เรื่องราวเหล่านี้ถังไห่เฉิงล้วนกระจ่างแจ้งดีแก่ใจตัวเขาจึงจำต้องเติบใหญ่ก่อนวัยอันควร ฝึกฝนตนจนเก่งกาจเรื่องกลยุทธ์การศึก รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง นำพาชายแดนต้าถังทุกสารทิศสงบสุขจนทุกวันนี้ถังไห่เฉิงรั้งตำแหน่งรุ่ยอ๋องออกรบพุ่งประจัญทั่วแคว้น โดยมีพี่ชายใหญ่อย่างถังไท่หลินเร่งรัดตำแหน่งรัชทายาทแล้วขึ้นครองราชย์ในวัยแตกพานเท่านั้นเพราะนับแต่จำความได้ ตัวเขาก็เห็นพระบิดาต้องทรงงานหนักควบคุมราชสำนักทุกวัน ตรวจฎีกาสูงหลายเซี๊ยะทุกคืน บางครายังเห็นพระมารดาปลอมตัวไปออกรบด้วยองค์เอง พระนางกลายร่างเป็นเพียงทหารหญิงนามว่าซานซานเช่นอดีต เพราะตำแหน่งฮองเฮาไหนเลยจักกรีธาทัพเอิกเกริกได้ต้องลำบากมิใช่น้อย...ครั้นเมื่อพระมารดาตั้งครรภ์ ต่างแคว้นยังถือโอกาสทองยามนั้นรุกรานไม่ว่างเว้น หาได้เกรงอกเกรงใจอันใดไม่ มโนธรรมแห่งจิตวิญญาณของพวกมันต่ำตมยิ่ง รีบจุดคบเพลิงถืออาวุธ[1] ยกขบวนวิ่งมาอย่างเหิมเกริมเภทภัยต่างๆ ในช่วงนั้นเรียกได้ว่าความสุขไม่มาซ้ำ ความทุกข์ไม่มาเดี่ยว[2]เลยทีเดียวการศึกแม้กำชัยบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ปราชัยนับไม่ถ้วนส่วนท่านปู่โซวอ๋องก็อายุมากแล้วแม่ทัพที่มีฝีมือฉกาจบ้างก็แก่ช
การศึกเดือดระอุที่แปรผันมาหลายทิวาผ่านมาหลายราตรีท้ายที่สุดก็สงบลงแล้วภายในสนธยาหนึ่งต้นสารทฤดู คงเหลือเพียงพื้นดินสีแดงฉานไม่ต่างจากทะเลเลือดและกองศพทับถมที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง แคว้นเทียนเป่ยพ่ายแพ้ยับเยิน แคว้นต้าถังได้รับชัยชนะไม่ผิดจากที่คาดการณ์ เสียงแซ่ซ้องกล่าวสรรเสริญแด่จอมทัพแห่งมังกรจึงดังต่อเนื่องไม่ขาดสายปลายคิมหันต์ บนเชิงเขา เหนือทุ่งราบ ใต้แสงตะวันรอนจอมทัพหนุ่มในอาภรณ์สีดำสนิทสวมชุดเกราะเหล็กสะท้อนแสงสายัณห์จนกลายเป็นสีแดงฉานปานโลหิตหลั่งไหลอาบไล้ไปทั่วเรือนกายเพียงยืนนิ่งอย่างมั่นคงดุจศิลาแกร่งสายตาคมปลาบดำสนิทลึกล้ำดุจห้วงรัตติกาลค่อยๆ กวาดมองทุกสิ่งช้าๆ อย่างเฉยชา ภาพเบื้องหน้าคือผืนพสุธากว้างใหญ่เวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา ดวงหน้าคมสันที่เผยเพียงครึ่งเพราะสวมหน้ากากเงินอักขระโบราณสีดำอำพรางเอาไว้ยังคงเรียบเฉยไม่เผยอารมณ์อันใดริมฝีปากสีแดงสดยิ่งไม่เปล่งวาจาแม้ครึ่งคำ ท่าทางเรียบนิ่งเช่นนั้นยิ่งน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงกดข่มผู้คนอย่างรุนแรงทั้งน่าเกรงขามในคราเดียวกัน รอบเรือนกายที่แผ่ซ่านกลิ่นอายสังหารเข้มข้นยิ่งกำจายอำนาจที่แฝงมหันตภัยคืบคลานทว่าเปี่ยมบารมีแผ่ไพศา
กระทั่งกาลเวลาผันผ่าน ดินน้ำผันแปร กำไลวงหนึ่งจึงปรากฏบนผิวดิน ฝุ่นจับเก่าคร่ำ จากที่ต้องอาศัยเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวกลับถูกกักขังลี่เซียนบัดนี้มีกำไลหยกดึงรั้งวิญญาณจนติดตรึงมิอาจหลุดออกมาเปิดหูเปิดตามองดูใต้หล้าที่เปลี่ยนไป นางจึงทำได้เพียงถือโอกาสฝึกฌานไปเช่นนั้นจากขั้นปล่อยวางเมื่อแรกเข้ามาฝังวิญญาณในกำไล ยามนี้แม่นางน้อยฝึกล่วงพ้นขั้นว่างเปล่า[2] เข้าสู่ขั้นมหายาน[3]แล้วชายแดนระหว่างแคว้นต้าถังกับแคว้นเทียนเป่ยพื้นที่ราบเวิ้งว้าง ทั้งแห้งแล้งและทุรกันดาร อันเป็นสถานที่โรมรันของเหล่าทหารระหว่างแคว้นกระบวนทัพทหารนับหมื่นพันแปรผันตามสถานการณ์ประจัญบาน คล้ายมวลมหาคลื่นซัดสาดใส่หินโสโครกขนาดใหญ่ล่วงพ้นสายัณห์ข้ามผ่านสนธยาจนอรุณรุ่งมาเยือนกระทั่งแสงแดดแผดเผาไปทั่วนภาเห็นสีแดงฉานเต็มสองตาการนี้ศึกเกิดขึ้นมาหลายราตรี สมรภูมิรบในยามนี้ไม่ต่างอันใดกับนรกเดือดสายลมพัดผ่านหอบกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง โชยกลิ่นอายแห่งความตายแผ่ซ่านไปทั่วธรณีลูกธนูกราดยิงถี่ยิบ หอกกระแทก โล่ปะทะ ดาบกระบี่กวัดแกว่ง โลหิตซ่านเซ็น ชีพคนปลิดปลิว ม้าห้อล้มร่วงเสียงกู่ก้องคำรามฮึกเหิมผสานเสียงเกือกม้าและเสียงธนูแหวก
อารามผิงอันภายในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์โบราณเด็กน้อยนาม ลี่เซียน[1] ซึ่งได้รับการถ่ายทอดพลังวัตรยื้อชีวิตเมื่อแรกเกิดจากเจ้าอารามผู้เปี่ยมเมตตา ต่อมายังคร่ำเคร่งปฏิบัติธรรมและฝึกฌานอย่างเคร่งครัดนับตั้งแต่ลืมตาดูโลก ลูกศิษย์ลูกหาในสำนักพรตยังไม่เคยหวงแหนพลังปราณต่อนางคืนนั้นเป็นคืนเดือนเพ็ญ จันทร์กระจ่างลอยเคว้งกลางนภากว้าง เหมาะแก่การรับพลังหยินเสริมพลังวัตร นางจึงวิ่งเล่นนอกอารามเพื่ออาบแสงจันทร์ไปทั่วหุบเขาอย่างซุกซนตามวิสัยท่ามกลางราตรีกาลสลัวราง บนยอดเขาสูงชันตั้งตระหง่านลูกหนึ่ง เงาร่างของเด็กหญิงชุดขาวพิสุทธิ์กำลังไต่ขึ้นไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว เมื่อปีนขึ้นมาได้ก็วิ่งวนจนกระทั่งบังเอิญมาเจอกับชายชราผู้หนึ่งแฝงซึ่งบุคลิกยอดคนผู้เร้นกายสันโดษ แผ่ซ่านกลิ่นอายเฉกเช่นเซียนผู้บำเพ็ญเพียรตบะจนกล้าแกร่งนักพรตเฒ่าผมขาวหนวดขาวเครายาวสยายลู่ลมผู้นี้คืออดีตจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ เซียนหย่งสือผู้เลือกวางอาวุธสังหารแล้วเร้นกายสู่ทางธรรมเขาเลือกฝึกตบะบำเพ็ญฌานอยู่ภายในหุบเขาศักดิ์สิทธิ์โบราณแห่งนี้มานานมากแล้วลี่เซียนปรากฏกายในขณะที่กำลังมีคลื่นพลังมหาศาลไหลวนรอบชายชราผู้นั้นซึ่งกำลังร่ายพิธีกรร
ยามนี้บุรุษผู้หนึ่งซึ่งเคยองอาจสง่างามจนต้องตาต้องใจสตรีมากมายกลับกลายเป็นอดีตมิอาจย้อนคืน ส่วนสตรีผู้หนึ่งซึ่งสะคราญโฉมไม่สร่างซามีหรือจะทนกับคนที่คล้ายซากศพทุกวัน ทั้งสองต้องทนทรมานจนฝ่ายหนึ่งตายจากอย่างทุกข์ระทมบั้นปลายชีวิตของซือหงจบลงไม่ดีนักตามคาดการณ์ของใครบางคนซีซินรับฟังเรื่องราวรันทดของเขาอย่างเย็นชายามอยู่ในอารามแห่งหนึ่งบนหุบเขาศักดิ์สิทธิ์โบราณมีความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงความร้ายกาจแห่งอิสตรีซีซินคือองค์หญิงที่เติบโตมากับสงครามวังหลังสิ่งที่บ่มเพาะให้นางดำรงอยู่ได้คือจิตใจอำมหิตเลือดเย็นที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น มันฝังแน่นในส่วนลึกของดวงวิญญาณแน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของซีซิน นางมิได้จากตายหากแต่เป็นการจากเป็นที่สามารถสั่งสอนสามีให้รู้ซึ้งถึงความผิดแห่งตนโดยไม่เว้นเส้นทางให้กลับใจแต่อย่างใดเพราะต่อให้นางกำจัดสตรีคนหนึ่ง ย่อมมีอีกคนหนึ่งและคนต่อๆ ไปไม่สิ้นสุด มิสู้ตัดเส้นทางของบุรุษ และหยุดหัวใจรักของตนเองเสียซือหงย่อมถูกลงทัณฑ์อยู่แล้วเมื่อนางผู้เป็นถึงองค์หญิงฆ่าตัวตาย จดหมายเพ้อรำพันเรื่องราวความรักและคำสัญญาทั้งหลาย นางมิได้เขียนให้สามีแต่นางเลื
ด้วยภาระหน้าที่และสิ่งที่เรียกว่าผิดชอบชั่วดี ใช่ว่าซีซินจะไม่หวังดีต่อสามีที่กำลังหลงทาง นางเอ่ยเตือนเขาอย่างจริงใจอยู่หลายประโยคทว่าต่อหน้านางเขาเพียงรับคำแค่ลมปาก ยังโอบกอดคลอเคลียทำทีร่วมรักอย่างทะนุถนอมเพียงให้พ้นผ่านราตรีนั้นไป แต่ลับหลัง...ซือหงกลับแสดงกิริยาไม่พอใจโดยมีอนุคนงามพะเน้าพะนอปลอบประโลมไม่ห่างกายพวกเขาให้กำลังใจกันอย่างแนบชิดสนิทเนื้อแม้ฝ่ายหญิงจะกำลังตั้งครรภ์อยู่ก็ตามซีซินรับฟังเรื่องราวจากบ่าวผู้ภักดีที่คอยเป็นหูเป็นตาให้ด้วยความรู้สึกยากจะบรรยายความเข้มแข็งคล้ายถูกทะลวงด้วยปลายกริชแหลมคมนับหมื่นจ้วงแทง ความเจ็บปวดซึมลึกกำลังล้นทะลักออกมาจากดวงใจที่รวดร้าวเพิ่มขึ้นทุกที มันฉายชัดออกมาจากดวงตาทีละน้อย ความรู้สึกเจ็บแค้นและปวดแปลบกำลังกระจายไปทั่วร่างบ่าวคนสนิทที่มองอยู่แทบจะทนไม่ไหว นางเปรยเสียงเย็นว่าขอแค่เจ้านายสั่งคำเดียวจักทำให้อนุแพศยาผู้นั้นหายไปซีซินไหนเลยจะโง่เขลาถึงขั้นใช้วิธีต่ำช้าเช่นนั้นนางเพียงปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปเหมือนเช่นทุกวัน อยู่กับความทุกข์ระทมเช่นนั้นด้วยหวังว่าคงชาชิน...กระทั่งวันหนึ่ง เรื่องไม่คาดฝันพลันบังเกิด เมื่ออนุคนงามของสา