ความคิดแรกของมู่ชิงซาน ถึงอย่างไรก็ไม่อยากถอยทัพห่างจากกำแพงแคว้นหมิง ทว่าความอ่อนแอของทหารที่เขานำทัพสร้างความเครียดให้ชายหนุ่ม อีกทั้งสถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นทุกที ซึ่งดูเหมือนฟ้าดินกำลังลงโทษเขา ดังนั้นมู่ชิงซานจึงต้องออกคำสั่งลงไปเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจเหล่าทหารกลับคืน
ยามนี้ ศพทหารเกือบสามร้อยนายเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าแผ่นดินเล็กๆกำลังเปิดศึกกับแคว้นหมิง โดยใช้หมอตำแยชั่วร้ายวางยาพิษ ใช่...เขาต้องควานหาคนผู้นั้นให้ได้ และนำเลือดของมันมาล้างเท้าชดเชยความผิดที่มันก่อขึ้น
“อ๋องชิงซาน ข้าเกรงว่าตอนนี้ท่านก็ควรระวังชีวิตเอาไว้ด้วย เพราะหน่วยแพทย์ของเรายังมิอาจหาวิธีรักษาพิษดังกล่าว”
มู่ชิงซานได้ยินเข้าพลันตบโต๊ะเสียงดัง เขาไม่กลัวตาย แต่ตอนนี้ความอ่อนแอของทหารต้าหลางทำให้เขาอยากสั่งโบยพวกมันให้เนื้อแตกเพื่อเลิกคร่ำครวญหามารดา
“ใครป่วยก็ดูแล แต่ถ้าใครสำออยจงโยนมันลงหลุมแล้วฝังดินเสีย อย่าให้ข้าได้เห็นหน้าอีก ต้าหลางยิ่งใหญ่เกรียงไกร จะมาพ่ายแพ้ต่อไข้ป่าเช่นนี้ได้หรือ”
หยวนซางถอนหายใจออกมาหลายเฮือก เขาติดตามมู่ชิงซานมาหลายปีรู้ถึงความเลือดร้อนของอีกฝ่าย แต่ก็รักพวกพ้องยิ่ง หากยามนี้ดูเหมือนผู้เป็นนายมีบางสิ่งอยู่ในใจ ซึ่งมันกำลังส่งผลร้ายมากกว่าดี
“ท่านเองก็ห่วงจวิ้นอ๋องใช่หรือไม่”
“ฮึ คนอย่างข้าต้องใส่ใจเรื่องของหรูซื่อเยี่ยงนั้นหรือ”
“หามิได้ ข้าเพียงสังเกตว่าท่านอ๋องมีเรื่องกังวลใจ อีกทั้งสตรีที่ถูกส่งตัวมาปรนนิบัติท่าน ต่างบอกข้าว่า...”
ยังไม่ทันที่หยวนซางจะกล่าวจบ แท่นฝนหมึกก็ถูกเขวี้ยงหวิดถูกศีรษะของเขา
“ขืนยังแส่เรื่องข้า เจ้าจะไม่ใช่แค่หัวแตก ไสหัวไปให้ไกลๆ ก่อนข้าจะหมดความอดทน!”
หยวนซางพยักหน้าเข้าใจ เขารู้ว่ามู่ชิงซานมีความวิตกหลายสิ่ง และมันไม่ใช่แค่ที่น้องชายเขาเข้าไปในแคว้นหมิงเพื่อกระทำเรื่องเหลวไหลบางสิ่ง
บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ผู้มีกลิ่นอายสังหารแรงกล้าหงุดหงิดใจจนมิอาจอยู่นิ่งเฉย สาวงามที่ถูกคัดตัวมาให้ดูแลเขานั่งตัวสั่นอยู่ในกระโจม และอีกสองนางที่เตรียมอาหารให้ก็สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม้แต่รินสุราลงจอกยังไม่ได้เรื่อง
“เจ้าเป็นสตรีแคว้นหมิงใช่หรือไม่”
“ผู้น้อย เรียนตามตรงว่าถึงมาจากแคว้นหมิง แต่ไม่ได้รักแผ่นดินเกิดแม้แต่น้อย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่ชิงซานจึงหรี่ตามองสตรีที่กำลังก้มหน้าต่ำจนเกือบชิดโต๊ะไม้
“ไม่รักบ้านเกิด แล้วแสวงหาความรักจากที่ใด”
“ผะ...ผู้น้อยอยากรับใช้ต้าหลาง และการถูกส่งตัวมาที่นี่เพราะต้องการปรนนิบัติชินอ๋องชิงซานผู้ยิ่งใหญ่”
ชายหนุ่มหัวเราะชั่วร้ายและเอ่ยเสียงเหี้ยม
“ข้าให้โอกาสเจ้าเอ่ยใหม่อีกครั้ง จงกล่าวความจริง มิเช่นนั้นข้าจะให้ทหารแล่เนื้อเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น หรือไม่ก็จับเผาทั้งเป็น!”
สตรีนามว่าจางหลิงเวย นางเป็นลูกพ่อค้าเครื่องประดับที่ถูกส่งตัวมามอบความสุขให้แก่มู่ชิงซาน ถึงจะข่มกลั้นความกลัวลงได้ กระนั้นดวงตาสวยยังมีน้ำตาเอ่อคลอ
“ผู้น้อยรักตัวกลัวตาย แต่ไม่อยากให้ใครมาย่ำยีแผ่นดินเกิด!”
“สมกับเป็นสตรีงาม ฉลาดและกล้าหาญ คนเช่นเจ้ายังเก่งกาจกว่าอดีตหมิงอ๋องที่ต้องตายคาอกนางสนม!”
“ชินอ๋องจะพูดเช่นใดย่อมได้ เพราะคนตายย่อมไม่มีสิทธิ์แก้ตัว ทว่าพวกเราที่ถูกคัดเลือกมาล้วนสมัครใจทั้งสิ้น” หญิงคนเดิมที่แม้จะเป็นเพียงสามัญชน แต่นางเป็นถึงลูกคุณหนูสกุลใหญ่ อาจไม่ฉลาดเฉลียว หากคิดจะช่วยยืดชีวิตของแคว้นหมิง จึงยอมเดินทางมาในรถม้าเพื่อเป็นตัวแทนของฟ่านเยี่ยฉี เนื่องจากหากปล่อยฝ่ายนั้นมาด้วยตัวเอง ย่อมเท่ากับแคว้นหมิงยอมศิโรราบอย่างไร้ข้อต่อรอง
“พวกเจ้าช่างน่าสนใจเสียจริง ไหนๆ มาถึงที่นี่คงพร้อมอุ่นเตียงให้ข้าใช่หรือไม่” เมื่อเขาเอ่ยออกไปเช่นนั้น สตรีทั้งสามนางก็แทบเป็นลมหมดสติ
“ขอให้พวกผู้น้อยได้ชำระร่างกายก่อนเถิด” จางหลิงเวยเอ่ยเสียงเบา
“เฮ้อ เสียเวลาไปทำไม ร่วมรักเสร็จแล้ว ข้าจะเป็นคนจับพวกเจ้าโยนลงแม่น้ำเอง” เขากล่าวจบจึงลุกจากเก้าอี้ และสืบเท้าไปหาสตรีที่ยืนตัวสั่นห่างเขาออกไปเกือบหนึ่งช่วงตัว นางผู้นั้นพิศแล้วใบหน้างดงามมิน้อย แต่น้ำตาที่ไหลอาบแก้มทำให้ดูเหมือนแม่วัวที่กำลังจะถูกเชือด!
“ข้าไม่หล่อเหลาเหมือนบุรุษแคว้นหมิงหรืออย่างไร” เขาเอ่ยและเชยคางของนางขึ้น พลางมองเข้าไปในดวงตาที่เจือความเศร้าและตื่นตระหนก
“ได้โปรดเบามือกับนาง คุณหนูแซ่ถังผู้นี้ยังเยาว์วัย อีกทั้งมีความรู้หลากหลาย ทั้งโคลงกลอน นอกจากนั้นนางยังเล่นผีผาได้ดี” จางหลิงเวยซึ่งมีอายุมากที่สุดหาทางช่วยหญิงสาวสกุลถัง
เมื่อลืมตาอีกที ฟ่านรั่วเจี๋ยก็มาอยู่บนเตียงในห้องนอน ยามนั้นความรู้สึกหลากหลายเอ่อท่วมใจ ร่างที่กำลังเย้าหยอกกันส่งเสียงรบกวนนางคือตือเมี่ยวกับมู่ชิงซาน ภาพนั้นดูเหมือนเด็กที่สวมร่างผู้ใหญ่ หาใช่บุรุษที่นางดื่มด่ำและได้รับสัมผัสเร่าร้อนอย่างเช่นที่บ่อน้ำพุหญิงสาวสำรวจเนื้อตัวตน นางยังอยู่ในชุดเดิม เสื้อผ้าเปียกชื้น ซึ่งมู่ชิงซานก็มอมแมมมิต่างกัน เมื่อครู่นางไม่ได้สติเลอะเลือน ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง นางถูกเขาข่มเหง แต่มันเป็นการข่มเหงที่นางยินยอมพร้อมใจ ทว่าสตรีที่ไม่เคยผ่านมือชายและอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานาน จะให้นางประกาศออกไปได้หรือว่าถูกคนที่เป็นศัตรูทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ฟ่านรั่วเจี๋ยสูดลมหายใจลึกเข้าปอด นางต้องอดกลั้น ถึงจะแค้นใจแต่นางต้องเข้มแข็ง ด้วยทั้งหมดนี้ต้องโทษนางที่เผลอตัวเผลอใจให้มู่ชิงซานย่ำยี“ขะ...ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” นางถามเขาเสียงสั่น ใบหน้าแต้มสีแดงระเรื่อ ความขัดเขินและโกรธต่อบุรุษผู้นี้ยังมีอยู่มากล้นชายหนุ่มหันหน้ามามองนางและหัวเราะน้อยๆ“มารดาพาข้าขึ้นมา ท่านจำไม่ได้หรือ” เขาอธิบายแล้วหันกลับไปเล่นกับตือเมี่ยว แต่แรกฟ่านรั่วเจี๋ยอยากซักหลายอย่าง ทว่าพอมองเ
จุมพิตระหว่างชายหญิงลึกซึ้งถึงเพียงนี้แม่ทัพหนุ่มมองคนที่แช่อยู่ในบ่อน้ำพุ ซึ่งมองแล้วก็ทั้งขำทั้งรู้สึกเป็นห่วง “อาเจี๋ย ลงไปแช่น้ำด้วยเหตุใด”“ข้า...เหนียวตัวและเมื่อครู่รู้สึกแปลกๆ เลยอยากชำระร่างกาย” นางว่า แล้วจับที่ผ้าคลุมหน้าตนเอง ท่าทางเต็มไปด้วยพิรุธ ยามนั้นมู่ชิงซานเคลื่อนไหวร่างกาย และสิ่งที่ทักทายนางจากด้านหลังคือแท่งหยกร้อนๆ อันใหญ่โตของเขา ซึ่งมันกราดเกรี้ยวจนนางสะท้านไปทั้งร่างเมื่อความรัญจวนใจเกิดขึ้น นางจึงเผยอริมฝีปากแสดงอาการคล้ายคนกินอาหารร้อนและมีรสชาติจัดจ้าน“ท่าทางเจ้าดูประหลาด อยากให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใดหรือไม่” เกาเจียวหั่วถามอย่างสงสัย พลางมองคนที่ร่างกายไหวกระตุกน้อยๆหญิงสาวได้ยินดังนั้นก็ร้องลั่นห้ามเขา“มะ...ไม่! อย่าเข้ามานะ พะ...พี่หั่ว ท่านกลับไปก่อนดีหรือไม่ ขะ...ข้ารู้สึกเหมือนธาตุไฟกำลังจะเข้าแทรก โอ้…พี่หั่ว...มะ...ไหวแล้ว”ฟ่านรั่วเจี๋ยพยายามใช้มารยาหลอกล่อเกาเจียวหั่ว หญิงสาวปลดเสื้อตัวนอกออก เป็นตอนนั้นที่แม่ทัพหนุ่มรีบเบือนหน้าหนีอย่างเร็ว“อาเจี๋ย เจ้าไม่ใช่เด็กๆ เหมือนเมื่อก่อน และข้าเป็นบุรุษ ชายหญิงควรเห็นเนื้อตัวกันเยี่ยงนั้นหรือ” เขากล่า
เกาเจียวหั่วนำเครื่องประดับที่ได้มาจากตลาดหน้าชายแดนพร้อมผลไม้แห้งหลายชนิด ทั้งยังมีเขาสัตว์ โสม และของใช้ทั่วไป เขาตั้งใจนำมาฝากฟ่านรั่วเจี๋ย พร้อมอยากถามไถ่เรื่องที่นางมีโอกาสได้พบมู่หรูซื่อชายหนุ่มก้าวผ่านทหารยามด้านหน้าและต้องหงุดหงิดใจ ทหารทั้งสองคนที่มารับผิดชอบจุดนี้ยังเด็กอยู่มาก อีกทั้งไม่ได้อยู่ในระเบียบ เกาเจียวหั่วจึงอบรมอยู่นาน พอเขาก้าวเข้าไปด้านในตำหนักเย็นซึ่งตั้งอยู่อย่างสันโดษก็ต้องแปลกใจ ปกติถ้าไม่เห็นฟ่านรั่วเจี๋ยอยู่กับแปลงผัก นางก็มักนั่งดูฝูงเป็ดเล่นน้ำ หรือไม่ก็ซุกซนไล่ปล้ำตือเมี่ยว แต่วันนี้หญิงสาวปล่อยเจ้าหมูแคระอยู่เพียงลำพัง มันกำลังหาไส้เดือนกินหัวคิ้วเข้มๆ ของเขาขมวด สังหรณ์ใจกลัวนางจะได้รับอันตราย ชายหนุ่มก้าวยาวๆ เพื่อตามหาหญิงสาวพลางร้องเรียกไปด้วย กระทั่งหางตาเห็นชายเสื้อสีน้ำเงินเนื้อผ้าหยาบเคลื่อนไหวอย่างลับๆ ล่อๆ เขาจึงถีบพื้นขึ้นลอยตัวไปเพื่อดักอยู่ด้านหน้า ทว่าเสียงจากด้านหลังที่ร้องเรียกทำให้เขานึกฉงน“พี่หั่ว!”ฟ่านรั่วเจี๋ยเรียกชายหนุ่มเสียงดัง นางโผเข้ามาหาเขาแสดงความดีใจที่ได้พบหน้ากัน ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงทั้งสองข้าง มองนางด้วยความฉงน ก่อนเ
คืนนี้อากาศเย็นสบายชวนให้พักผ่อนแต่หัวค่ำที่สุด แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยยังนั่งเล่นเรื่อยเปื่อย โดยมีดวงตาคมๆ ของมู่ชิงซานมองนางอยู่“นี่ข้าต้องกล่อมเจ้าให้นอนและตบก้นด้วยหรือไม่”เขามองหน้านางพลางอมยิ้ม ในบางคราฟ่านรั่วเจี๋ยต้องประหลาดใจอยู่ครามครัน เขากลายเป็นเด็กน้อยไม่รู้ความจริงหรือไม่ เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงได้ดูน่ากลัวและชวนหลงใหลในคราเดียวกัน และถ้าหากทั้งหมดนี้เขาแสร้งทำเพื่อแผนการบางอย่าง จะเป็นนางหรือไม่ที่เสียรู้ให้บุตรมังกรแห่งต้าหลางมือใหญ่ๆ ตบฟูกนอนเสียงดังเรียกให้นางปีนขึ้นไปอยู่บนเตียงด้วยกันทว่าแต่ไหนแต่ไรหลังจากมารดาสิ้นชีวิต ตำหนักนี้ก็ไม่ใคร่ได้รับความสนใจนานๆ ถึงจะได้ต้อนรับแขก ดังนั้นข้าวของเครื่องใช้จึงมีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะเตียงหลังนี้ มันเล็กเกินกว่าที่หญิงชายจะนอนร่วมกัน“ง่วง ข้าง่วง” มู่ชิงซานเอ่ยและตบฟูกอย่างเร่งเร้า เป็นการเชิญชวนให้นางไปร่วมเตียงกับเขา“เหลวไหล ข้าเป็นมารดาเจ้า นอนเคียงกันนับว่าเป็นการลบหลู่!”นางว่าไปอย่างนั้น หากมิวายมองร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดแข้งเหยียดขายาวๆ ด้วยท่าทางเกียจคร้าน แต่ก็ชวนให้มองอย่างมีเสน่ห์“มารดา...ร้องเพลงให้ข้าฟัง”มู่ชิง
มารดาเจ้าเถอะเป็ดน้อยชิงซาน!!“มารดาเจ้าเถอะเป็ดน้อยชิงซาน!”ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยอย่างนั้น แต่เสียงของนางไม่ได้หลุดรอดจากริมฝีปากอิ่มสวย ยามนี้เรือนกายแกร่งส่งความอุ่นทาบทับร่างนาง ส่วนที่มันควรจะแข็งก็ส่งความร้อนนาบอยู่ในจุดซึ่งส่งผลให้นางซาบซ่านยามนั้นความหวามไหวไหลท่วมท้นทั่วร่าง ท้องน้อยนางเกิดความรัญจวนใจ สัมผัสเช่นนี้หรือที่หญิงชายพึงมีต่อกันนางถวิลหารสชาติเช่นนี้เสมอมา ซึ่งตอนนี้เหมือนตกอยู่ในอำนาจล่อลวงของบุตรมังกร ดวงตาคมกริบของมู่ชิงซานที่มองนางหาได้เจือความต่ำช้าน่ารังเกียจ หากเต็มไปด้วยประกายสดใสราวเด็กเล็กๆ ไร้เดียงสา แต่กลับเป็นนางที่มิอาจหักห้ามใจ“สวย สวยเหลือเกิน...”เสียงนั้นฟังแล้วชวนให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ นิ้วยาวใหญ่สัมผัสหน้าผากเนียน เขาค่อยๆ ลูบไล้ช้าๆ ปลายนิ้วส่งกระแสความอุ่นซ่านถึงฟ่านรั่ว-เจี๋ยดวงตากลมโตปิดลง นางเคลิ้มไหวต่อสัมผัสมู่ชิงซานเขาลูบไล้หัวคิ้วและเลื่อนลงทีละนิด กระทั่งหยุดบนเปลือกตาหัวใจนางเต้นรุนแรง ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันเป็นเรื่องผิดบาปหรือไม่ หากนางจะนอนนิ่งๆ แล้วปล่อยให้ชายหนุ่มเย้าหยอกสัมผัสผิวกายนางด้วยนิ้วยาวใหญ่ของเขา“ข
ฟ่านรั่วเจี๋ยทำตาพองใส่คนตัวโตแล้วส่งเสียงตอบกลับ“ได้ เดี๋ยวข้าจะทำข้าวต้มหมูผสมยาพิษให้กินเป็นอย่างไร”นางเอ่ยออกไปอย่างนั้น แต่พอมองเขาแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เวรกรรมอันใดหนอถึงทำให้มู่ชิงซานเป็นเช่นนี้ ทว่าพอคิดให้ถ้วนถี่ย่อมเป็นการดี หากนางซ่อนตัวเขาไว้ที่นี่ ทหารต้าหลางย่อมขาดผู้นำทัพ มิช้าพวกมันคงถอยทัพกลับ และเมื่อไร้แม่ทัพที่เก่งกาจ ต้าหลางคงเหมือนเสือที่ไม่มีเขี้ยวเล็บ เช่นนี้แคว้นหมิงคงสงบไปได้อีกหลายปี แน่นอนว่าฮ่องเต้น้อยจะได้นั่งบัลลังก์เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจต่อบ้านเมือง และหากต้าหลางยกทัพมาอีกหนพวกมันก็มิอาจทำลายแคว้นหมิงได้ง่าย ความคิดนางอาจตื้นเขิน แต่ก็ช่วยยืดลมหายใจของนางและชาวเมืองได้“ฮ่าๆ ข้าจะขังท่านไว้ที่นี่ อยู่เป็นเพื่อนอาเมี่ยว คอยช่วยข้าเก็บไข่ไก่เลี้ยงเป็ด ปลูกผัก รู้เช่นนี้นึกกลัวหรือไม่”ชายหนุ่มทำตาปริบๆ ประหนึ่งไม่เข้าใจสิ่งที่นางข่มขู่จากนั้นเขาก็ลูบหน้าท้องแกร่งของตน ทั้งที่ท่าทางดังกล่าวไม่ได้ชวนน่าพิศวาส แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยกลับคิดไปไกล นิ้วยาวๆ ของเขายามสัมผัสเรือนกายกำยำมันชวนให้สยิว และเขายังลูบไล้ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงแพขนสีดำนุ่มนิ่มซึ่งเรียงสวยตรงหน้