[เกวลิน]
“เพราะเธอ…ชอบฉันไงล่ะเกว!” “0///0!!” คำพูดของคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันถึงกับเบิกตาโพลงขึ้นมา คำพูดนั้นของเขามันเหมือนก้อนหินก้อนใหญ่ที่ทุบเข้ามาที่กลางอกของฉันอย่างแรง สิ้นเสียงของเขาคุณคิมหันต์ก็โน้มหน้าตัวเองเข้ามาใกล้ฉันมากกว่าเดิม สายตาของเขาที่จ้องมองเข้ามาในดวงตาทั้งสองข้าง สลับกับมองต่ำลงไปยังริมฝีปากของฉัน คงเดาไม่ยากว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรต่อไป ก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดระหว่างเราสองคน และเสียงนั่นก็ยังช่วยดึงสติของฉันกลับมาได้อย่างเต็มร้อย พลั่ก!! ทันทีที่ได้สติฉันรีบผลักร่างของคนตัวสูงตรงหน้าให้ออกห่างจากตัวสุดแรง ก่อนจะรีบยกร่างของตัวเองออกจากโต๊ะ แล้วถอยห่างออกมาจากคนตรงหน้าให้มากที่สุด “หึ!” สิ่งที่ฉันเห็นหลังจากนั้นคือสีหน้าของคุณคิมหันต์ที่ตอนนี้กำลังยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอีกแล้ว สีหน้าแบบนี้เป็นสีหน้าที่เขามักจะแสดงออกมาในตอนที่กำลังพึงพอใจในอะไรบางอย่าง “ถะ…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เกวขอตัวนะคะ” ฉันรีบหันหลังกลับมาเพื่อกวังจะออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะถ้าขืนอยู่ต่อไปฉันต้องอึดอัดตายอยู่ในห้องนี้แน่ๆ “เดี๋ยวก่อน!” แต่ยังไม่ทันที่จะได้เริ่มก้าวเท้าเดินออกไปเลยสักก้าว ฉันกลับต้องหยุดชะงักเพราะเสียงทักท้วงของคุณคิมหันต์ซะก่อน ตึกๆๆ!! เสียงฝีเท้าของคนตัวสูดังขึ้นมาตามหลัง ใกล้เข้ามาหาฉันเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเสียงฝีเท้าเงียบไป กลับมีเสียงลมหายใจที่ดังรวยรินอยู่ใกล้ใบหูของฉันขึ้นมาแทน นี่เขา…อยู่ใกล้ฉันขนาดนี้เลยเหรอ? ฟึ่บ!! ในขณะที่ฉันกำลังยืนตัวแข็งทื่อรับมือกับอาการใจเต้นรัวไม่พักของตัวเองอยู่นั้น หลังจากนั้นไม่นานคนตัวสูงก็ยื่นของบางอย่างมาให้ฉันในขณะที่ตัวเขาก็ยังยืนแนบชิดกับหลังฉันไม่ห่าง “มือถือใหม่! อย่าลืมเอาไปด้วยสิ” “ขอบคุณค่ะ” หมับ!! ฉันคว้าสิ่งที่คุณคิมหันต์ยื่นมาให้อย่างไว โดยที่ยังไม่ได้ก้มลงไปมองมันด้วยซ้ำ ก่อนจะรีบวิ่งออกมาให้ไกลจากคนตัวสูงโดยทันที เพราะฉัน…ยืนอยู่ใกล้เขาไม่ไหวจริงๆ ขืนยังยืนอยูตรงนั้นต่อไปฉันคงได้ขาอ่อนล้มพับไปตรงหน้าเขาแน่ๆ เพราะคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าฉัน…ชอบเขา! มัน…เป็นไปไม่ได้! มันไม่ใช่ความจริง! ฉันไม่มีทางชอบคนใจร้ายอย่างเขาได้แน่ๆ!! เวลา 19.00 น. ซ่าาา!! สายฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างหนักก่อให้เกิดเป็นเสียงดังไปทั่วทั้งท้องถนน แม้ว่าตอนนี้ฉันจะนั่งอยู่ในรถก็ตาม แต่ก็ยังได้ยินเสียงฝนที่ดังอยู่อย่างชัดเจน ฉันนั่งพิงกระจกรถแท็กซี่พลางมองไปยังสายฝนที่ตกอยู่นอกหน้าต่าง เสียงฝนที่ดังโปรยปรายอยู่ข้างนอกนั่นมันเสียงดังพอๆกับความคิดในหัวฉันตอนนี้เลย หลังจากเลิกงานแล้วฉันก็รีบออกมาจากบริษัท แล้วกลับบ้านคนเดียวเงียบๆ โดยที่ไม่ได้อยู่รอคุณคิมหันต์เลย แม้ว่าตอนนี้เขาจะกำลังตามตัวฉันให้วุ่นอยู่ก็ตาม ตืดๆๆ!! เสียงมือถือเครื่องใหม่ที่ดังขึ้นมาเป็นสายที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าสายที่โทรมาคือใคร ฉันเลือกที่จะไม่สนใจสานมือถือที่ดังเข้ามา แม้ว่าจะรู้ดีว่าการทำแบบนี้จะทำให้เขาโกรธมากแค่ไหน แต่ฉันก็ยังเลือกที่จะไม่สนใจมัน เพราะฉัน…สับสน ‘เพราะเธอ…ชอบฉันไงล่ะเกว!’ คำพูดของคุณคิมหันต์ที่พูดกับฉันก่อนหน้านี้ยังคงดังแว่วอยู่ในหัวฉันไม่พักเลย ฉันรู้สึกสับสนกับคำพูดนี้ของเขามากเลยล่ะ ความรู้สึกหน่วงๆที่หน้าอกข้างซ้ายตอนที่เห็นเขาร้องไห้ ความรู้สึกอึดอัดตอนที่ได้ยินเรื่องคู่หมั้นของเขา และความรู้สึกใจเต้นแรงเวลาที่ฉันอยู่ใกล้กับเขา ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมความรู้สึกพวกนี้มันถึงเกิดขึ้นกับฉันได้ ชอบงั้นเหรอ? มันไม่ควรเป็นแบบนั้นสิ ฉันไม่ควรรู้สึกแบบนั้นกับเขาเลย ฉันเกลียดเขาไม่ใช่เหรอ? คุณคิมหันต์…คือคนที่ฉันเกลียดมากที่สุดไม่ใช่รึไง? แต่ทำไม…ทำไมฉันถึงปฏิเสธคำพูดนั้นของเขาไม่ได้เลย คำพูดที่ว่า…ฉันชอบคุณคิมหันต์! ฉัน…หาเหตุผลอื่นมาปฏิเสธมันไม่ได้จริงๆ “นังหนู…นังหนู!!” “เอ่อ…คะ?” ฉันสะดุ้งขึ้นมาเพราะเสียงเรียกของลุงคนขับที่ดังขึ้นมาดึงสติฉันที่กำลังนั่งเหม่ออยู่บนรถ “ถึงแล้วล่ะนังหนู!” ฉันเหลือบไปมองนอกกระจกรถก่อนจะเห็นว่าตอนนี้รถมาจอดอยู่หน้าบ้านของคุณคิมหันต์แล้วจริงๆด้วย “อ่อ! ค่ะ!” ฉันตอบรับก่อนจะก้มลงไปหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าตัวเองเพื่อจ่ายค่าแท็กซี่ “เอ๊ะ! นั่นเพื่อนหนูรึเปล่าน่ะ?” “อะไรนะคะ?” จู่ๆลุงคนขับก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจ “เด็กผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าบ้านนั่นน่ะ ใช่เพื่อนหนูรึเปล่า? ยืนตากฝนอยู่แบบนั้นเดี๋ยวก็ป่วยเอาหรอก” ขวับ!! ฉันหันไปมองตามนิ้วของลุงคนขับที่ชี้ไปยังหน้าประตูบ้าน ที่ตอนนี้มีร่างของผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนตากฝนเกาะรั้วประตูหน้าบ้านไว้ไม่ห่าง และที่น่าตกใจมากกว่านั้น ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน แต่เป็น…ทิวเขา!![คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ