เข้าสู่ระบบหยางหนานยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นตระหนก หากมิใช่เพราะหลิงอวี๋สังเกตเห็นไฝดำบนแผ่นหลังของรั่วหลาน และล่วงรู้ว่าเจี่ยงชิงเป็นสตรีป่านนี้ต่อให้รั่วหลานตายไปแล้วพวกเขาก็คงมิสงสัยเจี่ยงชิงอีกทั้งตนถูกพิษโดยมิได้สงสัยอ๋องซู่แม้แต่น้อย หากตนเพียงกล้าแตกหักกับเขา อ๋องซู่ก็มิจำเป็นต้องมอบยาถอนพิษให้ ก็สามารถสังหารตนได้ทุกเมื่อ!อ๋องซู่ในยามนี้มิใช่คนที่ต้องพึ่งพาตระกูลหยางเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว ต่อให้เขากำจัดตระกูลหยางทิ้งก็มิได้ส่งผลกระทบใดต่อตัวเขาเลย!“หึหึ มินึกเลยว่าตระกูลหยางของข้าจะเป็นเพียงผู้ที่ปูทางให้ผู้อื่นเสวยสุข ต้องเหนื่อยยากโดยเปล่าประโยชน์เสียจริง!”หยางหนานกล่าวเยาะหยันตนเอง“มิใช่แค่ชีวิตของข้าเท่านั้น ยังมีรั่วหลาน และกระทั่งชื่อเสียงความซื่อสัตย์สุจริตที่บิดาข้าสั่งสมมาทั้งชีวิต!”เซียวหลินเทียนกล่าวเสียงเรียบ “หยางหนาน หากเจ้าคิดว่าเรื่องที่อ๋องซู่และเจี่ยงชิงกระทำมีเพียงเท่านี้ เช่นนั้นเจ้าก็ดูแคลนพวกเขาสองคนเกินไปแล้ว!”หยางหนานมองเซียวหลินเทียนอย่างมิเข้าใจ “นายท่านอู่ เขายังทำสิ่งใดอีกหรือ?”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างมีความนัย “เจ้ามินึกสงสัยบ้างหรือว่า อ๋องซู่นำเงิ
หยางหนานดูเหมือนจะมิระแคะระคายเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เขากล่าวขึ้นอย่างซื่อ ๆ ว่า “มิใช่ว่าเขาก็กินโอสถของเจี่ยงชิงเหมือนพวกเราหรอกหรือ?”“หากเขามีวิธีอื่นใดที่สามารถยกระดับวรยุทธ์ได้ เขาจะต้องบอกข้าอย่างแน่นอน!”“อ๋องซู่กับข้าสนิทสนมกันประหนึ่งพี่น้องแท้ ๆ เขามีของดีอันใดล้วนแบ่งปันให้ข้าเสมอ!” หลิงอวี๋ถึงกับไร้คำพูด หยางหนานผู้นี้ช่างซื่อตรงเสียจริง มิน่าเล่าถึงได้ติดกับ ทั้งยังมิคลางแคลงใจในตัวอ๋องซู่แม้แต่น้อยเซียวหลินเทียนจ้องมองเขา กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หยางหนาน ข้ามายังปากั๋วโจว ก็พอได้ยินกิตติศัพท์นิสัยใจคอของบิดาเจ้ามาบ้าง!”“เขารักราษฎรประดุจบุตรธิดา ทำการยุติธรรมและเคร่งครัด ก็เพราะเขามีชื่อเสียงดีงามถึงเพียงนี้ พวกเราจึงได้ยอมเจรจากับพวกเจ้า!”“หยางหนาน ข้าขอถามเจ้า หากเพื่อยกระดับวรยุทธ์ แล้วต้องให้เจ้าฝึกฝนวิชานอกรีต สังหารผู้คนแย่งชิงพลังของผู้อื่น เจ้าจะยินยอมหรือไม่?”หยางหนานขมวดคิ้วทันที กล่าวเสียงขรึมว่า “ย่อมมิยินยอมอยู่แล้ว! หากท่านพ่อข้าน้อยรู้เข้า ท่านยอมทุบตีข้าน้อยให้ตาย ดีกว่าปล่อยให้ข้าน้อยประพฤติตัวเลวทรามเช่นนี้!”“หยางหนานผู้นี้ได้รับการอบรม
หยางหนานได้ยินดังนั้นก็รีบร้อนถาม “พระนางหลิง โอสถบำรุงวิญญาณมีความนัยใดแอบแฝงกันแน่? ท่านอย่าอ้อมค้อมอีกเลย บอกข้าน้อยมาให้หมดเถิด!”หลิงอวี๋กล่าวเสียงขรึม “หยางหนาน เมื่อครู่ข้าเจาะเลือดของเจ้าก็เพื่อต้องการตรวจสอบว่าในร่างกายของเจ้ามีพิษหรือไม่!”“และก็มิผิดจากที่ข้าคาดการณ์ ในเลือดของเจ้ามีพิษตกค้างของเถาเลือด หญ้ารากดิน และดอกใจเพลิงเจ็ดใบ!”“โอสถที่อ๋องซู่มอบให้เจ้านั้นมีส่วนผสมของสมุนไพรเหล่านี้อยู่ สมุนไพรพวกนี้ช่วยให้เจ้าเลื่อนขั้นวรยุทธ์ได้ก็จริง แต่พิษของมันกลับมิถูกร่างกายขับออกไปจนหมดสิ้น!”“เมื่อสะสมนานวันเข้า พิษร้ายเหล่านี้ก็จะกัดกร่อนอวัยวะภายในของเจ้า หากขาดยาถอนพิษเมื่อใด ก็อาจถึงแก่ชีวิตได้!”“และโอสถบำรุงวิญญาณที่อ๋องซู่มอบให้พวกเจ้าทุกสิบห้าวัน ก็คือสิ่งที่ใช้สะกดพิษเหล่านี้ไว้นั่นเอง!”หยางหนานและชิงเสวียนต่างฟังจนตกตะลึงอ้าปากค้างหยางหนานส่ายศีรษะอย่างมิอยากเชื่อ “เป็นไปมิได้! หากในโอสถมีพิษ ท่านแม่ของข้าจะมิล่วงรู้ได้อย่างไร?”หลิงอวี๋กล่าวเสียงเย็นชา “ข้ามิรู้หรอกว่าตอนที่ท่านแม่ของเจ้าตรวจสอบโอสถนั้น ในโอสถได้เติมสมุนไพรเหล่านี้ลงไปแล้วหรือไม่ แต่หาก
หลิงอวี๋มองหยางหนาน แล้วเอ่ยเสียงขรึม “หยางหนาน ข้าขอเจาะเลือดเจ้าสักหน่อยได้หรือไม่? มิมาก เพียงแค่หลอดเดียวก็พอ!”หยางหนานขมวดคิ้วมองหลิงอวี๋หลิงอวี๋หยิบหลอดเข็มสำหรับเจาะเลือดออกมาแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “หยางหนาน หากยังอยากเจรจากันต่อ ก็จงแสดงความจริงใจออกมาเสียหน่อย!”“อีกประการหนึ่ง การที่ข้าเจาะเลือดของเจ้าก็นับเป็นประโยชน์ต่อตัวเจ้าเอง หากเจ้ามิยินยอม เช่นนั้นพวกเราก็คงมิจำเป็นต้องเจรจากันอีกต่อไป!”ชิงเสวียนเหลือบมองหลอดเข็ม ก่อนจะดึงแขนเสื้อของหยางหนานหยางหนานกล่าวอย่างมิค่อยเต็มใจนัก “ก็ได้ ท่านเจาะไปเถิด!”หลิงอวี๋ถือหลอดเข็มเดินเข้าไป บอกให้หยางหนานพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นจึงสอดเข็มเข้าไปในท่อนแขนของเขาเพื่อเก็บเลือดมาหนึ่งหลอด“รอสักครู่!”หลิงอวี๋เดินออกไปด้านนอก นางนำโลหิตไปวิเคราะห์ในมิติหยางหนานมองไปที่ประตูอย่างกังขา ก่อนจะหันไปถามว่า “นายท่านอู่ พระนางหลิงทำเช่นนี้หมายความว่ากระไร?”เซียวหลินเทียนรู้ดีว่าหลิงอวี๋กำลังสงสัยสิ่งใด จึงเพียงยิ้มเล็กน้อย “รออีกสักครู่เดี๋ยวก็รู้เอง!”“หยางหนาน เจ้าควรทราบว่าพวกเรามิได้มีเจตนาร้ายต่อพวกเจ้า มิฉะนั้นคงมิเอ่ยถึงเรื
ชิงเสวียนเอ่ยแย้งขึ้นมาเช่นกัน “พวกท่านตาฝาดไปแล้วกระมัง!”“เจี่ยงชิง... แม้รูปร่างจะเล็กเตี้ย แต่เขาก็เป็นบุรุษโดยแท้ ทั้งยังมีลูกกระเดือก…”หลิงอวี๋แย้มยิ้มพลางหยิบลูกกระเดือกเทียมชิ้นหนึ่งออกมา ทาบลงบนลำคอของตนลูกกระเดือกเทียมชิ้นนี้มีสีราวกับผิวเนื้อของหลิงอวี๋ ทั้งยังแนบสนิทเป็นเนื้อเดียว มองแทบมิออกเลยว่าเป็นของปลอมครั้งนี้ที่หลิงอวี๋และหลิงหว่านออกมาภายนอกและปลอมตัวเป็นบุรุษ เพื่อมิให้ผู้ใดจับพิรุธได้ หลิงอวี๋จึงเตรียมลูกกระเดือกเทียมไว้ให้ทั้งตนเองและหลิงหว่านชิงเสวียนและหยางหนานจ้องมองอย่างตกตะลึง อ้าปากค้างพูดอันใดมิออก“หน้ากากหนังมนุษย์ของชิงเสวียนนับว่าสะดวกยิ่งนัก แต่ข้ากลับรู้วิธีปลอมตัวเป็นผู้อื่นโดยมิต้องอาศัยหน้ากากหนังมนุษย์!”“และข้าเชื่อว่าเจี่ยงชิงย่อมรู้วิธีการมิน้อยไปกว่าข้า!”หลิงอวี๋ยิ้มบางเบา “พวกเจ้ามิเชื่อ ก็สุดแล้วแต่จะหาวิธีพิสูจน์ในภายหน้า แต่หากเรื่องที่ข้าพูดเป็นความจริง ทั้งหมดนี้ก็สมเหตุสมผลแล้วมิใช่หรือ?”“เจี่ยงชิงเป็นสตรี นางวนเวียนอยู่ข้างกายอ๋องซู่ มิน่าจะเพียงเพื่อต้องการเป็นกุนซือเท่านั้นกระมัง?”“มิต้องพูดถึงเรื่องไกลตัว เอาแค่เร
จู้เฉียงยังมามิถึง หลิงหว่านก็พบพานหลินระหว่างทางเสียก่อน เมื่อพานหลินเห็นหลิงหว่านก็เอ่ยขึ้นทันที “พี่หว่านเอ๋อร์ ฮูหยินหยางส่งคนมาตามหาฮูหยินอู่อีกสองคนแล้วเจ้าค่ะ!”ใจของหลิงหว่านไหววูบ กล่าวว่า “ให้พวกเขาเข้ามาเถิด!”หลิงหว่านเองก็มิได้รีบร้อนไปหาจู้เฉียง เพียงยืนรออยู่ที่เดิมครู่ต่อมา ชิงเสวียนที่ปลอมแปลงโฉมแล้ว ก็พบบุรุษผู้หนึ่งที่แต่งกายคล้ายบ่าวรับใช้เข้ามาบุรุษผู้นั้นรูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่าชิงเสวียนหนึ่งศีรษะ ทั้งหน้าตาก็แสนธรรมดาสามัญชิงเสวียนเห็นหลิงหว่าน ก็แนะนำบุรุษข้างกายทันที “นี่หยางหนาน พี่ชายของรั่วหลาน!”“คุณหนูเจียง โปรดนำพวกเราไปพบฮูหยินอู่ด้วย!”หลิงหว่านรู้ว่าหยางหนานเองก็ปลอมตัวมาเช่นกัน จึงนำทางไปเบื้องหน้าโดยมิเอ่ยคำใดเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋เห็นหลิงหว่านพาคนกลับมาสองคนก็มิได้ประหลาดใจชิงเสวียนแนะนำหยางหนานให้หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนหยางหนานทำเช่นเดียวกับที่ชิงเสวียนทำก่อนหน้า เขาฉีกหน้ากากหนังมนุษย์ออกหยางหนานอายุราวยี่สิบปี อาจเป็นเพราะสายเลือดของฮูหยินหยางเข้มข้นยิ่งนัก หยางหนานจึงรูปงามสง่า คิ้วเข้มตาโต เครื่องหน้าหมดจดงดงามข้อแตกต่างเ







