บทที่4.การใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้าที่หล่อเหลือร้าย
เมวิกาขอเวลานอกหัวหน้างาน เพื่อทำธุระส่วนตัว ของที่รับฝากไว้ นอนอุ่นอยู่ก้นกระเป๋ากางเกงของเธอ คงต้องบากหน้าเข้าโรงจำนำครั้งแรกในรอบ24ปี
“เห้อ!!”
หญิงสาวถอนใจดังๆ เธอเดินหมุนไปหมุนมา จนอาเฮียหลังคอกกั้นขยับแว่นตามอง
“อีหนูเข้ามาไม่ต้องอาย...เร็วๆ ขวางทางคนอื่นเขา”
ประสบการณ์ยาวนานเท่ากับอายุตัวเอง....ทำให้อาเฮียรู้เองโดยไม่ต้องเดา
เมวิกาตัดสินใจเดินเข้าไปด้านใน เธออายสายตาคนมองจนหน้าชา แต่ช่างเถอะ! เธอทำครั้งนี้ครั้งเดียวเพราะอยากช่วยคน
“ฉันเอาเจ้านี่มาจำนำ เฮียคิดว่ามันจะได้สักเท่าไรคะ?”
หญิงสาวล้วงหยิบนาฬิกาโรแล็กซ์วางตรงช่อง พร้อมกับผ่อนลมหายใจช้าๆ รอฟังคำของอาเฮีย เมื่อเธอรู้ดีว่ามันหยุดเดิน
เสียงตอบกลับเรียบๆ “จะเอาเท่าไรล่ะ”
ของดีราคาแพง หรือของก็อปราคาถูก ผ่านมือเป็นพันๆ ชิ้น อาเฮียรำพึงในใจดูท่าชิ้นนี้จะราคาแพงที่สุด...ตั้งแต่เปิดโรงรับจำนำมา ของแท้กับของปลอมมันมีจุดสังเกต ชายสูงวัยมองผู้หญิงตรงหน้า เขาเคยเห็นหน้าหล่อนบ่อยๆ จนค่อนข้างแน่ใจว่าหล่อนไม่ใช่โจร
“ลื้อไม่ได้ขโมยใครมาใช่ไหมอาหมวย?”
“ปะ...เปล่าจ้ะเปล่า เจ้าของเขาถูกโจรปล้นเหลือแค่ไอ้นี่เลยฝากฉันมาขาย”
อาเฮียครางรับ “อ้อ!! ไม่ใช่คนไทยสิ...ใช่ไหม?”
เถ้าโรงจำนำลองแย็บๆ ยี่ห้อนี้ต้องรวยจริงๆ ถึงจะมีในครอบครองได้ราคาเบาๆ เรือนยังเป็นแสน
“จ้ะเฮียเขาเป็นฝรั่ง เขาอยากได้สตางค์จะได้กลับบ้านได้ จะให้เขามาเองก็กลัวอยู่ เขายังผวาโจรอยู่จ้ะ ถูกดักตีหัวเมื่อคืนนี้เอง”
เมวิกาอธิบายหน้าซื่อ เมื่อเธอพูดความจริงเลยไม่ต้องกลัวอะไร
ชายสูงวัยผ่อนลมหายใจ “บอกตามตรงเลยนะอาหมวย หากให้ซื้อจริงๆ อั๊วไม่มีสตางค์หรอก...รุ่นนี้มันแพง”
“เฮียล้อเล่นเหรอเปล่า? หรือเพราะมันไม่เดินเฮียเลยไม่อยากรับไว้จ้ะ” เมวิกาถามกลับเสียงรน
“ไม่ใช่แบบนั้น!! ...มันเสียก็ส่งซ่อมเขามีประกันแต่...อั๊วไม่มีสตางค์จริงๆ ถ้าจะฝากไว้ละก็ได้ ให้เจ้าของเขามาไถ่คืนทีหลังด้วยล่ะ เอาอย่างนั้นไหมล่ะ?”
“แล้วๆ ได้เท่าไรจ้ะ?”
อาเฮียถอนใจก่อนจะตอบ “เอาเท่าที่อั๊วมีเงินตอนนี้เลยแล้วกันนะอาหมวย...3แสน อั๊วไม่รู้ว่าอีต้องการใช้เงินเท่าไร แต่อั๊วมีเงินสดแค่นี้เอง”
“3แสน!! ...”
หญิงสาวเบิกตาโต ก็พอจะรู้ว่ามันแพง!! แต่ไม่คิดว่าจะแพงขนาดนี้ เธอกลืนน้ำลายฝืดๆ สรุปนาฬิกาเรือนนี้มันราคาเท่าไรกัน? “ราคาเต็มมันเท่าไรคะเฮีย?”
อาเฮียหัวเราะในลำคอแล้วจึงตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง “ลื้ออย่ารู้เลยอาหมวย...เดี๋ยวหัวใจวายตาย”
อาเฮียหัวเราะพร้อมกับฉีกยิ้ม เขาหมุนตัวกลับไปด้านในเพื่อเตรียมเงินสด ไม่ถึง10นาทีอาเฮียก็ออกมาพร้อมกับถือถุงสีน้ำตาลไหม้ที่บรรจุเงินมาเต็มเอี๊ยด จำนวนมากที่สุดเท่าที่เธอเคยจับเมวิกา เธอยื่นมือสั่นๆ ออกไปรับ หญิงสาวเกือบเป็นลมตายเพราะความตื่นเต้นสุดขีด
...ให้ตายเถอะหมอนั่นเป็นใครกันแน่?
หญิงสาวกอดถุงเงินแนบอกเธอหวาดระแวงไปหมด
“อาหมวยบอก...อีด้วยนา มาไถ่คืนไปด้วยอั๊วกลัวรวย”
อาเฮียโรงจำนำยังตะโกนเตือน...ตอนที่เมวิกาก้าวเท้าออกจากประตู เธอหมุนตัวกลับไปยิ้มแหยๆ พร้อมทั้งรีบพยักใบหน้ารับรัวๆ
หลังจากมีเงินก้อนใหญ่ในมือ เมวิกาก็ไม่เป็นสุขเลย เธอกลัวทำสตางค์ของแวซ็องหาย...จนต้องลางานกลับก่อนเวลาเป็นครั้งแรก ขอเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองไปมอบให้เจ้าของก่อนดีกว่า เพราะหากมันหายไปเธอคงไม่มีปัญญาชดใช้คืน
แวซ็องอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเขาผูกมิตรกับป้าเจ้าของห้องเช่าด้วยไก่ย่างครึ่งตัวที่แบ่งกับดิเยร์สุนัขที่ชายหนุ่มรู้สึกผูกพัน เลยได้อาบน้ำในห้องของนางเป็นของแถม และสุนัขแสนรู้มันได้กินจนเปรม แต่มันก็อิ่มหมีพีมันมากขึ้นอีก เพราะป้าเจ้าของห้องพักแบ่งข้าวสวยร้อนๆ มาให้ชามใหญ่ เขาเลยคลุกข้าวผสมไก่ที่เหลือให้มันกินจนเปรม นอนเลียปาก ตาปรือ กระดิกหางไปมาอย่างอารมณ์ดี
“พ่อฝรั่งเป็นอะไรกับหนูเมล่ะ ทำไมถึงได้มานอนเฝ้าหลังห้องให้เค้า?”
ตามประสาคนแก่ว่างงานและชอบสอดส่องเรื่องชาวบ้านเป็นนิจ นางจึงแวะมาไต่ถาม เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังปักหลักไม่ไปไหน
“ไม่ได้เป็นอะไรเลยแต่...เขาใจดีช่วยคนตกทุกข์”
“อ้อ! หนูเมนิสัยดี แล้วก็สวยเสียด้วย หากคิดเกินเลยก็ขอให้จริงจังกับเขาเถอะนะพ่อนะ”
แววตาบางอย่างของแวซ็องบ่งบอก คนผ่านอะไรๆ มามากมองเห็นและเดาเจตนาได้แบบไม่ผิดเพี้ยน
แวซ็องแสร้งหลบตาทำเป็นไม่เข้าใจ...มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม ให้เขาจริงจังกับเมวิกานี่นะ...หล่อนไม่คู่ควรหรอก!!
“เป็นหนุ่มเป็นสาวกันทั้งคู่ แบบนี้มันไม่ดีนา ห้องหับป้ามีว่างสนใจจะเอาไว้เป็นที่ซุกหัวไหมล่ะ”
หญิงชายมันไม่สมควรอยู่ใกล้ชิดกัน ยิ่งหัวนอนปลายเท้าเป็นแบบไหนก็ยังไม่รู้ สงสารเมวิกาที่ตัวคนเดียวอะไรที่พอจะช่วย (กันท่า) ได้นางก็ยินดีทำ
เกือบจะหลุดยักไหล่ เหมือนอย่างที่เคยทำเวลาที่เขาไม่พอใจพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้าม ชายหนุ่มชะงักเมื่อนึกได้ เขารีบปั้นน่าเศร้าพร้อมกับพูดแก้ติดๆ ขัดๆ
“ฉันไม่-มี-เงินติดตัว เลยขออาศัยชายคาห้องเธอนอนไปก่อนได้ไหม? จนกว่าจะติดต่อญาติได้”
นางถอนใจ ครั้นจะช่วยโดยไม่รู้ว่าจะได้เงินหรือเปล่าก็ไม่ได้! จะได้ตอนไหนก็ยังไม่รู้? ปากท้องตัวเองก็ต้องห่วงนางไม่ได้ร่ำรวยมีสมบัติเก่ากิน ต้องยังชีพด้วยค่าเช่าห้อง หากจะให้อยู่ฟรีตัวนางเองนั่นแหละจะเดือดร้อน นางจึงตัดใจขอช่วยมองห่างๆ ดีกว่า
รอยยิ้มสมใจแต้มมุมปาก แล้วก็ถูกกลบเกลื่อนหายไป เมื่อสาวใหญ่หันกลับมามอง
“กินอะไรหรือยังล่ะ?”
มันเป็นนิสัยพื้นฐานของคนไทยมักจะต้องถามคู่สนทนาด้วยคำถามเช่นนี้ เป็นความห่วงใยที่เผื่อแผ่ให้กัน
“เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเจ้านั่นด้วย” ชายหนุ่มยิ้มแผล่เมื่อเห็นสุนัขแสนรู้นอนหลับสบาย หลังจากกินไก่ย่างจนพุงกาง
“แหม.. สบายเลยนะไอ้ตูบ!”
นางสัพยอกสุนัขแสนรู้ตัวนั้น ทุกวันเห็นวิ่งคุ้ยกองขยะหาเศษอาหารกินกันตาย วันนี้โชคดีมีลาภปากมันเลยซัดเสียหนำใจ
นางคุยกับแวซ็องจนบ่ายแก่ๆ จึงขอตัวกลับ ปล่อยให้คนมากแผนการเอนหลังนอนแข่งกับไอ้ตูบไปคนเดียว
เขาเริ่มหงุดหงิดกับอากาศร้อนอบอ้าวจนร่ำๆ จะถอดใจแต่...
“คุณเอาเงินคุณไปเลย!! ฉันเสียงานเพราะคุณรู้ไหมนี่? นาฬิกาบ้าอะไรแพงบรรลัย!”
เมวิกาเดินเข้ามาทางหลังบ้าน ใบหน้าเธอหงิกงอแทบจะยืดไม่ออก บ่นงึมงำพร้อมทั้งรีบยัดถุงสีน้ำตาลไหม้ที่มีเงินสดอัดแน่นอยู่ในนั้นใส่มือให้กับชายหนุ่ม
“คุณเป็นใครกันแน่?”
หญิงสาวซักถามซ้ำอีกครั้ง เขามีทรัพย์สินขนาดนี้แสดงว่าไม่ใช่กระจอก
“สมบัติเก่าพ่อน่ะ ฉันก็แค่จิกกะโร่สำรวยไปแบบนั้นเอง”
ชายหนุ่มรีบกล่าวแก้และมันน่าจะพอฟังขึ้น ไม่มีผู้ชายหนุ่มๆ คนไหนประสบความสำเร็จในชีวิตหรอก ยกเว้นเขามีมาก่อนจากสินเดิมของพ่อแม่ แวซ็องเองก็อยู่ในเกณฑ์นั้น ‘ออกัสตัส’ ไม่ได้มาร่ำรวยตอนเขากุมบังเหียน สินเดิมที่บรรพบุรุษสั่งสมไว้ก็มีไม่ใช่น้อย มาบูมสุดขีดก็ตอนเขาบริหารงาน พร้อมกับปั้นรายได้แบบมโหฬารจากหลายๆ กิจการที่เขามองเห็นและลงทุนไว้
“เฮียแค่รับฝากไว้นะคุณ เขาให้เวลาคุณไปถ่ายคืนด้วย เฮียย้ำ! เสียจนฉันอยากรู้ราคาเต็มของมันเลยแหละ”
เมวิกาแจ้งให้เขารับรู้ เธอล้วงตั๋วจำนำและส่งให้เขา ไม่อยากเก็บอะไรไว้กับตัวเลย เมื่อแค่มองยังเกิดกิเลสไม่อยากเชื่อว่าตัวเองพึ่งจะจับเงินมากมายขนาดนั้นมาหมาดๆ
“บัตรเบิดอะไรอยู่ครบไหมล่ะ ฉันจะพาเอาสตางค์ไปฝากให้...โอ๊ะ!! ไม่ทันแล้วสินะ ป่านนี้ธนาคารน่าจะปิด...เก็บดีๆ ล่ะอย่าให้ถูกฉกไปอีก"
“ไปพ่อหนุ่ม ร้านหน้าปากซอยมีทุกอย่าง มีงบเท่าไรล่ะ”“มีไม่เยอะ อยากได้ที่นอนกับของใช้บางอย่าง” ให้นอนบนพื้นแข็งๆ เขาจะไม่ทน ไหนๆ ก็ต้องทนลำบากขอความสบายช่วงนอนหลับหน่อยก็แล้วกัน สาวใหญ่เดินนำ เขามองบั้นท้ายเป็นปั้นๆ ของนางแล้วจึงส่ายศีรษะ...ร้านเครื่องนอนมีให้เลือกมากมาย แต่หากเป็นตัวแวซ็องเลือกเอง เขาไม่มีทางชายตาแลของคุณภาพต่ำเช่นนี้แน่ เมื่อจำเป็นจริงๆ ก็ต้องทน...หากไม่อยากนอนบนพื้นแข็งๆ เย็นๆ“เอาแบบนี้ล่ะ...พร้อมอุปกรณ์ด้วยนะ ผ้าห่ม พัดลม และหมอน...” ใจของชายหนุ่มอยากจะติดแอร์คอนนิชั่น แต่มันจะหรูหราอลังการจนอาจจะทำให้เมวิกายิ่งขยับหนีไปไกลๆ อีก...เอาเท่าที่ได้ก็แล้วกันสภาพห้องพักดูดีขึ้นกว่าเดิม หลังจากร้านเครื่องนอนเอาของมาส่ง...ชายหนุ่มจ่ายค่าแรงให้ผู้หญิงชื่อเขียว หล่อนส่งสายตาฉ่ำหวานให้เขา จนต้องรีบชิ่งหนี แวซ็องกลัวหล่อนกระโจนปล้ำ เมื่อดวงตาของหล่อนฉายแววเช่นนั้นกลิ่นผ้าใหม่ที่ยังไม่ผ่านการทำความสะอาด...เขาต้องทำใจให้ชิน ไม่ได้อยู่ในสภาพเดิมๆ คงต้องทนไปก่อน แต่ไม่นานหรอก...ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนบน
“ฝากเธอไว้ได้ไหมล่ะ?” ชายหนุ่มลองหยั่งเชิงหากเมวิกาเป็นคนหิวเงินเธอคงรีบกระโจนใส่“ไม่เอา!!” เธอรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ฉันกลัวหาย...แล้วไม่มีปัญญาหามาใช้คืนด้วย...มันเยอะเกินไป”หญิงสาวปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด เธอส่ายหน้าจนผมกระจาย“คุณรักษามันไว้ดีๆ ล่ะ”หญิงสาวเตรียมหมุนตัวหนี“ถ้าฉันจะอยู่อีกสักพัก...รอจนกว่าญาติจะมารับเธอคิดว่าไง?”ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมีแต่น้ำเสียงเฉยชาตอบกลับมา“มันแล้วแต่คุณ! ฉันไม่เกี่ยว”หล่อนรีบเดินกลับเข้าห้องตัวเองไม่สนใจเงินเยอะๆ ที่หล่อนพูดถึงสักนิด นอกจากไม่สนใจเงินแล้วหล่อนไม่สนใจเขาด้วยนี่สิ มันทำให้หนุ่มเสน่ห์แรงเคือง!! หากแวซ็องคิดจะเด็ดปีกความผยองของหล่อนให้สมกับฉายา 'นักล่ามือทอง' เขาไม่ผิดใช่ไหม? ก็เมวิกายั่วยุให้สัญชาตญาณนักล่ามือฉมังของเขาตื่นเพลิดขึ้นมาเอง...มันช่วยไม่ได้ชายหนุ่มเดินอ้อมไปหาป้าเจ้าของบ้าน ตอนนี้เขามีเงินทุนสำหรับการลวงล่อเมวิกา หล่อนไม่สนเงินเขาก็จะใช้อย่างอื่นแทนเริ่มต้นที่ ‘ร่างกา
บทที่4.การใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้าที่หล่อเหลือร้ายเมวิกาขอเวลานอกหัวหน้างาน เพื่อทำธุระส่วนตัว ของที่รับฝากไว้ นอนอุ่นอยู่ก้นกระเป๋ากางเกงของเธอ คงต้องบากหน้าเข้าโรงจำนำครั้งแรกในรอบ24ปี“เห้อ!!”หญิงสาวถอนใจดังๆ เธอเดินหมุนไปหมุนมา จนอาเฮียหลังคอกกั้นขยับแว่นตามอง“อีหนูเข้ามาไม่ต้องอาย...เร็วๆ ขวางทางคนอื่นเขา”ประสบการณ์ยาวนานเท่ากับอายุตัวเอง....ทำให้อาเฮียรู้เองโดยไม่ต้องเดาเมวิกาตัดสินใจเดินเข้าไปด้านใน เธออายสายตาคนมองจนหน้าชา แต่ช่างเถอะ! เธอทำครั้งนี้ครั้งเดียวเพราะอยากช่วยคน“ฉันเอาเจ้านี่มาจำนำ เฮียคิดว่ามันจะได้สักเท่าไรคะ?”หญิงสาวล้วงหยิบนาฬิกาโรแล็กซ์วางตรงช่อง พร้อมกับผ่อนลมหายใจช้าๆ รอฟังคำของอาเฮีย เมื่อเธอรู้ดีว่ามันหยุดเดินเสียงตอบกลับเรียบๆ “จะเอาเท่าไรล่ะ”ของดีราคาแพง หรือของก็อปราคาถูก ผ่านมือเป็นพันๆ ชิ้น อาเฮียรำพึงในใจดูท่าชิ้นนี้จะราคาแพงที่สุด...ตั้งแต่เปิดโรงรับจำนำมา ของแท้กับของปลอ
สายใจตั้งใจฟัง แม้ไม่ได้คำตอบที่เธอถามออกไป... “เลยออกไปอีกนิดมีร้านขายอยู่ เดี๋ยวสายใจพาไปเอง เดี๋ยวพี่ฝรั่งจะหลงทางน่ะจ้ะ” ได้ควงฝรั่งรูปหล่อ มันโก้หยอกที่ไหน สายใจเลยรีบอาสา เพื่อหวังผล หากฝรั่งรูปหล่อนี่สนใจเธอ แหมๆ มันคงเหมือนขึ้นสวรรค์“แม่...หนูพาพี่ฝรั่งรูปหล่อไปซื้อของนะแม่ เดี๋ยวมา” หล่อนหันไปร้องสั่งผู้หญิงที่อาวุโสกว่า นางขยับปากด่าไม่ต่างอะไรกับบุตรสาว... “ไม่รู้เลือดใคร เห็นผู้ชายหล่อไม่ได้สิ! ระริกระรี้ขึ้นมาเชียว”ชายหนุ่มเดินตามแรงจูงของสายใจ เขาจดจำภูมิทัศน์ เมื่อแถวนี้ตรอกซอก ซอยแทบจะเหมือนกัน หากเขาหลง คงไม่มีโอกาสได้เจอกับเมวิกาอีก เพราะฉะนั้นแวซ็องต้องระวังตัวดีๆ“อีสาย!! จะไปไหน” ผู้ชายหน้าเหี้ยม ร้องถามเสียงดังลั่นสายใจแอบเบ้ปาก...ยังไม่มีคำจำกัดความระหว่างความสัมพันธ์ของตัวเองกับ พี่วินมอเตอร์ไซน์หน้าเข้ม แต่ดูเขาจะออกตัวแรง!! ใบหน้าอวบอูมนั่นแดงก่ำ เธอจึงจำใจถอยห่างฝรั่งรูปหล่อ เสียดายใจแทบขาดแต่เมื่อประเมินผลได้ ผลเสีย เธอต้องเลือกที่มั่นคงมากกว่า“ไปด้วยไม่ได้แล้วล่ะนะ เดี๋ยวเขาไม่พอใจเอา” หล่อนส่งยิ้มแหยๆ ให้และแวซ็องก็พยักใบหน้ารับรู้เขาไปคนเดียวก็สบายใ
บทที่3.ผู้ชายที่มาพร้อมกับสายฝนชายหนุ่มปั้นหน้าใสซื่อ เขาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายและพยายามทำตัวน่าสงสาร“ฉันไม่แน่ใจนะคะว่ามันจะขายได้...” นาฬิกามันหยุดเดิน แล้วเมวิกาก็ดูไม่เป็นเสียด้วยว่ามันคือของแท้ หรือของปลอม แต่เธอจะพยายามช่วย“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มยิ้มแป้น เขารู้ว่ามันขายได้ อาจจะถูกกดราคา แต่รุ่นนี้ใครเห็นก็ต้องรีบตะครุบ เมื่อมันคือรุ่นอันลิมิเต็ด!! ไม่ได้มีเกลื่อนกลาด คนรับซื้อคงตาวาวเพราะฟันกำไรเหนาะๆ“เห้อ! ฉันต้องไปทำงานแล้วนะคุณ...อยู่แถวนี้ไปก่อนล่ะ นี่เอาไว้ซื้อข้าวกิน ฉันช่วยได้เท่านี้ละ อยู่กับไอ้ตูบไปแล้วกันนะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจ แต่ต้องเข้าใจฉันด้วย” หญิงสาวอธิบายยืดยาว ถึงจะมีน้ำใจ แต่ใครล่ะจะให้คนแปลกหน้าเข้าห้อง เมื่อไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า หากถูกยกเค้าเธอคงไม่มีอะไรเหลือ เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้“ไม่เป็นไร”ลมเย็นพัดโชย ไม่มีที่นอนนุ่มๆ มีแค่เพิงสังกะสีเก่าๆ คุ้มหัว...ก็ยังดีกว่าออกไปแล้วถูกตามล่าหญิงสาวหมุนตัวกลับเข้าห้องพัก เธอเดินย้อนกลับมาอีกครั้งกับน้ำขวดหนึ่งในมือแล้วก็หมอนนุ่มๆ ที่หนีบมาในซอกรักแร้ ก่อนจะยื่นให้กับเขา... “เดินออกไปตรงหัวมุม มีร้านตามสั่ง คุณหิว
ปัญหายังไม่หมด...เวลานี้แวซ็องเริ่มหนาว...เสื้อ กางเกงเขาเปียกชุ่ม มันทำให้อุณหภูมิในร่างกายเริ่มลดลง เขากำลังหนาว และอาจจะจับไข้...ชายหนุ่มระบายลมหายใจที่เริ่มมีไอร้อน เขาคงต้องหาตัวช่วยให้ตัวเองก่อน กว่าจะเช้ายังอีกนาน ตอนนี้เวลาเท่าไรแล้วก็ไม่รู้? เมื่อนาฬิกาเรือนโปรดของเขาดันหยุดเดินเสียอย่างนั้น “เชี่ยเอ๋ย! แพงเสียเปล่า” ชายหนุ่มสบถอย่างฉุนเฉียว หน้าสิ่วหน้าขวาน ทุกสิ่งรอบตัวเขาเหมือนจะอยู่ผิดที่ผิดทาง เขาต้องการความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้คงต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะหนาวตายและอาจจะมีไข้รุมเสื้อสีขาวตัวใหญ่พาดอยู่บนราวแขวน กางเกงหูรูดที่แวซ็องคะเนด้วยสายตาเขาน่าจะใส่ได้ ชายหนุ่มคว้าทั้งเสื้อและกางเกงลงมาจากราว เขาเหลียวซ้าย แลขวา ก่อนจะรีบปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตถอดออกจากตัวสะบัดขึ้นไปแขวนไว้บนราวแทนเสื้อยืดเก่าๆ กางเกงคือเป้าหมายต่อไป ไม่ถึง5นาทีเขาก็สามารถจัดการกับตัวเองเสร็จจากผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า...ตอนนี้หากดิดิเย่ร์ หรือเซดริกหาเขาเจอ คงไม่อยากจะเชื่อ ผู้ชายคนหนึ่งใส่เสื้อยืดเก่าๆ คอย้วย กับกางเกงหูรูดราคาถูก สวมรองเท้าแตะแต่กลับเดาะใส่นาฬิกาโรเล็กซ์ที่มันหยุดเดินไปเสียแ