“อย่าฝันหวานไปหน่อยเลยค่ะ” แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มยียวนทั้งคราบน้ำตา “นิดรู้ว่านิดไม่มีสิทธิ์พรากน้องกายไปจากพี่ราม ดังนั้นนิดจะปักหลักอยู่บ้านพี่รามจนกว่าน้องกายจะบรรลุนิติภาวะในฐานะคุณน้า” นอกจากนี้แล้วยังจะปักหลักพิทักษ์พี่เขย จากอีพวกรอคอยความหวังด้วย เธอคิดต่อในใจไม่ให้เขาได้ยิน “นิดคงต้องขออาศัยใบบุญพี่รามอย่างน้อยก็สักยี่สิบปีนะคะ ไม่ใช่แค่อาทิตย์สองอาทิตย์อย่างที่เข้าใจ”
“เอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีหลังเสร็จงานก็แล้วกันนะหนูนิด” เขาอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่เธอกำลังโกรธ พูดไปก็มีแต่ปะทะคารมกันเปล่าๆ
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ” เธอยอมตัดบทแล้วสะบัดหน้าไปมองนอกรถอีกด้านหนึ่ง ที่ไม่มีเขาขวางลูกตา
งานศพผ่านไปอย่างราบรื่นท่ามกลางความโศกเศร้าของหลายๆ คน หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากงานศพ ทางตำรวจก็เรียกตัวสามีของผู้ตาย และทุกคนในบ้านไปสอบปากคำเพิ่มเติม
รามยอมให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี เมื่อเสร็จเรื่องแล้วก็เดินทางเข้าบริษัททันทีเพื่อสะสางงานที่คั่งค้างให้จบ
แต่ขณะที่ชายหนุ่มกำลังยุ่งอยู่กับงาน สิริญ่ากลับกำลังมีความสุขอยู่กับหลานชายตัวน้อยวัยสามเดือน เธอโอบอุ้มหลานชายเดินไปรอบๆ บ้าน หอมแล้วหอมเล่าเพื่อถ่ายทอดความรักและความอบอุ่นให้แทนพี่สาวที่จากไป ถึงแม้ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้นจะระทมทุกข์เพราะคิดถึงพี่สาวเพียงใด เธอก็จะไม่แสดงออกมาให้หลานได้เห็นเด็ดขาด หลานของเธอจะต้องเป็นเด็กที่ร่าเริงแจ่มใส ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย และจะไม่มีแม่เลี้ยงมาแทนที่แม่แท้ๆ เด็ดขาด
ถ้ามี เธอนี่แหละจะขัดขวางให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะกับเลขาสาวแก่ที่ชื่อพินแพรคนนั้น
“น้านิดจะปกป้องหนูสุดชีวิต ไม่ว่าใครหน้าไหนก็มาแทนที่แม่แก้วของหนูไม่ได้” กระซิบบอกข้างหูหลานชาย ก่อนจะหอมแก้มนุ่มๆ นั้นด้วยความรักสุดหัวใจ
“คุณนิดคะ ได้เวลานอนของคุณหนูแล้วค่ะ”
“น้ำฝนไปไหนคะ ทำไมพี่อรต้องลงมารับน้องเอง” เธอถามถึงผู้ช่วยของอรสาที่เป็นลูกสาวของแม่บ้านใหญ่ อรสาเคยเป็นพยาบาลเด็กวิชาชีพ ก่อนจะลาออกมาช่วยดูแลสิรินดาตั้งแต่เริ่มตั้งท้องตามคำขอของราม
“วันนี้วันเสาร์ค่ะ น้ำฝนเขาจะทำงานถึงบ่ายสองโมงแล้วก็ได้หยุดทุกวันอาทิตย์ คุณนิดจะได้เจอเขาอีกทีพรุ่งนี้ดึกๆ หรือวันจันทร์เช้าเลยค่ะ”
“แบบนี้พี่อรก็ต้องเหนื่อยคนเดียวเลยสิคะ”
“พี่ไม่เหนื่อยหรอกค่ะคุณนิด เพราะปกติคุณหนูเลี้ยงง่ายมาก แต่น้ำฝนเขาเป็นแนนนี่ที่เราจ้างมาจากบริษัทอีกที เราตกลงกันตั้งแต่เซ็นสัญญาว่าจ้างแล้วค่ะ ที่สำคัญน้ำฝนเขามีลูกเล็กเหมือนกัน ลูกสาวของเธอเพิ่งจะสองขวบกว่าๆ เอง เธอก็อยากกลับไปอยู่กับลูกกับครอบครัวบ้าง”
“แล้วน้ำฝนมาอยู่แบบนี้ใครจะเลี้ยงลูกให้เธอคะ”
“เธอบอกว่าจ้างคนข้างห้องเลี้ยงค่ะ ตอนเย็นสามีก็รับไปเลี้ยงต่อ”
“แบบนี้นี่เอง น้ำฝนคงคิดถึงลูกมากนะคะพี่อร”
“ค่ะคุณนิด ส่งคุณหนูมาให้พี่เถอะค่ะ ส่วนคุณนิดก็ไปพักทานของว่างเถอะค่ะ วันนี้แม่พี่เตรียมชามะลิกับข้าวต้มมัดไว้ให้”
“อ้วนนะคะเนี่ย” หญิงสาววัยยี่สิบสองเม้มปากอย่างขัดใจก่อนจะระบายยิ้มเต็มใบหน้า “แต่ก็ยอม เพราะข้าวต้มมัดฝีมือป้าศรีอร่อยมากๆ”
อรสาคลี่ยิ้มกว้าง มองหญิงสาวที่เด็กกว่าเป็นสิบปีด้วยสายตาชื่นชม เพราะเธอกับพี่สาวมีนิสัยที่แทบจะไม่แตกต่างกันเลย ร่าเริง สดใส และเป็นกันเอง
“คุณนิดหุ่นดีอย่างกับนางแบบ กินแค่ชิ้นสองชิ้นไม่อ้วนหรอกค่ะ” คงจะมีแค่รูปร่างเท่านั้นที่พี่น้องคู่นี้ผิดกัน คนพี่นั้นรูปร่างแบบสาวไทยคือเล็กกะทัดรัดน่าทะนุถนอม ส่วนคนน้องคนนี้รูปร่างสูงโปร่งระหงราวกับนางแบบ มีทรวดมีทรงชวนมอง ที่สำคัญทั้งสองมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกันมาก “เคยมีคนบอกไหมคะว่าคุณนิดกับคุณแก้วหน้าตาเหมือนกันมาก แล้วก็เหมือนคุณหนูด้วย”
“จริงเหรอคะพี่อร คุณแม่ก็เคยพูดแบบนี้เหมือนกัน แต่นิดนึกว่าท่านพูดเล่น”
“จริงๆ ค่ะคุณนิด เพียงแต่หน้าคุณนิดมีเค้าฝรั่งปนอยู่ด้วย ส่วนคุณแก้วไม่มีเท่านั้นเอง ส่วนกับคุณหนูถ้าพี่อรไม่รู้จักคุณหนูกับคุณนิดมาก่อน บอกว่าเป็นแม่ลูกกันพี่อรก็เชื่อนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่อรช่วยถ่ายรูปนิดคู่กับน้องกายหน่อยนะคะ” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มาเปิดเป็นระบบกล้องถ่ายรูปแล้วยื่นให้อีกฝ่าย เสร็จแล้วจึงรีบจัดท่ายกแขนให้ใบหน้าของทารกน้อยอยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าของตน “โอเคหรือยังคะแบบนี้”
“น่ารักมากค่ะ พี่อรจะถ่ายแล้วนะ หนึ่ง สอง สาม” อรสาให้สัญญาณแล้วกดถ่ายภาพที่แสนน่ารักระหว่างน้าสาวกับหลายชายเอาไว้ “หน้าเหมือนกันจริงๆ นะคะ ลองดูสิ” แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้หญิงสาวพร้อมกับรับเด็กชายภูมิพัฒน์มาอุ้มไว้
“คล้ายกันจริงๆ ด้วยค่ะ น้องกายก็มีผมทองเหมือนลูกฝรั่งด้วย แปลกนะคะ” สิริญ่ารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นภาพถ่ายยืนยันความคล้าย
“เห็นไหมคะว่าพี่อรไม่ได้พูดเอาเอง”
“แล้วน้องกายมีผมสีทองได้ยังไงคะ ในเมื่อไม่มีเชื้อฝรั่ง หรือว่าทางพ่อเขามีคะ”
“ไม่มีเลยค่ะ แต่ก็ไม่แปลกนะ เพราะพี่อรเคยเห็นญาติพี่อรนี่แหละ พ่อแม่ไทยแท้ทั้งคู่ แต่งงานได้ไม่นานก็ท้อง พอคลอดลูกออกมาดันผมสีทองเหมือนคุณหนูนี่แหละค่ะ แต่หมอบอกว่าอีกหน่อยสีผมก็จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลไหม้หรือน้ำตาลดำ แต่ก็มีบางส่วนที่อาจจะไม่เปลี่ยนเลย เรื่องแบบนี้มันเป็นความผิดปกติที่ไม่ร้ายแรงค่ะ”
“ยีนเด่นยีนด้อยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ คุณหนูเริ่มง่วงแล้ว พี่พาคุณหนูไปนอนก่อนนะคะ” อรสาเห็นทารกในอ้อมแขนเริ่มจะงอแงก็รู้ตัวว่าคุยนานจนผิดเวลา จึงรีบกล่าวลาและเดินจากไป
เมื่อได้อยู่ตามลำพังหญิงสาวก็เดินไปหาที่นั่ง ดูภาพที่อรสาถ่ายให้อย่างพิจารณา ความคิดถึงพี่สาววิ่งแล่นมาจับขั้วหัวใจอีกครั้ง เธอรีบปาดน้ำตาที่หยดลงบนหน้าจอโทรศัพท์ กดตั้งภาพนั้นเป็นภาพหน้าจอ และไม่ลืมที่จะส่งเป็นข้อความภาพผ่านทางไลน์กลุ่มครอบครัว เพื่อให้คุณตาคุณยายได้ชื่นชมความน่ารักของหลานชาย
“พี่กลับมาก่อน ปล่อยให้ราชเขารับผิดชอบส่วนที่เหลือต่อ”“อ้าว! นิดนึกว่ากลับมาพร้อมกันซะอีก” ตอนที่เขาโทรหาเธอเมื่อช่วงกลางวัน เธอก็ถามถึงราช แต่เขาก็ไม่บอกว่าไม่ได้กลับมาด้วยกัน“ไม่ได้กลับมาหรอกจ้ะ ลูกค้าชวนให้อยู่ฉลองวันเกิดเขาด้วยกันเย็นนี้ พี่ก็เลยให้ราชเขาอยู่ต่อน่ะ”“แล้วทำไมพี่รามถึงไม่อยู่ด้วยล่ะคะ”เขาเหลือบไปมองเธอ ก่อนจะหันไปมองถนนอีกครั้ง “อยากให้พี่อยู่นักเหรอ”“พี่รามก็สมควรจะอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”“ก็ใช่ แต่ที่นั่นไม่มีหนูนิด พี่ก็เลยไม่อยากอยู่”คำตอบของเขา ทำให้กลีบปากบางถึงกับคลี่กว้างอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะรีบเม้มเข้าหากันอย่างฝืนความรู้สึก.. ถ้าเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวง่ายก็คงถามไปแล้วว่า ไม่มีตัวเองอยู่หรือเพราะไม่มีเลขาคนสวยอยู่กันแน่ แต่บังเอิญว่ามันไม่ใช่นิสัยของตน“แต่นิดชอบนะคะที่ไม่มีพี่รามอยู่ใกล้ ๆ เพราะมันทำให้นิดนอนหลับสบายทั้งคืนเลยค่ะ”เธอหลับสบายจริงเหรอ ขนาดเขายังนอนไม่ค่อยจะหลับเพราะไร้ไออุ่นจากเธอ
“ก็ได้ค่ะ นิดเลิกเรียนตอนห้าโมงนะคะ”(โอเค เดี๋ยวตอนเย็นเจอกันนะครับ)“ค่ะ บาย”(หนูนิด..)“ขา”(...พี่ ..พี่คิดถึงหนูนิดนะครับ)หัวใจของหญิงสาวถึงกับเต้นรัวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังดูคล้ายขัดเขินจากปลายสาย เขาคงเขินมากสินะถึงได้ตัดสายทิ้งทันทีที่พูดจบแบบนั้นวิคเห็นอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของสิริญ่า ก็ยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม สรุปแล้วคนที่โทรมาสายแรกกับสายที่สอง ใครคืนคนพิเศษของเธอกันแน่ หัวใจของเธอยังว่างพอจะให้เขาเข้าไปจับจองได้บ้างไหม เขาอยากรู้จริง ๆ “ยิ้มแก้มปริเลยนะ ใครโทรมาล่ะ”คนที่ยิ้มเพลิน ๆ หุบยิ้มลงไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนที่ด้านข้าง เพราะมัวแต่ปลื้มปริ่ม จึงลืมไปเลยว่ายังนั่งอยู่ในรถกับเขา“ไปนั่งรอคนอื่นในห้องดีกว่า” เธอบอกกับเขาแล้วเปิดประตูลงจากรถ เก็บความสุขเอาไว้ในใจ แล้วชวนเพื่อนคุยเรื่องอื่นขณะเดินไปที่ห้องเรียนเมื่อเข้าห้องเรียนได้สักพัก อาจารย์คนใหม่ก็เดินเข้ามาทักทายก่อนจะเริ่มทำการสอน และบอกเหตุผลกั
หญิงสาวรีบทำตัวให้สำรวมเมื่อบิดาของวิคเดินเข้ามาหา ยกมือไหว้โดยไม่รอให้เพื่อนแนะนำ“สวัสดีค่ะคุณอา”“เพื่อนผมเองครับป๋า ชื่อนิด” วิคแนะนำหลังจากที่ท่านรับไหว้เธอแล้วบิดาของวิคพยักหน้ารับ แล้วขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวอีกนิด เพ่งมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์“ป๋าครับ” วิคเรียกบิดา เมื่อเห็นว่าการกระทำของท่านนั้นดูไม่ค่อยเหมาะสม และสร้างความอึดอัดใจให้กับหญิงสาว“รู้ตัวหรือเปล่าว่าหนูเป็นคนที่สวยสง่ามาก เคยประกวดนางงามบ้างหรือยัง” บุรุษวัยเลขสี่ปลาย ๆ ถอยห่างออกไป แล้วตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาการกระทำของบิดาเพื่อนทำให้เธอตกใจไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติเมื่อรู้เหตุผล “ไม่เคยหรอกค่ะคุณอา” ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม“สนใจอยากประกวดไหมล่ะ ป๋ามีเพื่อนอยู่ในวงการนี้ด้วยนะ”“ไม่เอาดีกว่าค่ะ นิดอยากอยู่อย่างสงบมากกว่า” เธอคลี่ยิ้มพร้อมตอบคำถาม“เฮ้อ เสียดายจัง ป๋าก็อยากจะเป็นป๋าดันกับเขาสักครั้งในชีวิต แต่ก็ถูกปฏิเสธซะแล้ว” บิดาของวิคทำหน้า
“เราคิดถึงพี่รามมากขนาดนี้เชียวเหรอ” ถามตัวเองและคิดตริตรองหาคำตอบ ทบทวนถึงวันเก่า ๆ ที่ผ่านมา.. แรก ๆ ความรู้สึกของเธอไม่ได้เป็นแบบนี้แน่ ๆ แล้วทำไมตอนนี้มันถึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงได้ล่ะ... หรือว่าเธอรักเขา.. เธอรักเขาจริง ๆ หรือนี่ บ้าไปแล้วหนูนิด! เธอเผลอใจไปรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมถึงรวดเร็วอย่างนี้แล้วที่เธอเมินคำพูดของพินแพร เพราะอยากเอาคืนหล่อน หรือเพราะไม่อยากเสียเขาให้หล่อนกันแน่...คิดวนไปวนมาจนเคลิ้มหลับไป ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเตือนข้อความเข้าของโทรศัพท์“นิด” เสียงใสทุ้มหูของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ตะโกนเรียกหญิงสาวที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดอาคารเรียน พร้อมกับวิ่งตามไปสมทบ “กู๊ดมอร์นิ่งจ้ะนิด”“กู๊ดมอร์นิ่งวิค กลับมาจากจีนตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วอาม่าเป็นยังไงบ้าง” สิริญ่าทักทายเพื่อนร่วมคณะ ที่เป็นหนุ่มลูกผสมไทย จีน อเมริกัน ซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ที่สนิทที่สุดเลยก็ว่าได้“กลับมาเมื่อคืนนี้เอง พออาม่าออกจากโรงพยาบาลวิคกับพ่อก็กลับมาก่อน แต่หม่ามี๊กับน้องสาววิคยังอยู่ต่ออีกสอ
พินแพรเดินตามเข้าไป มองร่างระหงโปร่งเพรียวที่อยู่ในชุดนอนแนบเนื้อ แล้วถึงกับเกิดอาการริษยา ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง หล่อนก็ดูดีไร้ที่ติจริง ๆ เพราะแบบนี้สินะ รามถึงได้รักและหลงหล่อนนัก ไม่ว่าจะจากหรือเจอ ก็ต้องรั้งเธอมากอดจูบอย่างไม่อายสายตาคนอื่นแต่จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้โทษผู้ชายฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ เพราะอีผู้หญิงก็ใช่ย่อย ไม่ว่าจะจากหรือเจอ หล่อนก็ต้องกางแขนยื่นหน้าให้ท่าเขาตลอดสิริญ่าเดินไปที่มุมพักผ่อน ซึ่งเป็นมุมที่เขาและเธอใช้เวลาอ่านหนังสือ เล่นอินเทอร์เน็ต ดูทีวี เล่นกับลูก หรือแม้แต่เรื่องอย่างว่า.. เขาก็เคยทำกับเธอมาแล้ว ร่างกายของเธอรู้สึกวาบหวิวขึ้นมา เมื่อนึกถึงบทรักอันร้อนแรงของเขาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ณ ที่ตรงนี้“เชิญนั่งค่ะ” เธอสลัดความรู้สึกวาบหวามนั้นทิ้งไปแล้วนั่งลง มองหน้าอีกฝ่าย รอฟังโดยไม่ถามเหตุผลที่หล่อนมาขอพบ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่ามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือเรื่องของราม“ฉันมาทวงสัญญาค่ะคุณนิด” พินแพรเริ่มต้นด้วยคำพูดอ่อนโยนตามสไตล์ของเธอ “เรื่องพี่รามค่ะ”“หลังจากวันนั้นฉ
(อย่าโทษเขาเลยค่ะ ฉันยอมทำทุกอย่างก็เพราะรักเขามาก ฉันเชื่อว่าพี่รามจะไม่ว่าอะไร ถ้าฉันเก็บลูกของเราไว้ ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของฉันคนเดียวเท่านั้น.. คุณนิดคะ ฉันอยากจะขอให้คุณคิดเรื่องนี้อีกสักครั้งได้ไหม)“คิดเรื่องอะไรเหรอคะ”(เรื่องพี่รามกับคุณ.. ฉันอยากให้คุณหลีกทางให้เรา ถึงแม้เขาจะรักฉันน้อยกว่าที่ฉันรักเขา ถึงแม้พี่รามจะบอกฉันว่า ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม เขาให้ฉันอยู่แบบนี้ต่อไป เขาจะไม่ทอดทิ้งฉัน แต่ฉันต้องอยู่อย่างเจียมตัว และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดไป ถ้าเรื่องของฉันกับเขารู้ถึงหูคุณ เขาจะไม่รับผิดชอบฉันและไล่ฉันออกจากงาน ฉันจึงอยากจะขอให้เรื่องที่เราคุยกันวันนี้เป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ)หึ! ลูกไม้ตื้น ๆ ของคุณ เหมือนในละครไทยน้ำเน่าที่แม่ฉันดูไม่มีผิด นึกว่าเด็กนอกอย่างฉันจะไม่รู้ทันคุณหรือไง“ได้สิคะ เพราะถ้าฉันพูดไป ฉันก็คงจับผิดพี่รามไม่ได้เหมือนกัน”(ไม่ต้องไปจับผิดหรอกค่ะ ที่ฉันพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง แม้กระทั่งเรื่องท้องของฉันคุณก็รู้แล้วนี่คะ คืนพี่รามให้ฉันเถอะนะคะคุณนิด คุณยังสา