LOGINช่างเผิงรีบตะโกนขึ้นมาว่า “ได้ ข้าตกลงตัดขาดกับเจ้า!”“แม่ทัพฟาง ตอนนี้ข้ากับพานเหมยไร้ซึ่งความเกี่ยวข้องฉันสามีภรรยากันแล้ว ท่านจะสังหารผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจมิได้!”ช่างเฉียงและช่างอี้ได้ยินดังนั้น แววตาก็เป็นประกายพวกเขาต่างเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอุบายเอาตัวรอดของมารดา จึงพากันตะโกนขึ้นมา“ถูกต้อง ท่านแม่กับท่านพ่อของข้าตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว นางมิได้เกี่ยวข้องกับพวกเราอีก แม่ทัพฟาง ท่านรีบปล่อยพวกเขาไปเถิด!”ฟางเจ๋อค่อย ๆ ลดกระบี่ลงเขากับหลิงอวี๋ต่างรู้ดีว่าหนังสือตัดขาดฉบับนี้มิใช่เรื่องเท็จ ฮูหยินช่างตั้งใจจะตัดขาดความสัมพันธ์กับช่างเผิงจริง ๆน่าขันนักที่ช่างเผิงยังหลงคิดว่าเป็นเพียงแผนถ่วงเวลาของนาง!หารู้ไม่ว่าเป็นเรื่องจริง!“ตัดขาดความสัมพันธ์รึ!”พานเหมยเห็นช่างเผิงเข้าใจเจตนาของตนผิดไป นางจึงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ช่างเผิง ท่านคิดว่านี่เป็นเรื่องลวงหรือ?”“หามิได้... นี่คือเรื่องจริง! ข้าพานเหมย ต่อให้ต้องตายก็ขอตัดความสัมพันธ์กับท่าน!”“เพราะท่านมิคู่ควรให้ข้าเป็นสามีภรรยากับท่านอีกต่อไปแล้ว มิคู่ควรที่ข้าจะต้องทุ่มเทเสียสละให้อีกแล้ว!”พานเหมยหันไปทางโจวฮุยแ
ใบหน้างดงามเย้ายวนนั้น ถูกขับเน้นด้วยอาภรณ์หรูหราจนแลดูสง่างามสูงศักดิ์ความสูงส่งของพระชายาอ๋องจิ้น เมื่อนำมาเทียบกับฮูหยินช่างที่แต่งกายเรียบง่ายธรรมดา ช่างแตกต่างกันราวดินกับฟ้าเมื่อหลิงหว่านเห็นดังนั้น ในใจก็บังเกิดความรู้สึกสงสารเห็นใจฮูหยินช่างจับใจพระชายาอ๋องจิ้นเดินไปหยุดยืนข้างช่างเผิง ยืนเคียงบ่าไหล่ชายร่างสูงใหญ่ผู้นี้ช่างดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง“ฟางเจ๋อ เจอท่านน้ายังมิทำความเคารพอีก!”พระชายาอ๋องจิ้นราวกับมิเห็นท่าทีที่ตึงเครียดราวกับพร้อมปะทะของฟางเจ๋อ นางยังคงแย้มยิ้มทักทายฟางเจ๋อตวัดสายตามองพระชายาอ๋องจิ้นอย่างรังเกียจก่อนที่เขาจะล่วงรู้เรื่องที่พระชายาอ๋องจิ้นลอบคบชู้กับช่างเผิง ฟางเจ๋อและนางเป็นเพียงผู้ที่มีความคิดเห็นทางการเมืองต่างกัน มิร่วมทางกันเท่านั้นทว่าเมื่อรู้ความจริง ความรู้สึกที่ฟางเจ๋อมีต่อพระชายาอ๋องจิ้นก็เหลือเพียงความขยะแขยงชิงชัง“พระชายาอ๋องจิ้น เมื่ออยู่ต่อหน้าทัพสองฝ่าย ย่อมมินับญาติ ความสัมพันธ์ทางเครือญาติระหว่างเรา มิต้องกล่าวถึงจะดีกว่า!”ฟางเจ๋อกล่าวเสียงเย็นชาประโยคหนึ่ง ก่อนจะนับต่อ “เจ็ด...”พระชายาอ๋องจิ้นยังคงประดั
ช่างอี้และช่างเฉียงมองกระบี่อันเย็นเยียบของฟางเจ๋อที่จ่ออยู่บนลำคอของมารดาตนเองด้วยความตึงเครียดช่างเฉียงร้อนใจจนเผลอคว้าแขนเสื้อของช่างเผิง “ท่านพ่อ แลกเปลี่ยนเถิดขอรับ!”ช่างเผิงสะบัดมืออย่างแรงจนมือของช่างเฉียงหลุดออกไป แล้วตวาดกร้าวว่า “พูดจาเหลวไหลอันใด!”“ในค่ายทหารไม่มีสัมพันธ์พ่อลูก มีเพียงข้าที่เป็นแม่ทัพและเป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้า อย่าได้ทำตัวมิรู้จักที่ต่ำที่สูง!”“ยามนี้สองทัพกำลังเผชิญหน้ากัน หากข้าผู้เป็นแม่ทัพยอมอ่อนข้อ แล้วจะปกครองเหล่าทหารได้อย่างไร?”คำตำหนิของช่างเผิงทำให้ช่างเฉียงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนน้ำตาคลอเบ้านี่มันจะเหมือนกันได้อย่างไร?นั่นคือมารดาของเขาเชียวนะ!ช่างอี้เองก็ร้อนใจดั่งไฟสุม มองมารดาที่ถูกคมกระบี่ข่มขู่ที สลับกับมองบิดาผู้ยึดมั่นในหลักการจนมิเห็นแก่หน้าใครที ทำได้เพียงยืนนิ่งทำอะไรมิถูกช่างเผิงรับตำแหน่งอยู่ในค่ายทหาร แทบจะมิได้กลับบ้านเลยเป็นมารดาที่เลี้ยงดูพี่น้องทั้งสามคนมาจนเติบใหญ่หากจะนับกันตามจริง สองพี่น้องช่างอี้สนิทสนมกับมารดามากกว่าบิดาการต้องทนมองดูมารดาตายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ เขาจะทำใจได้อย่างไรกัน!ทว่าเหล่าทหา
“ฟางเจ๋อ ปล่อยท่านแม่และน้องสาวข้ามาเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้ามิไว้ชีวิตท่านแน่!”ช่างอี้คำรามลั่นฮูหยินช่างเห็นดังนั้น จึงคิดจะก้าวออกไปเจรจา แต่กลับถูกหลิงอวี๋ขวางไว้หลิงอวี๋โน้มกายกระซิบถ้อยคำเพียงมิกี่ประโยคที่ข้างหู ฮูหยินช่างก็ชะงักงันทันทีจากนั้นหลิงอวี๋ก็เดินไปเบื้องหน้าฟางเจ๋อ เอ่ยกระซิบกับเขาอีกมิกี่ประโยคแววตาของฟางเจ๋อไหววูบก่อนจะพยักหน้าครั้นแล้วฟางเจ๋อก็ก้าวออกไปเบื้องหน้า และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ช่างอี้ เจ้าไม่มีอำนาจตัดสินใจ ให้ท่านพ่อของเจ้าออกมาเจรจาเถิด!”ช่างอี้จ้องเขม็งไปยังฟางเจ๋ออย่างอาฆาต ทว่าครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อครู่ ด้วยมารดาและน้องสาวตกอยู่ในเงื้อมมืออีกฝ่าย เขาจึงมิกล้ากำเริบเสิบสานดังเดิม“มีคนไปเชิญแล้ว! ท่านก็รอไปเถอะ!”ช่างอี้เห็นช่างเฉียงวิ่งออกไป ก็รู้ว่าเขาไปเชิญท่านพ่อ จึงกล่าวอย่างมิสบอารมณ์นักรอเพียงมินาน ช่างเผิงและช่างเฉียงก็รีบร้อนวิ่งมาครั้นช่างเผิงมาถึงหน้าแนวรบ ก็เหลือบไปเห็นฮูหยินช่างและช่างเจวียน สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลง“ฟางเจ๋อ เจ้าต้องการสิ่งใด?”ช่างเผิงตวาดถาม “ข่มขู่สตรีและเด็ก นี่คือสิ่งที่แม่ทัพใหญ่พึงกระทำห
หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ ช่างเผิงผู้นี้ยึดค่ายทหารไว้ก็เพื่อรอให้หลงซู่มาสมทบกระมัง!“ฮองเฮาหลิง เรื่องนั้นท่านพิสูจน์ได้แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางเจ๋อเอ่ยถามหลิงอวี๋พยักหน้า “ข้าเกลี้ยกล่อมฮูหยินช่างให้มาเป็นพยานได้แล้ว อีกสักครู่ฮูหยินช่างก็จะมาถึง!”ฟางเจ๋อชะงักงันไปครู่หนึ่ง “ฮูหยินช่างล้มป่วยนอนติดเตียงอยู่มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”หลิงอวี๋เอ่ยสั้น ๆ “นางมิได้ป่วย แต่ถูกวางยาพิษ!”สีหน้าของฟางเจ๋อย่ำแย่ลงทันทีเมื่อเชื่อมโยงถึงเรื่องที่ช่างเผิงลอบมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพระชายาอ๋องจิ้น ต่อให้เขาโง่เขลาเพียงใดก็ย่อมเดาได้ว่าเหตุใดฮูหยินช่างจึงถูกวางยาพิษ!“ฮูหยินช่างติดตามเขามาเกือบยี่สิบปี เขาทำใจดำอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”ฟางเจ๋อมิอยากจะเชื่อเลยว่า ช่างเผิงจะเป็นคนเลือดเย็นไร้คุณธรรมถึงเพียงนี้!สำหรับหลิงอวี๋ เรื่องราวเช่นนี้ได้ยินมาจนชินชาแล้ว จึงมิได้รู้สึกประหลาดใจอันใดนางคาดว่าฮูหยินช่างใกล้จะมาถึงแล้ว จึงกล่าวกับฟางเจ๋อว่า “เรียกช่างเผิงออกมา!”ฟางเจ๋อพยักหน้า ก่อนจะรวบรวมกำลังภายในตะโกนก้อง “ช่างเผิง ไสหัวออกมา ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน!”“ช่างเผิง อย่าคิดว่าเรื่องชั่วช
ครั้นรู้ว่าช่างเจวียนแอบติดตามช่างเผิง ฮูหยินช่างก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ นางทั้งปลอบทั้งขู่บังคับมิให้ช่างเจวียนทำเรื่องอันตรายเช่นนี้อีกในภายภาคหน้าฮูหยินช่างเตือนช่างเจวียนว่า “เรื่องนี้เจ้าจงเก็บให้มันตายไปกับตัว! ต่อไปอย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของพวกเขาอีก มิฉะนั้น หากพระชายาอ๋องจิ้นจะสังหารเจ้าก็ง่ายดายดุจดังบี้มดตัวหนึ่ง!”แม้ช่างเจวียนจะรับปากว่ามิแพร่งพราย แต่ในใจนางก็นับถือช่างเผิงมิลงอีกแล้ว ทั้งยังมีท่าทีหมางเมินต่อเขาฮูหยินช่างครุ่นคิด พลางเอ่ยอย่างสิ้นหวัง “แม่นาง ข้าควรทำเช่นไรดี?”นางพยุงกายลุกขึ้น และคว้ามือของหลิงอวี๋ไว้มั่น “ท่านช่วยสอนข้าที ช่วยลูกทั้งสองของข้าด้วยเถิด!”“ช่างเผิงคิดการใหญ่ไปเข้ากับคนชั่ว มิเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา มิเห็นแก่สายสัมพันธ์พ่อลูก เขาตายไปก็มิน่าเสียดาย!”“แต่ช่างอี้และช่างเฉียง พวกเขาสองคนเป็นผู้บริสุทธิ์! พวกเขามิเคยทำเรื่องชั่วร้ายใด ๆ เลย!”“ข้ามิอาจทนดูพวกเขากระโจนสู่กองไฟตามช่างเผิงไปได้!”ช่างเจวียนพลันได้สติ เมื่อคิดว่าอนาคตของพี่ชายทั้งสองกำลังจะพังทลายลงในพริบตา นางก็มิลังเลอีกต่อไป ทรุดกายคุกเข่าลงกับพื้นทันที“พี่หญ







