ค่ายทหารทุกค่ายจะมีสถานที่รับรองผู้บัญชาการจอมทัพเป็นเรือนพักหลังใหญ่เรือนพักนี้สร้างไว้สำหรับรัชทายาทเข้ามาพำนักยามตรวจตรากองทัพ มีเพียงองครักษ์คนสนิท บ่าวรับใช้ติดตามและแม่ทัพคนสำคัญที่ถูกเรียกตัวมาเป็นการเฉพาะกิจเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้ นอกนั้นห้ามผู้ไม่ได้รับอนุญาตเข้าใกล้เด็ดขาดเพราะหลายครั้งที่ชาวบ้านได้ข่าวว่ารัชทายาททรงมาตรวจตราเยี่ยมเยือนค่ายทหาร พวกเขามักจะพากันมารวมตัวตั้งขบวนขอเข้าเฝ้าแถวยาวตั้งแต่ประตูค่ายจนถึงทางเข้าหมู่บ้านนอกจากชาวบ้านยังมีทหารใหม่ที่พากันมาจับจองที่ยืนใกล้เรือนพักส่วนพระองค์ตั้งแต่รุ่งสางยิ่งเป็นทหารหญิงยังแต่งหน้าทาชาดอีกด้าย ทว่าน่าเสียดายที่รัชทายาทมิใคร่ชอบการกระทำเช่นนั้นเท่าใด จึงไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้าเฝ้าทั้งสิ้น และยิ่งไม่เคยเปิดเผยการเดินทางให้ค่ายใดทราบล่วงหน้าเรือนสองชั้นห่างออกมาจากลานฝึกเล็กน้อยบุรุษหนุ่มยืนนิ่งเอามือไพล่หลังดังผู้สูงศักดิ์ ทอดสายตาคมสีดำรัตติกาลมองไปยังความวุ่นวายที่ลานฝึกอย่างเงียบงัน จ้าวเหว่ยใช้เวลาเดินทางตรวจตรากองทัพทั้งสี่ทิศรอบเมืองพบเห็นความวุ่นวายระหว่างทหารเก่ากับทหารใหม่จนชินตา ไม่นับว่าตื่นเต้นอันใด เพ
เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ปล่อยให้นางพูดไม่หยุดเสียแล้วเส้นเสียงของซานซานยังคงดังเนิบช้า “ทุกคนในที่นี้ล้วนมีความหวังที่จะร่วมเป็นร่วมตายยามภัยมาเยือน สงครามไม่เคยปรานีผู้ใด พวกเราไยมิใช่ปรานีใส่กันให้มากเข้าไว้ แม้สตรีมิได้มีพละกำลังมากนัก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าหลายครั้งยังต้องอาศัยพวกนางทำศึกหนัก ไม่ว่าจะแผนนารีพิฆาต วสันต์ลวงสังหาร ร่านราคะอำมหิต เสน่หาคร่าชีวิต”แผนสาวงามที่กล่าวมาล้วนมีจริงในหมู่นักฆ่า บรรดาทหารหญิงก็คงมีไม่ต่างกันดวงตาแวววาวของซานซานแข็งกร้าวยามกวาดมองไปทางฝั่งบุรุษ นางชี้นิ้วไปทางสตรีพลางส่งเสียงดังกังวานท้าทาย “จงบอกแก่ข้า ว่าหากพวกท่านที่เป็นบุรุษปลดชุดเกราะถอดหมวกเหล็กแล้วใส่เพียงผ้าเนื้อบางแนบกาย ไม่มีคันธนูแบกอยู่บนแผ่นหลัง ในมือไม่มีหอกหรือดาบทวนกระบี่ทั้งนั้น ร่างกายยังไร้ซึ่งพลังปราณร้ายกาจ เช่นนั้นยังสามารถสังหารศัตรูบนเตียงอย่างเฉียบขาดเยี่ยงพวกนางได้หรือไม่”เงียบกริบ เงียบประดุจสุสาน ได้ยินกระทั่งสายลมแผ่วพัดผ่านใบหูท่ามกลางสายตาตะลึงอึ้งและนิ่งฟังแข็งค้างของผู้คน ซานซานเอ่ยปากอีกหน “คนเหมือนกัน แคว้นเดียวกัน ยิ่งเป็นทหารของกองกำลังเดียวกัน จะเหยียดหยันดูแ
ภายใต้สายตามองประเมินอย่างเย็นชาของซานซาน แม่ทัพหวังแค่นเสียงเฮอะแล้วกล่าวเสียงห้วน“นึกว่าแน่ ที่แท้ก็แค่สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ เป็นคนของสนมวังหลังยังกล้ามาเป็นครูฝึกของที่นี่ช่างไม่เจียมตัว”ช่างเป็นการข่มขวัญกันชัดเจนเป็นไปได้ว่า การเข้ามาอยู่ในฐานะครูฝึกของซานซาน ยังค่ายทหารแห่งนี้ คงทำให้พวกบุรุษตรงหน้าหมั่นไส้มานานแล้วแต่นางต้องกลัวกระนั้นหรือ?คำตอบคือเดินขึ้นหน้าด้วยกิริยาเนิบช้า แผ่นหลังเหยียดตรงสง่า สีหน้าของนางเฉยชา เปล่งเสียงเย็นเยียบว่า“บุรุษเปรียบดั่งท้องฟ้า สตรีไม่ต่างจากพสุธา พวกท่านจึงคิดว่าเหยียบย่ำอย่างไรก็ได้” นางแค่นเสียงหัวเราะคราหนึ่งแล้วกล่าวต่อ “แต่อย่าลืม ...หากไม่มีแผ่นดินผู้ให้กำเนิด บุรุษอย่างพวกท่านไหนเลยจักมีที่ยืน!”ชายฉกรรจ์ทั้งหลายต่างนิ่งอึ้ง พวกเขาล้วนเข้าใจ ความหมายคือ หากไม่มีสตรี พวกเจ้าทุกคนย่อมมิได้เกิดมา!ทว่าแม่ทัพหวังแค่นเสียงฮึอย่างไม่สะทกสะท้านหรือไม่เข้าใจความนัยก็สุดรู้ แววตาของเขาพราวระยับแต่ปากกลับเอ่ยคำหยามหยัน“พวกผู้หญิงก็เท่านี้ ดีแต่ปากกันทั้งนั้น โดยเฉพาะยามอยู่ใต้ร่างผู้ชายย่อมเหมือนกันหมด ครางกระเส่าปา
ซานซานพิจารณาเงียบงัน เห็นหัวหน้าผู้หนึ่งเอ่ยปากแนะนำชายสองคนในชุดสีแดงเปลือกไม้ด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ท่านนี้คือแม่ทัพหวัง ท่านนี้คือรองแม่ทัพหยาง พวกเจ้ายังไม่รีบทำความเคารพอีก!”สิ้นเสียงตะเบ็ง ทหารใหม่จึงรีบประสานหมัดค้อมศีรษะทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง ซานซานก็เช่นกันแม่ทัพมีนามว่าหวังมู่ ส่วนรองแม่ทัพมีนามว่าหยางเฉิงซานซานพอรู้ชื่อแซ่ของทั้งสองอยู่บ้าง เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสได้เจอ ยามนี้นางจึงลอบวิเคราะห์พวกเขาโดยละเอียดคนเป็นแม่ทัพหวังอะไรนั่น อายุราวสี่สิบกว่าปี มีหนวดเหนือริมฝีปากเล็กน้อยเสริมความเคร่งขรึมบนใบหน้า ทว่าท่าทางเหมือนตาแก่ธรรมดาคนหนึ่งเพราะผิวพรรณที่พ้นสาบเสื้อช่างละเอียดเสียเหลือเกิน ดวงตายังพร่างพราวราวกับหนุ่มน้อยเจ้าสำราญ ท่าทางคล้ายทหารที่ชอบหลบมุมยามเจอศึกหนักกระนั้นมิรู้ได้ว่าตำแหน่งท่านแม่ทัพได้มาอย่างไร บางทีอาจครองตำแหน่งเพราะเส้นสายวงศ์ตระกูลช่วยผลักดันหรือเลวร้ายยิ่งกว่านั้น คือสวมรอยความดีความชอบของผู้อื่น อาจเคยเป็นแค่รองแม่ทัพมาก่อน ได้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับขุนพลเกรียงไกร หลังจากแม่ทัพใหญ่เด็ดหัวศัตรูแล้วตายไป เจ้าแซ่หวังผู้นี้ก็ชุบมือเปิบนำหัวศั
ซานซานเหลือบตามองอาหนิงอีกชั่วครู่ ก่อนจากมาสิ้นสัญญาณรวมพล ทหารใหม่รวมตัวตั้งแถวเรียงรายแยกสองฝั่งชายหญิงซ้ายขวา ซานซานได้เข้ามาประจำการกองทัพปีกเหล็กในตำแหน่งครูฝึก จึงยืนอยู่ด้านหน้าของทุกคนหญิงสาวร่างอรชรในอาภรณ์สีเทาเข้ม มัดผมรวบตึงทรงหางม้า ใบหน้าผ่องผาดเกลี้ยงเกลาปราศจากชาดประทินโฉม ศีรษะไร้เครื่องประดับประดานางแต่งกายไม่ต่างจากพลทหารชั้นต่ำที่กำลังรวมตัวอยู่เบื้องหน้า ทว่ากลับแผ่รังสีผู้นำออกมาชัดเจนโดยปกติการที่สตรีผู้หนึ่งจะเป็นครูฝึกได้นั้นมิใช่เรื่องง่าย แต่เนื่องจากซานซานมีความดีความชอบเมื่อครั้งที่ได้ช่วยเหลือพระสนมหลี่กุ้ยเฟย นางจึงไม่ต้องเสียเวลากับขั้นตอนอันยุ่งยาก ไม่ต้องทดสอบอันใดวุ่นวายซึ่งใจจริงของจ้าวเหว่ยต้องการแต่งตั้งซานซานให้เป็นรองแม่ทัพหญิงเสียด้วยซ้ำ แต่นางไม่เห็นด้วยนัก ตำแหน่งที่ก้าวกระโดดย่อมไม่โปร่งใส อาจจะถูกจับตามองเป็นพิเศษเกินไป ทั้งยังไม่มั่นคงสักเท่าไหร่สำหรับนาง การได้ตำแหน่งโดยง่ายยังไม่อาจเทียบเท่าการสร้างคนด้วยสองมือ เพราะนั่นคือสมุนในอาณัติที่แท้จริงจ้าวเหว่ยจึงเปิดเผยฐานะของนางในค่ายทหาร ทุกคนตั้งแต่แม่ทัพลงมาถึงหัวหน้ากองเสบียงล้วนร
การบริหารคนก็ดี กระจายอำนาจก็ดี รัชทายาทล้วนจัดการได้อย่างไร้ที่ติและเพื่อมิให้ใครยึดติดกับอำนาจทหารในมือมากเกินไปจนอาจเกิดการคิดคดต่อราชบัลลังก์วิธีหนึ่งที่จ้าวเหว่ยใช้ก็คือออกปากอนุญาตแม่ทัพบางคนให้ลาออกจากตำแหน่งหน้าที่ทางการทหารได้ แล้วเปลี่ยนไปรับตำแหน่งเป็นข้าราชการพลเรือนชั้นสูงปกครองท้องถิ่น มียศศักดิ์ แต่ไม่มีกำลังอำนาจที่แท้จริง ทว่าสามารถซื้อหาที่ดินที่นาอุดมสมบูรณ์ ปลูกสร้างเคหะสถานอันสวยงามโอ่โถง เสาะหานางระบำไว้ในบ้านเพื่อบันเทิงเริงรมย์ ดื่มสุราหาความสุขทั้งค่ำเช้าทั้งยังสัญญาว่าจะดองกันเป็นญาติกันทุกชาติทุกภพ ระหว่างจักรพรรดิกับข้าราชบริพารจะไม่ต้องระแวงสงสัยซึ่งกันและกันตลอดไป[1] หากมีเภทภัยยังสามารถกลับมารับใช้ แต่หากบ้านเมืองสงบจงช่วยกันดูแลชาวบ้านให้ผาสุกมีเวลาสืบสกุลแนวคิดเรื่องนี้ผ่านความเห็นชอบจากฮ่องเต้เป็นอย่างดี พระองค์ทรงส่งเสริมรัชทายาททันทีบรรดาแม่ทัพทั้งหลายต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ พวกเขาเต็มใจทำตามพระประสงค์เช่นกันสิ่งนี้ที่จ้าวเหว่ยกระทำนับเป็นการรวบอำนาจทหารเอาไว้ในมือ แล้วกระจายอำนาจในมือออกไปอย่างมีสมดุล ป้องกันการก่อกบฏจากเหล่านักรบได้ด