Home / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

Share

ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

Author: Abyssgloom
last update Last Updated: 2025-04-16 08:32:18

“ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด

“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”

เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง

“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย

“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”

เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”

“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่

“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เราถึงจะสามารถประกาศต่อสาธารณชน พร้อมๆกับกำจัดข่าวลือพวกนั้นได้”

เขาหยุดหายใจครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย

“และที่สำคัญ... พวกเราต้องการรู้ให้แน่ชัด ว่าท่าน…. ผู้ที่ครอบครองหัวใจของจอมปราชญ์มีอัตลักษณ์พลังเวทย์ประเภทใด และได้รับผลกระทบเช่นไรจากมันบ้าง”

ดวงตาของจอมเวทย์เฒ่าหรี่ลงเล็กน้อย ขณะมองตรงไปยังชายหนุ่มเบื้องหน้า โดยไร้ซึ่งความลังเล

“และนั่นอาจเป็นเหตุผลสำคัญ... อาจเป็นเพราะท่านได้สูญเสียพลังประจำตระกูลไป ทำให้ดวงตาของท่านเป็นสีเช่นนี้… อย่างไรเราก็ควรตรวจสอบให้แน่ชัด เพื่อจะบอกให้คนอื่นๆระวังตัวมากขึ้น”

คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย เงาของความลังเลฉายผ่านสีหน้าชั่วครู่ ราวกับความคิดบางอย่างพุ่งกลับมาในหัว

‘สูญเสียอัตลักษณ์พลังเวทย์งั้นหรือ?…. มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ อยู่ในร่างของอาร์วินแล้ว สีของดวงตากลับไม่เปลี่ยน หรือว่ามันไม่เกี่ยวกับร่างกายเลย แต่เป็นสิ่งที่ลึกกว่านั้น?’

‘...หรือเป็นเพราะ กลืนกิน ตอนที่ตายไปแล้ว ร่างกายที่ได้มาก็เลยไม่สมบูรณ์? หากเป็นแบบนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องดวงตานี้ แถมยังใช้เป็นข้ออ้างที่น่าเชื่อถือได้อีกด้วย และที่สำคัญ… มันจะช่วยลดแรงกดดันที่ตระกูลวัลธอเรนต้องแบกรับได้ ก็ไมไ่ด้แย่อะไร’

เขาหลุบตาลง ราวกับไตร่ตรองจบ ก่อนจะคลายคิ้วที่ขมวดแน่น แล้วเอ่ยตอบอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมอ่อนข้อ

“ตกลง ถึงจะไม่แน่ใจว่าอัตลักษณ์พลังเวทย์ถูกขโมยไปจริงๆอย่างที่เห็นรึเปล่า แต่จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอย่างเต็มที่”

เอลดริกมองสบดวงตาคู่นั้น ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเย็นลงอย่างสัมผัสได้

“อย่างไรก็ตาม... ถึงแม้ว่าอัตลักษณ์ของท่านจะหายไป แต่ท่านก็ยังใช้เวทมนตร์ได้ปกติ แถมท่านยังถือครองหัวใจของปราชญ์อีก…. มันจะดีกว่านี้ หากท่านสามารถสร้างวงแหวนเวทย์ได้ในเร็ววัน”

ชายชราโน้มตัวเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน

“เพราะฉะนั้น พวกเราจะให้การสนับสนุนในการช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่”

เอรอสย่นคิ้ว สายตามองอีกฝ่ายนิ่งงัน ริมฝีปากขยับอย่างไม่รีบร้อน

“ให้ความช่วยเหลือ? หอคอยที่ยึดหลักเป็นกลางมาตลอด... กำลังจะเลือกข้างแล้วงั้นหรอ?”

บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ แรงลมจากหน้าต่างเบาๆ คล้ายเสียดใบไม้ให้ดังยิ่งขึ้นในความเงียบ

เขากล่าวต่อด้วยเสียงเรียบเฉียบ

“ท่านก็รู้สถานะการณ์ของผมในตอนนี้ แรกเริ่มการที่ผมมีหัวใจของจอมปราชญ์ ก็เพียงพอจะยกดับอำนาจเพียงพอแล้ว แต่หากหอคอยที่เป็นกลางเข้ามาสนับสนุนเพิ่มอีก  จะส่งผลต่อสมดุลอำนาจทางการเมืองระหว่างทั้ง 3 อย่างชัดเจน”

“สองตระกูลที่เคยมีอำนาจเหนือกว่า จะถูกตระกูลผู้ปกครองกดลงอย่างเห็นได้ชัด หอคอยที่เป็นกลาง จะยอมเสี่ยง เพื่อขัดแย้งกับอีก 2 ตระกูลจริงๆหรอ?”

แววตายที่เต็มไปด้วยความสงสัย ผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน ไม่เว้นแม้กระทั่งไอลีนที่กำลังยืนอยู่ด้านหลัง แต่ยังไม่ทันที่เอลดริกจะเอ่ยตอบ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ

“เครื่องมาถึงแล้วค่ะ”

เสียงของหญิงสาวดังลอดเข้ามาจากด้านนอก ก่อนที่ผู้อาวุโสจะหันมามองเชิงขออนุญาต เอรอสจึงพยักหน้าเล็กน้อย เขาจึงเรียกให้เข้ามาได้

เมื่อประตูเปิดออกอย่างเงียบเชียบ ร่างของหญิงสาวในชุดคลุมฮู้ดยาวสีเข้มก็ก้าวเข้ามาอย่างระมัดระวัง เส้นผมสีแดงเพลิงที่ยาวสลวยแผ่กระจายอยู่ใต้ชายฮู้ด แม้จะพยายามปิดบังแค่ไหน แต่สีสดของมันก็ยังสะดุดตาเกินกว่าจะมองข้าม

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าของหญิงสาวที่ก้มต่ำ หลบสายตาทุกคน เป็นเธอเมื่อตอนนั้น—เฟลิเซีย

เขาจำหญิงสาวได้ในทันที… อดีตลูกศิษย์ที่พบเจอเมื่อหลายปีก่อนในย่านสลัมพร้อมๆกับแม่ของเธอ ก่อนที่จะโดนตระกูลพากลับไปเพราะเห็นถึงพรสวรรค์ คิดว่าน่าจะได้ใช้ชีวิตที่ดีในตระกูล

แม้ว่าจะไม่ได้ลงมือจัดการกับเธอในตอนนั้น แต่ตอนนี้กลับมีรอยฟกช้ำจางๆบริเวณแก้มด้านขวา ราวกับถูกตบเข้าอย่างแรง

เฟลิเซียไม่พูดอะไรเลย เธอเดินตรงไปยังโต๊ะเล็กตรงกลางอย่างเงียบเชียบ สองมือกุมกล่องไม้อย่างแน่น ข้อนิ้วซีดขาวโผล่ออกมาจากชายเสื้อของเธอที่สั่นไหวเบาๆ ตามจังหวะการหายใจที่สั่นเล็กน้อย เธอพยายามประคองความสงบนิ่ง แต่ฝีเท้าที่ก้าวอย่างไม่มั่นคงและหัวไหล่ที่ไหวเพียงเล็กน้อย ก็บอกว่าเธอกำลังตื่นตัว

“เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม”

เอลดริกหันไปสั่งเสียงเรียบโดยไม่หันไปมอง เธอพยักหน้าตอบเล็กน้อย เปิดกล่องไม้ด้วยความเคยชิน มือเรียวที่ยังคงสั่นน้อยๆ ค่อยๆหยิบลูกแก้วทรงกลม และ แผ่นตราเวทออกมาวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ

ท่ามกลางความเงียบงัน เขามองเธอพลางขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา โดยไม่เจาะจงมองใคร

“...ไม่คิดว่าคนของหอคอย จะลงมือกับคนของตัวเองอย่างเปิดเผยน่ะเนี่ย”

คำพูดนั้นเรียกให้บรรยากาศเงียบลงอย่างน่าประหลาด เฟลิเซียชะงักมือลงทันที นิ้วเรียวที่กำลังวางผลึกพลันสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะรีบวางสิ่งของที่เหลือลงอย่างรวดเร็ว แล้วถอยกลับไปยืนเงียบอยู่ด้านหลังเอลดริก ราวกับต้องการหลบสายตาทุกคู่ จนแม้แต่หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังก็สังเกตุเห็นถึงรอยบวมบนใบหน้า

จอมเวทย์เฒ่าเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับไม่คิดจะตอบ แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ สายตาอ่อนลงเล็กน้อย

“ขออภัยที่ให้เห็นภาพไม่น่ามอง... นางทำผิดพลาดบางอย่าง เลยถูกผู้อาวุโสลงโทษ”

เฟลิเซียสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อตนเองเป็นหัวข้อสนทนา หัวไหล่เธอหดลงอย่างไม่รู้ตัว สองมือที่ประสานไว้ข้างลำตัวกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ เธอก้มหน้าแนบอก ราวกับกลัวว่าจะมีใครมองเห็นสีหน้าตอนนี้

เขาเลื่อนสายตาไปมองหญิงสาว ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเรียบต่ำ

“ถามได้รึเปล่า?”

เอลดริกนิ่งคิดเล็กน้อย สีหน้าเขาลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“ข้าไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดนัก... แต่ข้าบังเอิญเดินผ่านตอนที่นางถูกลงโทษ ได้ยินว่าเป็นเพราะนางประมาท เลินเล่อ ไม่ได้ลงอาคมไว้บนตัวนักโทษ ทำให้นักโทษหลบหนีออกไปได้ แถมยังแอบวางยาใส่อาหารผู้คุม เพื่อทดลองยาใหม่ ทำให้ผู้คุมหลายคนท้องเสียพร้อมกัน จนไม่สามารถประจำหน้าที่ได้”

เขาหยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ

“และเพราะแบบนั้น… จึงถูกลงโทษอย่างหนัก ข้าสงสาร เลยยืมตัวนางมาใช้งาน เพื่อไม่ให้เจอกับผู้อาวุโสอีกในช่วงนี้”

ผู้อาวุโสพูดจบ สีหน้าก็ดูลำบากใจเล็กน้อย แต่เอรอสที่นั่งฟังอย่างเงียบๆตลอดเวลา นิ่งไปเล็กน้อย ภายในใจกลับเชื่อมโยงเหตุการณ์เข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว

'วันนั้น ผู้คุมที่ประจำการอยู่ค่อนข้างน้อยเป็นพิเศษ ทำเข้าใจมาตลอดว่า เป็นเพราะตั้งใจจะให้หลบหนี จะได้ทดสอบว่าได้ของรางวัลอะไรมา ก็เลยไม่ได้สนใจ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของเธอ… และนั้นก็หมายความว่าที่หลบหนีมาได้เพราะเธอ’

“แล้ว… จะปล่อยให้หน้าเธอเป็นแบบนั้นจริงๆ น่ะหรอ?”

เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ความไม่พอใจเล็กๆแฝงอยู่ในถ้อยคำ แต่เอลดริกทำแค่ถอนหายใจเบาๆ

“น่าเสียดาย ตอนที่ตบ ผู้อาวุโสใช้พลังเวทย์ผสานเข้าไปด้วย ทำให้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์รักษาได้ ตอนนี้ต้องรอให้พลังเวทย์ที่แฝงคลายออกตามเวลาเท่านั้น ถึงแม้ว่าข้าจะอยากลงมือช่วย ก็มีแต่จะทำให้มันแย่ลงเท่านั้น”

เอรอสเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ แล้วลุกจากเก้าอี้ไม้ที่นั่งอยู่ เดินตรงไปยังร่างของเฟลิเซียที่ยังยืนก้มหน้า ไม่พูดไม่จาอยู่เบื้องหลัง

เฟลิเซียเห็นฝีเท้าของเขาใกล้เข้ามา ร่างกายพลันตึงเครียดขึ้นทันที มือทั้งสองข้างจิกชายเสื้อแน่นจนสั่น เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นใช้ปลายนิ้วเชิดคางของเธอให้เงยขึ้น สบตากันอย่างตรงไปตรงมา

ใบหน้าที่สวยงามซึ่งถูกปกปิดไว้ใต้ฮู้ด ค่อยๆเปิดเผยให้เห็นรอยช้ำที่ยังคงขึ้นสีแดง เธอหลุบตาลงหลบแววตาของชายตรงหน้า แต่ร่างกายกลับไม่อาจขัดขืนสัมผัสนั้นได้

เอรอสพิจารณาใบหน้าเธออย่างละเอียด เขาเอ่ยเสียงเบา

“ขอเสียมารยาทหน่อยนะ”

น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและสุภาพกว่าทุกครั้ง จนเฟลิเซียเผลอลืมตาขึ้นมองอย่างตกใจ ดวงตาของเธอสั่นระริก

เขายื่นมืออีกข้างไปแตะแผ่วเบาลงบนแก้มของเธอที่ยังคงขึ้นสีแดง พลังเวทจากเขาไหลออกช้าๆ ผ่านปลายนิ้วอย่างละเอียดอ่อน

รอยแดงบนใบหน้าของหญิงสาวสั่นระริกเล็กน้อย แสงจากพลังเวทย์ค่อยๆผสานกับพลังเวทย์ที่ฝังอยู่ข้างใน จนสุดท้ายมันก็ค่อยๆเจือจาง และสลายหายไปอย่างนุ่มนวล

เฟลิเซียมองด้วยความตกใจ เธอพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา แต่เขากลับได้ยินชัดเจน

“…ขอบ…คุณ”

เธอกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างต่อ แต่สุดท้ายชายตรงหน้ากลับเลือกเดินกลับไปยังที่นั่งของตนอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่มีโอกาสพูดคำใดต่อ ก่อนที่สุดท้าย เธอจะหลุบตาต่ำลงอีกครั้ง

เอรอสเหลือบตามองชายชราที่กำลังสับสน ก่อนจะถามขึ้นเสียงเรียบ แต่แฝงนัยยะเอาไว้

“แล้ว...การสนับสนุนที่ท่านพูดถึงนั้น มีถึงขั้นไหน?”

เสียงเขาไม่ได้ดัง แต่ก็ทำให้ทุกคนเงียบลงทันที เอลดริกที่เหมือนเพิ่งได้สติจากภวังค์ของตน เงยหน้าขึ้น ก่อนจะตอบกลับอย่างมั่นคง

“ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบ หากท่าน คุ้มค่าแก่การลงทุน หอคอยก็สามารถยกระดับตระกูลของตัวท่านเอง ให้เทียบเคียงกับอีกสามตระกูลหลักได้ มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา”

คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศในห้องสั่นสะเทือนแผ่วเบา

ไอลีนที่ยืนอยู่ด้านหลังเอรอส ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบแต่ทรงพลัง

“ระวังคำพูดของท่านด้วย ที่นี่คือคฤหาสน์ของตระกูลวัลธอเรน—ท่านไม่มีสิทธิ์กล่าวสิ่งนั้นอย่างไม่ระมัดระวัง”

เธอยังพูดไม่ทันจบดี เอลดริกก็ยกมือขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวตัดบทเสียงหนักแน่น

“เป้าหมายของพวกเรานั้น...ไม่ได้ต้องการดูหมิ่นใคร แต่กำลังบอกว่า หากชายคนนี้...มีคุณค่าพอ หอคอยทั้งทวีปจะพร้อมสนับสนุนเขาอย่างไม่มีข้อแม้”

เสียงของเอลดริกไม่มีความโกรธ ไม่มีอารมณ์ เหมือนเพียงกล่าวความจริงตามหลักการ

ไอลีนกัดริมฝีปากเล็กน้อย แม้จะไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่อาจโต้แย้งออกมาได้โดยไม่เสียกิริยา ในระหว่างที่กำลังคิดว่าจะตอบกลับยังไง กลับถูกเสียงของเอรอสแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ถ้าอย่างนั้น...ก็มาเริ่มการตรวจสอบกัน ส่วนเรื่องการสนับสนุน...”

เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้สนใจเท่าใดนัก

“ค่อยว่ากันทีหลังก็แล้วกัน”

เอลดริกพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะขยับตัวไปยังจุดที่เตรียมไว้สำหรับพิธีการตรวจสอบ

เอรอสหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะมองเงาสะท้อนในลูกแก้วคริสตัลที่วางอยู่ด้านหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่นัยน์ตานั้นกลับแน่นิ่ง ในใจของเขาก็เอ่ยถ้อยคำกับตัวเองเงียบๆ

'ดูเหมือนว่าครั้งนี้ คงต้อง ‘เอาลือดแลกทอง’ จริงๆ'

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 45 รากไม้ที่ชอนไช

    แสงแดดยามบ่ายแผดเผาลงบนพื้นกรวด ผ่านหลังคากระเบื้องเก่าจนเกิดเงาแสงวูบวาบ รถม้าที่ประดับตราสัญลักษณ์ของตระกูลแล่นช้าๆ ไปตามถนน ผู้คนริมทางยังคงเดินกันขวักไขว่เช่นทุกวัน เพียงแต่คราวนี้ สายหลายคู่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองรถม้าคันนั้นด้วยความสงสัยและกระซิบกระซาบกันเบาๆม่านผ้าถูกแง้มออกเล็กน้อยจากด้านใน เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่หลบซ่อนอยู่ เอเลน่านั่งนิ่งอยู่ตรงเบาะเบื้องหลัง มือวางบนตักขณะกุมกล่องในมืออย่างเรียบร้อย ดวงตาเหม่อมองภาพผู้คนที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอกโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใดตั้งแต่ลงจากสถานี เธอก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของผู้คนรอบตัว สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และ ความไม่ไว้ใจ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเดินมาถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังเหตุเพลิงไหม้ที่โรงพยาบาล ข่าวลือแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวเธอเองในตอนนี้ก็ยังไม่อาจออกมาชี้แจงอะไรได้ เพราะหลักฐานยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่การรอให้การสืบสวนเสร็จเรียบร้อยแต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้ เธอเป็นคนพาชายคนนั้นไปที่โรงพยาบาลเอง โดยที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเขาอันตรายหรือไม่ จนกระทั่ง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

    “ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เร

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 43 เมื่อเงาในอดีตทับซ้อนกับปัจจุบัน

    โจชัวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้านิ่งเงียบ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม้ดังแผ่วเบาในห้องรับรองอันเงียบสงัด แสงแดดยามเช้าผ่านม่านผ้าเนื้อบางที่ปลิวไหว เฉดสีทองอบอุ่นสะท้อนผ่านแว่นตาทรงเรียบที่เขาสวมอยู่ ท่ามกลางแสงนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดูเย็นชาและยากจะคาดเดาพื้นไม้โอ๊คขัดมันสะท้อนเงาของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วในมุมห้อง โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มรับร่างของเธอไว้ราวกับรู้ตำแหน่งอย่างเหมาะสมที่สุดคาร์ลินนั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามบนเก้าอี้ไม้บุหนัง ผมยาวเป็นลอนคลื่นสีม่วงเข้มถูกรวบไว้อย่างหลวมๆ ด้านหลัง ดวงตาสีชมพูจางทอประกายราวอัญมณีต้องแสง ภายใต้แสงสลัวในห้อง มันดูราวกับกำลังเรืองแสงอยู่เบาๆเธอสวมชุดคลุมจอมเวทย์สีดำแต่งขอบม่วงเข้ม ลายอักขระเวทแผ่เรืองแสงบางๆ ตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและผ้าคลุมไหล่ยาวที่ปักตราสัญลักษณ์ขององค์กรอย่างประณีต ท่าทางของเธอสงบเฉย...แต่ไม่อาจมีใครละสายตาได้แม้จะไม่เอ่ยสักคำ แต่พลังของเธอก็แผ่ซ่านอย่างชัดเจน หนาวเย็น ลึกลับ และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันมือเรียวของเธอถือถ้วยชาพอร์ซเลนเนื้อดี ลวดลายสีม่วงอมเทาทอแสงเบาบางจากเวทเสริมพลังที่สลักอยู่ที่ก้นถ้วย...ชาร้อนนั้นแทบ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 42 เงามืดนำทาง

    แสงอรุณยามเช้าส่องผ่านม่านเมฆจางๆ ทอแสงลงมาบนถนนหินเปียกชื้นจากน้ำค้าง รถม้าค่อยๆโยกไปตามเส้นทางที่เงียบสงบ ทำให้บรรยากาศภายในยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีกโจชัวนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่สายตากลับไม่ได้จับจ้องสิ่งใดโดยเฉพาะ เขาเพียงมองออกไปเพื่อไล่ความไม่สบายใจที่เก็บไว้เท่านั้นเมื่อคืนมันแย่พอสมควรสำหรับเขา แม้ตอนนี้จะเก็บอารมณ์ไว้ แต่ใครที่รู้จักเขาดีพอ ย่อมรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคืนเขาถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะมันยากหรือเสี่ยงอันตราย แต่เพราะมันทำให้เขานึกถึงอดีต—อดีตที่เขาต้องทนมองดูภรรยาถูกกระทำการทดลองต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากจดจำภาพนั้นฝังลึกเข้าไปในใจ เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้นมาถึงและคนที่ขอให้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ ก็รู้ดีว่าเขาผ่านเหตุการณ์อะไรมา ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังบังคับให้เขาทำ โดยอ้างเรื่องบุญคุณ แม้ว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ และ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณแล้ว ก็มีแต่ต้องทำแต่สิ่งที่ได้รับหลังจากนั้น…ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดแรกที่ได้รับหลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 41 ความจริงที่ถูกบิดเบือน

    "ท่านอาร์วิน จอมเวทย์จากหอคอยเวทมนตร์ต้องการเข้าพบขอรับ"เอรอสในรูปลักษณ์ของอาร์วินลืมตาขึ้นจากความคิด เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดบอกให้รู้ว่าอีกสักพักใหญ่เอเลน่าถึงจะเดินทางกลับมาที่เมือง ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เธอเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับการเจรจาในครั้งนี้แน่นอนว่าหัวข้อเจรจาคงเป็น เรื่องที่อาร์วินถูกจับทรมาณอยู่ในคุกลับใต้ดินตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว และ มันก็ยากจะปกปิดเพราะเอเลน่าดันอุ้มเขาออกมากลางถนน...ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมาก ทำให้ผู้คนต่างเห็นว่าพวกเราออกมาจากพื้นที่ของหอคอย และ มันกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำไมชายที่หายตัวไปถึงออกมาจากที่นั้น? หรือว่าหอคอยจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคู่หมั้นของตระกูลวัลธอเรนจริงๆ?และที่สำคัญยิ่งกว่า...คนที่จับตัวมาจริงๆมันหายไปไหน เขารู้อะไรรึเปล่า? แล้วในการทอดสอบ เขาได้รับอะไรกลับมา นั้นคือสิ่งที่พวกมันอยากรู้จริงๆเขาหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดต่อว่า… แต่ก็พอดี เขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงต้องเผาโรงพยาบาล ในหนังสือพิมพ์ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้ชี้แจงอะไร ถ้าอยากรู้ก็คงต

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 40 ในที่สุด ฉันก็เจอคุณ

    ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status