เสียงดนตรีแจ๊สบรรเลงคลอเบา ๆ ท่ามกลางแสงไฟนวลหรูของฮอลล์กลางงานเลี้ยง
อลิสแตร์ ก้าวนำลลิลเข้าไปยังอีกฝั่งของห้องโถง ที่ตอนนี้มีชายเกาหลีท่าทางเนี้ยบจัด สวมสูทเข้ารูปและผูกไทด์ลายเอกลักษณ์
เขาหันมาทันทีเมื่อเห็นอลิส พร้อมรอยยิ้มเปื้อนริมฝีปาก
“Mr. Alistair! You came, good!” ชายเกาหลียื่นมือออกมา
“Mr. Seo.” อลิสจับมือแน่นแต่สั้น ตามแบบคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
พอลลิลเดินตามมาถึง เธอก็ยกมือไหว้แบบไทย ๆ อัตโนมัติ แต่ชายเกาหลีผู้นั้นหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“You brought a new assistant this year, huh?”
“More than that,” อลิสตอบเรียบ ๆ พร้อมปรายตามองลลิล
“She's my personal secretary now. Lalin, this is Mr. Seo Min-hyun —CEO ของ SKI Holdings ฝั่งโซล”
ลลิลยิ้มแบบมีมารยาท และตอบกลับด้วยภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างคล่อง
“Nice to meet you, Mr. Seo.”
เขาดูพอใจ หัวเราะเบา ๆ แล้วชำเลืองมองอลิส
“เธอดูเฉียบดีนะ มิสเตอร์อลิสแตร์... ฉันชอบความฉลาดในสายตาแบบนี้”
อลิสไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มมุมปากบาง ๆ ก่อนจะโน้มตัวกระซิบข้างหูลลิล
“จำไว้นะ—เขาแยกคำพูดกับสายตาไม่ออก อย่าเชื่อทุกอย่างที่เขาชม”
เธอพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเริ่มจดจำท่าทางและสไตล์การพูดของคู่ค้า
…แต่ก่อนที่การสนทนาจะจบลง เสียงทุ้มอ่อนโยนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังเธอ
“ลลิล ลูกมาอยู่ตรงนี้เอง”
ร่างของคุณสุรพงศ์ คหบดีวัฒน์ ปรากฏขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนแบบผู้ดีไทยแท้ ใบหน้าท่านเปื้อนยิ้ม สุภาพ และเปี่ยมด้วยความเป็นห่วง
เขาทักทายทุกคนด้วยมารยาทไร้ที่ติ แล้วหันมาหาลูกสาว
“แม่อมราบอกให้พ่อมาถาม…ว่าเย็นนี้จะว่างไปรับแขกที่บ้านได้ไหม เขาจะมาแนะนำตัวกับลูก เรื่องที่เราคุยกันไว้ก่อนหน้านี้น่ะ…”
ลลิลตัวแข็งทันที ราวกับโดนหยุดเวลาไว้กลางงานหรู ดวงตาไหววูบ แต่พยายามยิ้มตอบอย่างใจเย็น
“คืนนี้…หนูติดงานค่ะพ่อ หนูติดตามท่านประธานอยู่”
“หืม?” คุณสุรพงศ์ขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปหาอลิสซึ่งยืนอยู่ข้างเธอ
อลิสสบตาเขาเต็ม ๆ อย่างนุ่มนวลแต่หนักแน่น
“สวัสดีครับคุณคหบดีวัฒน์”
“ผม อลิสแตร์ ราเมียส”
“ในฐานะเจ้านายของคุณลลิล ผมเกรงว่าผมต้องขอ ‘ยืมตัว’ เลขาของผมไปอีกสักพักนะครับ เพราะเธอกำลังดูแลงานสำคัญของบริษัทอยู่...และผมไม่อยากให้เธอเสียสมาธิด้วยเรื่องส่วนตัว”
น้ำเสียงเรียบเย็นแต่สุภาพอย่างที่สุด
แต่สำหรับคุณสุรพงศ์...มันกลับทำให้ท่านนิ่งงัน
“เอ่อ...เข้าใจแล้วครับท่านประธาน” เขาหัวเราะแห้ง ก่อนจะหันไปมองลลิลอีกครั้ง
“ก็ได้...ไว้คุยกันที่บ้านนะ ลิน”
“เห็นจะไม่ได้เหมือนกันครับ” อลิสขัดอีกครั้ง
“ดูเหมือนเธอต้องทำหน้าที่เลขาผมไปจนกว่า เธอจะเรียนจบ” อลิสบอกน้ำเสียงนิ่ง ๆ
คุณสุรพงษ์อึ้งไปครู่หนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้น...”
“ไว้ถ้าว่าง หนูจะไปค่ะ” ลลิลรีบตอบก่อน ทำให้บอสของเธอหน้ามุ่ยทันที
“งั้นไว้เจอกันนะ ลูก” พ่อของเธอมีสีหน้าดีขึ้น ก่อนจะหมุนตัวเดินหายไป
อลิสหันมามองเลขาคนใหม่ของเขา
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ…” เธอพูดเบา ๆ
อลิสไม่ได้ตอบ แต่เอียงคอมองเธอเล็กน้อย
“ยังไงท่านก็เป็นพ่อฉันค่ะ” ลลิลรีบบอกด้วยความร้อนตัว
“ดูเหมือนคุณคงอยากแต่งงานมากกว่าสินะ” ดวงตาสีเทาคมกริบมองเธออย่างค้นหา
“ไม่ใช่นะคะ” เธอรีบปฏิเสธอย่างร้อนรน หน้าแดงระเรื่อ
อลิสหันไปหามิสเตอร์ซอ มินฮยอน ที่ยืนรออยู่พร้อมพยักหน้าให้ลลิล
“ไปเถอะคุณลิน…เวลาทำงานยังไม่หมด”
...
เสียงแชมเปญสุดท้ายยังไม่ทันจางหาย กลิ่นน้ำหอมจากแขกผู้มีเกียรติยังลอยคลุ้งอยู่กลางอากาศ ลลิลคิดว่าคืนนี้จบแล้ว...เธอควรจะได้กลับไปนอนเตียงเก่า ๆ ที่คุ้นเคย
แต่ดูเหมือนว่า...ใครบางคนจะไม่คิดแบบนั้น
“งั้น...ขอบคุณมากนะคะ” เธอหันไปยิ้มให้อลิสแบบมารยาทครบถ้วน
“ฉันจะกลับก่อน พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะคะ—”
“ไปไหน?”
เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นเบา ๆ แต่แรงสะกิดใจทำเอาเธอสะดุ้ง
“คะ?” ลลิลชะงัก
อลิสปรายตามองเธอเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะก้าวเข้ามายืนชิด
“อย่าบอกว่า คุณจะกลับไปคอนโดเก่า”
“เอ่อ...” ลลิลกลืนน้ำลาย
“คือ...ลินยังลืมของไว้น่ะค่ะ แค่จะแวะเข้าไปเอานิดเดียวเอง—”
“ไม่จำเป็น”
อลิสตอบทันควัน น้ำเสียงเด็ดขาดจนเธออยากเขวี้ยงกระเป๋าใส่หน้าหล่อ ๆ ของเขาสักครั้ง
“จำเป็นสิคะ! ของลินอยู่ที่นั่น—”
“ผมให้ไทเลอร์ไปขนมาหมดแล้ว” เขาพูดขณะก้าวนำ
“ไม่มีอะไรเหลือที่คุณต้องกลับไปอีก”
“อะ…อะไรนะ?” ลลิลเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง
“คุณเอาของฉันออกมาโดยไม่บอกเนี่ยนะ?!”
“คุณเซ็นสัญญาแล้ว” เขาตอบหน้าตาย
“ชีวิตคุณอยู่ในความรับผิดชอบของผม”
“เอ๊ะ!!”
เธอกำลังจะโวยวายต่อ แต่ร่างสูงของเขาก็หันกลับมาคว้าข้อมือเธอไว้แน่น และดึงเดินอย่างไม่เปิดช่องให้พูดอะไรอีก
“เดี๋ยว—!”
“รถอยู่ทางนี้”
“แต่ฉันยังไม่ได้—”
“ลิน”
เสียงเขาเรียกชื่อเล่นของเธอเบา ๆ แต่ดวงตาสีเทานั่น...กำลังจ้องลึกเข้ามาแบบที่เธออยากเอาหัวมุดพื้น
“คุณจะไปนอนที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว”
“…ฮะ?” เธอหันขวับไป
“ที่นอนคุณตอนนี้ อยู่ข้างห้องผม”
เขาพูดพลางเปิดประตูรถเบนซ์สีดำด้านให้
“จำไม่ได้เหรอ...ว่าต้องอยู่ใกล้ผม 24 ชั่วโมง?”
เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มือเขาก็กดไหล่เธอลงเบาะอย่างสุภาพแต่บังคับ
“ถ้าคุณยังดื้อ...ผมจะคิดว่าคุณกำลังท้าทายเงื่อนไข”
“ฉันเปล่านะ!!” ลลิลร้องเบา ๆ อย่างคนเริ่มเหนื่อยกับความมึนของบอส
อลิสนั่งลงข้าง ๆ แล้วปิดประตูด้วยเสียงเบา เขาเอนหลังในเบาะเหมือนคนเพิ่งไล่ศัตรูออกจากงานไปสิบคน แล้วหันมาพูดเสียงเรียบ
“ดี…เพราะถ้าคุณยังคิดหนี”
“ผมอาจจะต้อง ‘ใช้วิธีอื่น’ บังคับให้คุณอยู่”
ประโยคสุดท้ายนั้นเหมือนสายลมหนาวที่ลูบไล้ต้นคอเธอเบา ๆ ปลายเสียงแฝงความนัยจนน่าขนลุก...และขนลุกนั้นก็ดันลามไปถึงปลายขาเฉยเลย!
ลลิลนั่งตัวแข็ง แกล้งเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เธอไม่กล้าถามว่า ‘วิธีอื่น’ ของเขาคืออะไร...
“คุณชอบบังคับผู้หญิงแบบนี้ทุกคนรึไงคะ?” ลลิลตวัดสายตามองเขา
อลิสปรายตามองเธอนิ่ง ๆ ก่อนเหยียดยิ้มเล็กน้อย เขาโน้มหน้ามาใกล้กระซิบที่ข้างหู ขณะรถเคลื่อนออก
“เฉพาะแค่...บางคนเท่านั้น”
...
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์ส่วนตัวหยุดลงตรงชั้นบนสุดของคอนโดหรูระดับท็อปย่านกลางเมือง ประตูบานใหญ่เลื่อนเปิดอย่างเงียบเชียบเผยให้เห็นเพนต์เฮ้าส์สุดอลังการราวกับฉากหนังสายลับ
ห้องเพนต์เฮาส์สุดหรูที่กว้างพอจะทำให้เธอลืมบ้านของตัวเองได้ชั่วคราว แชนเดอเลียร์คริสตัลไล่แสงละมุนเหนือศีรษะ ตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่นโปร่งกว้างที่มีทั้งมุมไวน์ บาร์ส่วนตัว และชุดโซฟาราคาแพงราวกับยกห้องรับรองจากโรงแรมห้าดาวมาไว้ในตึก
แสงไฟสลัวอุ่นนวลส่องผ่านม่านโปร่งที่ปลิวไหวจากลมแอร์อุณหภูมิพอดี กลิ่นไวน์แดงผสมกลิ่นไม้หอมจาง ๆ ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ และบรรยากาศเงียบราวกับไม่มีมนุษย์อยู่มาก่อน—ยกเว้นผู้ชายตรงหน้า
อลิสแตร์เดินนำออกจากลิฟต์โดยไม่พูดอะไรสักคำ ขณะที่ลลิลเดินตามเขาเข้ามาอย่างงง ๆ
“เดี๋ยวค่ะ…” เธอเรียกเขาเบา ๆ
“ฉันอยู่ชั้นล่างไม่ใช่เหรอคะ?”
ชายหนุ่มหยุดเดิน หันกลับมาด้วยท่าทีเรียบนิ่ง แต่ในดวงตานั้นกลับฉายแววไม่ยอมรับฟัง
“เปลี่ยนแผน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ย
“เปลี่ยนอะไรคะ?” ลลิลเริ่มขยับถอยอย่างสัญชาตญาณ เพราะร่างสูงนั่นขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
“ฉันยังไม่ได้ย้ายของเลย…แล้วก็—”
“ของ...คุณไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะมีคนจัดการให้”
อลิสหยุดห่างจากเธอไม่ถึงฝ่ามือ ดวงตาเรียบนิ่งจ้องเธอเหมือนกำลังวิเคราะห์บางอย่าง
“แต่คุณน่ะ...ผมต้องจัดการเอง”
ลลิลหายใจสะดุด แผ่นหลังชิดกำแพงกระจกบานใสที่มองเห็นวิวเมืองทั้งแถบ เธอเม้มปาก ก่อนเงยหน้าขึ้นถามเสียงแข็ง
“แล้วคุณจะให้ฉันนอนตรงไหนล่ะคะ…บนพรมกลางห้องรับแขกเหรอ?”
อลิสเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ เหมือนแปลกใจในความกล้าของเลขาคนใหม่ แต่ริมฝีปากกลับโค้งยิ้มบางเฉียบอย่างเจ้าเล่ห์
“ห้องข้างในสุด ซ้ายมือ มีประตูไม้โอ๊ค”
“นั่นคือห้องคุณ” เขาโน้มหน้าเข้าใกล้ มือเท้ากระจกบานใส ใบหน้าห่างจากลลิลเพียงคืบ
“มีห้องน้ำส่วนตัว ตู้เสื้อผ้าบิ้วอิน เครื่องสำอางครบ และถ้าของในคอนโดเก่าคุณมีค่าพอ...ผมจะให้ไทเลอร์ไปขนมาให้พรุ่งนี้”
อลิสกระซิบเสียงทุ้มต่ำข้างหู ลมหายใจอุ่นรินรดแก้มของเธอ
“แล้ว...คุณอยู่ตรงไหนคะ?”
“ผมอยู่ห้องถัดไป...” น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบ
“...ใกล้พอจะได้ยินคุณคราง ถ้าฝันอะไรเร้าใจ”
“คุณอลิส!” ลลิลร้องเสียงหลง หน้าแดงแปร๊ดไปถึงท้ายทอย
อลิสผละออกห่าง ริมฝีปากสวยได้รูปยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“พักผ่อนให้เต็มที่นะ คุณเลขา...เพราะพรุ่งนี้ผมมีภารกิจให้คุณอีกเยอะเลย”
พูดจบเขาก็หมุนตัวจากไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยอ้อยอิ่งในอากาศ...และหัวใจของลลิลที่เต้นไม่เป็นส่ำ
“บ้าชะมัด...นี่ฉันเข้ามาอยู่รังเสือแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะยกมือทาบหน้าอกตัวเองเพื่อปลอบหัวใจไม่ให้เต้นแรงกว่านี้ และเดินตรงไปยังห้องที่เขาบอกไว้—อย่างคนที่ไม่แน่ใจว่า ห้องนั้นคือ ‘ที่พัก’ หรือ ‘กับดัก’
แต่เธอรู้เพียงอย่างเดียว...
คืนนี้คงไม่ได้นอนเฉย ๆ แน่
ตอน: ย้ายบ้านแล้ว แต่ยังย้ายบนเตียงไม่พอหลังจากงานแต่งงานสุดเรียบหรูริมทะเลอลิสแตร์กับลลิลไม่ได้จัดทริปฮันนีมูนอะไรหรูหราให้เวอร์วัง เพราะเขาเลือกที่จะทำสิ่งหนึ่ง…ที่เธอไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิดเดียว“เอ่อ...นี่มันไม่ใช่คอนโดของเรานี่คะ?”ลลิลยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าตึก Penthouse ใจกลางลอนดอน ที่ปิดล้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยระดับเดียวกับทำเนียบขาวอลิสแตร์แค่ปรายตามองเธอ แล้วพูดนิ่ง ๆ“นี่บ้านเรา”“ย้ายบ้านโดยที่ไม่ได้ถามลินเลยเหรอคะ?”เขาหันมามองเธอช้า ๆ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหู“ก็ในเมื่อ...ฉันอยากย้ายมาใช้ชีวิตกับเมียทุกตารางเมตรจะต้องถามทำไม?”ลลิลหน้าแดงซ่านทันที...และยังไม่ทันตั้งสติได้—เขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นในอ้อมแขน แล้วพาเข้าห้องไปทั้งอย่างนั้น!—คืนนั้น ห้องนอนใหม่หรูหราระดับ President Suite ก็ได้กลายเป็นสนามรบรักขนาดย่อมอีกครั้ง“บะ…บอส เดี๋ยวก่อนค่ะ ลินยังไม่ได้จัดของเลย!”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจัด...ให้หมดทุกท่า”เขายิ้มร้ายก่อนจะกดร่างเธอลงบนเตียงขนาด King Size ที่เพิ่งปูใหม่เอี่ยม เสื้อคลุมไหมของเธอถูกปลดออกในชั่วพริบตา เนื้อตัวเปลือยเปล่าสะท้อนกับไฟในห้องที่หรี่ลงอย่างพอดิ
ณ มหาวิทยาลัย R.C.U. (Royal Commerce University) – คณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ (IB) ชั้นปีที่ 4แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านบางของห้องสัมมนาขนาดกลาง โต๊ะไม้เรียงเป็นระเบียบสำหรับแขกรับเชิญพิเศษที่นั่งอยู่แถวหน้า...และหนึ่งในนั้นคือเขาอลิสแตร์ ราเมียสCEO หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษแห่ง Ramius Group ผู้มาในฐานะกรรมการรับฟังหัวข้อเสนอทุนวิจัยร่วมต่างประเทศเขาสวมสูทสีน้ำเงินเข้มเข้ารูป ปลดกระดุมสูทตัวนอกอย่างเป็นกันเอง ข้างกายมีคิมหันต์ เลขาหนุ่มหน้าหวาน ยืนเงียบขรึมเหมือนเงาตามตัว — ในสายตาอาจดูเหมือนมาเพื่อตรวจงานปกติแต่...ไม่ใช่เลยเขาแค่ ‘เบื่อ’ และบังเอิญผ่านมาที่นี่...จนกระทั่งเสียงหนึ่งดึงความสนใจเขาทันที“ลลิล คหบดีวัฒน์ค่ะ — โปรเจกต์ที่ลินจะเสนอวันนี้ คือ ‘AI Ethics กับความเปราะบางของข้อมูลในโลกทุน’”เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งชัดเจน มั่นใจ น้ำเสียงไม่ได้หวานเลี่ยน แต่มีจังหวะราวกับแกรนด์เปียโนที่กลั่นจากสมองดวงตาของเขาเงยขึ้น…แล้วนิ่งค้างไปชั่วขณะสาวร่างเล็กผิวขาวจัด ผูกผมหางม้าต่ำเรียบร้อย สวมสูทนักศึกษาสีกรมแบบเรียบที่สุด แต่กลับทำให้เธอโดดเด่นเกินใคร โดยเฉพาะสัดส่วนที่โตเกินร่าง
หลังเหตุการณ์ลอบสังหารและการล่มสลายของกลุ่มไฮดราผ่านไปเพียงสองเดือน—ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่ลลิลจะตั้งตัวทันเธอแทบจะลืมความระห่ำของคืนวันนั้นไปหมดแล้ว...เพราะผู้ชายคนนั้น—บอสของเธอ—จัดการทุกอย่างได้รวดเร็วเกินคาดอลิสแตร์พาคุณหญิงทัชชญาไปสู่ขอลลิลถึงเรือนไม้สักของตระกูลคหบดีวัฒน์ จังหวัดเชียงใหม่และนั่นเป็นครั้งแรกที่คุณสุรพงศ์กับคุณหญิงอมรา—บิดามารดาของเธอ ได้พบกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่า ‘แม่สามีแห่งชาติ’ ของอังกฤษเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าการหมั้น ก็คือความจริงที่ว่า...คุณหญิงทัชชญา และคุณหญิงอมรา เคยเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ลอนดอนเมื่อหลายสิบปีก่อน—เรื่องสู่ขอจึงกลายเป็นเพียงการระลึกถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนอย่างเป็นทางการเท่านั้น“แม่จะถือว่านี่เป็นพรหมลิขิตของพวกหนูสองคนแล้วกันนะลูก”ประโยคนั้นจากแม่ของเธอ ทำให้ลลิลแทบจะหลบสายตาอลิสแตร์ทั้งงานแม้เรื่องหัวใจจะดูอบอุ่นราบรื่นแต่เรื่องโลกในเงามืด...กลับยังคงเป็นไฟที่ยังไม่มอดจากรายงานลับที่คิมหันต์เอามาเล่าให้เธอฟัง—ไวรัสที่เขาเสี่ยงชีวิตเข้าไปฝังในเซิร์ฟเวอร์หลักของไฮดรา ได้ทำลายทุกเครือข่าย ทุกข้อมูล ทุกเซลล์ของโครงการนั้นอย่า
📍Safehouse ริมทะเล – 00:17 น.คลื่นซัดชายฝั่งอย่างราบเรียบ เสียงกระทบทรายแผ่วเบาเหมือนกล่อมเมืองให้หลับใหล...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในอาคารหลังเก่า ทาสีดำด้านซ่อนตัวหลังแนวสนชายหาดในห้องประชุมชั้นล่างที่ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงแสงไฟนีออนดวงเดียวส่องลงบนโต๊ะโลหะรูปวงกลม เฮราในชุดรัดรูปสีดำสนิท นั่งไขว่ห้างอยู่หัวโต๊ะ ดวงตาสีเขียวอ่อนของเธอสะท้อนจอแผนที่ดิจิทัลเบื้องหน้าฝั่งตรงข้ามคือ ฮันส์ – มือสังหารเยอรมัน ผิวขาวซีดราวกับไม่เคยโดนแดด ผมหยักศกสีบลอนด์อ่อนกับรอยแผลเป็นจาง ๆ ที่ข้างแก้มยังเป็นลายเซ็นความตายของเขา“วิลล่าของเขา มีระบบเฉพาะป้องกันทุกทางเข้าออก…” เฮราเอ่ยเสียงเรียบ“แค่ขอให้เขาออกมาจากที่นั่นเมื่อไหร่ นั่นคือโอกาสของเรา”ฮันส์จุดบุหรี่เงียบ ๆ“อลิสแตร์ต้องตายก่อนที่ไฮดรา เฟสสองจะถูกเปิดเผย”เฮราวางแท็บเล็ตลงบนโต๊ะ ก่อนเลื่อนหน้าจอไปยังภาพของลลิล—หญิงสาวผิวขาวในเดรสยาวบนชายหาดดวงตาเธอเย็นเยียบขึ้นทันที“และเธอคนนี้...คือจุดอ่อนของเขา”ฮันส์กระตุกยิ้ม เหมือนเสือที่ได้กลิ่นเลือด“งั้นแผน A กำจัดอลิสแตร์ แผน B จับตัวผู้หญิงไว้เป็นตัวประกัน ...ไม่ว่าแผนไหน เราก็ชนะ”เฮ
📍หาดส่วนตัว – ภูเก็ต เวลา 10:38 น.คลื่นทะเลสาดซัดฝั่งอย่างเนิบช้า แสงแดดอุ่น ๆ ส่องกระทบเม็ดทรายระยิบระยับ เสียงนกทะเลแว่วเบา ๆ คลอไปกับเสียงหัวเราะของหญิงสาวคนหนึ่งที่เล่นน้ำอยู่ห่างจากฝั่งไม่ไกลนักอลิสแตร์ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ริมชายหาด สวมแว่นกันแดดสีชาแบรนด์ดัง ใบหน้าเรียบขรึม ในมือถือแก้วน้ำมะพร้าวเย็น ๆ ที่เขายังไม่ได้แตะ...เพราะสายตาเขา จับจ้องอยู่ที่คน ๆ เดียวลลิลกำลังหัวเราะเบา ๆ ขณะเดินลุยน้ำทะเลที่ซัดสาดเป็นระลอกเล็ก ๆ รอบข้อเท้าบิกินี่สีแดงสดเข้ารูป โอบแนบผิวขาวผ่องตัดกับแสงแดด และผ้าซีทรูเนื้อบางสีขาวสะอาดที่ผูกไว้ลวก ๆ รอบเอว ถูกลมทะเลพัดปลิวไหวจนทำให้ใจเขาแทบหยุดเต้นไหล่เปลือยระยิบระยับด้วยหยดน้ำ ผิวที่กระทบแสงแดดสว่างขึ้นอีกระดับ จนไม่ว่าใครเดินผ่าน—ก็ต้องเหลียวมอง…และนั่นแหละ ปัญหาเขาขบกรามแน่น ไม่ดื่มแม้แต่น้ำมะพร้าวในมือ เพราะสมองเขามัวแต่คิดว่า—เธอกำลังโดนใครมองอยู่บ้าง?ไอ้ผ้าบาง ๆ นั่น มันกั้นอะไรได้บ้างวะ!!คนที่ควรเห็นเธอในสภาพนี้...ควรมีแค่เขามั้ยวะ?เขายื่นแก้วน้ำมะพร้าวให้บัตเลอร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังศาลาไม้ หยิบเสื้อคลุมชายยาวเนื้อบางติดมืออ
ภายในห้องทำงานไม้เก่าแก่ของคฤหาสน์ริมหน้าผา กลิ่นกระดาษเก่าและควันบุหรี่กลิ่นคลาสสิคลอยแผ่วในอากาศ หน้าต่างเปิดออกสู่ทะเล เสียงคลื่นซัดโขดหินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหมือนเสียงลมหายใจของอดีตที่ยังไม่ยอมจางเซอร์ไคล์นั่งลงหลังโต๊ะไม้โอ๊คเก่า อลิสแตร์ยืนอยู่ตรงข้าม คิมหันต์ยืนพิงผนังเงียบ ๆ รอคอยความจริงที่กำลังจะได้รับรู้“ไม่คิดเลย…ว่าจะมีโอกาสได้เห็นหน้าลูกอีกครั้ง”เซอร์ไคล์พูดขึ้นในที่สุด เสียงแหบต่ำผ่านลำคอที่กร้านกรำด้วยเวลาอลิสแตร์ไม่ตอบ…เพียงสบตาเขานิ่งเซอร์ไคล์ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาสีเทาอ่อนของเขาคล้ายกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง…ที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว“พ่อกับวินเซนต์เป็นเพื่อนกัน...ไม่สิ มากกว่าเพื่อนด้วยซ้ำ”“เราคือ ‘เงา’ ที่ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน...ในนาม MI6”เสียงจุดไฟแช็กดังเบา ๆ ก่อนเขาจะจุดบุหรี่ แล้วพ่นควันบาง ๆ ขึ้นฟ้า ควันนั้นลอยตัดแสงไฟสีอุ่นในห้องราวกับฉากหนังเก่า“เราสองคนเริ่มจากภารกิจเล็ก ๆ ...ล้วงข้อมูลในเบลเกรด ไล่ล่าหัวหน้าขบวนการค้าอาวุธในเบอร์ลิน แต่เมื่อ ‘โครงข่ายไร้เงา’ โผล่ขึ้นมา MI6 ก็รู้...ว่าเราไม่ได้เจอแค่ศัตรูธรรมดาอีกต่อไป”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง“ไฮดราโปรเจก