บุรุษรูปงามที่ข้าจับตัวได้
ฟ่านรั่วเจี๋ยกลับมายังตำหนักของตน เสียงเป็ดที่ร้องต้อนรับทำให้นางรู้สึกปลอดภัย จากนั้นนางจึงเปลื้องผ้าแล้วก้าวลงไปยังบ่อน้ำพุซึ่งก่อนหน้านี้ได้แช่สมุนไพรลับเอาไว้ อีกทั้งใต้บ่อน้ำพุแห่งนี้มีหินวิเศษและแร่ธาตุซึ่งช่วยทำให้ผ่อนคลาย แต่เหนืออื่นใดคือมันมีสรรพคุณช่วยทำให้ความอัปลักษณ์ของนางหายไป!
นางหลับตาพริ้ม รู้สึกถึงความผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ขัดเนื้อขัดตัวกระทั่งรู้สึกสบายเนื้อตัวและหายปวดเมื่อยตามร่างกายก็ลุกออกจากบ่อน้ำพุ แล้วสวมใส่เสื้อผ้าในชุดสีเข้มๆ ประหนึ่งเป็นผู้ถือศีลกินเจ นางตรงไปยังกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ห่างออกไปเพื่อพบคนผู้หนึ่ง
เสียงกระแอมไอดังลอดมาจากด้านใน นางจึงรู้ว่าเชลยที่นางได้พบเห็นตรงหน้าปากถ้ำฟื้นแล้ว
ร่างทรงเสน่ห์ก้าวไปมองบุรุษที่นอนอยู่ใกล้ๆ กองฟืน นางมัดผ้าปิดตาเขาไว้ และยังฝังเข็มเพื่อไม่ให้เขาเคลื่อนไหวร่างกายได้
“แม่นาง เป็นแม่นางผู้นั้นใช่หรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ท่าทางเขาดูเหมือนจะมีเรี่ยวแรงกว่าเดิม บาดแผลต่างๆ ก็มีเพียงภายนอก ซึ่งมิอาจส่งผลต่อชีวิต
“เหตุใดถึงไม่ตอบข้า” เขาถาม น้ำเสียงดูร้อนรน
ฟ่านรั่วเจี๋ยหัวเราะน้อยๆ นับว่าเขาไม่ใช่ชายขี้โรคและอ่อนด้อยเรื่องจำแนกกลิ่น กระนั้นเมื่อมองเขาแล้ว ยอมรับว่าชายผู้นี้จะเป็นหมากสำคัญให้นางได้ส่งเขาไปทำร้ายมู่ชิงซาน ทว่านางยังมิอาจเชื่อใจเขาได้ เพราะการที่ชายสูงศักดิ์จากต้าหลางมาปรากฏตัวให้นางเห็นง่ายๆ นั้นดูมีลับลมคมในเหลือเกิน อีกทั้งเขารอดพ้นสายตาเหล่าทหารและองครักษ์ของวังหลวงมาได้เยี่ยงไร
ฟ่านรั่วเจี๋ยก้าวไปใกล้ๆ เขาและมองอย่างพินิจ กลิ่นกายนางกับกลิ่นเรือนผมหอมทำให้จมูกโด่งสวยขยุกขยิกเล็กน้อย
“หยกของข้าถึงมือเขาหรือไม่”
“ท่านเชื่อมือของข้าเพียงใด ถึงได้ฝากมันไว้กับสตรีอ่อนแอ” นางถามก่อนช่วยพยุงเขาให้นั่ง พลางพิศรูปร่างสูงเพรียว และต้องระมัดระวังตัวกว่าเดิม เขาไม่ใช่คนผอมบางเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ได้มีกล้ามเนื้อแกร่งสมชายชาติทหาร กระนั้นก็สง่าผ่าเผย เหมือนบัณฑิตหนุ่มผู้ทรงภูมิ ชายรูปงามเช่นนี้คงทำให้สตรีทั่วหล้าหลงใหลได้มิยาก
“เพราะข้าล่วงรู้ว่าเจ้าคือผู้ใด!”
ฟ่านรั่วเจี๋ยนิ่งค้างเมื่อได้ยินเขาเอ่ย แต่นางยังใจเย็นไม่ผลีผลามแสดงพิรุธใดๆ ให้เขาจับผิด
“ท่านหมายถึง” หญิงสาวถามพร้อมระมัดระวังตัว
“สตรีแห่งตำหนักเย็น...หญิงสาวผู้ที่ทั้งแผ่นดินยากจะลืม แต่นางกลับทำตัวเป็นกองโจรลับๆ ของแม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นหมิง”
“ท่านกล่าวเหลวไหลอันใด ข้าไม่เห็นแจ้งแก่ใจในเรื่องนี้”
ฟ่านรั่วเจี๋ยกล่าว และล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อของตน นางคิดใช้เข็มเงินปักเข้าที่จุดสำคัญของเขาเพื่อให้ชายผู้นี้สลบไปอีกหน จากนั้นจึงจะป้อนยาทำให้สติเขาเลอะเลือน
“เจ้ารู้ดีแก่ใจ ความลับของเจ้าผู้คนอาจมองไม่เห็น แต่ข้าโชคดีที่เกิดมาหูตากว้างไกล” เขาว่าแล้วจึงพยายามขยับตัว หมายมั่นจะจับข้อมือนางและคาดคั้นเอาคำตอบที่อุตส่าห์เสี่ยงภัยมาถึงที่นี่ ทว่าร่างกายกลับไม่สามารถกระทำตามใจนึก
“ตาของท่านถูกปิดอยู่ ร่างกายก็เคลื่อนไหวไม่ได้ หรือหวังอยากให้ข้าส่งเสริมให้ท่านตายไวๆ กว่านี้”
“แม่นางฟ่าน...เจ้ากำลังขู่ข้า”
“ขออภัย จวิ้นอ๋องหรูซื่อ เราต่างรู้ฐานะของกันและกัน”
ชายหนุ่มเย็นวาบไปทั้งใจ เขาไม่ได้ปกปิดฐานะของตนก็จริง ดังนั้นนางย่อมล่วงรู้จากหยกที่มอบให้นางเป็นธุระนำไปส่งให้แก่พี่ชาย
“ท่านต้องการสิ่งใดกันแน่ นอกจากให้ข้านำหยกไปให้อ๋องชิงซาน ยังมีเล่ห์กลใดอีก!” นางกล่าวแล้วจึงใช้เข็มเงินในมือแตะแก้มของเขา ก่อนค่อยๆ เลื่อนไปยังริมฝีปากบางซึ่งยามนี้ดูซีดเซียวเล็กน้อย
“ยารักษาโรคประหลาดของเจ้า จงมอบมันให้แก่ข้า รวมถึงคัมภีร์ทิพย์-โอสถของมารดาเจ้า ทั้งหมดเจ้าเป็นผู้เก็บเอาไว้ใช่หรือไม่”
“ด้วยเหตุผลนี้ท่านจึงแกล้งมาเป็นลมต่อหน้าข้า เพื่อยืมมือหวังส่งตัวข้าไปให้แก่อ๋องปีศาจ ขโมยของล้ำค่า จากนั้นเขาจะได้ตัดหัวข้าใช่หรือไม่”นางเรียงลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อบอกให้เขารู้ว่านางทันเล่ห์เหลี่ยมมู่หรูซื่อ
“นับว่าแม่นางเป็นผู้มีความรู้แจ้ง สมกับเป็นหมอตำแยแห่งตำหนักเย็น” เขากล่าวและยกยิ้มที่มุมปาก ใบหน้าเขาคล้ายมู่ชิงซานหลายส่วน และถึงพยายามทำให้ตนเองดูน่ากลัวอย่างเช่นพี่ชาย แต่มู่หรูซื่อก็มิอาจเทียบเคียงอีกฝ่ายได้
“แต่เสียใจด้วยที่ท่านดูถูกความสามารถข้าต่ำเกินไป สตรีผู้นี้อาจไร้วาสนา แต่ไม่ได้งอมืองอเท้าให้เดินตามโชคชะตา เพราะข้าตั้งใจกำหนดชีวิตตนเอง” นางกล่าวจบจึงแทงเข็มเงินเข้าที่ใบหูข้างหนึ่งของเขา ความเจ็บคล้ายมดกัดแล่นทั่วร่าง มู่หรูซื่อร้องเสียงดังด้วยความทรมาน แต่ความเจ็บปวดเกิดขึ้นเพียงชั่วอึดใจ ต่อมาร่างกายเขาจึงค่อยๆ ชาทีละส่วน แขนขาก็หนักอึ้งกว่าเดิม
“ป่านนี้ทหารเลวของต้าหลางคงกำลังขวัญเสีย ข้าคิดว่าหากส่งนิ้วสวยๆ ของท่านไปกำนัลแก่พี่ชายสักหน่อย คงจะทำให้เขาตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น”
“จะ...เจ้า อย่าได้คิดกระทำเช่นนั้น”
“เป็นท่านที่บังคับข้า แต่แรกข้าอยากไว้ชีวิต ทว่าชาวต้าหลางล้วนหน้าซื่อใจคด สมควรแล้วที่ต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสม” นางว่าเสียงเหี้ยมทำให้เหงื่อผุดขึ้นท่วมกายมู่หรูซื่อ
“ขะ...ข้าพยายามให้ทั้งสองฝ่ายยุติข้อบาดหมาง หากเจ้ามอบยาถอนพิษพร้อมคัมภีร์ทิพย์โอสถให้ข้า ย่อมมีไมตรีแนบแน่นฉันมิตรดังเดิม”
“หึๆ หน้าไม่อาย ท่านพูดเห็นแก่ได้ บุรุษเช่นนี้ยังน่าเคารพอีกหรือ”
“แม่นางฟังข้าก่อน ถึงเจ้าทำร้ายข้าจนตายก็ไม่มีประโยชน์ อย่างไรพี่รองก็จะบุกเข้ามาแล้วจัดการทุกคนอยู่ดี ยกเว้นเสียแต่ทำตามที่ข้าบอก”
“แต่ท่านสร้างเรื่องลวงข้าเพื่อให้ไปพบชินอ๋อง ดังนั้นลมหายใจของท่านนับแต่นี้ไปย่อมเป็นของข้า”
มู่หรูซื่อนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนกล่าวอย่างขอร้องว่า
“แม่นาง หากข้าต้องอับโชคและจบชีวิตลง ชาตินี้ก็ขอได้ยลโฉมสตรีลึกลับที่อยู่ในตำหนักเย็นแห่งแคว้นหมิงด้วยเถิด”
“จุดประสงค์ของท่านมีสิ่งใดแอบแฝงหรือไม่จวิ้นอ๋อง”
เขาไม่ตอบ แต่กลับยิ้ม รอยยิ้มซีดเซียวดูเหมือนคนหมดสิ้นพลังใจเห็นแล้วฟ่านรั่วเจี๋ยอดสงสารมิได้ ทว่านางย่อมต้องใจแข็ง ด้วยที่ผ่านมาชาวต้าหลางล้วนกระทำต่อมารดานางอย่างโหดเหี้ยม!!
“ผู้ที่ได้เห็นใบหน้าข้าล้วนต้องโชคร้าย ชีวิตต้องพบกับความอัปมงคล”
“ข้าไม่เชื่อข่าวลือ”
“เลื่อมใส ฟ่านรั่วเจี๋ยนับถือความกล้าหาญนั้น!”
ฟ่านรั่วเจี๋ยหันไปมองกล่องไม้ที่ถือติดตัวมาด้วย แล้วจัดการบางอย่างกับใบหน้าตนอย่างเร่งด่วน จากนั้นก็ดึงผ้าปิดตาเขาออก ซึ่งภาพที่ดวงตาเรียวคู่งามของมู่หรูซื่อประจักษ์คือใบหน้าของหญิงสาวที่ทำให้เขาแทบสิ้นสติ!!
“นางงูพิษ!” ฟ่านเยี่ยฉีจ้องบ่าวชั้นต่ำเขม็ง ก่อนหน้านี้พยายามซื้อตัวจางฉีให้มาเป็นพวกเดียวกัน และคิดว่ากระทำได้สำเร็จ สุดท้ายกลับไม่เป็นไปอย่างที่หวังจางฉียิ้มเยาะอีกฝ่าย ตอบว่า “องค์หญิงใหญ่ อ่อ...ไม่ใช่สิ ตอนนี้ท่านคงเป็นได้แค่กบฏไร้แผ่นดิน เมื่อก่อนข้าเป็นคนอับจนปัญญาอยู่มาก จึงกระทำความผิดต่อฮูหยินในค่ายทหารแคว้นหมิง ด้วยปล่อยให้คนของท่านที่ปลอมเป็นสิบสองเผ่าคนเถื่อนมาจับนางไป ตัวข้าสำนึกผิดในสิ่งที่ทำจนอยากฆ่าตัวตาย แต่ชินอ๋องให้โอกาสข้าแก้ตัวใหม่ ข้าจึงบอกกับตนเองว่าชาตินี้จะจงรักภักดีต่อฮูหยินและชินอ๋อง แม้ตายไปกลายเป็นผีก็จะอยู่รับใช้” ฟ่านเยี่ยฉีถลึงตาใส่จางฉี ก่อนกล่าวด้วยเสียงแหลมสูง“หึๆ หากรั่วเจี๋ยรู้ว่าเจ้าเคยวางยานางในกระโจมที่ค่ายทหาร ฮูหยินที่แสนดียังจะปล่อยให้นกสองหัวเช่นเจ้ามีชีวิตรอดอีกรึ”“ขะ...ข้าย่อมไม่ต้องการให้ฮูหยินยกโทษให้ เพียงแต่ข้าจะไม่ยอมทำผิดเป็นหนที่สอง ข้าอยากเป็นคนดี ไม่เหมือนเจ้าที่จิตใจสกปรก แม้แต่คนในสายเลือดเดียวกันยังคิดฆ่าให้ตาย” จางฉีเอ่ยแล้วนางก็โล่งใจ เรื่องทั้งหมดนางไม่เคยบอกฟ่านรั่วเจี๋ย แม้กระทั่งจางหมิ่นว่านางคือคนที่วางยาในกระโจมจนทำ
“ฮิๆ มีแต่พวกอ่อนด้อยและปวกเปียกราวกับเด็กน้อย”สิ่งที่หญิงหลังค่อมกล่าวย่อมไม่ผิด ก่อนหน้านี้นางได้วางยาพวกเขาในอาหาร ด้วยการหลอกใช้จางฉี ดังนั้นเมื่อองครักษ์ใช้กำลังภายใน พวกเขาจึงถูกพิษแทรกซึมเข้าสู่ร่างไม่ต่างจากจางหมิ่น“ตายเสียให้หมดทุกคน ชาวต้าหลางหน้าโง่!”หมอตำแยเผยธาตุแท้ให้เห็น นางกลายเป็นคนร้ายเต็มตัว และยังแสยะยิ้มน่าเกลียดอวดผู้อื่นฟ่านรั่วเจี๋ยแข็งใจฮึดสู้ รวบรวมแรงของตน นางล้วงเข้าไปในสาบเสื้อได้ยาลูกกลอนเม็ดสีเข้มมีกลิ่นรุนแรงคล้ายซากศพ ก่อนส่งให้จางหมิ่นเอาใส่ปาก จากนั้นจึงหยิบเข็มเงินของตนเล่มหนึ่งที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลาปักเข้าบริเวณหลังใบหูจางหมิ่น“ฮูหยิน ห่วงตัวท่านเถิด บ่าวไม่เป็นอะไร” จางหมิ่นเอ่ยจบนางก็ไอติดๆ กัน ก่อนมีเลือดพิษสีดำข้นคลั่กถูกขับออกมาจากทางปากกองใหญ่“จางหมิ่น ข้าหาใช่คนเห็นแก่ตัว เจ้ากำลังจะสิ้นใจตรงหน้าข้าเช่นนี้จะเพิกเฉยได้หรือ” นางเอ่ยจบ จึงขยับตัวเพื่อหลบภัยหากเกิดการปะทะรุนแรงหยวนซางก้าวมาพร้อมองค์รักษ์ที่เหลือ เขาตั้งใจจับหญิงหลังค่อมซึ่งกลายเป็นนางมารร้ายแต่แรกหยวนซางสงสัยอีกฝ่าย ทว่าเขาไม่ได้มีทางเลือกอื่น จึงยอมให้นางแฝงตัวเข้ามาอย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จางหมิ่นหาได้มีอาการตระหนก นางเคยช่วยมารดาคลอดน้องชายและน้องสาว รวมถึงยามติดตามกองทัพมักเกิดเหตุไม่คาดฝัน พบเจอสตรีที่คลอดบุตรหรือวัวคลอดลูกจนเกือบต้องเสียชีวิตทั้งแม่และลูกก็หลายหน ดังนั้นเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้นางนิ่ง จึงช่วยให้ฟ่านรั่วเจี๋ยสบายใจ ไม่ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ“ฮูหยิน ข้าอยู่ตรงนี้ ท่านอย่าได้เป็นกังวล”จางหมิ่นเอ่ยจบก็ส่งสัญญาณให้จางฉีและหมอตำแย ในขณะที่หมอตำแยได้ยินเช่นนั้น นางกุลีกุจอเข้ามาใกล้ๆ ฟ่านรั่วเจี๋ย เป็นคนท้องที่ต้องกลั้นหายใจเมื่อได้กลิ่นฉุนจัดจากร่างกายอีกฝ่าย กลิ่นดังกล่าวสร้างความกดดันแก่ฟ่านรั่วเจี๋ยจนมีอาการคล้ายจะวูบหลับและหมดสติ“เหตุใดแม่หมอท่านนี้ถึงมีกลิ่นประหลาดจนข้ารู้สึกหายใจไม่สะดวก”หมอตำแยเงยหน้ามองฟ่านรั่วเจี๋ย ดวงตานางบัดนี้ฉายความเย็นเยียบชัดแจ้ง และกล่าวเสียงติดๆ ขัดๆ จนคนฟังรู้สึกรำคาญ“ขะ...ข้าพะ...พกยาสมุนพะ...ไพรตำรับของต้นตระกูลมาด้วย ทะ...ท่านไม่ต้องหะ...ห่วง มันจะช่วยให้ท่านคลอดดะ...ได้ง่าย โปรดวางใจ”“แต่ข้ารู้สึกปวดศีรษะ” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยเสียงห้วนกระด้างพร้อมบีบมือจางหมิ่น แรงบีบของนางส่งผลให้จางหมิ่นเจ็บจนใบ
กระทั่งช่วงหัวค่ำ หมอตำแยกับจางฉียังไม่กลับมา เป็นยามนั้นที่ฟ่านรั่วเจี๋ยอดทนไม่ไหว นางหวีดเสียงดังลั่นและเหงื่อแตกท่วมร่างหยวนซางเดินวนไปมารอบๆ ปากถ้ำ เขาส่งคนออกไปตามหมอตำแยและจางฉี ซึ่งสิ่งที่ทราบในเวลาต่อมาทำให้เขาตกใจ“พอท่านป้าเข้าไปในบ้านหลังนั้นก็มีควันขึ้น และเสียงดังเหมือน...เอ่อ ปืนใหญ่”“ระเบิดเยี่ยงนั้นรึ” หยวนซางไม่คาดคิดว่าหมอตำแยจะมีศัตรูที่ไหน“ใช่แล้วกุนซือหยวนซาง” จางฉีเอ่ยจบสีหน้านางก็ซีดสลด นางคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องน่ากลัว ตอนแรกยืนพูดคุยกับหลานของหมอตำแยที่เป็นหนุ่มน้อย พอเกิดเหตุร้ายขึ้นเหล่าองครักษ์ก็ได้สั่งให้นางระวังตัว“ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นที่แม่น้ำมีสาวๆ มาซักผ้า บ้างก็ตักน้ำกลับบ้าน ข้าสงสัยอยู่หรอก แต่ไม่ได้สังเกตสิ่งใดเป็นพิเศษ ส่วนองครักษ์ที่ตามไป พวกเขาช่วยสาวชาวบ้านขนน้ำและพูดคุยกันตามประสาคนหนุ่มคนสาว”“เรื่องนี้มีเงื่อนงำน่าสงสัย อย่างไรเราต้องระวังตัว” หยวนซางกล่าวเสียงขรึมจากนั้นหยวนซางจึงฟังรายงานจากองครักษ์ซึ่งเข้าไปตรวจสอบระเบิดและพบว่าหมอตำแยเสียชีวิตพร้อมสามีของนาง กระนั้นยังโชคดีที่หมู่บ้านนี้มีหมอตำแยอีกคนที่เพิ่งเดินทาง
มิได้เป็นเพียงมารดาฟ่านรั่วเจี๋ยไม่อยากให้คนในหมู่บ้านเล็กๆ ที่นางมาอาศัยต้องรับเคราะห์กรรมไปกับนาง หากคนที่ปองร้ายรู้ว่านางหลบอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้อาจมีผู้บริสุทธิ์ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นนางจึงแข็งใจหลบไปอยู่หุบเขาที่มีชื่อว่าเผิงกวน ซึ่งด้านในมีถ้ำลึกและกว้าง อากาศก็ปลอดโปร่งเย็นสบายหุบเขาเผิงกวนอยู่ห่างออกไปราวๆ ห้าลี้ โดยจางหมิ่นพบสถานที่แห่งนี้ในตอนที่นางออกตามหาตือเมี่ยว ถึงแม้ถ้ำที่หุบเขาจะไม่สะดวกสบายเช่นจวนชินอ๋อง แต่ก็เป็นสถานที่ซึ่งนับว่าปลอดภัยมาก อีกอย่างด้านนอกเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกและลำธารใส พร้อมบ่อน้ำพุร้อนอยู่เหนือขึ้นไปเมื่อฟ่านรั่วเจี๋ยคิดอย่างถ้วนถี่ นางคาดว่าสามารถคลอดลูกที่นี่ได้ จวบจนร่างกายแข็งแรงจึงจะออกเดินทางไปยังเมืองฝูหนานตามที่มู่ชิงซานวางแผนไว้“พบอาเมี่ยวหรือไม่” ฟ่านรั่วเจี๋ยถามหยวนซาง แต่เขายังไม่มีความคืบหน้าอะไร จึงเพียงแต่ยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับมา“กุนซือหยวนซางไม่ต้องกังวล อาเมี่ยวเป็นหมูที่ฉลาด คงพลัดหลงไปไม่ไกล อย่างไรข้าฝากให้ตามหามันด้วย แต่ทั้งหมดนี้คงขึ้นอยู่กับฟ้าดิน หากได้พบกันอีกย่อมนับว่ายังมีวาสนาต่อกัน”“อาซ้อ…เชื่อข้าเถิ
“หรูซื่อ ดูเหมือนว่าวันนี้คนที่ต้องคุกเข่าให้แก่เด็กน้อยเช่นข้าย่อมต้องเป็นเจ้า”เมื่อเอ่ยจบ ทหารของเกาเจียวหั่วจึงกระจายกำลังโอบล้อมคนของมู่หรูซื่อ“ถ้ายังอยากมีศีรษะอยู่บนหัว จงปล่อยหมิงอ๋องเสีย” แม่ทัพเกาแจ้งความประสงค์“อยากได้ตัวเขาก็จงก้าวเข้ามา อย่ามัวแต่ร้องเสียงดังน่ารำคาญ”“จวิ้นอ๋อง ท่านรู้หรือไม่ ลูกดอกที่ข้ายิงออกไปเมื่อครู่มันอาบยาพิษและยาพิษนั้นเป็นสิ่งสกปรกอยู่สักหน่อย”ได้ยินเช่นนั้นมู่หรูซื่อจึงครั่นคร้ามใจ เขาไม่คิดว่าตนจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ถูกลอบกัดยังไม่พอ เกาเจียวหั่วยังกล้าข่มขู่เขาด้วยความประสงค์ร้าย“แคว้นหมิงมีแม่ทัพขี้ขลาดเช่นนี้ด้วยรึ ถึงขั้นใช้อาวุธต่ำช้าโจมตีผู้อื่น”“ฮ่าๆ เกรงว่าทั้งหมดนี้ข้าทำด้วยตัวข้าเอง มิเกี่ยวกับกองทัพ และลูกธนูนั้นข้าตั้งใจมอบให้แก่จวิ้นอ๋องเป็นพิเศษ เพื่อตอบแทนที่ท่านกล้าคิดทำร้ายแคว้นหมิง ทั้งที่พวกเราให้เกียรติท่านเสมอมา!” เกาเจียวหั่วเอ่ยจบก็หมายเข้าไปประชิดตัวมู่หรูซื่อ แต่เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่บุรุษรูปงามคิดแผนหนีเอาตัวรอด ระเบิดควันจากมือสังหารจึงทำงานทันทีแม่ทัพหนุ่มหัวเสียหนัก และรีบสั่งคนให้ออกติดตามอีกฝ่ายเพื่อช่ว