[คิมหันต์]
“ถ้าเธอไม่บอกฉันว่าเธอเป็นอะไร? ฉันจะกดรีโมทเปิดมู่ลี่ให้พนักงานข้างนอกเห็น ว่าเราสองคน…ทำอะไรกันอยู่ในห้อง” สิ้นเสียงของผม คนตัวเล็กตรงหน้าก็เบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะร้องห้ามผมด้วยสีหน้ามู่ทู่เหมือนในตอนแรก “00! อย่านะคะ! แค่นี้เกวก็ดูแย่ในสายตาพนักงานคนอื่นมากพอแล้ว!” “หมายความว่ายังไง? ใครทำอะไรให้เธอไม่พอใจงั้นเหรอ?” ท่าทีของเกวดูเปลี่ยนไปจากตอนเช้ามากเลย ทั้งสีหน้าแววตาที่ไม่สดใสเท่าที่ควร ไหนจะคำพูดที่ให้ความรู้สึกห่างเหินเหมือนอย่างก่อนหน้านี้นั่นอีก ท่าทีแบบนั้นของเกวลิน ผมไม่ชอบเลย! “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยค่ะ ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ” โกหก! โกหกชัดๆ!! “เธอจะไม่ยอมบอกฉันจริงๆใช่มั้ยเกว?” ดื้อจริงๆเลย ต้องให้ผมใช้ไม้แข็งก่อนถึงจะยอมเปิดปากพูดสินะ ติ๊ด!! ผมกดปุ่มเปิดบนรีโมท ทันทีที่กดปุ่มลงมู่ลี่รอบๆห้องก็ค่อยๆเลื่อนเปิดออกที่ละบานอย่างช้าๆ “คุณคิมหันต์! คุณทำอะไรน่ะ?! ปิดเดี๋ยวนี้เลยนะคะ!!” คนตัวเล็กเริ่มโวยวายและพยายามแย่งรีโมทจากมือผมทิ้งไปด้วยท่าทีที่ร้อนรน “บอกฉันมาก่อนสิเกว” “ก็ได้ค่ะ ก็ได้!! เกวบอกแล้วก็ได้” หึ! ก็แค่นี้ ติ๊ด!! ผมกดปุ่มปิดบนรีโมทอีกครั้ง ก่อนที่มู่ลี่ในห้องจะค่อยๆเลื่อนกลับลงมาปิดสนิทตามเดิม ที่ต้องขู่ก็เพราะแบบนี้แหละ ถ้าผมไม่ใช้ไม้แข็งกับเธอแบบนี้ คนอย่างเกวลินน่ะ…คงไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรออกมาง่ายๆหรอก “ว่ายังไง? มีใครทำอะไรเธอฮ่ะ?” ผมโน้มหน้าเข้าไปมองหน้าของคนตัวเล็กที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมเลยสักนิด ท่าทีแบบนี้ของเกวลิน…ผมไม่ชอบเลยจริงๆ แทนที่จะเอาแต่ก้มหน้าแบบนี้ สู้ให้เธอเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยแววตาจิกกัดเหมือนแต่ก่อนยังน่าพอใจกว่าซะอีก “…คุณนั่นแหละค่ะ” “อะไรนะ?” “เพราะคุณคิมนั่นแหละค่ะ ที่ทำให้เกวเป็นแบบนี้” “เพราะฉัน…งั้นเหรอ?” “เกวบอกคุณแล้วไงคะว่าให้เกวเข้ามาฝึกงานในตำแหน่งที่เด็กฝึกงานทั่วไปเขาทำกันน่ะ เกวเป็นแค่เด็กฝึกงาน แต่เข้ามาวันแรกก็ได้ทำตำแหน่งที่สูงขนาดนี้ คนอื่นเขาจะมองเกวยังไงล่ะคะ? เกวอยากจะใช้ชีวิตตอนฝึกงานอย่างสงบแท้ๆ แต่แค่วันแรกเกวก็โดนคนอื่นมองว่าเป็นเด็กเส้นซะแล้ว แล้วแบบนี้จะให้เกวฝึกงานต่อไปอย่างสงบได้ยังไงล่ะคะ!?” คนตัวเล็กโพล่งคำพูดออกมารัวๆ จนแทบจะไม่พักหายใจเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งตอนพูดก็ยังทำหน้ามุ่ย และแสดงสีหน้าว่ากำลังไม่พอใจผมอยู่ออกมาอย่างชัดเจน หึ! ท่าทีตอนนี้ของเกวลินมัน…ตลกชะมัด ทั้งตลกทั้งน่าเอ็นดู จนผมอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่ะๆ อ่อ! เธอไม่พอใจเพราะโดนหาว่าเป็นเด็กเส้นสินะ” “คุณคิมหันต์! นี่คุณหัวเราะออกมาได้ยังไงกัน? เรื่องนี้มัน…น่าตลกตรงไหนเหรอคะ?” “หึ! มันก็น่าตลกตรงที่…เธอกังวลในสิ่งที่มันคือเรื่องจริงนี่” “…” หลังจากที่ผมพูดออกไปแบบนั้น ท่าทีของเกวลินก็ดูนิ่วไปจากเดิมเยอะเลย “เธอเป็นเด็กเส้นของฉันจริงๆนี่เกว” หมับ!! ผมพูดพลางเอื้อมมือออกไปเชยคางเกวลินให้เงยหน้าขึ้นมามองผม พลางใช้มืออีกข้างปัดป่ายเส้นผมที่ปรกใบหน้าสวยของเธอออกไปอย่างเบามือ แต่ทำไมท่าทีตอบรับของเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? ผมว่าผมก็ไม่ได้มองเธอด้วยสายตาที่น่ากลัวอย่างที่เธอร้องขอซะหน่อย แล้วผมก็ยังไม่ได้ทำอะไรรุนแรงใส่เธอด้วย แต่ทำไม… “เธอร้องไห้ทำไมเกว?” “สำหรับคุณ…เกวคงเป็นได้แค่ของเล่นที่คุณเอาไว้ควงเล่นแก้เบื่อเท่านั้นสินะคะ” ควงเล่นแก้เบื่องั้นเหรอ? พูดอะไรของเธอน่ะ? “นี่เธอ…ไปได้ยินใครพูดอะไรมา?” “ฮึก ทำไมคุณไม่บอกเกวล่ะคะ? ทำไมคุณไม่บอก…ว่าคุณมีคู่หมั้นอยู่แล้วล่ะคะคุณคิมหันต์!?” เกวลินพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงไหลอาบแก้มเป็นสายไม่หยุด เพราะเหตุผลนี้ใช่มั้ยที่ทำให้เธอมีท่าทีเปลี่ยนไปแบบนี้ เธอร้องไห้หนักขนาดนี้เพราะรู้เรื่องที่ฉันมีคู่หมั้นอยู่แล้วงั้นเหรอ? แววตาของเกวลินที่จ้องมองมาที่ผมมันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรกัน? ดวงตากลมที่เคยจ้องเขม็งมองมาที่ผมด้วยความโกรธเกลียดตลอดเวลา ตอนนี้มัน…เปลี่ยนเป็นแววตาที่อ่อนโยนขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร? ตัวผมเองก็เหมือนกัน ก่อนหน้านี้มาเคยชอบมันมาก…น้ำตาของเกวลิน แต่ตอนนี้…ตอนที่เห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเกวลิน มันทำให้ผมหงุดหงิดใจแทบจะบ้า ตอนนี้ผม…ไม่ชอบมันเลยสักนิด!! “แล้วทำไมเธอต้องร้องไห้เพราะเรื่องที่ฉันมีคู่หมั้นอยู่แล้วด้วยล่ะ?” ฟึ่บ!! ผมเอ่ยถามออกมาเสียงแผ่วเบาพลางใช้มือของตัวเองเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของคนตัวเล็กตรงหน้า “ฮึก! เกวไม่รู้! เกวแค่…ไม่ชอบค่ะ” เกวลินส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเอ่ยคำตอบที่ดูสับสนออกมา “แต่ฉันว่าฉันรู้เหตุผลนะ” เหตุผลที่ทำให้เกวลินกระวนกระวายใจ จนร้องไห้ออกมาขนาดนี้ ผมว่าผมรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร และเหตุผลนั้น…มันก็น่าพอใจจนผมอดยิ้มออกมาไม่ได้เชียวล่ะ “ฮึก หมายความว่ายังไงคะ?” “เหตุผลที่เธอร้องไห้ไง” “…??” ฟุ่บ!! ผมยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างพอใจ พร้อมกับโน้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา “เพราะเธอ…ชอบฉันไงล่ะเกว” ผมก็มั่นใจในเหตุผลข้อนี้มาก ทั้งท่าที ทั้งสีหน้าแววตาที่เปลี่ยนไปของเกวลิน ผมรับรู้มันได้ทุกอย่าง แววตาที่เคยแข็งกร้าวตอนที่เธอจ้องมองมาที่ผมมันเปลี่ยนไปแล้ว ความโกรธเกลียดและความกลัวที่เธอเคยมีให้ผมก่อนหน้านี้ มันคงถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอื่นแล้วสินะ หึ! ผมไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกชอบที่เกวลินมีให้ผมตอนนี้มันจะมากขนาดไหน แต่ผมว่าแบบนี้…มันก็น่าพอใจกว่าตอนที่เธอเกลียดฉันมากเลยล่ะ เกวลิน…ฉันจะทำให้เธอชอบฉันมากขึ้นไปเรื่อยๆ ชอบ…จนถึงขั้นที่เธอไม่สามารถขาดฉันได้ อย่างที่ฉัน…ขาดเธอไม่ได้ในตอนนี้ไงล่ะเกว!![คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ