หลินฮวาตั้งใจโปรยเสน่ห์มนต์มารใส่จ้าวเหว่ยเต็มที่ จังหวะนั้นเห็นลู่หลิ่งเดินมาหาเงยหน้าจ้องมองด้วยดวงตาใสแจ๋วส่งเสียงเจื้อยแจ้วว่า“พี่สาวท่านนี้งดงามที่สุดเท่าที่หลิ่งเอ๋อร์เคยพบเจอ”ประโยคนี้เรียกร้องความสนใจจากทุกคนในห้องได้เป็นอย่างดี หลี่กุ้ยเฟยแย้มยิ้มเอ่ยแนะนำ “แม่นางน้อยคือผู้มีพระคุณของข้าเอง หลิ่งเอ๋อร์ทำความเคารพไป๋ฮูหยินกับคุณหนูไป๋เร็ว”คำพูดนี้เผยให้เห็นถึงน้ำหนักในใจที่มีต่อลู่หลิ่งชัดเจนไป๋ฮูหยินขมวดคิ้วไม่พอใจ มีอย่างที่ใดแนะนำเด็กให้ผู้ใหญ่เช่นนี้ ทว่าหลินฮวากลับเบิกบานเป็นที่สุด เพราะนางถูกชมต่อหน้าองค์รัชทายาท จึงสนใจเด็กน้อยทันทีลู่หลิ่งทำความเคารพสองแม่ลูกอย่างนอบน้อมถ่อมตน ปากเล็กจิ้มลิ้มชื่นชมหลินฮวาไม่หยุด ว่าสวยสะพรั่งปานใด งดงามดุจบุปผาแรกแย้มบนแดนสวรรค์แค่ไหน ดั่งเกิดมาเพื่อสังหารสตรีทั่วหล้าด้วยความพิลาศล้ำเหนือใครๆ ทำเอาผู้ถูกชมต้องก้มหน้าเขินอายบิดชายผ้าแทบขาดจ้าวเหว่ยได้ทีอาศัยจังหวะนี้ที่บุตรสาวเรียกร้องความสนใจจากทุกคนอย่างรู้ใจเขา เอ่ยขอตัวไปสะสางงานที่คั่งค้างยังตำหนักบูรพาหลี่กุ้ยเฟยมีหรือไม่สนอง “วันนี้รัชทายาทนั่งคุยเสียนาน รีบไปเถิด อย่าใ
หลินฮวาเป็นโฉมสะคราญโดดเด่นที่สุดแห่งต้าถัง นางได้ครองตำแหน่งสาวงามแห่งเมืองหลวงตั้งแต่ยังไม่ทันปักปิ่น กระทั่งปักปิ่นในวัยสิบหกปีเมื่อไม่นานมานี้ ชื่อเสียงยิ่งระบือไกล ทั้งยังเป็นถึงคุณหนูรองในภรรยาเอกของอัครเสนาบดีไป๋ พี่สาวเป็นสนมคนโปรดของฮ่องเต้ไม่ว่าจะรูปโฉมหรือฐานะและอำนาจยิ่งใหญ่ หลินฮวาล้วนครองที่หนึ่งเอาไว้ทั้งสิ้น นางจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรัชทายาทต้าถัง คือว่าที่หงส์ผู้คู่ควรเคียงข้างมังกรเมื่อพ้นวัยปักปิ่นมาหมาดๆ ก็ยิ่งต้องการประกาศศักดาโดยการเข้าหาจ้าวเหว่ยให้บ่อยขึ้น เพราะเขาคือว่าที่สามี ถึงแม้จะยังไม่มีราชโองการประทานสมรสก็ตามที แต่การวางตัวเอาไว้ย่อมเป็นเช่นนั้นมิอาจเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าตำหนักมา หลินฮวาเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยยามมองเห็นจ้าวเหว่ยนั่งอยู่กับหลี่กุ้ยเฟย ดวงหน้างามเผยความดีใจยากระงับ แต่กลับน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง หญิงสาวรีบกดข่มอาการเนื้อเต้นเกือบสั่นระริกของตนเอาไว้อย่างรวดเร็วรัชทายาทหนุ่มมิได้สนใจนาง เพียงนั่งจิบชาด้วยท่าทางเรียบเฉย ทว่าท่าทางเช่นนี้ไหนเลยจักไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจของเหล่าสตรีไม่ว่าจ้าวเหว่ยจักอยู่ในอิริยาบถใด คุณหนูในเมือ
ห้องรับรองตำหนักฮุ่ยเยี่ยนยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มภายในห้องมีหลี่กุ้ยเฟย ยี่ซิน ซูเหยา ซานซานและลู่หลิ่ง เด็กน้อยนั่งเล่นตามประสา มีเสียงสนทนาของผู้ใหญ่ดังตลอดเวลา ทุกคนมีสีหน้าชื่นมื่นเบิกบาน ต่างเอ่ยปากสนับสนุนให้ซานซานออกไปหาประสบการณ์ในค่ายทหาร ฝีมือเชิงยุทธ์อันสูงส่งย่อมนำความภาคภูมิใจมาสู่ลู่หลิ่ง เมื่อเด็กหญิงเติบโตขึ้น ยามนั้นก็มีมารดาเป็นแม่ทัพหญิงผู้เกรียงไกรแล้วอย่าว่าแต่จวนและข้าทาสบริวารเลย เกรงว่าคงมีรถเทียมม้าและที่ดินทำกินอีกไม่รู้เท่าไหร่ ไม่แน่ว่าอาจมีกิจการเสริมรายได้ร้อยพัน ร่ำรวยยิ่งๆ ขึ้นไปแรกๆ ซานซานก็รับฟังด้วยความปลื้มปิติที่ทุกคนส่งเสริม ทว่าฟังไปฟังมากลับรู้สึกได้ว่ากำลังถูกไล่ให้ไปไกลๆ มากกว่าหญิงสาวร้องเฮอะ แค่นเสียงเย็น “ที่แท้พวกท่านก็อยากให้ข้าไปถึงเพียงนี้เชียวรึ?”ประโยคนี้ทำทุกคนมีสีหน้าเก้อกระดากทันทีหลี่กุ้ยเฟยแย้มยิ้มบางเบา ในใจเอาแต่คิดว่าลู่หลิ่งยังอยู่ บุตรชายก็ยังอยู่ ผู้อื่นไม่นับเป็นอันใดยี่ซินคลี่ยิ้มอบอุ่น ในใจคิดว่าซานซานเข้ากองทัพย่อมดี เพราะนางกำนัลคนโปรดของพระสนมย่อมเป็นตนเองเท่านั้นซูเหยายิ่งยกยิ้มกว้าง เพราะว่าดีใจที่นางได้อู๋เจ
วันต่อมา...อู๋เจี๋ยถูกปล่อยตัวออกมาหลังจากรัชทายาทคลายโทสะแต่ข้อหาที่ทิ้งลูกทิ้งเมีย นำพาความเสื่อมเสียเป็นที่ครหา จนเกิดเรื่องในตำหนักพระมารดา ทำให้รัชทายาทหนุ่มทรงกริ้วจนขับไล่อู๋เจี๋ยออกจากตำหนักบูรพา จำต้องระเห็จมาพึ่งบารมีของพระสนมหลี่กุ้ยเฟย เพื่อทำหน้าที่บิดาที่ดีดูแลบุตรสาวตลอดไปส่วนจื้อหย่วนก็ถูกขับออกมาด้วย เพราะเข้าข้างอู๋เจี๋ยทำให้รัชทายาททรงเคืองพระทัยเหตุผลนี้นับว่าดีไร้จุดบอด ไม่มีใครสงสัยในการกระทำของจ้าวเหว่ยทั้งสิ้นส่วนซานซานแสดงอาการเกรี้ยวกราดใส่อู๋เจี๋ยเต็มที่ ด้วยนิสัยของนางที่เถรตรงแต่เดิม จึงไม่มีใครแปลกใจท้ายที่สุดซานซานจึงเอ่ยกับหลี่กุ้ยเฟยว่าต้องการเป็นทหารหญิงในกองทัพเพราะไม่อยากเห็นหน้าอู๋เจี๋ย อยากออกไปให้ไกลตา เรียกได้ว่าตรงประเด็นไม่เสียเวลา นางยังอ้างเหตุผลเรื่องความสามารถเชิงยุทธ์ติดตัวที่ควรได้เบี้ยหวัดมากๆ ทั้งยังอยากได้ตำแหน่งสูงๆ ได้จวนใหญ่ๆ ทุกคนได้ฟังยิ่งไม่แปลกใจ...เพื่อเป็นการตัดปัญหาเรื่องบุตรชายที่กังวลก่อนหน้า หลี่กุ้ยเฟยจึงอนุญาตทันที สำหรับฮ่องเต้ที่มีรับสั่งให้ซานซานเป็นรางวัลเข้าตำหนักบูรพา แค่นางกำนัลตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เกรงว่าพระ
คืนต่อมา …ซานซานอุ้มลู่หลิ่งมานอนด้วยกันที่ห้องพักในเรือนตนเจ้าก้อนแป้งน้อยเป็นเด็กฉลาดกว่าที่คาดเอาไว้มาก เพราะหลังจากเข้าห้องแล้วพบว่าในห้องของมารดามีรัชทายาท นั่งอยู่บนเตียงนอน นางไม่เพียงไม่เอะอะโวยวายเสียงดังอันใด แต่ยังพาตัวกลมๆ ของตนปีนขึ้นเตียง นั่งเอียงหน้าตะแคงคอมองเชิงล้อเลียน ทำปากยื่นเอ่ยเบาๆ ว่า“พระองค์เกี้ยวท่านแม่สำเร็จแล้วหรือเพคะ เช่นนั้นปล่อยท่านพ่อของหม่อมฉันออกจากคุกได้แล้วกระมัง”เสียงเล็กเอ่ยออกมาอย่างใสซื่อ ซานซานกับจ้าวเหว่ยถึงกับมีสีหน้าเหลอหลาทั้งสองมัวแต่พลอดรักกันจนลืมอู๋เจี๋ยเสียสนิทหากจะบอกว่าอู๋เจี๋ยทำผิดเรื่องที่โกหกเจ้านายเนิ่นนาน แต่จะว่าไปแล้ว กลับไม่อาจกล่าวโทษเขาได้เต็มปากนักเพราะการกระทำของอู๋เจี๋ยแท้จริงแล้วกลับเป็นการช่วยเหลือทุกฝ่ายทางอ้อมแม้จะพูดได้ไม่เต็มปากแต่เขาก็ช่วยซานซานให้รอดพ้นจากมือสังหารที่ฮ่องเต้ส่งไปจัดการนางที่ผิงเหยียนเมื่อสองปีก่อนส่วนจื้อหย่วนยังเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือซานซานในคราแรก ยอมแบกความผิดเอาไว้เพียงผู้เดียวว่าทำงานไม่สำเร็จเมื่อห้าปีก่อนซานซานเพิ่งได้รู้ทีหลังว่าโทษทัณฑ์ครั้งนั้น จื้อหย่วนถูกโบยจนป่วยไปหลา
ยามอิ๋นสี่เค่อ[1]มาเยือนสองร่างที่เปลือยเปล่าทั้งคืน จึงได้เวลาควานหาเสื้อผ้ามาสวมใส่เพื่อมิให้ถูกพบเห็นจนความแตก จ้าวเหว่ยและซานซานจึงรีบลุกขึ้นมาแต่งตัว พวกเขาต่างยืนหันหน้าคนละทิศเร่งจัดการกับชุดของตัวเองระหว่างผูกสายคาดเอว อ้อมแขนอุ่นพลันโอบรัดรอบกาย ริมหูซ้ายยังได้ยินเสียงทุ้มต่ำพร้อมลมหายใจร้อนผ่าว“ข้าประสงค์ให้เจ้าติดตามข้างกายตลอดเวลา ทว่าการเป็นแค่นางกำนัลไม่อาจกระทำได้ เพราะข้ายังต้องเดินทางไปมาระหว่างกองทัพกับพระราชวัง ทำภารกิจอันพึงมี มิสู้เจ้าเข้ารับการทดสอบเป็นองครักษ์หญิงจะดีกว่า”ได้ยินจ้าวเหว่ยเอ่ยเช่นนั้น เรียวคิ้วบางก็ขมวดเข้าหากันแม้ว่าต้าถังให้อิสระเปิดกว้างระหว่างชายหญิง แต่แท้ที่จริงเคร่งครัดเรื่องกฎระเบียบยิ่ง ทหารในกองทัพหรือองครักษ์พิทักษ์วังหลวงไม่กีดกั้นแบ่งแยกเพศพันธุ์ก็จริง แต่ลำดับขั้นตอนกลับเข้มขลังนักซานซานมุ่นคิ้วคิดหนักเดิมทีนางไม่ต้องการเป็นองครักษ์หญิงเพราะไม่ชอบความยุ่งยากซับซ้อนในกระบวนการเหล่านั้นทว่ายามนี้นางไม่อาจปล่อยผ่านให้สามีต้องเหน็ดเหนื่อยคนเดียวอีกแล้ว เพื่อรักษาเนื้อตัวมิต้องแต่งชายา เขายอมละทิ้งความสุขสบายในวัง เสนอตัวออกรบยึด
ซานซานเริ่มปั้นปึ่ง เอ่ยเสียงเข้มว่า “ผิดแล้ว หากข้ามีสามีใหม่จริงๆ ข้าไม่มีวันกลับมา ไม่ว่าท่านจักยิ่งใหญ่ปานใด ก็อย่าหวัง”รัชทายาทได้ฟังพลันผงะ ถามเสียงขุ่น “ทั้งๆ ที่ภายหลังเจ้าได้รู้ว่าข้าทำเพื่อเจ้าตลอดห้าปี ทั้งยังไม่แต่งชายาเนี่ยนะ”“ใช่!”“เจ้า...”บรรยากาศในห้องเงียบกริบ ปราศจากสุ้มเสียงใด ภายใต้ภาวะขุ่นมัวชั่วอึดใจ ได้ยินหญิงสาวหัวเราะคิก ชายหนุ่มยิ่งเดือดดาลจับร่างนุ่มพลิกคว่ำแล้วตีบั้นท้ายกลมกลึงไปหนึ่งที“อ๊ะ! ท่านตีข้า”ซานซานทำสีหน้าเจ็บปวดจ้าวเหว่ยจับนางพลิกกลับแล้วกอดแนบอกแน่นความเงียบงันโรยตัวอีกครั้ง ชั่วขณะที่รอบด้านยังมืดสลัว ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังของบุรุษค่อยๆ เอ่ยออกมาเบาๆ“ข้าไร้ความสามารถ แม้ใจจริงต้องการยกฐานะให้เจ้า แต่เรื่องราวกลับบานปลายไม่ง่ายดายนัก”ซานซานส่ายหน้า “หากท่านไร้ความสามารถ ไยข้ามิใช่ด้อยปัญญาที่สุดในหล้าแล้ว”หญิงสาวเอื้อมมือลูบสันกรามเบาๆ แล้วกอบกุมเอาไว้ สบสายตาคมยามเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ารัชทายาทผู้หนึ่งจักยืนหยัดอย่างมั่นคงได้อย่างไรโดยไม่แต่งชายาเพื่อใช้เป็นฐานอำนาจเหมือนราชวงศ์อื่นๆ”มุมปากบุรุษยิ้มอ่อน “ข้าเองก็คิ
"พอแล้ว..."เส้นเสียงหวานพร่าพยายามเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก“หยุดๆ หยุดก่อน” ซานซานเบี่ยงหน้าหลบจุมพิตแสนหวานและดันมือตนกับเรียวนิ้วร้อนลวกที่กำลังรุกล้ำด้านล่างให้ออกไป“พอแล้ว...”จ้าวเหว่ยหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ ยอมปล่อยในที่สุด พลางปรับลมหายใจร้อนระอุของตนให้เข้าที่ พลิกกายแกร่งออกจากร่างนุ่มแล้วนอนตะแคงข้าง ยังไม่ลืมดึงนางเข้ามากอดแนบแน่น หวงแหนสุดพรรณนาซานซานอดมิได้ที่จะเงยหน้าอิดโรยออกจากอ้อมแขนอุ่นแล้วส่งค้อนให้จ้าวเหว่ยอีกครั้ง เมื่อปรับลมหายใจถี่กระชั้นให้เข้าที่สำเร็จจึงเริ่มเอ่ยคำ“อันที่จริงท่านไม่ควรโกรธเคืองข้าที่ทำตัวเหลวไหล คิดมีสามีใหม่”น้ำเสียงแม้เหนื่อยล้าเพราะผ่านการปลดเปลื้องอารมณ์ประกอบกิจเร่าร้อนเนิ่นนาน ทว่าคนฟังกลับได้ยินชัดเจนทุกคำ“เมื่อห้าปีก่อน ตัวข้าเฝ้าเสียใจกับการตายของท่าน ร่ำไห้ไม่เว้นวัน จนรู้ว่านั่นเป็นศพปลอมก็ยังเฝ้ารออย่างโง่งม จวบจนตั้งครรภ์ก็ยังอุ้มท้องอย่างมีความหวัง หาอะไรทำในบ้านหานเพื่อมิให้คิดถึงท่านจนเกินไป ครั้งที่เกือบตายเพราะคลอดลูก ก็ยังตั้งมั่นมีท่านยึดเหนี่ยวจิตใจ ทนเลี้ยงลูกอย่างเดียวดาย บอกตัวเองว่าไม่อยากรอแล้ว ทว่าก็ยังรอ...รอทั้
ม่านราตรียังคงคลี่คลุม นอกเรือนนอนโชยผ่านด้วยกระแสลมอันเย็นเยียบ บรรยากาศเงียบสงบสุดแสนกว่าจะได้เปิดอกคุยกัน ภรรยาเช่นซานซานก็ถูกสามีเช่นจ้าวเหว่ยกลืนกินจนเรียบถึงสามรอบติดๆ กัน ไม่มีเว้นระยะแม้เค่อเดียวช่างเป็นการผิดคำพูดนักยังดีที่ชายหนุ่มแค่คิดในใจ มิได้เอ่ยออกไปในคราแรกบนเตียงนอนร้อนระอุ เรือนผมของซานซานคลี่สยาย ลมหายใจหอบกระเส่า เล็บมือจิกลึกบนแผ่นหลังที่เกร็งแน่นของจ้าวเหว่ย เม็ดเหงื่อหยาดรินผ่านหัวไหล่นวลเนียน[1] แลดูเย้ายวนรัญจวนใจยิ่งนัก ทำให้มิอาจห้ามความปรารถนาทั้งมิอาจทำให้ไฟราคะมอดดับ แต่กลับลุกโชนโหมกระพือครั้งแล้วครั้งเล่าแม้รอบด้านยังคงมืดสลัว แต่สายตาของบุรุษกลับไม่มีอาการพร่ามัว ทั้งแจ่มชัดยิ่ง เขาก้มมองใบหน้าเห่อแดงสองแก้มเปล่งปลั่งของนางใต้ร่างไม่รู้เบื่อ ก่อนหอมแรงๆ ที่ข้างซ้ายและข้างขวาสลับกันไม่หยุด จนอีกฝ่ายหน้ามืดตาลายไปหมด“ท่านกำลังจะสังหารข้าแน่แล้ว” ซานซานเริ่มโอดครวญ เพราะสามีของนางคือวัวกระทิงผู้ร้อนแรงไม่แปรเปลี่ยนนางกำลังจะตายด้วยพิษร้ายแรงแห่งเพลิงพิศวาสนอกจากไม่สะทกสะท้าน จ้าวเหว่ยยังเอื้อมเรียวนิ้วเชยปลายคางมน แล้วก้มลงจุมพิตปิดกลีบปากนางจนส