“ข้าอยากเลือกเครื่องหน้าใส่เอง พี่เสี่ยวหนี่ข้าต้องทำอย่างไร” อ๋องน้อยเฟยเทียน วิ่งมากอดแขนเสี่ยวหนี่เสี่ยวหนี่หัวเราะแล้วก้มลงถาม“ท่านอ๋องน้อยจะต้องได้ลองทำพิชซ่า เจ้าค่ะพี่เสี่ยวหนี่รับประกัน”เฟยเทียนพยักยิ้มๆ แววตามุ่งมั่น“แน่นอน ข้าจะทำให้สวยที่สุดในวังหลวงเลย”“เรายอมแพ้ท่านอ๋องน้อยแล้วเจ้าค่ะอย่างน้อยก็ความมุ่งมั่น” เฟิงหรานพูดยิ้มๆพวกนางทั้งหมดต่างยิ้มให้กัน ก่อนจะจัดเตรียมถาดวัตถุดิบพิเศษสำหรับอ๋องน้อย มีทั้งเนื้อไก่รมควัน หอมใหญ่ซอย พริกหวาน หมูแฮมในแบบจีน สตอร์เบอรรี่อบแห้งน้ำผึ้ง และชีส ขูดไว้พร้อมกลิ่นหอมของซอสที่เพิ่งเคี่ยวเสร็จใหม่ ๆ ยังคงอวลอยู่ในอากาศ เสี่ยวหนี่ใช้ทัพพีเกลี่ยซอสลงบนแผ่นแป้งอย่างบรรจง เริ่มจากตรงกลาง แล้วค่อย ๆ หมุนแป้งและเกลี่ยวนออกไปจนทั่วแผ่น สีแดงเข้มของซอสผสานกับกลิ่นหอมของกระเทียมและสมุนไพรลอยขึ้นมาทำเอาหลิงเชียวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สูดกลิ่นเข้าเต็มปอด“หอมจัง ยังไม่อบก็ยังหอมน่ากินขนาดนี้ข้าแทบจะอดใจถึงตอนที่อบใหม่ๆ ไม่ได้.” นางพึมพำเบา ๆเสี่ยวหนี่ยิ้มนิด ๆ ก่อนหยิบชีสที่เฟิงหรานนำมาให้ขึ้นมา หั่นเป็นเส้นหนาอย่างสม่ำเสมอแล้วโรยลงบนซอส ชีสสีคร
เฟิงหรานเดินตรงไปยังชั้นวางผักและเนื้อ หมุนตะเกียบไม้ในมือเบาๆ หยิบของสดออกมาพลางใช้สายตาพิจารณาทีละชิ้นอย่างคุ้นเคย“เนื้อวัวนี่ น่าจะเอาไปย่างให้หอมก่อน โรยเกลือหยาบหน่อย แล้ววางหน้าได้เลย”“เห็ดหอมนี่คุณภาพดีทีเดียว มาจากเขาทางเหนือแน่ๆ กลิ่นหอมแน่น เนื้อแน่น ถ้าอบจะให้กลิ่นละมุนมาก”หลิงเชียวอยู่ใกล้ๆ เสริมว่า“เห็ดหอมคู่กับซอสเปรี้ยวนิดๆ จะดึงรสออกมาได้ดี เสี่ยวหนี่บอกว่าต้องทำซอสมะเขือเทศ ข้าเห็นมะเขือเทศสดอยู่ถังนู้น เซี่ยหยาเจ้าไปเลือกดูซิ”เซี่ยหยาไม่รอช้า รีบเดินไปยังถังเก็บผักแล้วเลือกมะเขือเทศอวบฉ่ำขึ้นมาสองสามผล “ข้านำไปลวกแล้วปอกเปลือกให้ ทำน้ำซอสราดก็จะกลมกล่อมแน่นอน” เดินดูผักอื่นๆ อีก“ใบโหระพา...หอมแดงซอยบาง...เห็ดฟางสดพวกนี้ดีมาก เนื้อแน่นใช้ได้เลย ยิ่งถ้าเอาไปผัดแห้งก่อนจะยิ่งหอม”เฟิงหรานหยิบใบโหระพาและใบขึ้นฉ่ายจีนมาลองขยี้ปลายนิ้ว สูดกลิ่นดู“กลิ่นหอมแรงใช้ได้ ตามที่เสี่ยวหนี่พูดมาวัตถุดิบใส่ได้แทบทั้งนั้น แต่อาจไม่เข้ากันทุกหน้า ข้าเสนอให้ใส่เฉพาะถาดที่เน้นรสเบาๆ เช่น ใส่ไข่หรือเต้าหู้หมักจะเข้ากันมากกว่า”เสี้ยวอี้ชี้ไปที่พริกหวานสีแดง“พริกหวานนี่ หวานกรอบไม
อ๋องน้อยเฟยเทียนเงยหน้ามองเสี่ยวหนี่ด้วยแววตาเป็นประกาย ยิ้มหวานเอ่ยเสียงใสอย่างจริงใจว่า“ตามใจพี่เสี่ยวหนี่ดีกว่า พี่เสี่ยวหนี่ทำอะไรก็อร่อย...ข้าชอบ”เสี่ยวหนี่ได้ยินเข้าก็ยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ แม้จะเป็นเพียงคำชมจากเด็กตัวน้อย วางอ๋องน้อยเฟยเทียนลงกับพื้นเบาๆ แล้วลูบศีรษะเขาด้วยความเอ็นดู“ได้เลย พี่สาวจะทำพิชซ่าละกันเนอะ”คำว่าพิชซ่าหลุดออกจากปากเสี่ยวหนี่ทุกคนก็ต่างมองหน้ากันพลางพึมพำเบาๆ อย่างงุนงง“พิชซ่าหรือ มันคืออาหารชนิดใดกัน”อวี่หรงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเหมือนเคยได้ยินคำนี้ที่ไหนมาก่อน แต่ยังนึกไม่ออก เสี่ยวหนี่พยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วบอกกับพวกเพื่อนๆ ในห้องเครื่องว่า“ช่าย พวกเจ้าก็ต้องมาช่วยข้าด้วยนะ ทำมากหน่อย กินกันทุกคนให้อิ่มหนำ เป็นมื้อเที่ยงของวันนี้ เพื่อปาร์ตี้เล้กๆ ของเราข้าล่ะชอบตริงๆ ปาร์ตี้นี่”หยางชินอวี้กับจี้เหวินที่ยืนอยู่ไม่ไกล พอได้ยินว่าเสี่ยวหนี่จะชวนคนทั้งกลุ่มทำอาหารก็กอดอกแล้วเบือนหน้าไปอีกทาง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สนใจใดๆ“พวกนี้...ว่างนักหรือไรได้พักทั้งทีกลับหาเรื่องเข้าครัวให้เปื้อนให้ร้อน” จี้เหวินพึมพำเบาๆ ด้วยท่าทีรำคาญเฟิง
อวี่หรงหัวเราะเสียงดังและย่อตัวลงอุ้มอ๋องน้อยเฟยเทียนขึ้นมาอย่างง่ายดายพลางพูดอย่างเอ็นดูว่า“เจ้าเป็นอ๋องน้อยหรือเจ้าหอยทากน้อยกันแน่ วิ่งตามข้าช้าขนาดนี้ยังจะขอให้ข้าอุ้มอีก”เฟยเทียนทำหน้างอนๆ พลางโอบคอเสด็จพ่อแน่น แล้วหันมายิ้มกว้างให้เสี่ยวหนี่ “พี่สาวเสี่ยวหนี่ ข้าคิดถึงท่านมาก เสด็จพ่อก็คิดถึงท่านเหมือนกัน แต่ไม่ยอมรับ วันนี้พอข้าขอให้พามาเจอท่านเขาก็รีบตกลงแล้ววิ่งออกมาก่อนข้าเลย”อวี่หรงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะค่อยๆ วางร่างเล็กของอ๋องน้อยเฟยเทียนลงบนพื้น แล้วก้มลงกระซิบข้างหูเบาๆ พลางดันหลังเขาไปข้างหน้า"เจ้าไปอ้อนเอาพี่สาวเสี่ยวหนี่มาให้ได้สิ ไปๆ เร็วเข้า"อ๋องน้อยเฟยเทียนเบิกตาโตอย่างเข้าใจในภารกิจสำคัญของตน ก่อนจะวิ่งดุ๊กๆ ไปหาเสี่ยวหนี่แล้วออดอ้อนด้วยเสียงหวานจัด"พี่สาวเสี่ยวหนี่ อุ้มข้าหน่อย ขาข้าเจ็บหมดแล้วววว"เสี่ยวหนี่หัวเราะเบาๆ อย่างอดเอ็นดูไม่ได้ รีบย่อตัวลงอุ้มอ๋องน้อยขึ้นมาแนบอกอย่างทะนุถนอม พลางถามด้วยรอยยิ้มกว้าง"องค์ชายรองแกล้งท่านอ๋องน้อยหรือ ไหน ๆ บอกพี่มาสิ อยากได้ขนมหน่อยไหมเผื่อจะดีขึ้น” เสี่ยวหนี่พูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดูคนตัวเล็กเฟิงหราน หลิงเชียว เซี่ยห
หยางลี่หันหน้าสบตากับตงเจี้ยนอย่างรวดเร็ว คล้ายจะพูดว่า เจ้าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้หรือตงเจี้ยนครุ่นคิดไปครู่หนึ่งถอนหายใจเบาๆ แต่ก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ ก่อนจะวางตะเกียบลงแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่จริงจัง“ส่งจดหมายถึงกันไม่ได้เหรอหากว่าอยากจะคุยกันเล่าจะส่งจดหมายถึงกันได้หรือไม่”หยางลี่หันกลับมามองเสี่ยวหนี่ทันที “ใช่ๆ เราเขียนจดหมายหากันก็ได้ แต่ฮ่าๆๆๆ ทำแบบนี้เหมือนเป็นคู่รักกันเลย แต่ก็ได้นะแค่ห้ามอย่าเขียนคำหวานมานะข้าเขิน” น้ำเสียงสดใสลืมความโศกเศร้าไปเสียหมด“นั่นสิ… แค่จดหมาย ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร ถ้าแค่เขียนถึงกัน บางที…ก็นับว่าได้พบกันอย่างหนึ่ง หายคิดถึงไปได้เชียว” เสี่ยวหนี่ยิ้มบางๆ พยักหน้ารับ หยางลี่ยิ้มออกมา ดวงตาเปล่งประกายด้วยความอบอุ่น “แค่เราได้ติดต่อพูดคุยกัน… ข้าก็พอใจแล้ว” หยางลี่ก็ยังรู้สึกเศร้าหมองไม่เลิกราครัวของนางในห้องเครื่องฝึกหัดเช้าวันใหม่มาเยือน เสี่ยวหนี่ในชุดแม่ครัวม้วนแขนเสื้อขึ้นสูงอย่างกระฉับกระเฉง ใบหน้าเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ขยับมือหั่นวัตถุดิบอย่างคล่องแคล่ว พร้อมฮัมเพลงเบาๆ“อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวอี้ยิ้มน้อยๆ ขณะล้างผักอย
เสี่ยวหนี่เริ่มเล่าเสียงค่อยๆ แต่แววตาเปล่งประกายสนุกสนานอย่างคนที่กำลังได้เม้าท์เรื่องราวที่ตนเองรู้อย่างถ่องแท้“ที่กลุ่มนางในห้องเครื่องฝึกหัดของข้ามีทั้งหมดหกคนรวมข้า ไม่รวมเสี่ยวอี้ด้วย แต่ละคนก็ต่างพื้นเพ ต่างนิสัยกันไปหมด อย่างคุณหนูหยางชินอวี้น่ะ นางได้รางวัลเป็นพัดสวยๆ อันหนึ่ง ข้ายังอยากได้เลยนะ แต่ดูนางจะไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไร คงเพราะบ้านนางก็มิได้ขัดสน หรืออาจไม่ชอบของพวกนี้ก็ได้”เสี่ยวหนี่ขยับตัวเล็กน้อย พลางหรี่ตามองหม้อชาบูที่เริ่มเดือดจัด แล้วพูดต่อ“เฟิงหรานกับหลิงเชียวเป็นแม่ครัวมืออาชีพไม่ได้มีท่าทีเป็นคุณหนูเลยสักนิด นางทั้งสองดูจะไม่ต้องการ ส่วนข้ากับ...เอ่อ...พี่สาวของข้า ก็ได้กันคนละชิ้นแล้ว”ตงเจี้ยนพยักหน้ารับแล้วว่าเสียงเรียบ “งั้นสุดท้าย คนที่ได้พัดไปก็คือเซี่ยหยาสินะ...แต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนางล่ะ พัดนั่นจะช่วยอะไรนางได้” ถามเพราะไม่เคยอยู่ในจุดที่เซียหยานางกำลังยืนอยู่ตรงนั้น“ได้สิ ก็เอาไปขายน่ะสิ” เสี่ยวหนี่ตอบทันควันพร้อมยักไหล่เบาๆ“ก็แหม เงินเดือนในวังมันก็น้อย แถมงานก็หนัก ข้าอยู่ตัวคนเดียวก็ไหว มีเงินกินเที่ยวได้ แต่เซี่ยหยา...นางต้องเลี้ยงทั้งคร