แชร์

ตอนที่ 42 เงามืดนำทาง

ผู้เขียน: Abyssgloom
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-02 11:10:10

แสงอรุณยามเช้าส่องผ่านม่านเมฆจางๆ ทอแสงลงมาบนถนนหินเปียกชื้นจากน้ำค้าง รถม้าค่อยๆโยกไปตามเส้นทางที่เงียบสงบ ทำให้บรรยากาศภายในยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีก

โจชัวนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า  ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่สายตากลับไม่ได้จับจ้องสิ่งใดโดยเฉพาะ เขาเพียงมองออกไปเพื่อไล่ความไม่สบายใจที่เก็บไว้เท่านั้น

เมื่อคืนมันแย่พอสมควรสำหรับเขา แม้ตอนนี้จะเก็บอารมณ์ไว้ แต่ใครที่รู้จักเขาดีพอ ย่อมรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อคืนเขาถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะมันยากหรือเสี่ยงอันตราย แต่เพราะมันทำให้เขานึกถึงอดีต—อดีตที่เขาต้องทนมองดูภรรยาถูกกระทำการทดลองต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากจดจำภาพนั้นฝังลึกเข้าไปในใจ เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้นมาถึง

และคนที่ขอให้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ ก็รู้ดีว่าเขาผ่านเหตุการณ์อะไรมา ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังบังคับให้เขาทำ โดยอ้างเรื่องบุญคุณ แม้ว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ และ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณแล้ว ก็มีแต่ต้องทำ

แต่สิ่งที่ได้รับหลังจากนั้น…ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดแรกที่ได้รับหลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ จะไม่ใช่คำขอบคุณ หรือคำขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่กลับเป็นประโยคที่ว่า—

“ถือซะว่าไม่เคยติดค้างอะไรกันอีก ทำเป็นว่าเรื่องในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นก็พอ ฉันต้องการแค่นั้น”

เท่านั้น ไม่มีคำพูดเพิ่มเติม ไม่มีแม้แต่การบอกเล่าเรื่องราวตลอดเวลาที่ผ่านมา อีกฝ่ายหลังจากกล่าวจบแล้วก็เดินจากไปทันที พร้อมๆกับแบกผู้หญิงที่หมดสติที่มาด้วยกันออกไปอย่างหน้าตาเฉย เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

น่าขำ…

เขานอนไม่หลับทั้งคืน ภาพเหตุการณ์ในอดีตฉายชัดราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แม้จะพยายามทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไร แต่ในใจกลับปั่นป่วนไปหมด

และ เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เช้ามืดวันนี้ เขาได้รับการติดต่อจากองค์กรให้ไปพบเป็นการส่วนตัว ผ่านจดหมายที่ถูกส่งมา พร้อมๆกับงานเล็กน้อยบางอย่าง เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่เขาถูกเรียกตัวให้ไปพบ หลังจากเข้าร่วมกับองกรณ์ และ ออกมาตั้งฐานด้านบนเพื่อเก็บข้อมูล

ปกติแล้ว การสื่อสารกับองค์กรของเขามักจะเป็นทางเอกสาร หรือผ่านคนกลาง มีเพียงรายงานที่ส่งกลับไปเป็นระยะ และคำสั่งที่ถูกส่งมาให้เท่านั้น ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาต้องไปพบด้วยตัวเอง

นั่นหมายความว่าเรื่องที่เขากำลังจะรับรู้ หรือเกี่ยวข้อง อาจไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่แล้วเสียงของคนขับรถม้าก็ดังขึ้นจากด้านนอกราวกับตั้งใจขัดจังหวะความคิดของเขา 

“ใกล้จะถึงแล้ว” คนขับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เป็นสัญญาณเตือนให้เขาเตรียมตัวให้พร้อม

รถม้าเลี้ยวเข้าไปในซอกตึกที่ไร้ผู้คน เสียงล้อบดกับพื้นหินดังก้องอยู่ในตรอกแคบ มันเคลื่อนตัวเข้าไปในความมืด ในซอยแม้ว่าตอนนี้จะใกล้สว่าง ครั้นแล้วเงาร่างหนึ่งก็ก้าวออกจากความมืด ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของมันตั้งแต่ต้น บุคคลปริศนาเดินเข้ามาประชิดหน้าต่างรถม้า ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ

"ได้เตรียมของที่สั่งไว้หรือเปล่า?"

โจชัวไม่ได้ตอบคำถาม เขาเพียงเหยียบลงไปบนบางสิ่งบางอย่างที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นใกล้เท้า แรงกดทับทำให้สิ่งที่เหยียบอยู่ส่งแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยไปทั่วตัวรถ ก่อนที่ไม่นานนักมันก็สงบลง แต่หากเงี่ยหูฟังดีๆ จะได้ยินเสียงหายใจหนักและแรงดิ้นรนแผ่วเบา เชือกที่รัดมือรัดปากแน่นหนาทำให้การเคลื่อนไหวของมันไร้ความหมาย 

เงามืดสะท้อนประกายในดวงตาของผู้ที่ยืนรออยู่ภายนอก ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบางเบา เขาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้าวถอยออกไปเพียงครึ่งก้าว ราวกับต้องการเปิดทางให้บางสิ่งบางอย่าง

สายลมพัดเอื่อย กระแสเวทมนตร์บางอย่างไหลเวียนอยู่ในอากาศ เงาสีดำเริ่มแผ่ขยาย บิดเบี้ยวและก่อตัวขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง ช่องว่างแห่งความมืดก่อตัวขึ้นเบื้องหน้ารถม้า ดำมืดลึกลงไป ราวกับเป็นรอยแยกที่แยกโลกแห่งความเป็นจริงออกจากสถานที่ที่อยู่ไกลเกินกว่าจินตนาการ

ม้าไม่ได้ลังเล ไม่มีแม้แต่การออกคำสั่ง มันก้าวเข้าไปในเงามืดนั้นด้วยจังหวะที่มั่นคงราวกับเส้นทางนี้คือถนนที่คุ้นเคย ความเงียบเข้าครอบคลุมทันทีที่ร่างของมันจมหายไปในความมืด และในห้วงวินาทีนั้นเอง บรรยากาศเย็นเยียบก็แผ่ซ่านออกมาจากตัวรถม้า เสียงกระซิบแผ่วเบาลอยมากับสายลม—แผ่วเบาเสียจนแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของใคร หรืออาจเป็นเสียงที่เกิดจากตัวรถม้าเอง 

ประวัติของมันเลือนราง ไม่มีใครรู้ว่ามันถูกสร้างขึ้นเมื่อใดหรือโดยใคร รู้เพียงว่าก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่มันปรากฏขึ้น ผู้ที่โดยสารไปกับมันไม่เคยย้อนกลับมาอีกเลย

ม้าควบฝ่าความมืดในมิติลี้ลับราวกับคุ้นชินกับเส้นทางนี้ดี ไม่มีความลังเล ไม่มีการหยุดชะงัก มันไถลผ่านความเงียบเย็นยะเยือก จนกระทั่งแสงสลัวเรืองรองปรากฏขึ้นที่ปลายทางเบื้องหน้าค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นสถานที่หลบซ่อนอยู่ปลายทาง เมืองเงียบสงัดที่ถูกซ่อนไว้จากโลกภายนอก ที่นี่เวลาไหลไปไม่ต่างจากเบื้องบน แสงแดดยังไม่สว่างจ้า แต่มีผู้คนเดินไปมาอยู่ในเงาสลัวของอาคารที่เรียงรายกันเป็นระเบียบ

รถม้าเคลื่อนผ่านเส้นทางกลางเมือง โจชัวเพียงเอนกายกับพนักพิง ก่อนจะกล่าวทักทายผู้คนที่เดินผ่านไปมาเป็นระยะ และในที่สุด รถม้าหยุดลงที่อาคารกลางของสถานที่แห่งนี้

เขาก้าวลงมาอย่างสบายใจ ก่อนจะค่อยๆดันแว่นตากลับเข้าตำแหน่งเดิม มือข้างหนึ่งปิดประตูรถม้าลงเบาๆ ปล่อยให้มันนำพาอาชญากรจากด้านบนไปสู่ชะตากรรมที่พวกมันควรจะได้รับ และ ที่นี่...พวกมันจะไม่ได้รับโอกาสเป็นอิสระอีกต่อไป

ในตอนนั้น เสียงฝีเท้าดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอไปตามเส้นทางหิน เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งในชุดออกกำลังกายวิ่งเรียงแถวไปตามถนน พลางพูดคุยหยอกล้อกันเบาๆ แม้แสงแดดจะยังไม่พ้นขอบฟ้า แต่อากาศเย็นสบายก็เพียงพอให้พวกเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่า

หนึ่งในนั้นเหลือบเห็นรถม้าที่จอดอยู่หน้าตึกกลาง และชายที่เพิ่งก้าวลงมาจากมัน—โจชัว ใบหน้าของชายหนุ่มนิ่งสงบ ทว่าหลังแว่นเลนส์ใสนั้นแฝงไปด้วยอารมณ์ที่อ่านยาก

เด็กหนุ่มแยกตัวออกจากกลุ่ม หอบหายใจเล็กน้อยก่อนเดินเข้าไปหา “อรุณสวัสดิ์ครับคุณโจชัว”

โจชัวปรายตามอง ก่อนจะพยักหน้ารับคำทักทาย“อรุณสวัสดิ์”

ท่าทีของโจชัวนั้นยังคงเป็นปกติ แต่เด็กหนุ่มที่สังเกตเก่งพอจับความผิดปกติบางอย่างได้

“…คุณดูอารมณ์ไม่ดีเลยนะครับ” เขาเอียงคอเล็กน้อย ราวกับพยายามอ่านสีหน้าของอีกฝ่าย

โจชัวนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “คิดไปเอง”

เด็กหนุ่มหัวเราะ “ผมว่าไม่ใช่หรอกครับ ทุกทีคุณไม่เป็นแบบนี้”

แทนที่จะตอบ โจชัวเลือกที่จะถามกลับ “แล้วนายล่ะ? ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ มีเรื่องอะไรน่ายินดีรึไง?”

“อ้อ!” ดวงตาของเด็กหนุ่มเปล่งประกายขึ้นทันที

“ก็คุณเรย์นาร์คเพิ่งมาที่นี่เมื่อวานไงครับ ทุกคนดีใจกันใหญ่เลย ได้ยินว่าเขาจะแวะมาบ่อยขึ้นด้วย”

ใบหน้าของโจชัวเรียบเฉย แต่ภายใต้แว่นตานั้น ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย

“…เจ้านั้นงั้นเหรอ”

เด็กหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าหลังจากเอ่ยชื่อนั้น อารมณ์ของโจชัวดูจะแย่ลงกว่าเดิมเสียอีก

“คุณโจชัว…คุณเรย์นาร์คไปทำอะไรให้คุณอารมณ์เสียงั้นหรอครับ?”

โจชัวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ใช่…เป็นเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย”

เด็กหนุ่มกระพริบตา ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดี หรือ ทำให้ลำบากใจมากเลยสิน่ะครับ”

โจชัวไม่รู้จะตอบอะไรต่อจากนั้น แม้เด็กหนุ่มตรงหน้าจะพูดด้วยท่าทางเป็นมิตรและไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ทว่าชื่อของเรย์นาร์คกลับดึงอารมณ์ของเขาให้ตกต่ำลงโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง

แต่ก่อนที่เขาจะหาคำพูดอื่นมาหักล้างความเงียบที่เกิดขึ้น จู่ๆเขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง—บางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้

เหมือนคลื่นความคิดบางอย่างแผ่ซ่านผ่านอากาศ สัมผัสได้จากชั้นผิวหนังราวกับแรงสั่นสะเทือนจากส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้

—มีคนเรียกหาเขา

โจชัวเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก

“ขอโทษที ฉันต้องไปแล้ว” เขาพูดพลางปรับแว่นตา “ผู้นำของที่นี่เรียกตัว”

เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ “อ้อ ไม่เป็นไรครับ ไว้เจอกันทีหลัง”

เขาโบกมือนิดๆ ก่อนจะหันหลังกลับไปรวมกลุ่มที่ยังคงออกกำลังกายอยู่ และไม่นานก็จมหายไปในกลุ่มคนที่วิ่งไปตามถนนของเมือง

โจชัวมองตามพวกเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังแล้วเดินไปตามเส้นทางที่เหมือนจะถูกกำหนดไว้แล้ว

—เขาไม่ได้ถูกบอกว่าต้องไปที่ไหน

แต่เจตจำนงของสถานที่แห่งนี้กำลังชี้นำเขา

ฝีเท้าของเขาดำเนินไปเข้าในอาคารที่ค่อยๆลึกเข้าไปเรื่อยๆอาคารสูงใหญ่ขนาบข้างทำให้แสงจากด้านบนเริ่มริบหรี่ลง ราวกับเขากำลังก้าวเข้าสู่เขตแดนที่ถูกซ่อนเร้นจากสายตาผู้คน

ผ่านจากทางเดินนึง สู่อีกทางเดินนึง ราวกับทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้แล้วให้เขาก้าวเดินโดยไม่ต้องมีผู้นำทาง

และในที่สุด เขาก็มาถึงหน้าห้องหนึ่ง—ห้องที่ดูเคร่งขรึมและเรียบง่าย หากแต่มีแรงกดดันบางอย่างแผ่ซ่านออกมาอย่างชัดเจน

เขาผลักประตูเข้าไป

ภายในเป็นห้องรับรองขนาดพอดี แสงไฟจากเชิงเทียนส่องกระทบเฟอร์นิเจอร์ไม้สลักลวดลายประณีต บรรยากาศเงียบสงบและเยือกเย็น

ที่กลางห้อง หญิงสาวผมสีดำกำลังนั่งรออยู่

เธอคือผู้นำขององค์กรนี้ ผู้ควบคุมสถานที่แห่งนี้ด้วยเจตจำนงอันแน่วแน่

โจชัวปิดประตูเบื้องหลัง ก่อนจะก้าวเข้าไปเผชิญหน้ากับเธอ

“ท่านเรียกผมมา ธุระอะไรอย่างนั้นหรอครับ?” เขากล่าวเสียงเรียบ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 45 รากไม้ที่ชอนไช

    แสงแดดยามบ่ายแผดเผาลงบนพื้นกรวด ผ่านหลังคากระเบื้องเก่าจนเกิดเงาแสงวูบวาบ รถม้าที่ประดับตราสัญลักษณ์ของตระกูลแล่นช้าๆ ไปตามถนน ผู้คนริมทางยังคงเดินกันขวักไขว่เช่นทุกวัน เพียงแต่คราวนี้ สายหลายคู่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองรถม้าคันนั้นด้วยความสงสัยและกระซิบกระซาบกันเบาๆม่านผ้าถูกแง้มออกเล็กน้อยจากด้านใน เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่หลบซ่อนอยู่ เอเลน่านั่งนิ่งอยู่ตรงเบาะเบื้องหลัง มือวางบนตักขณะกุมกล่องในมืออย่างเรียบร้อย ดวงตาเหม่อมองภาพผู้คนที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอกโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใดตั้งแต่ลงจากสถานี เธอก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของผู้คนรอบตัว สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และ ความไม่ไว้ใจ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเดินมาถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังเหตุเพลิงไหม้ที่โรงพยาบาล ข่าวลือแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวเธอเองในตอนนี้ก็ยังไม่อาจออกมาชี้แจงอะไรได้ เพราะหลักฐานยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่การรอให้การสืบสวนเสร็จเรียบร้อยแต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้ เธอเป็นคนพาชายคนนั้นไปที่โรงพยาบาลเอง โดยที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเขาอันตรายหรือไม่ จนกระทั่ง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

    “ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เร

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 43 เมื่อเงาในอดีตทับซ้อนกับปัจจุบัน

    โจชัวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้านิ่งเงียบ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม้ดังแผ่วเบาในห้องรับรองอันเงียบสงัด แสงแดดยามเช้าผ่านม่านผ้าเนื้อบางที่ปลิวไหว เฉดสีทองอบอุ่นสะท้อนผ่านแว่นตาทรงเรียบที่เขาสวมอยู่ ท่ามกลางแสงนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดูเย็นชาและยากจะคาดเดาพื้นไม้โอ๊คขัดมันสะท้อนเงาของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วในมุมห้อง โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มรับร่างของเธอไว้ราวกับรู้ตำแหน่งอย่างเหมาะสมที่สุดคาร์ลินนั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามบนเก้าอี้ไม้บุหนัง ผมยาวเป็นลอนคลื่นสีม่วงเข้มถูกรวบไว้อย่างหลวมๆ ด้านหลัง ดวงตาสีชมพูจางทอประกายราวอัญมณีต้องแสง ภายใต้แสงสลัวในห้อง มันดูราวกับกำลังเรืองแสงอยู่เบาๆเธอสวมชุดคลุมจอมเวทย์สีดำแต่งขอบม่วงเข้ม ลายอักขระเวทแผ่เรืองแสงบางๆ ตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและผ้าคลุมไหล่ยาวที่ปักตราสัญลักษณ์ขององค์กรอย่างประณีต ท่าทางของเธอสงบเฉย...แต่ไม่อาจมีใครละสายตาได้แม้จะไม่เอ่ยสักคำ แต่พลังของเธอก็แผ่ซ่านอย่างชัดเจน หนาวเย็น ลึกลับ และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันมือเรียวของเธอถือถ้วยชาพอร์ซเลนเนื้อดี ลวดลายสีม่วงอมเทาทอแสงเบาบางจากเวทเสริมพลังที่สลักอยู่ที่ก้นถ้วย...ชาร้อนนั้นแทบ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 42 เงามืดนำทาง

    แสงอรุณยามเช้าส่องผ่านม่านเมฆจางๆ ทอแสงลงมาบนถนนหินเปียกชื้นจากน้ำค้าง รถม้าค่อยๆโยกไปตามเส้นทางที่เงียบสงบ ทำให้บรรยากาศภายในยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีกโจชัวนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่สายตากลับไม่ได้จับจ้องสิ่งใดโดยเฉพาะ เขาเพียงมองออกไปเพื่อไล่ความไม่สบายใจที่เก็บไว้เท่านั้นเมื่อคืนมันแย่พอสมควรสำหรับเขา แม้ตอนนี้จะเก็บอารมณ์ไว้ แต่ใครที่รู้จักเขาดีพอ ย่อมรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคืนเขาถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะมันยากหรือเสี่ยงอันตราย แต่เพราะมันทำให้เขานึกถึงอดีต—อดีตที่เขาต้องทนมองดูภรรยาถูกกระทำการทดลองต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากจดจำภาพนั้นฝังลึกเข้าไปในใจ เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้นมาถึงและคนที่ขอให้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ ก็รู้ดีว่าเขาผ่านเหตุการณ์อะไรมา ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังบังคับให้เขาทำ โดยอ้างเรื่องบุญคุณ แม้ว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ และ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณแล้ว ก็มีแต่ต้องทำแต่สิ่งที่ได้รับหลังจากนั้น…ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดแรกที่ได้รับหลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 41 ความจริงที่ถูกบิดเบือน

    "ท่านอาร์วิน จอมเวทย์จากหอคอยเวทมนตร์ต้องการเข้าพบขอรับ"เอรอสในรูปลักษณ์ของอาร์วินลืมตาขึ้นจากความคิด เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดบอกให้รู้ว่าอีกสักพักใหญ่เอเลน่าถึงจะเดินทางกลับมาที่เมือง ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เธอเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับการเจรจาในครั้งนี้แน่นอนว่าหัวข้อเจรจาคงเป็น เรื่องที่อาร์วินถูกจับทรมาณอยู่ในคุกลับใต้ดินตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว และ มันก็ยากจะปกปิดเพราะเอเลน่าดันอุ้มเขาออกมากลางถนน...ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมาก ทำให้ผู้คนต่างเห็นว่าพวกเราออกมาจากพื้นที่ของหอคอย และ มันกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำไมชายที่หายตัวไปถึงออกมาจากที่นั้น? หรือว่าหอคอยจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคู่หมั้นของตระกูลวัลธอเรนจริงๆ?และที่สำคัญยิ่งกว่า...คนที่จับตัวมาจริงๆมันหายไปไหน เขารู้อะไรรึเปล่า? แล้วในการทอดสอบ เขาได้รับอะไรกลับมา นั้นคือสิ่งที่พวกมันอยากรู้จริงๆเขาหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดต่อว่า… แต่ก็พอดี เขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงต้องเผาโรงพยาบาล ในหนังสือพิมพ์ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้ชี้แจงอะไร ถ้าอยากรู้ก็คงต

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 40 ในที่สุด ฉันก็เจอคุณ

    ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status