ศิลาแดง
“ โธ่เอ้ย!!” เจ้าไฟโอดร้องคร่ำครวญทั้งยังปัดข้าวของบนโต๊ะในห้องทำงานของตัวเองกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น สาเหตุเนื่องมาจากว่าเขาส่งคนไปเอาคืนพิทักษ์ แต่มันกลับไม่สำเร็จ “ ผมขอโทษนะครับบอส” การ์ดที่รับหน้าที่นี้ รีบก้มหน้าขอโทษยกใหญ่ ท่าทีของเขาลนลานเนื่องจากกลัวว่าจะโดนทำโทษ “ ช่างมัน! มันคงจะไหวตัวทัน เราก็เลยทำอะไรมันไม่ได้” เจ้าไฟถอนหายใจแรง มือของเขากำแน่น “ แต่อย่าคิดว่ากูจะยอมมันแค่นี้นะ มันทำกับน้องกูถึงขั้นเลือดตกอย่างออก มันก็ต้องชดใช้ให้สาสม” เขากัดฟันพูดด้วยความฉุนเฉียว “ ทำกูกูไม่ว่า แต่มาทำให้คนในครอบครัวกูแบบนี้ กูไม่ยอม!!!” ผัวะ!!!! ฝ่ามือของเขาที่เคยกำแน่น คลายออกและตบลงที่โต๊ะเสียงดัง แสดงออกถึงความโกรธแค้นของเจ้าของมันได้อย่างชัดเจน “ บอลครับ บอส!” เอลิกวิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมซองเอกสารในมือท่าทีของเขาดูเหนื่อยหอบแต่แฝงความตื่นเต้นดีใจอยู่ในแววตา เจ้าไฟเห็นแบบนั้นเขาก็กอดอกพลันรีบหันไปมอง “ แกมีอะไร” เอลิกยิ้มจางพลางยื่นซองในมือให้นาย “ ที่บอสสั่งผมว่าให้ส่งคนไปตามสืบดู ผมได้รู้อะไรดีๆ มาด้วยครับ เป็นเรื่องที่นายพิทักษ์ปิดบังมาตลอดหลายปี” คนฟังดูมีท่าทีตกใจไม่น้อยเขารีบคลายมือจากการกอดรัดแล้วรับซองในมือลูกน้องมาเปิดดู ซึ่งข้างในเผยให้เห็นประวัติของผู้หญิงคนหนึ่ง “ กีรติกร มณีรัตน์ ?” คิ้วหนาของเขาขมวดมุ่น “ มันเกี่ยวอะไรกับไอ้พิทักษ์วะ” เขาเงยหน้าถามต่อเอลิก คนถูกถามก็กระตุกแว่นตาเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มก่อนจะตอบกลับ “ ผู้หญิงคนนี้คือลูกสาวของนายพิทักษ์ครับ” “ หะ! ไอ้นี่มันมีลูกมีเมียด้วยเหรอ” เจ้าไฟอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ใบหน้าของเขาแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าแผนการ “ ใช่ครับ มันมีเมีย แถมไม่ได้มีแค่คนเดียวด้วย แต่ที่ไม่มีใครรู้มาก่อน เพราะมันคงจะตั้งใจปิดบังไว้ อย่างที่เรารู้กันว่ามันสร้างศัตรูไปทั่ว มันก็คงจะกลัวถึงความปลอดภัยของลูกและเมียมันนั่นแหละครับ” เอลิกอธิบายอย่างตรงไปตรงมา แต่เจ้าไฟกลับแสยะยิ้มมุมปาก “ หือ ร้ายกาจเหมือนกันนี่ไอ้พิทักษ์ ตัวเองลอบแต่จะทำร้ายครอบครัวคนอื่น แต่พอครอบครัวตัวเอง กลับปกปิดไม่ให้ใครรู้” สีหน้ามุ่งมั่นแฝงไปด้วยความโมโหของเจ้าไฟผุดขึ้นมาในทันที ในระหว่างที่รอให้เอลิกประมวลผลความคิดและบอกข้อมูลแก่เขา “ เห็นว่าเมียคนนี้ไม่เคยติดต่อ ขอค่าเลี้ยงดูจากนายพิทักษ์ด้วยนะครับ แต่ว่านายพิทักษ์มันจะชอบส่งลูกน้องไปสอดส่องดูสองแม่ลูกนี้อยู่ห่างๆ ตลอด ถ้าจะพูดให้ฟังดูง่ายขึ้นก็คือ” เอลิกเว้นช่วงเล็กน้อย “ เมียคนนี้น่าจะตั้งใจพาลูกคนนี้หนีมันไปครับ” คนฟังพยักหน้าแล้วเปิดดูเอกสารในมือไปมาด้วยคิ้วขมวด “ แล้วรูปล่ะ?” เอลิกทำหน้าฉงน แล้วรับซองเอกสารคืนมาเพื่อหาดู แต่มันกลับไม่พบอะไรอีกแล้วภายในนั้น “ อ่า สงสัยผมเผลอทำตกตอนเอามาแน่เลย แต่ไม่เป็นไรนะครับบอสผมจำหน้าเธอได้อยู่” เจ้าไฟถอนหายใจแรงให้ความโกะของลูกน้อง แต่เขาก็ต้องยิ้มร่าเมื่อฟังคำพูดต่อไป “ และผมก็ได้ที่อยู่เธอมาแล้วด้วย ผมจะพาบอสไปเองครับ ถ้าบอสต้องการ” เจ้าไฟยิ้มมุมปากจ้องหน้าเอลิก “ อืม พรุ่งนี้!! ไปพรุ่งนี้เลย !!” เจ้าไฟยืนตัวตรงและหันไปมองนอกบานหน้าต่างกระจกที่เวลานี้ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแม้แสงของดวงดาว “ ในเมื่อมันชอบลอบกัดคนอื่นผ่านครอบครัว กูก็จะลอบกัดทำร้ายมันกลับผ่านทางครอบครัวของมันเหมือนกัน” เขาพูดด้วยท่าทีหนักแน่นแววตาแฝงไปด้วยไฟแห่งความโกรธ ที่มันเป็นแบบนี้ เหตุมันเกิดจากตั้งแต่ที่ตัวเขา อนาลา ศิลาหัตร์ทัย เรียนจบมาทำงาน ก็ถูกมัน พิทักษ์ พงษ์สกร หยกทอง โผล่เข้ามาทำร้ายขัดขวางทั้งด้านการทำธุรกิจและค้าขาย เข้ามาตั้งตัวเป็นศัตรู จนตัวเขาต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายครั้ง ทั้งที่ตัวเขาเองแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรให้มัน และครั้งนี้มันก็หนักเกินที่เขาจะทนไหว ในเมื่อมันเล่นมาถึงครอบครัวที่เขารัก อนาลา หรือ เจ้าไฟคนนี้จะไม่มีวันยอม ความแค้นมันก็ต้องชำระด้วยการแก้แค้นเท่านั้น!!! บ้านของแก้มขวัญ รุ่งเช้าที่ตะวันยังไม่โผล่พ้นขึ้นมาทักทาย ตรงถนนดินแดงไม่ไกลจากตัวบ้านไม้ทรงสูงหลังนั้น มีสองร่างน้อยใหญ่กำลังโบกมือล่ำลากันอยู่ “ ขับรถกลับบ้านดีๆ นะคะพี่นีวาย” แก้มขวัญวางมือลงแนบข้างตัวพลางเอ่ยกับนีวายด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “ อืม น่าเสียดายถ้าพี่ไม่ติดงานว่าจะอยู่รอชิมขนมที่น้องเป็นคนทำสักหน่อย” คนพี่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย ทีแรกเขาคิดว่าบ่ายวันนี้ถึงจะกลับแต่ดันมามีธุระด่วนเสียอย่างนั้น “ ไม่เป็นไรหรอกพี่ ไว้วันหน้าว่างก็มาใหม่ได้ทุกเมื่อเลย เดี๋ยวแก้มจะทำให้ทานเอง” หญิงสาวเอ่ยด้วยความร่าเริง และรอยยิ้มอันสดใส “ จ้ะ งั้นพี่ไปแล้วนะ” ชายหนุ่มลาหญิงสาวด้วยความอาลัยอาวรณ์ เพราะไม่คิดว่าแค่นั่งคุยกันคืนเดียว และวาดรูปเล่นกันจะทำให้เขาผูกพันกับเธอได้ขนาดนี้ คงอาจจะเพราะเด็กสาวเข้ากับคนง่ายด้วย เขาถึงได้รู้สึกเหมือนว่ารู้จักเธอมานานมากแล้ว แต่ถ้าเขากลับไปวันนี้ก็อีกหลายวันเลยกว่าจะได้แวะมาอีก แย่จัง เขาจะนอนหลับไหมนะ หากไม่ได้เห็นหน้าเธอเป็นเวลานาน “ บายๆ” เมื่อรถของนีวายขับหายไปกับถนน แก้มขวัญก็เดินกลับมาหาแม่ตรงแคร่ใต้ทุนบ้าน ขาเล็กเดินผ่านไปที่หม้อนึ่งขนมถ้วยใบเตยของเธอ ก่อนจะชะงักให้คำถามของมารดา “ แก้มชอบพี่นีวายหรือเปล่าลูก” “ อะแห๋ก!” แก้มขวัญที่กำลังจับเอาขนมเข้าปากถึงกับสำลัก “ แม่!! ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะจ๊ะ” เธอรีบหันขวับแล้วเดินมานั่งข้างมารดา “ เขาก็เป็นคนดีนี่ลูก แม่ดูออกนะ” คำว่าดูออกของกมลนั่นก็คือเซ้นส์ของเธอ ที่มีลางสังหรณ์ดี ดูอะไรไม่เคยพลาด “ เขาเป็นคนดีมันก็จริงน่ะแม่ แต่แก้มเพิ่งจะพบเขา รู้จักพี่เขาแค่วันเดียว แม่มาถามแบบนี้แก้มตกใจนะรู้ไหม แม่คิดจะจับคู่ให้แก้มเหรอ” กมลอมยิ้ม “ ก็แม่อยากให้ลูกของแม่ได้รักกับคนดีๆ นี่น่า” เพราะรังสีที่แผ่ออกมาจากตัวพ่อหนุ่มคนนั้นมันบอกว่าอนาคตเขาจะรักลูกแม่และทำให้ลูกแม่มีความสุข ระหว่างที่กมลกำลังมีความสุขกับความคิดของตัวเอง แก้มขวัญก็เรียกแม่เสียงดังเพื่อดึงสติ “ แม่คะ!!” หญิงสาวจับมือเหี่ยวของแม่ขึ้นมา “ถ้ามันถึงเวลา เดี๋ยวแก้มจะหาเอง แต่ตอนนี้แก้มยังไม่คิดเรื่องนั้นสักหน่อย” “ คิดไว้ก็ดีนะลูก เพราะถ้าแม่เกิดเป็นอะไรไปใครจะอยู่กับหนูล่ะ” กมลลูบมือลูกสาวเบาๆ พลางสายตาก็แฝงไปด้วยความกังวล ทำเอาคนฟังถึงกับชะงักเอะใจ “ ทำไมแม่พูดแบบนี้จ๊ะ แม่ยังจะอยู่กับแก้มอีกนานใช่มั้ย หรือมีอะไรที่แม่ไม่ได้บอกแก้มหรือเปล่า” แก้มขวัญเอ่ยในสิ่งที่เธอกลัวออกมา กมลนิ่งเงียบก่อนรีบส่ายหน้าเลิ่กลั่ก “ บ้า! ถ้าขนมพอขายแล้วก็หาบไปขึ้นแผงขายนะ วันนี้แม่ขอพักอยู่ที่บ้านสักหน่อย บ่ายๆ แม่ถึงจะออกไปหา” มารดารีบเปลี่ยนเรื่อง พลันลุกแล้วเดินขึ้นบ้าน“ อือ” แก้มขวัญได้สติตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนที่ฟ้าสางแสงแดดส่องผ่านเข้ามาทาบลงบนตัวเธอ ร่างเล็กค่อยๆ ดันร่างกายที่อ่อนล้าขึ้น “ พี่ไฟ” เธอเรียกหาชายคนนั้นเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว แก้มขวัญจึงค่อยๆ พยุงร่างกายขึ้นนั่งก่อนที่เธอจะแสดงสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ “ เมื่อคืน มันครั้งแรกของเรานะ” เธอบ่นพึมพำ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันทำให้เธอรู้สึกดีทุกอย่าง เธอยอมรับว่าตัวเองตั้งใจให้มันเป็นไปแบบนั้น แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าหากตื่นขึ้นมาแล้วเขายังอยู่ตรงนี้กับเธอ “ สงสัยเราคงจะตื่นสายเกินไป” หญิงสาวพยายามคิดบวก ก่อนจะลุกและเก็บเสื้อผ้าที่เขาถอดของเธอออกขึ้นมาสวมใส่ “ โอ๊ย” แต่เธอก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ มือเล็กกุมที่หน้าท้องน้อยของตัวเอง “ ทำไมมันถึงได้ปวดแบบนี้ล่ะ” พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เป็นคำตอบ ปากอิ่มก็อมยิ้มพลางหูแดงขึ้นมาทันที ณ แคมป์ก่อสร้าง “ ใกล้ความสำเร็จขึ้นเยอะเลยครับหัวหน้า นี่เก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย ก็หาเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งมาลงได้เลย” สำเนาหัวหน้าคนงานรายงานให้เจ้าไฟที่ยืนฟังอยู่ได้ทราบ “ อือ ดีมาก อย่าลืมบอกทุกคนว่าให้ตั้งใจทำงานดีๆ ล่ะ เพรา
“ กีรติกร” “ พี่ไฟ ยังไม่นอนเหรอคะ ” หญิงสาวหน้าแดงจนต้องรีบหลบสายตา เวลานั้นเขาก็ลุกขึ้นนั่ง “ เธอเป็นอะไร” เขาจ้องเธอด้วยใบหน้านิ่งขรึม “ แก้มฝันร้าย” มุมปากข้างซ้ายของเจ้าไฟกระตุกขึ้นในทันทีเมื่อได้เห็นท่าทีที่เธอแสดงออก เขาเดินลงจากเตียงและเดินสาวขายาวไปหาน้องที่มุมประตู “ เธอเลยจะมาขอนอนกับฉันใช่ไหม” ไม่พูดเฉยเขาใช้มือเชยคางตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาจ้องตา ความกลัวที่มีในแววตาของเธอมันช่างน่าขัน เธอกลัวเขาแต่เธอก็กลัวอย่างอื่นมากกว่าจนยอมที่จะมาขอนอนกับเขาเนี่ยน่ะ? ง่ายไปแล้วหรือเปล่า “ ไม่ได้เหรอคะ เตียงพี่ก็ออกจะกว้างนี่” เสียงหวานๆ ของเธอทำให้ชายหนุ่มหลุดจากห้วงความคิด “ จะถามว่าได้ไหม…มันก็ได้แหละ แต่เธอไม่กลัวว่า…ฉันจะทำอะไรให้เธอเหรอกีรติกร” ในขณะเดียวกันนิ้วโป้งใหญ่สอดเข้าไปในปากของน้อง กลิ่นตัวของเธอมันช่างหอมหวานจนเขาแทบจะอดใจไม่ไหว ไหนจะดวงตากลมโตราวลูกแก้วที่มองมา หัวใจของเจ้าไฟถึงกับร้อนผ่าวเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงดูดเบาๆ ตรงนิ้วโป้ง พอเห็นเขายิ้มเธอจึงดึงมือเขาออกพร้อมกับหลบหน้า “ อยากจะทำอะไร ก็ทำเลยค่ะ แต่แก้ม..ยังมีไข้อยู่นะ” เจ้าไฟส่ายหน้าเลิ่กลั่กให้กับคำพูด
“ ไม่เห็นอะไรเลยครับหัวหน้า” สำเนาพาเจ้าไฟมาดูกล้องวงจรปิดที่มีเพียง 4-5 ตัวบนเกาะ แต่กลับไม่พบถึงอะไรหรือใครที่เป็นพิรุธเลย “ แบบนี้ก็แสดงว่าคนที่ทำเป็นคนใน”เขาบ่นพึมพำแววตามีความกลุ้มใจดั่งกลับว่าเขาพอจะรู้อะไรบางอย่าง แต่แค่คิดกับมันไม่ตกก็เท่านั้น “ อีแก้มขวัญ!!” อยู่ๆ แป้งร่ำก็เกิดความโมโหและบุกมาหาแก้มขวัญถึงบ้าน “ เธอมาทำไมแป้งร่ำ” ป้าซาร่าที่กำลังช่วยเช็ดเป่าผมให้แก้มขวัญอยู่ตรงโซฟาในบ้านหันมาถามเธอ “ แกอย่าเสือก อีคนใช้” แป้งร่ำหันไปตวาดป้า ป้าก็ของขึ้นไม่ยอมโดนว่าฝ่ายเดียว “ ต๊าย! เก่งแต่ว่าคนอื่น มึงดีตายแหละอีแป้งร่ำ” “ นี่มึงกล้าขึ้นกูขึ้นมึงกับกูเพราะมันเหรอหะ” “ ก็เอ้อน่ะสิ ก็แก้มขวัญเขาดีกว่ามึง แถมยังเป็นเมียหัวหน้า แล้วมึงอะเป็นใคร แถมยังนิสัยต่ำๆ กูต้องเคารพด้วยหรือไง” แป้งร่ำกำหมัดแน่น เพื่อจะพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง “ มึงหรือเปล่าที่ถูกมันเป่าหูน่ะอีแก่ น้ำหน้าอย่างอีเด็กนี่เหรอ เป็นเมียเจ้าไฟ” แป้งร่ำกอดอกพลันหัวเราะเยาะทั้งคู่ ก่อนจะชะงักให้กับเสียงใครบางคน “ แล้วถ้าใช่ เธอจะทำไม” แป้งร่ำรีบหันไปมอง “ ฟะไฟ” เธอตกใจที่เห็นว่าชายหนุ่มเดินมายืนข้างๆ
“ อ๋าย!!!!” แป้งร่ำกรี๊ดลั่นบ้าน จนคนเป็นแม่อย่างทิพย์ต้องรีบวิ่งเข้ามาเขย่าตัวลูกสาว “ เป็นอะไรไปหลาน” อนันดาเองก็เดินเข้ามาถาม “ ลุงไม่ได้ยินที่พวกคนงานมันพูดเหรอ ว่าอีเด็กแก้มขวัญนั่นมันกลับมาแล้ว คนที่ไปพามันกลับมาก็คือเจ้าไฟ เห็นว่าหายไปด้วยกันทั้งคืน แถมตอนกลับยังเอาแต่อุ้มยัยเด็กนั่นไม่ยอมปล่อย ป่านนี้คงได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้วมั้ง” แป้งร่ำโวยวายมีสีหน้าท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ เอาน่ะหลาน จะกลุ้มใจเรื่องนั้นไปทำไม ผู้ชายนะมันจะมีเมียกี่คนก็ได้” “ แต่แป้งอยากเป็นคนแรก ที่สอนความเป็นชายให้กับไฟ ลุงไม่เข้าใจเหรอ!” “ อย่าคิดมากไปเลยน่ะลูก แล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไป ยังไงซะเด็กน้อยท่าทางจืดชืดแบบนั้นไม่มีทางที่จะสู้ลูกสาวของแม่ได้หรอก” ทิพย์พยายามพูดให้ลูกสาวใจเย็น “ตอนนี้เรามาคิดกันต่อดีกว่านะ ว่าถ้าเจ้าไฟรู้ว่าพวกเราเป็นต้นเหตุ มันจะเกิดอะไรขึ้น” สีหน้าของคนพูดหมองลงด้วยความกังวล แต่สามีของเธอก็ตอบกลับด้วยคำพูดที่ทำให้สบายใจขึ้นมาได้บ้าง “ จะไปคิดอะไรให้ปวดหัวล่ะทิพย์ ทั้งเกาะเนี่ยยังมีกล้องวงจรปิดไม่ถึง 5 ตัวเลย แล้วฉันก็หลบกล้องทุกตัวแล้ว จ้างให้ก็จับไม่ได้หรอก ถ้าเ
เช้าของวันต่อมาเอลิกเดินไปทั่วบริเวณแคมป์ก่อสร้าง “ มีใครเห็นบอสไฟบ้างไหม” เขาเดินเข้ามาในโรงอาหารแล้วถามกับคนงานที่นั่งทานข้าวกันอยู่ “ ห๊า หัวหน้าไฟก็หายไปอีกคนหนึ่งงั้นเหรอ” โสนเดินถือจานข้าวเข้ามาถาม “ ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าบอสเขาจะไปไหนที่ไม่ใช่ที่นี่เขาก็ต้องบอกก่อนสิ แต่นี่ฉันหาทั่วแล้วแต่ไม่เจอ” “ หรือว่าเขาจะออกไปตามหายัยเด็กแก้มขวัญนั่นหรือเปล่า” โสนเอ่ยขึ้นเป็นเชิงคาดเดา ก่อนที่พ่อของเธอจะเสริม “ นั่นสิ เห็นคุณนีวายก็เพิ่งกลับมาเมื่อชั่วโมงก่อนเอง ผมว่ารีบเกณฑ์คนออกไปตามหาดูเถอะ” ในระหว่างนั้นนีวายก็เดินเข้ามา “ เกิดอะไรขึ้นอีก” ทุกคนที่กำลังลุกนั่งลุกยืนหันมาจ้องเขา ซึ่งตอนนี้มีใบหน้าอิดโรยดั่งคนที่ไม่ได้หลับได้นอน ” บอสไฟ หายไปครับ ไม่รู้ว่าออกไปตามหากีรติกรหรือเปล่า” นีวายถึงกับถอนหายใจแรง หลังจากนั้นทุกคนก็ได้แยกย้ายกันออกไปเดินหา พวกเขาเดินไปยังหลังเกาะ ไม่นานก็เห็นใครบางคนกำลังเดินลุยน้ำทะเลมาทางนี้จากที่ไกลๆ “ นั่นๆ คุณนีวายครับ นั่นใช่หัวหน้าไฟหรือเปล่า” “ แล้วทำไมถึงกลับมาสภาพนั้น นั่นยัยแก้มขวัญเหรอ?” โสนจ้องมองร่างสีขาวๆ ซึ่งกระทบกับแสงอาทิตย์จนแ
“ วิ่งให้เร็วกว่านี้พี่ไฟ วิ่ง!! มันมาแล้วพี่ อ้าย!!” “ มันมีหมาป่าอยู่บนเกาะแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย!” เจ้าไฟบ่นด้วยความฉงน ก่อนพาร่างของหญิงสาว กระโดดลงที่ลำธารซึ่งขวางอยู่ด้านหน้าเพื่อหนีตาย เมื่อสองร่างกระแทกลงกับน้ำก็แยกตัวออกจากกัน แก้มขวัญที่ยังตั้งสติไม่มาก เหมือนกำลังจะจมหายไป แต่ชายหนุ่มก็รีบใช้แขนคล้องเอวของเธอมาแนบกายไว้ ก่อนจะรีบพาว่ายหนีอย่างทุลักทุเล แก้มขวัญที่เหมือนจะไม่มีแรงเหลือแล้วกอดคอของชายหนุ่มแน่น เจ้าไฟจึงให้เธอขี่หลังและว่ายผุดๆ โผล่ๆ ในน้ำ จนไปถึงอีกฝั่งได้ก็เผลอกินน้ำกันไปหลายอึก “ เฮ้อ” เมื่อขึ้นฝั่งมาได้ทั้งคู่ก็หอบเหนื่อย เจ้าไฟยกนิ้วกลางใส่หมาป่าพวกนั้น แต่กลับมีเรื่องให้ตกใจยิ่งกว่า เมื่อพวกมันที่เขาคิดไว้ว่าจะไม่ตามมาแล้วดันกระโดดลงน้ำว่ายตามมาเสียได้ “ พี่ไฟ!!” แก้มขวัญเห็นแบบนั้นก็เรียกเขาอย่างตกใจ ชายหนุ่มจึงรีบอุ้มร่างของเธอขึ้นแบกอีกรอบ เขาพาหญิงสาวมาซ่อนในถ้ำ ทำให้พวกหมาป่าที่พึ่งจะข้ามฝั่งมาหาทั้งคู่ไม่เจอ “ เฮ้อ หนีกระสุนหนีระเบิดยังไม่ขนาดนี้เลย” เขาบ่นพึมพำพลางเอนตัวพิงกับก้อนหินใหญ่ด้านหลัง หายใจหอบเหนื่อย จ้องมองพวกหมาป่าที่วิ่งผ่าน