Share

รากไม้ที่ชอนไช

Author: Abyssgloom
last update Last Updated: 2025-05-18 02:00:31

แสงแดดยามบ่ายแผดเผาลงบนพื้นกรวด ผ่านหลังคากระเบื้องเก่าจนเกิดเงาแสงวูบวาบ รถม้าที่ประดับตราสัญลักษณ์ของตระกูลแล่นช้าๆ ไปตามถนน ผู้คนริมทางยังคงเดินกันขวักไขว่เช่นทุกวัน เพียงแต่คราวนี้ สายหลายคู่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองรถม้าคันนั้นด้วยความสงสัยและกระซิบกระซาบกันเบาๆ

ม่านผ้าถูกแง้มออกเล็กน้อยจากด้านใน เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่หลบซ่อนอยู่ เอเลน่านั่งนิ่งอยู่ตรงเบาะเบื้องหลัง มือวางบนตักขณะกุมกล่องในมืออย่างเรียบร้อย ดวงตาเหม่อมองภาพผู้คนที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอกโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใด

ตั้งแต่ลงจากสถานี เธอก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของผู้คนรอบตัว สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และ ความไม่ไว้ใจ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเดินมาถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

หลังเหตุเพลิงไหม้ที่โรงพยาบาล ข่าวลือแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวเธอเองในตอนนี้ก็ยังไม่อาจออกมาชี้แจงอะไรได้ เพราะหลักฐานยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่การรอให้การสืบสวนเสร็จเรียบร้อย

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้ เธอเป็นคนพาชายคนนั้นไปที่โรงพยาบาลเอง โดยที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเขาอันตรายหรือไม่ จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น

ในขณะที่เธอจมอยู่กับความคิด มือของเธอก็ค่อยๆลูบกล่องเล็กๆสีดำสนิท ตัวกล่องทำจากผ้ากำมะหยี่อย่างดี ได้จากการสั่งทำที่เมืองข้างเคียงอย่างเร่งด่วน ข้างในบรรจุคอนแทคเลนส์ธรรมดา ที่เหมือนกับสีของดวงตาคู่หมั้นเธอไม่มีผิด

มันเป็นคำขอ ที่เขาขอให้เธอเป็นคนไป จัดการด้วยตัวเอง เพราะของสิ่งนี้สำคัญเกิน กว่าจะปล่อยให้ใครล่วงรู้ โดยเฉพาะเรื่อง “สี ของดวงตา” ที่เปลี่ยนไป

หากประชาชนส่วนใหญ่ล่วงรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง เพียงเล็กน้อยนั้นอาจถูกขยายกลายเป็นข้อสงสัยใหญ่โตว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ หรืออาจเป็นปีศาจ สิ่งมีชีวิตที่ปลอมแปลงตัวตนเข้ามาในเมือง เหมือนกับเรื่องเล่าที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ทำให้เมืองทั้งเมืองล่มสลาย

แม้ในใจเธอจะอยากอยู่เคียงข้างเขา อยากเชื่อว่าคนที่ตนรักยังคงเป็นคนเดิม แต่เมื่อทุกอย่างเกี่ยวพันกับความศรัทธา ของผู้คน กับความหวาดกลัวที่อาจแพร่กระจายอย่างควบคุมไม่ได้ เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธคำขอที่เขามอบให้ เพราะหากแม้แต่เธอยังหวั่นไหว แล้วประชาชนที่เหลือจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร?

อย่างไรเสีย จิตใจของเธอก็ยังคงมีแต่ความไม่มั่นใจ เธอไม่อาจเชื่อได้ว่าสิ่งของที่อยู่ในมือจะทำให้คู่หมั้นของตัวเองกลับมา “ดูเหมือนเดิม” ได้

เพราะปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก หากแต่เป็นบรรยากาศที่แผ่ออกมา ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจ และ ไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้  

ดวงตาคู่นั้นอาจกลับมาดูเหมือนเดิมได้ด้วยเลนส์แผ่นบางๆ แต่ตัวตนของเขา.... ยังเหมือนเดิมจริงๆหรือเปล่า?

ก่อนจะออกเดินทางกลับมาที่เมือง เธอเพิ่งกลับ จากคฤหาสน์ของตระกูลเขา เพื่อแจ้งข่าวว่าเขาปลอดภัย แม้จะยังต้องพักฟื้นอีกระยะ นั่นคือ คำที่เธอเลือกใช้อธิบายให้กับแม่ของเขา

แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอไม่ได้บอก คือเรื่องสีของดวงตา ที่เปลี่ยนไป

ลมร้อนจากหน้าต่างทำให้เส้นผมสีทองยาวพลิ้วเบาๆ ขณะที่รถม้าเริ่มเลี้ยวเข้าสู่ถนนที่คุ้นเคย เอเลน่าหลับตาแน่น หวังเพียงให้เสียงล้อไม้บดกับหินใต้ล้อช่วยกลบความคิดบางอย่างที่เธอไม่อยากยอมรับ

แต่ในขณะที่เธอค่อยๆจมลงสู่ห้วงความคิดนั้น ความรู้สึกบางอย่างก็ปะทุขึ้นอย่างเฉียบพลัน รุนแรง และเฉียบคม ราวกับมีบางสิ่งพุ่งแทงทะลุผ่านกำแพงจิตใจของเธอเข้ามา

เป็นแรงมุ่งร้ายที่ชัดเจนและบริสุทธิ์จนแทบไม่อาจเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจาก "ความแค้น" ที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณ

ความรู้สึกนั้นไม่ได้พุ่งตรงมาหาเธอคนเดียว แต่มันกระจายออกไปรอบบริเวณ กดทับทุกชีวิตที่สัมผัสได้อย่างโหดเหี้ยม

บรรยากาศโดยรอบพลันเงียบงันอย่างผิดปกติ ผู้คนหยุดเดินพร้อมกันโดยไม่รู้ตัว บางคนหันซ้ายขวาอย่างกระวนกระวาย คล้ายรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดแปลก หนักอึ้ง ราวกับมีอะไรมากดทับภายในจนแทบหายใจไม่ออก

อัศวินที่กำลังบังคับรถม้าชะงักไปชั่ว ขณะ มือเผลอจับที่ด้ามดาบแน่นโดยไม่รู้ตัว ม้าที่ถูกบังคับถึงกับหมดสติทันทีหลังจากเผชิญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หญิงสาวเมื่อได้สติ ก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะผลักบานประตูเปิดออก ก้าวลงมาอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงทัดทานของผู้ติดตาม

แรงกดดันนั้น—มันมาจากทิศทางเดียว คฤหาสน์ของเธอเอง

เธอเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็เร่งฝีเท้ากลับไปยังคฤหาสน์โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ณ คฤหาสน์

...คลื่นสังหารนั้นไม่ได้แผ่ออกมาจากร่างของเขาโดยตรง หากแต่มาจากพลังเวทย์ที่ถูกกลั่นออกมาจากหัวใจโดยตรง ไม่ได้มาจากพลังเวทย์ที่มาจากแก่นที่อยู่ภายใน

แค่หยดเดียว… ก็ทำให้คนในห้องแทบยืนไม่ไหว

เอลดริกตั้งท่าพร้อมร่ายเวทป้องกันโดยไม่รู้ตัว

เฟลิเซียทรุดลงกับพื้นอย่างเงียบงัน

มีเพียงไอลีนที่ยังยืนอยู่ แม้ใบหน้าของเธอจะนิ่งเฉย ท่วงท่ามั่นคง แต่ยังแฝงความระวังตัวอยู่ ราวกับคุ้นเคยกับสิ่งนี้เป็นอย่างดี

เขาก้มมองหยดน้ำใสที่ลอยนิ่งอยู่ภายในลูกแก้ว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่ใครก็ตามที่จ้องมองมัน… ล้วนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความแค้นอย่างชัดเจน

"เพียงแค่นิดเดียว... ทั้งที่แค่ลองดึงมันออกมานิดเดียว แต่กลับมีจิตสังหารมากขนาดนี้"ชายหนุ่มคิดเงียบๆ ขณะกลั้นลมหายใจ

สมกับเป็นหัวใจของจอมปราชญ์ในตำนาน ผู้ที่เคยยืนอยู่เหนือจอมเวทย์ทั้งปวง

เพียงแค่กลั่นพลังเวทย์ออกมาหยดเดียว กลับทิ้งกลิ่นอายความอาฆาตได้รุนแรงขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะสงสัย ตอนที่คนผู้นั้นตาย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจรู้ ถ้ามันง่ายเหมือนกับของในตลาดมืดก็คงง่ายกว่านี้

ในโลกใต้ดิน การค้าขายอวัยวะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ไม่ว่าจะเป็นเลือด เส้นเอ็น หรือแม้แต่หัวใจ… ต่างก็มีราคาของมัน

ยิ่งเป็นหัวใจของผู้มีพลังมากเท่าไหร่ ความรู้สึกสุดท้ายก่อนตายก็จะยิ่งเข้มข้นและตราตรึงอยู่ภายในมากขึ้นเท่านั้น

และในโลกที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีพรสวรรค์ คนจำนวนไม่น้อย แม้แต่ขุนนางต่างก็ยอมเสี่ยงเพื่อหาทางลัด

แม้จะรู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน ก็ยังมีคนเลือกที่จะเดินเข้าไปเอง

ถึงอย่างนั้นหัวใจส่วนใหญ่ที่อยู่ในตลาดมืด ไม่มีดวงไหนเลยที่ยังมีจิตวิญญาณเหลืออยู่ขนาดนี้

หากเป็นคนทั่วไปคงโดนความแค้นกลืนกินไปแล้ว สมควรแล้วที่แม่มดจะลบความทรงจำคนพวกนั้นไป ไม่ง้นอาจะกลายเป็นคนเสียสติไปก็ได้

ในระหว่างที่เขาจมอยู่ในความคิด เขาก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนไป

มันไม่ใช่แค่พลังเวทย์ที่ไหลออกมา

แต่มากกว่านั้น ลึกเข้าไปข้างใน คล้ายจิตวิญญาณที่หลับใหลอยู่ กำลังค่อยๆยื่นมือออกมา

รากไม้ที่มองไม่เห็น กำลังชอนไชเข้ามาทีละน้อย เชื่องช้า แต่มั่นคง มันตอบสนอง ยืนยันการมีอยู่ของมัน

ราวกับจะบอกว่าเข้าของหัวใจดวงนี้ ยังไม่ตายสนิท

เขาขบกรามแน่น ถอนสายตาจากหยดเวทย์นั้นอย่างไม่เต็มใจ

แม้ว่าครั้งนี้เขาจะไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองนัก แต่การทดสอบในครั้งนี้ ก็น่าจะเพียงพอให้หอคอยให้ความสำคัญ และ สนับสนุนเขามากขึ้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   รากไม้ที่ชอนไช

    แสงแดดยามบ่ายแผดเผาลงบนพื้นกรวด ผ่านหลังคากระเบื้องเก่าจนเกิดเงาแสงวูบวาบ รถม้าที่ประดับตราสัญลักษณ์ของตระกูลแล่นช้าๆ ไปตามถนน ผู้คนริมทางยังคงเดินกันขวักไขว่เช่นทุกวัน เพียงแต่คราวนี้ สายหลายคู่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองรถม้าคันนั้นด้วยความสงสัยและกระซิบกระซาบกันเบาๆม่านผ้าถูกแง้มออกเล็กน้อยจากด้านใน เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่หลบซ่อนอยู่ เอเลน่านั่งนิ่งอยู่ตรงเบาะเบื้องหลัง มือวางบนตักขณะกุมกล่องในมืออย่างเรียบร้อย ดวงตาเหม่อมองภาพผู้คนที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอกโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใดตั้งแต่ลงจากสถานี เธอก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของผู้คนรอบตัว สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และ ความไม่ไว้ใจ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเดินมาถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังเหตุเพลิงไหม้ที่โรงพยาบาล ข่าวลือแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวเธอเองในตอนนี้ก็ยังไม่อาจออกมาชี้แจงอะไรได้ เพราะหลักฐานยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่การรอให้การสืบสวนเสร็จเรียบร้อยแต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้ เธอเป็นคนพาชายคนนั้นไปที่โรงพยาบาลเอง โดยที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเขาอันตรายหรือไม่ จนกระทั่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

    “ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เร

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 43 เมื่อเงาในอดีตทับซ้อนกับปัจจุบัน

    โจชัวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้านิ่งเงียบ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม้ดังแผ่วเบาในห้องรับรองอันเงียบสงัด แสงแดดยามเช้าผ่านม่านผ้าเนื้อบางที่ปลิวไหว เฉดสีทองอบอุ่นสะท้อนผ่านแว่นตาทรงเรียบที่เขาสวมอยู่ ท่ามกลางแสงนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดูเย็นชาและยากจะคาดเดาพื้นไม้โอ๊คขัดมันสะท้อนเงาของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วในมุมห้อง โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มรับร่างของเธอไว้ราวกับรู้ตำแหน่งอย่างเหมาะสมที่สุดคาร์ลินนั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามบนเก้าอี้ไม้บุหนัง ผมยาวเป็นลอนคลื่นสีม่วงเข้มถูกรวบไว้อย่างหลวมๆ ด้านหลัง ดวงตาสีชมพูจางทอประกายราวอัญมณีต้องแสง ภายใต้แสงสลัวในห้อง มันดูราวกับกำลังเรืองแสงอยู่เบาๆเธอสวมชุดคลุมจอมเวทย์สีดำแต่งขอบม่วงเข้ม ลายอักขระเวทแผ่เรืองแสงบางๆ ตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและผ้าคลุมไหล่ยาวที่ปักตราสัญลักษณ์ขององค์กรอย่างประณีต ท่าทางของเธอสงบเฉย...แต่ไม่อาจมีใครละสายตาได้แม้จะไม่เอ่ยสักคำ แต่พลังของเธอก็แผ่ซ่านอย่างชัดเจน หนาวเย็น ลึกลับ และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันมือเรียวของเธอถือถ้วยชาพอร์ซเลนเนื้อดี ลวดลายสีม่วงอมเทาทอแสงเบาบางจากเวทเสริมพลังที่สลักอยู่ที่ก้นถ้วย...ชาร้อนนั้นแทบ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 42 เงามืดนำทาง

    แสงอรุณยามเช้าส่องผ่านม่านเมฆจางๆ ทอแสงลงมาบนถนนหินเปียกชื้นจากน้ำค้าง รถม้าค่อยๆโยกไปตามเส้นทางที่เงียบสงบ ทำให้บรรยากาศภายในยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีกโจชัวนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่สายตากลับไม่ได้จับจ้องสิ่งใดโดยเฉพาะ เขาเพียงมองออกไปเพื่อไล่ความไม่สบายใจที่เก็บไว้เท่านั้นเมื่อคืนมันแย่พอสมควรสำหรับเขา แม้ตอนนี้จะเก็บอารมณ์ไว้ แต่ใครที่รู้จักเขาดีพอ ย่อมรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคืนเขาถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะมันยากหรือเสี่ยงอันตราย แต่เพราะมันทำให้เขานึกถึงอดีต—อดีตที่เขาต้องทนมองดูภรรยาถูกกระทำการทดลองต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากจดจำภาพนั้นฝังลึกเข้าไปในใจ เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้นมาถึงและคนที่ขอให้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ ก็รู้ดีว่าเขาผ่านเหตุการณ์อะไรมา ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังบังคับให้เขาทำ โดยอ้างเรื่องบุญคุณ แม้ว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ และ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณแล้ว ก็มีแต่ต้องทำแต่สิ่งที่ได้รับหลังจากนั้น…ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดแรกที่ได้รับหลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 41 ความจริงที่ถูกบิดเบือน

    "ท่านอาร์วิน จอมเวทย์จากหอคอยเวทมนตร์ต้องการเข้าพบขอรับ"เอรอสในรูปลักษณ์ของอาร์วินลืมตาขึ้นจากความคิด เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดบอกให้รู้ว่าอีกสักพักใหญ่เอเลน่าถึงจะเดินทางกลับมาที่เมือง ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เธอเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับการเจรจาในครั้งนี้แน่นอนว่าหัวข้อเจรจาคงเป็น เรื่องที่อาร์วินถูกจับทรมาณอยู่ในคุกลับใต้ดินตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว และ มันก็ยากจะปกปิดเพราะเอเลน่าดันอุ้มเขาออกมากลางถนน...ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมาก ทำให้ผู้คนต่างเห็นว่าพวกเราออกมาจากพื้นที่ของหอคอย และ มันกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำไมชายที่หายตัวไปถึงออกมาจากที่นั้น? หรือว่าหอคอยจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคู่หมั้นของตระกูลวัลธอเรนจริงๆ?และที่สำคัญยิ่งกว่า...คนที่จับตัวมาจริงๆมันหายไปไหน เขารู้อะไรรึเปล่า? แล้วในการทอดสอบ เขาได้รับอะไรกลับมา นั้นคือสิ่งที่พวกมันอยากรู้จริงๆเขาหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดต่อว่า… แต่ก็พอดี เขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงต้องเผาโรงพยาบาล ในหนังสือพิมพ์ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้ชี้แจงอะไร ถ้าอยากรู้ก็คงต

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 40 ในที่สุด ฉันก็เจอคุณ

    ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 39 ชื่อของฉันคือ....

    โพรงหินขนาดมหึมาขยายตัวออกเป็นชั้น ๆ ลดหลั่นลงไปในความมืด เสาหินโบราณตั้งเรียงรายตามระเบียงทางเดินสูงต่ำ ราวกับขั้นบันไดแห่งอารยธรรมที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาแต่แทนที่สถานที่แห่งนี้จะเป็นเพียงซากโบราณสถานที่รกร้าง กลับมีเหล็กกล้าสนิมเขรอะ ปราการคุมขัง และกรงเหล็กที่แขวนห้อยอยู่ตามแนวผนัง บ่งบอกว่ามันได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นคุกใต้ดินอันโหดร้ายและในตอนนี้—มันเป็นเพียงซากปรักหักพังที่เปรอะไปด้วยเลือดเสียงฝีเท้าก้องสะท้อนจากกำแพงหินขรุขระ ขณะที่เหล่าผู้ช่วยเหลือนำกลุ่มทาสเด็กที่รอดชีวิตฝ่าความเงียบสงัดออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เปลวไฟริบหรี่สาดเงาทอดยาวไปตามพื้นหินที่เต็มไปด้วยรอยแตกและคราบสีแดงฉาน"อย่าหันไปมองรอบๆ มุ่งหน้าต่อไป" เสียงกระซิบดังขึ้นเป็นระยะๆจากเหล่าผู้นำทางเด็กหลายคนก้มหน้าลง มองเพียงเงาของตัวเองที่ทอดยาวบนพื้นหินเย็นเยียบ แต่ความอยากรู้อยากเห็น และกลิ่นเลือดคาวคลุ้งที่อบอวล ทำให้บางคนอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองรอบด้านร่างของผู้คุมถูกแขวนคว่ำอยู่กับเสาหิน ศพของพวกเขาถูกแทงทะลุด้วยหอกและดาบ บางร่างถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่บนบันไดหินที่ทอดยาวลงไปสู่ระดับลึกกว่า เลือดไหลเป็นทา

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 38 บทเพลงของ ขวานสีทองและเสียงกรีดร้อง

    เสียงฝีเท้าของผู้คุมหยุดชะงักกะทันหัน ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่เพียงชั่วพริบตาแล้วร่างนั้นก็พุ่งผ่านเธอไปรวดเร็วเกินกว่าสายตาจะมองทัน—ราวกับสายลมสีดำที่พัดผ่านไปเงียบงันเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นก่อนเด็กสาวจะทันหันไปมอง ขวานสีทองตวัดฟาดลงอย่างไร้ความลังเล เสียงเนื้อฉีกสะท้อนก้องในอากาศ ลำคอของชายคนแรกถูกกรีดขาดสะบั้น เลือดพุ่งเป็นสายสาดกระเซ็นลงบนกำแพงหินเย็นเฉียบ ก่อนร่างนั้นจะทรุดลงราวกับหุ่นเชิดที่ขาดด้าย ร่างนั้นปรากฏตัวกลางวงศัตรู ราวกับปีศาจที่โผล่ออกมาจากความมืดเหล่าผู้คุมที่เหลือแข็งค้าง—ลมหายใจขาดห้วงในอก พวกมันพึ่งเริ่มตระหนักถึงภัยที่กำลังกลืนกินแต่ไม่ทันแล้วชายสองคนที่อยู่ใกล้สุดตั้งสติได้ก่อน เงื้อดาบหมายจะสังหาร ทว่าเสียงโลหะเฉือนเนื้อดังกึกก้องก่อนที่พวกมันจะฟันลง ขวานสีทองพุ่งเป็นแนวเฉียง ตัดทะลุร่างทั้งสอง รอยแผลฉีกลึกถึงกระดูก เลือดร้อนๆ กระเซ็นเปรอะเต็มพื้นหินเสียงร่ายมนตร์ดังขึ้นจากพวกด้านหลัง—แต่เขาเร็วกว่าพวกมันขวานถูกเหวี่ยงออกไปด้วยพลังและความแม่นยำ ปักเข้ากลางอกของนักเวทย์คนหนึ่งเต็มแรง เสียงเนื้อฉีกกระชากดังก้องในอากาศ ร่างนั้นทรุดลง มือขาวซีดสั่

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 37 ความฝันของนกในกรง

    เมื่อเรือเดินทางมาถึงชายฝั่ง เธอถูกส่งตัวไปยังสถานที่ที่เรียกว่า "ตลาดทาส" ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสถานกักกันที่มืดมิดและสกปรก เด็กๆ ถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มตามอายุและรูปลักษณ์ เด็กสาวถูกประเมินเหมือนสิ่งของ มีการตรวจสอบรูปร่าง ผิวพรรณ และความบริสุทธิ์เธอถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเด็กสาวอายุ 8-12 ปีที่ยัง "บริสุทธิ์" พวกมันบอกว่าเด็กกลุ่มนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดทาส เพราะสามารถขายให้กับคนร่ำรวยที่ต้องการเด็กสำหรับงานรับใช้ หรือในบางกรณี…สำหรับความต้องการที่เลวร้ายกว่าเธอต้องทำงานหนักทุกวัน ล้างจาน ขัดพื้น และทำความสะอาดห้องขังของตัวเองและคนอื่นๆ อาหารที่ได้รับมีเพียงขนมปังแข็งและน้ำเปล่า เสียงคร่ำครวญแผ่วเบาจากกรงขังข้างๆ ดังขึ้นตลอดเวลา เด็กคนอื่นๆ ในคุกนี้ต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง บางคนถึงกับซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ร่างกายของพวกเขาผอมแห้งจนดูเหมือนเงาของตัวเอง สายตาที่เคยแวววาวนั้นมืดมิด ราวกับดวงตาเหล่านั้นตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงเธอเองก็รู้สึกถึงความกลัวที่แทรกซึมอยู่ในทุกวินาทีของการมีชีวิตที่นี่ ข่าวลือที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่เคยพยายามหลบหนีแต่ถูกจับได้ยังคงวนเวี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status