
ชายหนุ่มพยายามสื่อสารเท่าที่ตัวเองพอทำได้และอีกฝ่ายเข้าใจ
สาวใหญ่ยังงงๆ แต่เมื่อชายหนุ่มพยายามพูดซ้ำ นางจึงเข้าใจ และรีบพยักหน้ารับ
“มีสิ...แต่ไม่กลับบ้านเหรอไงล่ะ?”
“รอคนมารับน่ะ” หากพากันสังเกตจะมองออกว่าชายหนุ่มพยายามวางตัวเหินห่าง เขาพูดไม่มีหางเสียง แต่เพราะเป็นคนต่างชาติที่พยายามพูดจึงถูกละเลยเรื่องนี้ไป
ห้องพักเก่าๆ สีซีดไม่พอ สีที่ทาไว้ยังกะเทาะล่อนเป็นรอยด่างทั่วทั้งผนังและฝ้าเพดาน หนุ่มติดหรูไฮโซตัวพ่อบิดมุมปากจนเบี้ยว เขาใช้ปลายเท้าเขี่ยฟูกนอนเก่าจนราขึ้นที่ผืนผ้า เพราะการผ่านช่วงเวลาแสนนานมาด้วยความรังเกียจ มันก็สมราคาสำหรับห้องพักแสนกระจอกในราคา1500 บาท สำหรับชายหนุ่มมันคือเศษเงิน แต่สำหรับคนอื่นๆ อีกหลายคนมันออกจะแพงไป
แวซ็องอยากโวย!!
เมื่อทำไม่ได้ก็ต้องข่มใจทน...ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆ ข่มกลั้นความไม่พอใจไว้ข้างใน
“พออยู่ได้ไหมล่ะ...เก่าไปสักนิดแต่ฉันก็คิดไม่แพงนะ”
ชายหนุ่มกัดฟันพูด “ได้...ถ้าจะช่วยเอาไอ้นั่นไปโยนทิ้งให้ด้วยล่ะก็ ฉันจะจ่ายล่วงหน้า3 เดือน” ชายหนุ่มชี้ไปที่ที่นอนที่ไม่ต่างอะไรกับกองเชื้อโรค เขาสุดกลั้นจริงๆ เมื่อมันอาจจะทำให้เขาคันคะเยอหากทิ้งตัวนอนบนนั้น
“ได้ไง...แล้วจะนอนตรงไหนกัน มันยังดีๆ อยู่เลย” นางพยายามท้วง ที่นอนเก่าก็จริงแต่สภาพยังพอนอนได้เอาผ้าสะอาดมาคลุมทับแค่นั้นก็ดูดีขึ้นมาล่ะ
ดวงตาคมดุหลุบลง เขาผ่อนลมหายใจช้าๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองโวยขึ้นมาจริงๆ เขากำลังของขึ้น “เดี๋ยวซื้อใหม่และฉันจะไม่นำมันกลับไปด้วย ช่วยเอาไปทิ้งไกลๆ ก็แล้วกัน” ข้อเสนอน่าสนใจ นางมีแต่ทางได้จึงพยักหน้าตกลง และรีบออกไปหาคนมาช่วยยกที่นอนออกไปตามความต้องการของเจ้าของห้องคนใหม่
ห้องเงียบกริบ เมื่อไร้เงาสิ่งมีชีวิต ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผมดกหนา เขาบ่นพึมด้วยความไม่เข้าใจตัวเอง “กูมาทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่ว่ะ”
นั่นสิ! เขามามัวทำอะไรอยู่ที่นี่ การซ่อนตัวจากดิดิเย่ร์ไม่ได้ทำยากเย็นเลย มีเงินก็สามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่าง ต่อให้มันจ้างพระเจ้า เขาก็จะจ้างพญามัจจุราชบังตา...แต่เขามัวมางมอะไรอยู่ที่นี่ เป็นผู้หญิงคนอื่นไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องเป็นเมวิกาด้วยล่ะ!
ยัยนั่นมีอะไรดี? ...ทำไมต้องกระเหียนกระหือรือจะต้อง ‘ฟัน’ หล่อนให้ได้
แวซ็องย้อนถามตัวเอง เขาไม่เข้าใจตัวเองเท่าไรหรอก จะต้องมาทนอึดอัดลำบากใจอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร?
“คิดว่าจะอยู่ได้เหรอ?”
เสียงถามหวานจับจิต เสียงคนคุ้นๆ ที่เขาไม่คิดว่าหล่อนจะใส่ใจ
“ก็ไม่แน่ใจนะ”
ชายหนุ่มตอบตามจริง เขาหมุนตัวกลับมาพร้อมกับรีบกลืนน้ำลายลงคอ...หิว!! ท้องเขาร้องโครกครากเมื่อในมือของเมวิกามีจานข้าว เธอทำอาหารตอนไหนหว่า? กลิ่นของมันชวนกินมาก...อาจจะเป็นเพราะเขาหิว หรือไม่ก็คนเอามาให้ถูกใจ!
“คิดว่าคุณยังไม่กินข้าวเลยทำเผื่อ...” หญิงสาวยื่นจานข้าวให้ ไม่มีอะไรมากแค่ข้าวผัดผักเหลือๆ ใส่ไข่ใส่หมูพอให้มีคุณค่าทางอาหารเพิ่มขึ้น ไม่ได้หรูหราอะไรเลย
“ขอบใจ” ชายหนุ่มรับจานมาถือเขายิ้มแผล่ “ไม่มีแม้แต่โต๊ะนั่งกินข้าว อยากได้ของใช้หลายอย่างแต่คิดว่าไม่จำเป็นเมื่อฉันคงอยู่ไม่นาน...พอแนะนำได้ไหม...ว่าควรซื้ออะไรดี” ชายหนุ่มถามความเห็น เขาคงอยากให้เธอมีส่วนร่วม เมวิกาหมุนตัวกลับเธอพูดลอยๆ “เงินคุณมีเยอะแยะ จะเสียดายทำไมล่ะ”
แวซ็องแสยะยิ้ม หล่อนตีตัวออกหากทันตาเห็น “ก็ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี ไม่รู้จะซื้อที่ไหนด้วย...” ชายหนุ่มแสร้งโอดครวญ...
“ที่ตลาดมีทุกอย่างที่คุณต้องการ หากในกระเป๋าของคุณมีสตางค์”
หญิงสาวเดินต่อ เธอไม่ยี่หระหรอกหากเขาจะไม่พอใจ สิ่งที่เมวิกาควรทำ คือการอยู่ห่างๆ เขา เมื่อกลิ่นอันตรายร้องเตือนเสียงดังกระหึ่มในหัวของเธอ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดสั่งให้เธอทำเช่นนั้น...
ชายหนุ่มเดินตาม...หญิงสาวเหลียวกลับมามอง ก่อนจะรีบเบือนหน้าหลบ พร้อมกับก้าวเท้าให้เร็วขึ้น
เธอรีบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องพักตัวเอง เป็นทางเดียวที่แวซ็องยังฝ่าเข้าไปไม่ได้ ชายหนุ่มหยุดมองประตูห้องพักที่ปิดสนิทนิ่งๆ แล้วจึงเดินอ้อมไปทางด้านหลัง ทรุดนั่งบนแคร่ตัวเก่า แบ่งข้าวในจานให้ไอ้ตูบกินด้วย
“ดิเย่ร์มากินซะ...แบ่งกันกินนาโว้ย” ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะสุนัขแสนรู้...เขาตักข้าวใส่ปากพลางเหลือบมองกระจกบานเกล็ด...ตรงจุดนั้นมีเงาคนรางๆ ยืนมองอยู่ มุมปากกระตุกยิ้ม แสร้งทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น...
“พรุ่งนี้แกจะกินไก่อีกไหม...ฉันจะออกไปซื้อของ...แกไปกับฉันไหมล่ะ ฉันไม่มีเพื่อนแกก็รู้” พูดกับหมาแต่ทำไม? เมวิการู้สึกเหมือนถูกว่ากระทบ เธอแอบเบ้ปาก รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่มีทางมองเห็น อดหมั่นไส้เขาไม่ได้จริงๆ ขนาดสุนัขอดโซยังหลงใหล...เจอหน้ากันแค่ไม่กี่ชั่วโมง...ไอ้ตูบก็แปรพักตร์...หันไปสวามิภักดิ์คนแปลกหน้าเสียแล้ว ‘ไอ้เห็นแก่กิน!’
“ชิ!” หญิงสาวสะบัดหน้าให้ เธอคว้าผ้าขนหนูขึ้นพาดบ่า เพื่อจะอาบน้ำอาบท่าให้คลายร้อน เตรียมตัวนอนดีกว่า ไหนๆ ก็ได้หลับยาวๆ สักคืน
หญิงสาวพึ่งฉุกใจ เขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าชุดเดิม เมื่อมันมีขนาดใหญ่ขึ้นไม่คับติ้วเหมือนกับตอนเช้าที่เธอเห็นครั้งแรก
แวซ็องส่ายศีรษะ แม่สาวน้ำแข็งใจแข็งยิ่งกว่าหิน ไม่สนใจขนาดเขาเดินตามมาอ่อย...หากมัวตามตอแยหล่อนอยู่แบบนี้คืนนี้เขาคงได้นอนตากยุงกับนอนบนพื้นสกปรกเหมือนเดิม ชายหนุ่มรีบกิน...มีอีกหลายอย่างที่ควรทำ เขาเดินกลับไปที่ห้องพัก หลังจัดการข้าวในจานจนหมด แทบจะเลียจานเลยหากไม่รู้สึกน่ารังเกียจเกินไป
“หาคนทำความสะอาดห้องพักให้ฉันด้วยได้ไหมป้า...” เขากลับมาทันเวลา สาวใหญ่กำลังเกณฑ์คนยกที่นอนสุดโทรมออกไปจากห้อง
“ได้สิ...ว่าแต่จะไปไหนล่ะ?” ความสอดรู้อันเป็นนิสัยประจำตัวทำให้นางอดใจไม่ไหว เผลอตัวถามไปอีก
ชายหนุ่มยิ้ม “ว่าจะไปหาซื้อที่นอนแล้วก็เครื่องใช้บางอย่าง...มีร้านพอจะแนะนำได้ไหมล่ะ”
นางยิ้มกว้าง...พร้อมกับรีบจูงมือชายหนุ่ม ปากก็ร้องตะโกนเรียกใครบางคน “เขียวๆ เขียวโว้ย...กวาดห้องถูห้องนี้ให้หน่อย...เขาจ้าง เดี๋ยวกลับมาจ่ายค่าแรง...” ผู้หญิงหน้าตอบผมสีน้ำตาลอ่อนโผล่ออกมาจากห้องพักหลังริมสุด เธอยิ้มให้ชายหนุ่มแปลกหน้า “ได้ป้า...แค่กวาดกับ ถูเหรอ?”
“เออสิวะ...ห้องแค่นั้นจะทำอะไรได้ ล้างห้องน้ำให้ด้วยก็จะดี”
นางสั่งเสียงขุ่น ตวัดค้อนให้เมื่อมองเห็นสายตาของหญิงสาวทอดมองเลยไปทางด้านหลัง “อีนี่ไม่เข็ด...ยังคิดจะอ่อย สภาพยิ่งกว่าผีตายซาก” นางบ่นอุบ เขียวเป็นหญิงหม้าย ส่วนมากสามีทิ้งและมีลูกเป็นโขยง...อายุไล่เลี่ยกัน จนนางระอา
“จ้าป้า...”
“คงมีคนใจดีเอามันไปเลี้ยงแล้วมั้งคะป้า” เขาใจดีกับสัตว์ แต่ใจดำกับเธอจนอยากที่จะลืม“จริงเหรอ...บุญของมัน อย่าบอกนะว่าพ่อฝรั่งนั่นเอามันไปเลี้ยง อย่างนี้คงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะอยู่คนล่ะซีกโลกแบบนี้”นางบ่นไปแกนๆ แล้วจึงเดินกลับไปประจำที่ตัวเอง ปล่อยให้เมวิกาเดินคอตกกลับห้องพักอย่างหงอยเหงาเธอทรุดตัวลง นั่งเอนกายลงนอน คู้เข่าขึ้นมากอดไว้พร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆ หลั่งริน“ไหนว่าจะไม่คิดถึงเขาไงเม”เสียงเครือสะอื้นต่อว่าตัวเอง มือที่กอดตัวเองไว้ไม่ได้อุ่นร้อนเหมือนที่เขาเคยกอด ตอนนี้เมวิกาหนาวจับขั้วหัวใจทางเดินของเธอกลับไปหม่นหมองเหมือนเดิม และดูท่าจะมืดมิดกว่าเดิมด้วยซ้ำ“เรายังโตมาแบบตัวคนเดียวได้เลย หากท้อง!! จะกลัวอะไรล่ะ เขายังมีเราอยู่ทั้งคน”สิ่งต่างๆ ในร่างกายที่เปลี่ยนไป มันย้ำให้เมวิการู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะอุบัติขึ้นมา เธอต้องตั้งสติจะมามัวจมอยู่กับความทุกข์ไม่ได้ หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่ง เธอควานมือลงไปใต้หมอน เพื่อหยิบซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่สิ่งสุดท้ายที่ผู้ชายใจร้ายคนนั้นทิ้งไ
บทที่9.ฉาวโฉ่!! ออกัสตัสอินเตอร์เทรต...“หลุยส์...ตามมาดามโจนส์ให้ฉันหน่อยสิ!”เซดริกกดอินเตอร์คอมสั่งงานเลขานุการคู่ใจเสียงลั่น!!หนุ่มหล่อตาสีน้ำขาว ผมสีน้ำตาลอ่อนขมวดคิ้ว ก่อนจะย้อนถามเสียงไม่ใคร่แน่ใจ“มาดามโจนส์แห่งปารีสเพรสน่ะเหรอครับ?”“อืม...ใช่...ขอด่วนด้วยนะ บอกหล่อนไปนะว่าฉันมีข่าวเด็ดสะเทือนปารีสจะให้ฟรี!!”เซดริกพูดไปยิ้มไป การยืมมือสื่อคือการดัดหลังพี่ชายได้อย่างชะงัด แถมมาดามแลงก้าก็ไม่กล้าโวยเพราะพี่ชายเขากับมารดารักหน้าตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใด“ครับ” หลุยส์แม้จะงงแต่ก็รีบรับคำคนภายนอกมองเซดริกเป็นพ่อพวงมาลัย เขาไม่หนักแน่นดั่งเช่นพี่ชาย แต่หารู้ไม่...บุรุษผู้น้องนี่ล่ะตัวดี เขาเจ้าแผนการมากเล่ห์เหลี่ยม การเสี้ยมให้สองฝ่ายชนกันนั้นเซดริกถนัด แต่เขาก็รักพี่น้องไม่แพ้คนอื่นๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เซดริกลงมือทำมั่นใจได้ว่าเป็นเรื่องดีไม่เกิน1ชั่วโมงก็อตซิปชื่อดังของปารีสก็รีบสลัดงานรัดตัวทิ้ง บึ่งหน้าตั้งม
“อย่าเดาส่งเดชว่ะ แกไม่รู้หรอกว่าฉันคิดอะไรอยู่...อย่าแส่!”เสียงตวาดขุ่นขวาง ดวงตาคมดุลุกโพลง...อารมณ์เดือดพล่านปานลาวาปากปล่องภูเขาไฟ พร้อมจะทำลายล้างทุกสิ่งหากเกิดความไม่พอใจขึ้นมา...“โอ๊ะโอ!”เซดริกคอหด เขางอตัวลงและเบียดตัวเองกับเก้าอี้นั่ง ทำเหมือนกับว่ากลัวฤทธิ์เดชของแวซ็องเสียหนักหนา...แต่แววตาของหนุ่มรุ่นน้องกับเต้นระริก เหมือนกำลังขำขันอะไรบางอย่าง แววตาของเซดริกเปล่งแสงระยิบ เหมือนกับรู้ว่าสิ่งที่พี่ชายกำลังกังวลคือเรื่องอะไร?รอยยิ้มรู้ทันที่ผุดขึ้นมุมปากของน้องชาย แวซ็องต้องรีบเบือนหน้าหนี พร้อมกับรีบสะกดอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเองให้สงบลงโดยไว ก่อนที่ความจะแตก...และถูกกระแหนะกระแหนไปอีกนานแสนนาน“นายคิดอะไรกับหล่อนงั้นสิ?”อาการพี่ชายแปลกๆ เซดริกจึงอดถามไม่ได้แวซ็องหันขวับรู้สึกเหมือนงูพิษ ถูกตีที่ขนดหาง แววตาของเขาลุกโชน ก่อนจะมีเสียงกระซิบแหบแห้งดังตามมา “อย่าแส่เซดริก!! แกไม่รู้ตัวใช่ไหม...ว่าพูดอะไรออกมา”ผู้อ่อนอาวุโสกว่าไหวไหล่ เขาเบ้ปากก่อนตอบเสียงแข็ง “
แหงนเงยใบหน้ายอมรับรสจุมพิตแสนรัญจวน ที่ทำให้เธอหลงเคลิบเคลิ้ม เสนอสนองตอบรับรสจูบแสนหวานนั้น ไม่คิดแม้แต่จะต่อต้านหรือผลักไส แพขนตางามงอนหลุบปิดลง...ยอมแพ้อย่างราบคาบ ยอมศิโรราบให้แก่พายุสวาทหวานหวามที่พัดพาให้เธอล่องลอยไปยังดินแดนในห้วงฝัน“เมจ๋า ฉันไม่เคยจูบใครแล้วชื่นใจเหมือน...เมสักคน”เสียงแผ่วปร่ากระซิบบอกชิดริมหู หญิงสาวได้แต่ยิ้มรับและครางสะอื้น เมื่อชายหนุ่มเริ่มปลุกปั่นเธอจนแทบจะดิ้นพล่านเพราะความซ่านสยิวเสียงครางแผ่วๆ ผสมกับเสียงหอบหายใจแรงๆ เมื่อคนทั้งคู่จมดิ่งในกองไฟแห่งความปรารถนา...กลิ่นเหงื่อเค็มๆ ลอยฟ่อง! กลิ่นคาวของความรัก แผ่กระจาย เสียงครางหวานแหลมทวีความดังขึ้น ทุกช่วงจังหวะที่เจ้าของร่างใหญ่ถาโถมเข้าใส่ เงาร่างกลางแสงสลัวๆ ที่แยงผ่านรอยแตก จึงมองเห็นเพียงร่างขาวโพลนโอบรัดกันแนบแน่นเหมือนดั่งเช่นสัตว์โลกทั่วไปที่กำลังเสพสังวาสกัน เพียงแต่ความมหัศจรรย์พันลึกของมนุษย์เป็นอะไรที่สุดจะหยั่งถึง มีความดุดันและอ่อนหวานอยู่ในที่ที่เดียวกัน...เพียงแค่มองเห็นผ่านตาแวบๆ ก็ชวนให้หัวใจกระเส่า ขนกายลุกซู่...เมวิกาแทบจะแดดิ้น
ระหว่างที่หญิงสาวยังลังเลอยู่ แวซ็องเองเป็นฝ่ายรอไม่ไหว เขารั้งเธอเขามาในวงแขนและมอบจุมพิตหวานฉ่ำให้หล่อนเสียเอง ทั้งสองคนหลงเพลิดอยู่ในห้วงปรารถนา จนร่ำๆ จะเกินเลย เมื่ออารมณ์พาไป มือใหญ่เคลื่อนที่เหมือนงูเลื้อย...ลูบคลำหญิงสาวด้วยใจพิศวาส“พอค่ะ พอนะคะ!!”เมื่อริมฝีปากร้อนผ่านเคลื่อนที่ลงต่ำๆ เมวิกาจึงมีเวลารวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงไป กลับคืนมาทัน เธอวิงวอนเขาเสียงหวานพร่า จนชายหนุ่มต้องยอมอ่อนให้...เขายังมีเวลาเหลือ ครั้งนี้เขาจะปล่อยเธอไปก่อน แต่หลังจากนั้นเธอจะต้องกลับมาชดเชยให้ เขาเกินคุ้ม!!“ได้เลยเม...รีบไปรีบกลับนะ ฉันรออยู่”ชายหนุ่มเอ่ยย้ำ เขายอมรามือให้ ปล่อยเธอออกไปทำงานเฉกเช่นคนอื่นๆเมวิกาลนลานก้าวลงจากเตียง เรียวขาเพรียวสั่นระริก...มันอ่อนแรงเสียแทบจะทรงตัวไม่อยู่“ให้ช่วยไหมทูนหัว”เสียงกระเซ้าของผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งเอนหลังพิงหัวเตียง แววตาของเขาเต้นระริก มันฉ่ำเยิ้มจนเธอผวา กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ก้าวออกจากห้องพัก หากเธอหันหลังกลับแล้วถลาเข้าหาอ้อมแขนแข็งแรงนั่นอีกครั้งหญิงส
ชายหนุ่มวางถุงอาหารมื้อเช้าไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ ข้างที่นอน เขาหย่อนตัวลงนั่งพร้อมทั้งรวบกอดเมวิกาไว้ในอ้อมแขน... “นึกว่าฉันชิ่งไปแล้วสินะ?” ชายหนุ่มพูดกลั้วเสียงหัวเราะ มันยังไม่ถึงเวลานั้นสักหน่อย ตอนนี้เขากำลังหลงเมวิกาหัวปัก จะให้ทิ้งเธอไปตอนนี้เสียดายแย่...“...” ไม่มีเสียงตอบกลับแต่ร่างอวบอุ่นซุกตัวในอ้อมแขนของเขา เธอสอดมือโอบรัดรอบเอว เหมือนลูกนกที่หลงรังฝากตัวกับผู้ปกครองคนใหม่“หึๆ” ชายหนุ่มโยกตัวไปมา ปลอบประโลมหล่อน “แบบนี้คิดว่าจะมีแรงไปทำงานไหมล่ะ...เครื่องฉันร้อนง่ายเธอก็น่าจะรู้นะเม” เสียงของแวซ็องแหบปร่า...เขาซุกใบหน้ากับพวงผมยาวสยาย สูดกลิ่นหอมๆ ปนกลิ่นเหงื่อจางๆ ของเธอจนชุ่มปอด...หญิงสาวรีบผลักอกของเขาแรงๆ แต่เหมือนจะช้าไป ไฟปรารถนาของแวซ็องถูกจุดขึ้นมาเสียแล้ว เมื่อกลิ่นหอมหวานลอยยั่วเย้าอยู่แค่ปลายจมูก“โทร. ลางานได้เลยจ้ะ เพราะเธอหมดแรงยืนแน่ๆ”ชายหนุ่มกระซิบบอกชิดริมใบหู เขาผลักเมวิกาจนหงายหลังพร้อมกับโถมเข้าใส่ โดยที่เมวิกาทำได้แค่กะพริบตาปริบๆ เพราะไม่เคยห้ามได้หากแวซ็องเ







