ฟ่านรั่วเจี๋ยไม่ได้คิดว่านางจะต้องกระทำเรื่องน่ากลัวเช่นนี้มาก่อนแต่เกาเจียวหั่วได้พบร่างของทหารต้าหลาง และคนผู้นั้นได้รับพิษประหลาดพิษซึ่งดูเหมือนจะมีต้นตอมาจากตำหนักเย็นที่นางอาศัยอยู่
“อาเจี๋ย เจ้ากระทำเรื่องใหญ่เกินตัว เช่นนี้หัวอาจหลุดออกจากบ่า!”
“พี่หั่ว ข้าอยากบอกให้ท่านรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นหาใช่ฝีมือสตรีผู้นี้ มีคนต้องการใส่ความข้า อีกอย่างพิษดังกล่าวคล้ายคนเป็นไข้หวัด ทว่ามันอันตรายถึงแก่ชีวิต ติดต่อทางการสัมผัสและไอจาม นี่คงเป็นเหตุให้ทหารต้าหลางล้มป่วยลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรเราต้องป้องกันคนของเราด้วย มิเช่นนั้นอาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่”
“พี่เข้าใจ” เกาเจียวหั่วพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามต่อ
“แล้วบุรุษที่เจ้าจับตัวไว้จะทำเช่นใดต่อ”
“ชายผู้นี้ควรเป็นผู้นำทัพแทนพี่ชายเขา ส่วนมู่ชิงซานอ๋องปีศาจ หากหายสาบสูญไปได้ แผ่นดินนี้ย่อมเป็นสุข”
“เฮ้อ เจ้ากำลังกล่าวเรื่องตลกอันใดอาเจี๋ย”
“ฮึๆ เดี๋ยวพี่หั่วก็รู้ หากคาดการณ์มิผิด ตอนนี้บุรุษแซ่มู่คงกำลังคลั่งเหมือนหมาบ้า ด้วยกองทัพระส่ำระสาย และน้องชายยังตกอยู่ในมือผู้อื่น”
“เจ้านี่มัน!” เกาเจียวหั่วยื่นมือหมายจะขยี้ผมเส้นเล็กดำละเอียดบนศีรษะของฟ่านรั่วเจี๋ย แต่พอนางขึงตาใส่ เขาจึงแสร้งทำเป็นกลัวเกินจริง
“ขืนทำร้ายข้า เดี๋ยวจะกัดพี่หั่วให้จมเขี้ยวเลย”
“ฮ่าๆ อาเจี๋ย ไม่ต้องกัดข้าหรอก เพียงแค่พ่นลมหายใจออกมา ข้าคงสลบไปหลายชั่วยาม” เขาเย้าแหย่นางและมองผ้าปิดจมูกซึ่งปักลายดอกโบตั๋น พิศอยู่นานก่อนหัวเราะเสียงรื่นเริง
“พี่ไม่รู้ว่ามันเป็นความโชคร้ายหรือโชคดีของเจ้าที่เกิดมาพร้อมสิ่งติดตัวแปลกประหลาดเช่นนี้” เขาหมายถึงจมูกของนาง เขาเคยเห็นไม่กี่ครั้งแต่กระนั้นก็ยังอดแขยงไม่ได้
หญิงสาวมองแม่ทัพหนุ่มตรงหน้าแล้วทำเสียงฮึ่มๆ ใส่เขา
“ฮึ ข้าให้พี่หั่วกล่าวใหม่อีกหน”
“สตรีที่ไหนชอบข่มเหงบุรุษ ข้ามิใช่เพื่อนเล่นเจ้าเสียด้วย อีกทั้งเป็นถึงแม่ทัพไร้พ่ายของแคว้นหมิง”
“แต่ข้ามิเกรงกลัวพี่สักนิด ก้นดำๆ ก็เคยเห็นมาแล้ว มิหนำซ้ำสมัยก่อนยังชอบไหว้วานให้ข้าส่งของไปบอกรักองค์หญิงใหญ่”
“อย่าได้เอ่ยเรื่องเหลวไหลเช่นนั้น สิ่งที่เจ้ากล่าวอาจทำให้องค์หญิงเยี่ยฉีเสื่อมเสียเกียรติ” เกาเจียวหั่วเปลี่ยนอารมณ์เป็นขึงขังเมื่อฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยถึงหญิงสาวที่เขามีใจให้ แต่นางเป็นพี่สาวหมิงอ๋อง และดำรงตำแหน่งกงจู่ ชาตินี้เขาจึงมิอาจเอื้อมที่จะดึงนางลงมาเป็นคู่ชีวิต
“เฮอะ อย่างไรเสียพี่หั่วก็ทำได้แค่มององค์หญิงใหญ่ห่างๆ ถ้าไม่รีบแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ นางอาจตกเป็นของอ๋องอำมหิตจากต้าหลาง”
“ไม่มีทาง พี่จะไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น” ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ทำท่าฮึดฮัด แล้วเตรียมก้าวจากฟ่านรั่วเจี๋ย ทว่าเขาฉุกคิดถึงบางสิ่งได้เสียก่อน
“อาเจี๋ย ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ พี่ยังไม่ได้พบบุรุษที่เจ้าจับตัวมา ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด”
ฟ่านรั่วเจี๋ยยิ้มด้วยดวงตา นางกล่าวชวนให้อีกฝ่ายขนลุกว่า
“บุรุษโฉมงามผู้นั้นกำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง ป่านนี้คงใกล้ถึงที่หมาย แต่น่าเสียดายตรงที่นับแต่ก้าวขาออกจากตำหนักเย็น เขาก็ไม่ใช่จวิ้นอ๋องหรูซื่อคนเดิม!”
เกาเจียวหั่วถอนหายใจออกมาแรงๆ เขารู้ว่าฟ่านรั่วเจี๋ยเป็นสตรีที่ชอบเล่นแร่แปรธาตุ แต่นางหาใช่คนใจคอโหดเหี้ยม ให้ร้ายที่สุดก็คือเป็นหมอตำแยที่ชอบปรุงสมุนไพรแปลกประหลาดเท่านั้น
“เจ้าทำสิ่งใดโดยพลการหรือไม่อาเจี๋ย รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ทำอาจนำภัยใหญ่หลวงมาให้พวกเราทุกคน”
“พี่หั่ว ข้าไม่ได้ทำการอันใด เพียงแค่ส่งเสริมให้คนที่อยู่เบื้องหลังการวางยาพิษทหารต้าหลางเห็นว่าคนของตำหนักเย็นไม่ใช่แพะที่พวกเขาจะมาปรักปรำได้ง่ายๆ”
“พี่สับสนไปหมด นี่หมายความว่าการล้มตายของทหารต้าหลางไม่ใช่ฝีมือของเจ้า”
“ฮึ ฟ้าดินโปรดเป็นพยาน สตรีจิตใจดีงามเช่นข้าเห็นชีวิตผู้คนเป็นผักปลาเสียตั้งแต่เมื่อไร ข้าน่ะหรือจะกล้าวางยาฆ่าคน”
“ฉะนั้นเป็นผู้ใดกระทำแล้วโยนความผิดให้เจ้า”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย นางกล่าวเสียงเนือยๆว่า “ต้าหลางมีหนอนบ่อนไส้ฉันใด แคว้นหมิงก็มีผีร้ายที่จ้องจะกลืนกินชีวิตผู้คนฉันนั้น!”
มู่ชิงซานควบม้ามาได้ครึ่งทางเจียนจะถึงจุดที่เขาได้พบกับหญิงสาวผู้นั้น และเขาก็เกิดลางสังหรณ์ประหลาด สายลมแรงพัดผ่านร่าง อากาศเย็นแปลกๆ คล้ายมีพายุฝน แล้วเพียงอึดใจต่อมา ม้าตัวโตก็เกิดอาการพยศมันร้องเสียงดังวิ่งปัดเป๋คล้ายถูกยาสั่ง เป็นตอนนั้นที่มีลูกธนูพุ่งออกมาจากแนวป่าราวกับห่าฝน!!
สมุนไพรคลายกำหนัด!หมิงอ๋องได้องครักษ์ประจำตัวเข้ามาประคองให้ลุกนั่ง ฮ่องเต้น้อยมึนงงอยู่เกือบอึดใจ ภาพเมื่อครู่รวดเร็วเหลือเกิน นอกจากนั้นแรงปะทะที่พุ่งใส่ร่างเขาก็รุนแรงราวกับการซัดอาวุธลับของจอมยุทธ์“ผู้ใดบังอาจลอบทำร้ายฮ่องเต้!” เสียงองครักษ์เสื้อแพรนามว่าจ้าวหานเอ่ยขึ้น พร้อมกระโดดลอยตัวมาจากที่ซ่อน แต่เขาตวาดได้เพียงครึ่งคำโดยยังไม่ทันได้ลงมือจัดการมู่ชิงซาน เสียงของฟ่านรั่วเจี๋ยก็ร้องลั่นด้วยความเสียขวัญยามนั้นนางตกใจจนแทบทรุดลงไปนั่งบนพื้น เมื่อฝ่าเท้าใหญ่ยาวของมู่ชิงซานยันหน้าอีกฝ่าย ก่อนที่นางจะเห็นภาพต่อมาว่า ศอกของเขาฟันเข้าตรงลำคอจ้าวหาน จนทำให้องครักษ์หนุ่มมีสีหน้าเหยเก ทั้งเจ็บทั้งมึนงงองครักษ์ผู้นั้นแม้ยังอายุน้อย แต่มีฝีมือดี ทว่าวิทยายุทธ์ล้ำลึกที่จู่โจมเขาทำให้ยากรับมือ จ้าวหานสูดลมหายใจลึก เตรียมกวัดแกว่งดาบของตนฟันลงไปที่มู่ชิงซาน แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยร้องห้ามเสียก่อน“ยั้งมือไว้ก่อนจ้าวหาน นะ...นั่น...คนของข้าเอง”ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยอย่างอ้อมแอ้ม ตอนนั้นทั้งจ้าวหานและหมิงอ๋องต่างไม่อยากเชื่อสายตาว่า สตรีอัปลักษณ์จะเก็บซ่อนบุรุษที่มีฝีมือสูงส่งเอาไว้ในตำหนักเย็น“ดะ..
ฟ่านรั่วเจี๋ยกำลังวิ่งไล่จับตือเมี่ยวเพื่ออาบน้ำให้มัน เจ้าหมูแคระซุกซนมาก ด้วยได้เพื่อนเล่นอย่างมู่ชิงซาน หมู่นี้นางสังเกตว่าเขากับตือเมี่ยวเป็นคู่หูที่สนิทกันจนแทบแยกไม่ออกหลังจากนางสั่งให้มู่ชิงซานจัดการตัวเองให้สะอาดและกินอาหารให้เรียบร้อย เขาก็ไปนั่งเล่นเงียบๆ ในมุมของตน ซึ่งหากไม่ใช่การดูจิ้งหรีดกัดกัน ก็ออกไปขุดไส้เดือนให้เป็ดกินหญิงสาวยืนมองเขาได้สักพักจึงหมุนตัวไปทำภาระต่างๆ ที่ล้นมือตอนนี้คือการไล่คว้าตือเมี่ยวไปอาบน้ำ นางวิ่งไปจนถึงฝั่งที่เป็นแปลงผัก และเกือบชนเข้ากับร่างที่โผล่มาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง“หมิงอ๋อง!”หญิงสาวแทบสิ้นสติตรงนั้น ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายมักแวะเวียนมาหาบ่อยๆ อีกทั้งนัดพบนางให้ไปที่ตำหนักของเขา ทว่าการได้เห็นฮ่องเต้แคว้นหมิงที่นี่ยามนี้ ช่างเป็นเรื่องชวนให้หัวหลุดจากบ่า เพราะตำหนักซอมซ่อของนางมีบุรุษแห่งต้าหลางแอบซ่อนอยู่“หมิงอ๋องมาได้อย่างไร” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ย นางกวาดตามองหามู่ชิงซานพอไม่เห็นเงาเขาก็โล่งใจ“ทำไมข้าจะมาหาพี่สาวสุดที่รักไม่ได้” เด็กหนุ่มวัยสิบสี่ย่างสิบห้าปีผู้ซึ่งนั่งบัลลังก์มังกรของแคว้นหมิงเอ่ยกับพี่สาวที่เขาสนิทมากกว่าฟ่านเยี่ยฉีด้ว
ฟ่านเยี่ยฉีร้อนใจและรู้สึกว่าตนต้องทำบางสิ่งอย่างเด็ดขาด แต่แรกนั้นตั้งใจเปิดศึกกับแคว้นต้าหลางด้วยการขอกำลังจากชาวสิบสองเผ่าคนเถื่อน แต่มันเป็นความคิดที่โง่เขลาไปสักหน่อย ด้วยครั้งนี้คนที่นำทัพคือมู่ชิงซาน เขาเป็นเสมือนเทพสงครามกระหายเลือด กระนั้นเขาก็ไม่ใช่ชายมากตัณหาที่หวังข่มเหงน้ำใจฟ่านเยี่ยฉีอย่างที่นางครั่นคร้ามใจ แต่กลับคิดตัดกำลังไม่ให้นางสามารถขอกำลังสนับสนุนจากผู้ใดเพื่อรับมือเขาเกือบสองเดือนที่ผ่านมา อีกฝ่ายเพียงแค่ตั้งกำลังรอบๆ ประตูเมืองเพื่อบีบบังคับให้หมิงอ๋อง น้องชายนางซึ่งเป็นฮ่องเต้ของแคว้นหมิงผูกมิตรเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า และเกื้อหนุนเสบียงให้ต้าหลางในยามที่ยกทัพไปปราบพวกคนเถื่อนทว่าแคว้นหมิงเป็นอิสระมานาน ด้วยข้อตกลงที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนกับแคว้นทั้งเจ็ด ทว่าพอมีการเปลี่ยนแปลงภายในแคว้นหมิง แต่งตั้งหมิงอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์น้อย แคว้นต่างๆ ก็ต้องการแผ่นดินเล็กๆ อันอุดมสมบูรณ์นี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของตน ทว่าด้วยไมตรีที่ดีกับแคว้นต้าหลางมานานแคว้นหมิงจึงได้การคุ้มครองจากต้าหลาง กระนั้นก็เป็นการคุ้มครองที่ต้องการผลประโยชน์แอบแฝงหลังบิดาสิ้นใจ ฟ่านเยี่ยฉี
มู่ชิงซานโผเข้าไปหานางผู้นั้น สัมผัสได้ถึงไอเย็นซึ่งส่งมาถึงเรือนกายเขา ตัวนางเย็นราวกับเลือดหยุดไหลเวียน เขาคำรามออกมาทีหนึ่ง ความคิดต่างๆ หมุนวนไปมา ชายหนุ่มพยายามปลุกนางให้ตื่น แต่ร่างกายหญิงสาวไม่ตอบสนองเขาเขย่าร่างนางแรงๆ ก่อนเอาหูแนบฟังการเคลื่อนไหวของหัวใจ และรับรู้ว่ามันเต้นช้ากว่าปกติ ยามนี้เขาไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรบางคราเหมือนคิดออก แต่จู่ๆ ความคิดที่มีพลันหายไป ทั้งหมดเป็นเพราะเขาถูกยาพิษจากคนร้ายที่ลอบวางยานั่นเอง“มารดา...” เขาว่าและเรียกนางให้ฟื้น ยามนั้นน้ำตาฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่อล้นคลอเบ้า ริมฝีปากอิ่มสวยเป็นสีม่วงคล้ำ นางขยับปากช้าๆ ตั้งใจเอ่ยบางอย่าง แต่ด้วยมีผ้าปิดใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้เขาจึงได้ยินไม่ถนัด พอเขาเอื้อมมือหมายดึงมันออก ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นแสดงอาการต่อต้าน“มะ...ไม่ บัดซบ...จะ...เจ้าเป็ดเหลือขอ ห้ามกระทำเช่นนั้น” ฟ่านรั่วเจี๋ยปฏิเสธ แต่มู่ชิงซานคำรามขู่ ท่าทางเขาดูเหมือนหมาป่าตัวโตดุร้าย“ถะ...ถอยไป” นางเอ่ยห้ามเสียงขาดเป็นห้วงๆแต่ทว่ามือใหญ่ไม่สนใจ เขากระชากมันสุดแรง ผ้าผืนดังกล่าวพลันหลุดออกจากใบหน้าฟ่านรั่วเจี๋ยอึดใจต่อมา สิ่งที่ทำให้ม
ร่างสูงใหญ่สละม้ามนุษย์ที่ถูกฟันจนเป็นแผลเหวอะหวะ เขาถีบตัวลอยเหนือพื้นก่อนมุ่งตรงไปยังรถม้าคันใหญ่ ยามนั้นองครักษ์ที่บังคับรถต่างตื่นตระหนก ด้วยผู้ที่ทะยานตัวมามีกระบวนท่าแปลกประหลาด ทว่ามู่ชิงซานยังไม่ทันบ่ายหน้าเข้าไปถึงรถม้า ลูกธนูราวห่าฝนก็เล็งใส่ร่างของเขามู่ชิงซานหมุนตัว ก่อนชิงเอาดาบจากมือใครคนหนึ่งและฟันเข้าใส่สององครักษ์ที่ควบคุมรถม้า เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ก่อนร่างดังกล่าวจะถูกเขาถีบลงจากรถม้า อึดใจต่อมามู่ชิงซานก็พยายามเข้าไปยลโฉมผู้ที่นั่งอยู่ด้านในเสียงนางกำนัลหวีดร้องและใช้ร่างตนปกป้องผู้เป็นนายของมัน ในขณะเดียวกันด้านหลังของมู่ชิงซานมีคมดาบทะยานเข้ามา แต่เขาใช้เท้าข้างหนึ่งวาดออกไปอย่างแรง ก่อนเตะศีรษะขององครักษ์ที่หมายปลิดชีวิตเขาเต็มฝ่าเท้า ถึงจะรับมือและหลบหลีกได้อย่างว่องไว กระนั้นมู่ชิงซานยังได้บาดแผลเล็กๆ ตามขาและหัวไหล่ แต่เมื่อตั้งใจที่จะพบหน้าสตรีนางนั้นให้ได้เขาจึงไม่ยอมวางมือง่ายๆ กระทั่งเขาใช้ดาบฟันเข้าที่หลังคารถม้าสำเร็จ จึงกระชากแผ่นหลังคาและฝาไม้ทิ้งอย่างไม่ไยดีอึดใจต่อมา ดวงหน้าของสตรีโฉมงามจึงประจักษ์อยู่ตรงหน้านางผู้นี้ดูละม้ายผู้หญิงที่เขาตามหา
เมื่อลืมตาอีกที ฟ่านรั่วเจี๋ยก็มาอยู่บนเตียงในห้องนอน ยามนั้นความรู้สึกหลากหลายเอ่อท่วมใจ ร่างที่กำลังเย้าหยอกกันส่งเสียงรบกวนนางคือตือเมี่ยวกับมู่ชิงซาน ภาพนั้นดูเหมือนเด็กที่สวมร่างผู้ใหญ่ หาใช่บุรุษที่นางดื่มด่ำและได้รับสัมผัสเร่าร้อนอย่างเช่นที่บ่อน้ำพุหญิงสาวสำรวจเนื้อตัวตน นางยังอยู่ในชุดเดิม เสื้อผ้าเปียกชื้น ซึ่งมู่ชิงซานก็มอมแมมมิต่างกัน เมื่อครู่นางไม่ได้สติเลอะเลือน ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง นางถูกเขาข่มเหง แต่มันเป็นการข่มเหงที่นางยินยอมพร้อมใจ ทว่าสตรีที่ไม่เคยผ่านมือชายและอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานาน จะให้นางประกาศออกไปได้หรือว่าถูกคนที่เป็นศัตรูทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ฟ่านรั่วเจี๋ยสูดลมหายใจลึกเข้าปอด นางต้องอดกลั้น ถึงจะแค้นใจแต่นางต้องเข้มแข็ง ด้วยทั้งหมดนี้ต้องโทษนางที่เผลอตัวเผลอใจให้มู่ชิงซานย่ำยี“ขะ...ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” นางถามเขาเสียงสั่น ใบหน้าแต้มสีแดงระเรื่อ ความขัดเขินและโกรธต่อบุรุษผู้นี้ยังมีอยู่มากล้นชายหนุ่มหันหน้ามามองนางและหัวเราะน้อยๆ“มารดาพาข้าขึ้นมา ท่านจำไม่ได้หรือ” เขาอธิบายแล้วหันกลับไปเล่นกับตือเมี่ยว แต่แรกฟ่านรั่วเจี๋ยอยากซักหลายอย่าง ทว่าพอมองเ