หยุนชิงเดินทางเข้าเมืองอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นางไม่มาตรวจร้านสุรา แต่นางตั้งใจไปดูคนเจ็บที่ช่วยไว้เมื่อคราวก่อน ท่านหมอซางเดินออกมาต้อนรับนายหญิงถึงหน้าประตู พร้อมกับเชื้อเชิญให้เข้าไปยังห้องพักคนเจ็บ
ชายชาวต่างแคว้นพูดภาษาที่พวกเขาไม่เข้าใจ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเขาก็เอาแต่พูด ท่านหมอชราได้แต่จนใจไม่รู้จะตอบเช่นไร จึงได้ให้เด็กในร้านไปแจ้งนายหญิงว่าเขาฟื้นแล้ว
“โอ้ นายหญิงท่านมาแล้วหรือเชิญด้านในขอรับ”
“คนเจ็บเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ” หยุนชิงเอ่ยถามขึ้นในระหว่างเดินเข้าไปในร้าน
“ถอนพิษออกหมดแล้วขอรับ ตอนนี้รอเพียงให้บาดแผลหายดีและฟื้นฟูกำลังอีกสักหน่อย ก็สามารถใช้ชีวิตปกติได้”
เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องมีกลิ่นยาสมุนไพรอบอวลอยู่ด้านใน ชายร่างใหญ่นั่งพิงหัวเตียงหน้าตาดูอิดโรยอยู่สักหน่อย เขาได้หันมามองยังผู้ที่เข้ามาใหม่อย่างใคร่รู้ เขาอยากจะพูดคุยกับใครสักคนได้แต่ก็ไม่มีผู้ใดเข้าใจ ส่วนตนเองนั้นพูดภาษาแคว้นนี้แทบจะไม่ได้ เพราะเขาเพิ่งเข้ามาทำการค้ายังแถบทวีปนี้
“ท่านเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ” หยุนชิงถามคนเจ็บด้วยภาษาอังกฤษ เพราะนางไม่มั่นใจว่าชายผู้นี้เป็นคนประเทศอะไรกันแน่ จึงลองถามออกไปก่อน
ท่านหมอมีท่าทีตกใจไม่น้อยที่ได้ฟังนายหญิงพูดภาษาแปลก ๆ นี้ได้ นางช่างมีความรู้ความสามารถจริง ๆ แม้แต่ภาษาต่างแคว้นนางก็ยังสามารถสื่อสารได้
ที่สำคัญไม่ได้มีท่าทีจะกลัวชายผู้นี้ ราวกับว่าคุ้นเคยกับคนลักษณะนี้มาก่อน โดยปกติพวกเขาต่างก็มีความหวาดกลัว เพราะตัวสูงใหญ่ผมสีทองตาสีฟ้าดูประหลาดผิดแปลกจากคนทั่วไปมาก
“น่ะ นี่ ท่านพูดภาษาของพวกข้าได้ด้วยหรือแม่นางน้อย” คนเจ็บถามด้วยความดีใจในที่สุดก็มีคนสามารถสื่อสารกับเขาได้สักที
“พอพูดได้นิดหน่อยเจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านไปทำอะไรให้ผู้อื่นไม่พอใจหรือ ถึงได้ถูกทำร้ายมาเช่นนี้”
“ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน ข้าเข้ามาทำการค้าที่นี่ได้ไม่นานนัก อีกอย่าง เพิ่งจะเคยมาตลาดแห่งนี้ครั้งแรก ระหว่างที่เดินหาของกินอยู่ดี ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาทำร้ายข้า” เขาก็ไม่รู้เหตุใดจึงได้ถูกปองร้าย เนื่องจากไม่ทราบจริง ๆ ว่าตนได้ไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใดหรือไม่
“จริงสิข้าลืมแนะนำตัวข้านามว่าหยุนชิงเจ้าค่ะ” หญิงสาวกล่าวแนะนำตนเองให้อีกฝ่ายได้รู้
“โอ้ แม่นางหยุนชิง ข้ามีนามว่าโอเว่นขอรับ ต้องขอบคุณที่ช่วยเหลือข้าในครั้งนี้ ข้ายินดีตอบแทนแม่นางขอเพียงท่านบอก” โอเว่นรู้สึกทราบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โชคร้ายเกินไป ยังดีที่มีสตรีใจดีผ่านมาแล้วช่วยเขาไว้
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ถึงข้าเจอคนอื่นเดือดร้อนข้าก็ช่วยอยู่ดี ว่าแต่ท่านเข้ามาทำอะไรที่แคว้นหนานหรือเจ้าคะ”
“ข้าเข้ามาทำการค้าขายสินค้า ในเรือข้ามีแทบทุกอย่างแม้แต่พวกอาวุธข้าก็มี”
“เช่นนั้นท่านรู้จักชายที่ชื่อสตีฟหรือไม่เจ้าคะ” หยุนชิงถามหนุ่มต่างชาติตรงหน้าไม่แน่เขาอาจจะมีส่วนในแผนการที่สามีนางรู้มาก็เป็นได้ เพราะแถบนี้พวกต่างชาติที่เข้ามามีไม่กี่คนหรอกโลกอาจจะกลมก็ได้
“ถ้าหากใช่คนเดียวกันก็มีอยู่ผู้หนึ่ง เป็นหัวหน้าคุมงานภายในเรือสินค้าของข้าเอง แม่นางรู้จักเขาด้วยหรือ” โอเว่นถามอย่างสงสัยเพราะสตีฟเป็นหัวหน้าคุมงานภายในเรือ คอยคุมคนงานและคอยจดรายการสินค้าที่เข้าออกทุกอย่าง ทุกวันเขาก็ไม่เห็นสตีฟออกไปที่ใดยกเว้นวันที่ต้องนำสินค้า หรือไปติดต่อกับพ่อค้าคนอื่นเวลาเขาไม่ว่างเท่านั้น
“พอดีว่านายท่านของข้าสั่งอาวุธจากท่านสตีฟเมื่อคราวก่อนน่ะเจ้าค่ะ เห็นนายท่านชมว่าคุณภาพดีอยากจะสั่งเพิ่ม คราวก่อนก็สั่งมากโขเชียวล่ะเจ้าค่ะ” หยุนชิงแสร้งยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ
แล้ววันงานบวงสรวงก็มาถึง ปะรำพิธีได้ถูกจัดขึ้น ณ ลานกว้างของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ กลางลานมีแท่นพิธียกขึ้นสูงบนโต๊ะรูปมังกรเหยียบเมฆา มีผลไม้และอาหารมงคล ตรงกลางมีกระถางสำหรับปักธูปลวดลายอ่อนช้อย สถานที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างสวยงามงานนี้เจ้ากรมพิธีการได้หน้าไปเต็ม ๆ ต่างถูกชมจากผู้คนมิขาดปากแต่ผู้ที่รับหน้าที่สำคัญที่สุดในวันนี้กลับนั่งเหงื่อตกรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ คิดจะหนีงานดีหรือไม่ แต่เมื่อมองไปยังที่ประทับของฮ่องเต้ ใบหน้าที่คาดหวังของท่านแม่และท่านพ่อ ไหนจะท่านลุงฮ่องเต้อีกคน จะถอยก็มิได้จะเดินต่อก็ไม่ได้และแล้วพิธีสำคัญได้ถึงเวลาที่เหมาะสมชาวบ้านที่เข้ามารอชมอย่างคาดหวัง หวังเยี่ยนฟางแต่งตัวด้วยชุดสีแดงอลังการ เดินนวยนาดออกมายังหน้าแท่นพิธีก่อนสายตาจะมองไปรอบ ๆ นางไม่พบเหล่าพี่ชายพี่สาวแฝดสามและอ๋องน้อยพวกนั้นหายไปที่ใดกัน“แด่ท่านเทพพิรุณเทพแห่งสายฝนที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา ท่านได้โปรดทรงประทานหยาดฝนเพื่อดับทุกข์ร้อนของเหล่ามวลมนุษย์ด้วยเถิด” หวังเยี่ยนฟางกล่าวจบจึงได้ทำการปักธูปลงในกระถางทันใดนั้นเองท้องฟ้าแปรปรวนร้องสนั่นหวั่นไหว หมู่เมฆมืดครึ้มลมพัดแรง จนมงกุฎที่หวังเยี่ยนฟา
ในปีหนึ่งแคว้นหนานได้เกิดปัญหาภัยแล้งฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตรและใช้สำหรับอุปโภคบริโภคองค์ฮ่องเต้ทรงมองเห็นในความเดือดร้อนของพสกนิกร ทรงมีรับสั่งช่วยเหลือแจกจ่ายอาหารและสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยลดความอดอยากของประชาชน แต่เมื่อนานวันเข้าภัยแล้งกลับไม่มีท่าว่าจะดีขึ้นหัวข้อประชุมเช้าอันดุเดือดประจำท้องพระโรงคงจะหนีไม่พ้นเรื่องภัยแล้ง"ทูลฝ่าบาทหากเรายังคงเบิกจ่ายข้าวสารและตำลึงเงินอีกไม่เกินปีนี้ กระหม่อมเกรงว่าท้องพระคลังคงจะหมดในไม่ช้าพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมคลังกราบทูลถึงปัญหาที่เกิดขึ้น"ทูลฝ่าบาท จากที่กระหม่อมส่งคนออกสำรวจแหล่งน้ำทั่วแคว้น ปริมาณน้ำลดน้อยลงไปมากพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมโยธาก้าวออกมา ชี้แจงปัญหาที่ได้รับมอบหมายให้ออกสำรวจแหล่งน้ำ"มีผู้ใดจะเสนอความคิดในการแก้ปัญหาบ้างหรือไม่" หนานหยางจง เจ้าแห่งแคว้นถามขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามองทั่วทั้งท้องพระโรง แต่ก็ไม่มีผู้ใดก้าวออกมาเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาอย่างเช่นเคยเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างมองหน้ากันไปมา แต่ละคนต่างก็หาทางออกไม่ได้ เนื่องจากเป็นภัยธรรมชาติ อีกทั้งยังไม่เคยเจอปีไหนเลย ที่ภัยแล้งจะหนั
“ข้อหนึ่งหนูขอไปเกิดแบบโตเป็นผู้ใหญ่ค่ะ คือหนูไม่อยากกลับไปเป็นเด็กอีกแล้วค่ะ”อืม ข้อนี้ไม่ยากถือว่ายังให้ได้อยู่“ข้อสองหนูขอคนรักสักคนที่รักหนูคนเดียวไม่นอกใจค่ะ”ข้อนี้ก็ยังถือว่าง่ายไม่พิเศษอะไรนังหนูนี่ช่างมักน้อยซะจริง“และข้อสุดท้ายหนูขอความทรงจำเดิม และความสามารถทุกสิ่งทุกอย่างของชาติเดิมค่ะ”“ได้ถ้าอย่างนั้นเจ้าตามข้ามา” ยายเมิ่งตอบตกลงทุกเงื่อนไขที่ขอมาอย่างไม่ต้องคิด เพราะคำขอแต่ละข้อไม่ได้ถือว่าผิดต่อศีลธรรมอันใดแต่ก่อนจะให้เด็กสาวผู้นี้ลงไปเกิดนางอยากจะเอ่ยปาก พูดอะไรสักอย่างกับสตรีน้อยผู้นี้สักหน่อย“เดี๋ยวก่อนนังหนูเรื่องคนที่ทำให้เจ้าตาย เจ้าก็ให้อภัยเขาเถอะคนผู้นั้นไม่ได้ตั้งใจ อย่าแช่งกันอีกเลยสำนึกผิดไม่ทัน”สตรีผู้นั้นตอบรับด้วยสีหน้างุนงง แต่ก็ช่างเถอะไม่รู้เรื่องอันใดก็ดีแล้วกรี๊ดดดดดตู้มมมม"อภัยให้ข้าเถอะนังหนูเจ้าลีลาเกินไป หากเจ้าอยู่นานกว่านี้เห็นทีข้าจะโดนจับได้" แล้วยายเมิ่งก็เดินจากไปเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน"อยากเรียกข้าว่าป้าดีนักขอสักทีเถอะ" ว่าจะไม่ทำอันใดแล้ว คำก็ป้าสองคำก็เรียกป้าแค่ถีบตกบ่อยังน้อยไปหลังจากนั้นข้าคิดว่าชีวิตจะสงบสุขส
ข้ามีนามว่าหวังเยี่ยนฟางเป็นบุตรสาวคนเล็กของบ้านตระกูลหวัง ทุกคนในบ้านต่างรักและตามใจข้าเป็นที่สุด ข้าคือสิ่งมหัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อเพราะแม้ว่าท่านพ่อดื่มยาห้ามบุตรที่มีฤทธิ์แรงที่สุด แต่ตัวข้าหวังเยี่ยนฟางผู้นี้สามารถฝ่ายาห้ามบุตรมาเกิดได้ฮะฮ่าทุกคนต่างเอ่ยชมความสามารถของท่านพ่อหวังอี้หลินมิได้หยุด เขาคือสุดยอดแห่งบุรุษของแคว้นเป็นลูกรักของเทพพระเจ้า บางคนร่ำรวยอำนาจล้นฟ้าหรือแข็งแกร่งเพียงใด ก็ยังไม่สามารถมีบุตรได้ดั่งใจสั่งเช่นท่านพ่อของข้าได้ แต่ก็นะคนเหล่านั้นพูดเกินจริงไปมากโข เป็นเพราะข้าผู้นี้อยากมาเองต่างหากหากจะถามว่าข้าผู้ที่มีรูปโฉมงดงามราวกับเทพเซียน พูดจาไพเราะราวกับนกน้อยร้องรับอรุณยามเช้า ความสามารถหรือก็มิแพ้ใคร รูปร่างสูงโปร่งอกเป็นอกเอวเป็นเอว ข้าผู้นี้มีนามว่า เมิ่ง เมิ่ง หรือก็คือยายเมิ่งที่เหล่ายมโลกเรียกขานกัน หุ หุอะ แฮ่ม เอาล่ะกล่าวชมตนเองมามากพอแล้ว ข้าจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ย้อนไปเมื่อกาลก่อน"เมิ่ง เมิ่ง เจ้าฟังข้าก่อน งานข้ายุ่งมากไปกับเจ้ามิได้จริง ๆ อย่าโกรธข้าเลยนะ" ผู้คุมนรกชั้นอเวจีคอยควบคุมเหล่าวิญญาณชั้นเลว ชดใช้บาปกรรมโ
"อั๊กกก" ไม่ได้การแล้วมันช่างทรมานยิ่งนัก คงต้องหาอะไรที่ทำให้เขาหายจากอาการนี้หยงเจาฝืนทนพยายามลุกขึ้นยืนให้มั่น แต่ด้วยขาที่ไร้เรี่ยวแรงทำให้เซถลาชนเข้ากับโต๊ะกลางห้องจนกวาดเอาถ้วยน้ำชาร่วงลงกับพื้น"ท่านหยงเจาเป็นอะไรหรือเจ้าคะ ท่านรออยู่นี่ก่อนข้าจะไปตามหมอให้" อาลี่ที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินเสียงดังจากห้องของชายหนุ่ม จึงรีบเดินเข้ามาดู ไม่รู้ว่าภายในห้องเกิดอะไรขึ้น หากเมื่อเดินเข้ามาสิ่งที่เห็นทำให้นางยิ่งตกใจ"ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบออกไปเถิดข้าขอร้อง" ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว หากช้ากว่านี้คงได้หน้ามืดล่วงเกินสตรีที่หลงรักตรงหน้าแน่"ทะ ท่านเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนบอกข้าสิ" เพราะความเป็นห่วงอาลี่จึงไม่ยอมขยับไปไหนยาที่หยงเจาได้รับในปริมาณมาก ทำให้ชายหนุ่มครองสติไม่ได้แล้ว เขาคว้าคอหญิงสาวโน้มลงมาพร้อมกับจุมพิตอันร้อนแรงอาลี่พยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงของชายหนุ่มได้ จากขัดขืนในตอนแรกกลับกลายเป็นคล้อยตาม จนนางได้ตกเป็นของหยงเจาในคืนนั้น"ข้าจะรับผิดชอบเจ้า" หยงเจายังคงยืนยันคำเดิม เพราะตั้งแต่รู้สึกตัวตื่น เขาพยายามจะหว่านล้อมให้ร่างบางตรงหน้ายินยอม แต่นางก็ใจแข็งเหลือเกิน
"หาา! นี่ท่านยังเกี้ยวอาลี่ไม่สำเร็จอีกหรือ จิ๊ก จิ๊ก ช่างไร้ฝีมือ" อาเล่อมองหน้าหยงเจาอย่างดูแคลน ขนาดว่านางเปิดโอกาสให้อยู่กันลำพังบ่อยครั้งก็ยังทำไม่สำเร็จ"แล้วเจ้าเล่าเกี้ยวหานลู่สำเร็จแล้วหรือ ทำมาเป็นเย้ยข้า" ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ"ข้าไม่อยากจะคุย ข้ากับท่านหานลู่ตกลงศึกษาดูใจกันแล้วเจ้าค่ะ ไม่แน่ปลายปีนี้อาจจะมีข่าวดี" อย่างหลังไม่เป็นความจริงสักนิด นางก็แค่ใส่สีตีไข่เข้าไปให้ดูเหนือกว่าเท่านั้นเอง"จริงหรือ ข้าขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ได้หรือไม่" นางช่างเก่งกาจ"เรื่องเช่นนี้ขึ้นอยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนเจ้าค่ะ มิใช่เรื่องที่จะสอนได้โดยง่าย" นางลงทุนไปตั้งเยอะยังได้เพียงแค่ศึกษาดูใจเลย"ถ้าเจ้ามีแผนอะไรดี ๆ แนะนำข้าทีเถิด" ตนได้ลองมาหลายวิธีแล้ว สาวเจ้ายังไม่แม้แต่จะใจอ่อนเลย จะล้มเลิกไม่ตามเกี้ยวต่อก็ไม่ได้ ก็คนมันรักไปหมดใจแล้วจะให้ทำเช่นไร โอ๊ย ข้ากลุ้ม"อย่างนี้ดีหรือไม่ คืนนี้พวกท่านเปิดใจคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่ต้องห่วงเรื่องอาลี่ข้าจะเป็นธุระให้เอง" อาเล่อพอจะรู้ว่าสหายผู้นี้มีใจให้กับท่านหยงเจาไม่มากก็น้อย และท่านหยงเจาก็ใจตรงกันอีกด้วย แล้วเพราะอะไรสหายรักถึงได้ไม่ใจอ