เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเซียวหลินเทียนสามารถคาดเดาความคิดของตนได้ในชั่วพริบตา ในใจของนางก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาบุรุษผู้นี้รู้จักตนดีจริง ๆ!“ใช่แล้ว ข้าคิดวิธีที่จะเป็นผลดีกับทั้งสองฝ่ายได้แล้ว!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เซียวหลินเทียน เจ้ายังจำเครื่องยาสมุนไพรที่ไปหาที่ภูเขาหมางหลิ่งกับข้าครั้งที่แล้วได้หรือไม่ ข้าใช้เครื่องยาสมุนไพรชนิดนั้นมาทำเป็นโอสถพรางชีพ”“เฉียวไป๋ ก่อนที่เจ้าจะเข้าไปในบ้านตระกูลเฉียวก็กินโอสถพรางชีพไปก่อน ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้นเจ้าจะเข้าสู่สภาวะแกล้งตาย!”“ก่อนที่เจ้าจะตาย จงหาวิธีให้ฮูหยินเฉียวรับปากต่อหน้าธารกำนัลว่าจะฝังศพท่านอาเฉียวและชิงเหวินอย่างสงบให้ได้!”“เช่นนี้แล้ว พ่อแม่ของเจ้าก็จะได้พักผ่อนอย่างสงบเช่นกัน! แล้วตอนกลางคืนเราจะหาศพมาแทนที่เจ้า จากนั้นเจ้าก็ออกจากเมืองหลวงแดนเทพไปพร้อมกับป้าวซวน!”เซียวหลินเทียนยิ้มออกมา วิธีง่ายดายเช่นนี้เหตุใดเขาจึงคิดมิออกกันนะ!เช่นนี้มิต้องใช้กำลังเข้าบุกก็สามารถช่วยเฉียวไป๋นำศพพ่อแม่ของเขาออกมาได้ ทั้งยังทำให้เฉียวไป๋หลบหนีได้ด้วยเฉียวไป๋ฟังแล้วก็ตกตะลึง สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?แต่เ
เมื่อหลิงอวี๋เห็นท่าทีละอายของเฉียวไป๋ นางก็เดาเรื่องราวเบื้องหลังได้ นางครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยออกมา“หากพึ่งกำลังของเจ้าเพียงผู้เดียวมิสามารถนำศพของบิดามารดาเจ้าออกมาได้หรอก และข้าเองก็มิต้องการให้เจ้าไปรนหาที่ตายด้วย!”“อยู่ที่นี่ก่อนเถิด พวกเรามาคิดวิธีไปด้วยกัน!”หลิงอวี๋รับปากกับป้าวซวนแล้วว่าจะช่วยเฉียวไป๋ ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเฉียวไป๋มุ่งมั่นที่จะไปตายเช่นนี้ นางก็มิอาจนิ่งดูดายได้เฉียวไป๋มองหลิงอวี๋อย่างงุนงง ตระกูลเฉียวทำให้นางลำบากครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางกลับมิถือโทษโกรธและยินดีที่จะช่วยเหลือตนอีกกระนั้นหรือ?“นั่งลงก่อนสิ เรามาหารือกันว่าจะใช้วิธีใดนำศพของบิดามารดาเจ้าออกมาจากตระกูลเฉียว!”หลิงอวี๋เรียกให้เฉียวไป๋นั่งลงเซียวหลินเทียนก็ครุ่นคิดขึ้นมาแล้วหากจะช่วยคนคนหนึ่งจากบ้านตระกูลเฉียวก็คงมิยากนักแต่ประเด็นสำคัญคือสิ่งที่พวกเขาต้องนำออกออกมาคือศพสองศพนี่สิเพื่อที่จะบังคับให้เฉียวไป๋ปรากฏตัว ตระกูลเฉียวจะต้องมีการป้องกันอย่างแน่นหนาเป็นแน่มิแน่ว่าอาจจะขอคนของมหาปราชญ์มาช่วยก็เป็นได้หากบุกเข้าไปตรง ๆ ที่นี่ก็เป็นเมืองหลวงที่อยู่ใต้เท้าของมหาเทพ หากเกิดความเคลื่
“พี่ฟญิงหลิงอวี๋ ตอนนี้เฉียวไป๋กำลังถูกตระกูลเฉียวตามล่าอยู่ คนที่สามารถช่วยเขาได้ก็มีเพียงพวกท่านเท่านั้น!”“ท่านโปรดกรุณา ช่วยเขาด้วยเถิด!”เมื่อป้าวซวนเห็นว่าหลิงอวี๋เงียบไป ก็คิดว่านางมิยินดีช่วยเหลือ จึงเอ่ยขอร้องต่อ“ท่านฉลาดยิ่งนัก ท่านจะต้องมีวิธีเป็นแน่!”หลิงอวี๋กลืนมิเข้าคายมิออก ตนเป็นเพียงหมอที่มีทักษะการแพทย์ค่อนข้างดีมากเท่านั้นเอง นางมิรู้อะไรเรื่องการขโมยศพทั้งนั้น!“ข้าขอคิดก่อนแล้วกันว่าจะช่วยอย่างไรดี!”หลิงอวี๋เอ่ยปลอบใจป้าวซวน “เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด หากข้าคิดวิธีออกแล้วจะบอกเจ้า!”“อื้ม!”ป้าวซวนเองก็รู้ว่าคำขอของตนนั้นค่อนข้างจะมากเกินไปสักหน่อยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ถูกตระกูลเฉียวตั้งหมายจับค่าหัว แต่ตอนนี้ตนกลับขอให้หลิงอวี๋ช่วยเหลือเฉียวไป๋อย่างใจกว้างเช่นนี้ หากหลิงอวี๋มิยินดีจะช่วยจริง ๆ นางก็มิสามารถบอกว่าหลิงอวี๋ผิดได้เช่นกันป้าวซวนครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆ และกลับไปส่วนหลิงอวี๋เดินเตร่อยู่ในสวนดอกไม้พลางครุ่นคิดว่าจะช่วยเฉียวไป๋อย่างไรมิรู้ว่านางเดินอยู่นานเท่าใดแล้ว จนหานเหมยเดินเข้ามา“คุณหนู เฉียวไป๋มาเจ้าค่ะ บอกว่านำของกำนัลมามอบให้ท่าน! อ
แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิยอมรับเจ้าแห่งทะเลเป็นบิดา แต่ตามที่พวกเขาบอก ตนก็คือธิดาของเจ้าแห่งทะเลหากเป็นตามนี้ เจ้าแห่งทิศใต้ก็คือลุงแท้ ๆ ของตน และหลงเพ่ยเพ่ยเองก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของตนเช่นกัน นางจะทนมองเจ้าแห่งทิศใต้และหลงเพ่ยเพ่ยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากโดยมิช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไรกัน!สำหรับสิ่งที่หลงจิ้งฝากฝังนั้น หลิงอวี๋พยักหน้ารับด้วยความรู้สึกหนักใจตอนนี้พวกเขาและครอบครัวเจ้าแห่งทิศใต้ล้วนเป็นหนามยอกอกของเจ้าแห่งทะเล มีเพียงการร่วมแรงร่วมใจกันเท่านั้นจึงจะสามารถฝ่าฟันความยากลำบากกันไปได้“ท่านพี่สาม ท่านเดินทางไปครานี้ก็ต้องระวังตัวเช่นกัน!”ในที่สุดหลิงอวี๋ก็เรียกหลงจิ้งว่าท่านพี่สามแล้วนางรู้ความแข็งแกร่งของตงกู่อวี้ นางตัดสินใจแน่วแน่แล้วที่จะช่วยฝูไห่ ใครก็ตามที่ขัดขวางมิให้นางบรรลุเป้าหมายก็ล้วนเป็นศัตรูของนางทั้งสิ้นหลงจิ้งไปในครานี้มีความเป็นไปได้ที่จะมิได้กลับมาอีก!“เมื่อพวกเราช่วยมารดาของเย่หรงออกมาได้แล้ว จะรีบตามไปสมทบกับพวกท่าน!”เลี่ยวหงเสียเป็นคนเพียงคนเดียวในใต้หล้าที่รู้ความลับของหลงอี้ หากพวกของหลงจิ้งมิสามารถหยุดยั้งตงกู่อวี้ได้ ความลับที่เลี่ยวหง
เมื่อแม่ทัพเติ้งเห็นว่ามิสามารถหยุดยั้งฝูงชนที่โกรธแค้นเหล่านี้ได้ เขาก็ครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันดัง“จ้าวหรุ่ยหรุ่ยบำเพ็ญตนในเส้นทางชั่วร้าย อีกทั้งยังสังหารเฉียวเค่อและผู้อื่นเพื่อแย่งชิงพลังไปด้วย พฤติกรรมเช่นนี้โหดร้ายและอำมหิตยิ่งนัก!”“ข้าจะยึดตามกฎหมาย ตัดสินประหารชีวิตจ้าวหรุ่ยหรุ่ยด้วยการเฉือนเนื้อเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง!”แม่ทัพเติ้งทำตามสถานการณ์ ใช้เรื่องนี้ช่วยให้ฮูหยินเฉียวและคนอื่น ๆ ได้แก้แค้นให้ญาติของพวกเขาสมใจ!ทั่วทั้งสถานที่นั้นเต็มไปด้วยเสียงเฮลั่นขึ้นมาทันทีหลิงอวี๋มองจ้าวหรุ่ยหรุ่ยถูกบรรดาเจ้าทุกข์เฉือนเนื้อหนังไปทีละคน ๆ อย่างมิแยแสเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเมื่ออยู่ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของฝูงชนเห็นได้ชัดว่าแทบไม่มีความหมายใดภายใต้การลงโทษเช่นนี้มินานจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ทรุดลงไป จากนั้นหลิงอวี๋ก็หันหน้าออกจากหน้าต่างโดยที่ยังดูมิจบจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะคิดทบทวนชีวิตของนางหรือไม่นะ?นางจะสำนึกผิดหรือไม่ว่า มิควรเลยเถิดไปไกลจนทำให้ตนต้องลงเอยที่จุดจบเช่นนี้?“พวกเรากลับกันเถิด!”เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋เดินออกไปข้างนอก เ
เมื่อหลงจิ้งได้ยินคำถามที่ถามตน เขาก็เอ่ยออกมา “ข้าให้คนไปสืบดูแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีข่าวอะไรทั้งนั้น!”“ตามที่คนของข้าบอกมาก็คือ ยอดเขาเทพธิดามีการป้องกันเข้มงวดยิ่งนัก คนภายนอกมิสามารถเข้าไปได้เลย!”“แต่พวกท่านมิต้องกังวล คนที่ทำงานให้ข้าเป็นคนฉลาดมาก เขาติดสินบนนางรับใช้คนหนึ่งที่อยู่ในนั้นไว้แล้ว อีกมินานน่าจะได้ข่าวอะไรบ้าง!”เซียวหลินเทียนพยักหน้า สายลับที่เขาส่งไปสืบเรื่องสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็มิได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ใด ๆ เช่นนั้น ในตอนนี้จึงทำได้เพียงรอเท่านั้นเมื่อเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋เห็นว่าเรื่องราวทุกอย่างคุยกันได้อย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาก็กล่าวลาเมื่อทั้งสองคนเดินออกมาจากจวนเจ้าแห่งทิศใต้ องครักษ์ที่รออยู่หน้าประตูก็ก้าวเข้ามากระซิบรายงาน“ฝ่าบาท คดีของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เริ่มการพิจารณาคดีที่ศาลาว่าการแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ พร้อมเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยถาม “อาอวี๋ เจ้าอยากไปดูหรือไม่?”ยามนี้เซียวหลินเทียนค่อนข้างรู้สึกซับซ้อนเมื่อเผชิญหน้ากับหลิงอวี๋หลิงอวี๋มิเคยพูดกับตนมาก่อนว่านางเป็นคนที่กลับชาติมาเกิดใหม่ เรื่องนี้ทำให้เซียวหลินเทียนรู้สึกมิสบาย
เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าครอบครัวของเจ้าแห่งทิศใต้จริงใจเช่นนี้ นางก็มิได้ใส่ใจอะไร“เจ้าแห่งทิศใต้ ข้าและเย่หรงต่างก็พิสูจน์ได้ว่าเรื่องกลับชาติมาเกิดมีอยู่จริง ดังนั้นการที่ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดก็มิแปลกเช่นกัน!”“หากนางมีความทรงจำจากชาติก่อนมาด้วยเช่นเดียวกับพวกเรา นั่นก็เท่ากับว่านางมีความรู้และความสามารถแข็งแกร่งกว่าพวกท่าน!”“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดสามครั้งแล้ว แต่ที่เมืองหลวงแดนเทพมิได้มีเรื่องใหญ่ใด ๆ เกิดขึ้น นี่ก็อธิบายได้เช่นกัน!”หลิงอวี๋คิดพลางเอ่ยออไป “การกลับชาติมาเกิดเป็นเรื่องลึกลับยิ่งนัก ใครก็มิอาจรับรองได้ว่าตนกลับชาติมาเกิดแล้วจะได้เกิดในครอบครัวที่ตนต้องการ!”“ก่อนหน้านี้ตงกู่อวี้มิได้ทำให้เกิดความปั่นป่วนใด ๆ อาจด้วยเพราะเกิดเรื่องมิคาดคิดขึ้น อย่างเช่นนางยังมิทันได้โตเป็นผู้ใหญ่ก็ตายเสียแล้ว!”“หรือบางทีครอบครัวที่นางกลับชาติมาเกิดก็มิอาจทำให้นางทำตามความฝันได้!”“หรืออาจจะถึงขั้นที่ว่า นางกลับชาติมาเกิดเป็นหมูเอยหรือสุนัขเอย นางก็ย่อมมิสามารถทำให้เกิดความปั่นป่วนใด ๆ ได้อยู่แล้ว”เซียวหลินเทียนและครอบครัวของเจ้าแห่งทิศใต้ฟังแล้วก็ตกตะลึง แต่เมื่อลองคิดดู สิ
หลงจิ้งคือคนที่รู้สถานการณ์ของเจ้าแห่งทิศใต้ในราชสำนักดีที่สุด เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าแล้วเอ่ยออกมา “สิ่งที่ท่านพ่อข้าพูดคือความจริง!”“หลายปีที่ผ่านมานี้ ตระกูลเหล่านี้ต่างก็แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน และล้วนรักษาความสงบภายนอกเอาไว้!”“นี่หากเสด็จปู่ของข้าให้พวกเขาไปจัดการฝูไห่ พวกท่านเชื่อหรือไม่ว่า จะมีคนครึ่งหนึ่งยอมจำนนต่อฝูไห่!"หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะถามออกไป “แต่ยามนี้ตระกูลหลงกุมอำนาจอยู่ ตระกูลเหล่านั้นมิสามารถสั่งการได้ หรือว่าตระกูลหลงก็ไม่มีใครที่สามารถยืนหยัดต่อต้านตงกู่อวี้ได้เลยหรือ?”“ตอนนี้ฝูไห่ยังมิได้รับการช่วยเหลือออกมา ด้วยความแข็งแกร่งของตงกู่อวี้แล้ว ขอเพียงคนของตระกูลหลงร่วมแรงร่วมใจกัน จะต้องสามารถปราบนางได้อย่างแน่นอน!”เจ้าแห่งทิศใต้มองหลิงอวี๋ แล้วเอ่ยออกมาอย่างขมขื่น “ตระกูลหลงมีคนอยู่มากมาย แต่คนที่มีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธ์ที่สุดก็คือเจ้าแห่งทะเล”“หากแม้แต่เจ้าแห่งทะเลก็มิลุกขึ้นมาจัดการกับตงกู่อวี้ คนอื่น ๆ จะยอมไปตายเปล่า แล้วให้เจ้าแห่งทะเลได้ประโยชน์หรือ?”หลงจิ้งก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน “หลิงอวี๋ เมื่อครู่ข้ามาหาพวกเจ้าก็เพราะต้องการจะบอกพวกเจ้าว่า มิรู้
เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยออกมา “จ้าวซวนจัดการส่งสายลับไปติดตามเขาอยู่ เขามิได้ทำเรื่องโง่เขลา และซ่อนตัวอยู่แถว ๆ บ้านตระกูลเฉียว เขาคงจะอยากขโมยศพบิดามารดาของเขาออกมา!”“เดิมทีฮูหยินเฉียวต้องการจะนำร่างของท่านอาเฉียวและชิงเหวินไปเฆี่ยนตีที่หน้าหลุมศพของอดีตผู้นำตระกูลเฉียว แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวห้ามไว้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวบอกว่า ถือว่าเป็นการสะสมบุญกุศลเพื่อตัวฮูหยินเฉียวเอง นางก็มิควรทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้!”“สุดท้ายฮูหยินเฉียวก็ยอมประนีประนอม แต่มิยอมปล่อยเฉียวไป๋ไป นางบอกว่ามีเพียงแค่เฉียวไป๋จะต้องตายเท่านั้น นางจึงจะหายโกรธได้!”“นางเก็บร่างของท่านอาเฉียวและชิงเหวินไว้ที่บ้านตระกูลเฉียว แล้วบอกว่าให้เวลาเฉียวไป๋เจ็ดวันให้กลับไปยอมรับผิดที่บ้านตระกูลเฉียวด้วยตนเอง มิฉะนั้นนางจะบดขยี้ท่านอาเฉียวและชิงเหวินจนกลายเป็นผุยผงจนมิอาจกลับชาติมาเกิดได้อีกตลอดกาล!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว นี่เป็นการบีบให้เฉียวไป๋ต้องเผยตัวออกมามิใช่หรือ?หากเฉียวไป๋มิสามารถขโมยร่างของบิดามารดาตนออกมาได้ ก็เกรงว่าจะพาตนเข้าไปตกหลุมพรางเข้าจริง ๆ และใช้ตนเองแลกกับการได้ฝังบิดามารดาอย่างสงบเมื่อเซียวหลิน