“พี่หญิงหลิงหลิง จะต้องมีคนทรยศพวกเราอย่างแน่นอน!”เย่หรงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนใจเช่นกัน “พวกเราหาสถานที่ปลูกฝิ่นพบแล้ว แต่ผลของมันถูกเก็บเกี่ยวไปแล้ว และโกดังที่ใช้เก็บผลของมันก็ว่างเปล่าทั้งหมด!”“พวกเขาจะต้องรู้แน่นอนว่าพวกเราจะมาทำลาย พวกเขาจึงได้ขนย้ายออกไปก่อน!”เมื่อหลิงอวี๋นึกถึงการพบกับเจ้าแห่งทะเลที่ห้องปรุงโอสถ นางก็เอ่ยออกมา “ทางข้าก็ถูกซุ่มโจมตีเช่นกัน อูอวี๋หลานมิได้อยู่ที่ถ้ำ แต่นางกำลังรอข้าอยู่ที่ห้องปรุงโอสถ!”“เรื่องนี้ค่อยตรวจสอบกันทีหลัง สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือพวกเราต้องรีบไปรวมตัวกับพวกเซียวหลินเทียน!”“หากมีหนอนบ่อนไส้อยู่ คาดว่าทางด้านพวกเขาก็คงถูกซุ่มโจมตีเช่นกัน!”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงพยักหน้า จากนั้นก็ตามหลิงอวี๋ไปรับเถาจื่อและแม่นางเฟิ่งอีกด้านหนึ่ง เมื่อเถาจื่อเห็นว่าหลิงอวี๋ไปแล้ว นางก็แสดงด้านร้ายกาจออกมาทันที นางชักกริชออกมาแทงไปที่แม่นางเฟิ่งเพียงแต่ยังมิทันที่กริชจะได้แทงเข้าที่หน้าอกของแม่นางเฟิ่ง แม่นางเฟิ่งก็ลืมตาขึ้นมาเสียก่อนเมื่อเห็นสีหน้าร้ายกาจของเถาจื่อ แม่นางเฟิ่งก็ตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วก็กลิ้งตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็วจากนั้นนางก็ว
ใบหน้าที่เย็นชาและงดงามนั้น ทั้งจมูก ตาและริมฝีปากล้วนเต็มไปด้วยเลือด สยดสยองน่ากลัว ไม่มีร่องรอยของความงามก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย แต่หลิงอวี๋ก็ยังสามารถยืนยันได้ว่านางคืออูอวี๋หลานในที่สุดสตรีผู้นี้ก็ตายแล้ว!หลิงอวี๋โยนนางออกไปอีกด้านหนึ่ง แล้วยื่นมือไปตรวจลมหายใจของแม่นางเฟิ่งแม้ว่าการหายใจของแม่นางเฟิ่งจะอ่อนแรงมาก แต่นางก็ยังมีชีวิตอยู่หลิงอวี๋ช่วยนางออกมาจากเศษหินเหล่านั้นเด็กสาวที่ถูกลักพาตัวเพิ่งจะวิ่งออกมา ห้องปรุงโอสถก็มิอาจทนรับได้อีกต่อไป จึงพังครืนลงมา ทันใดนั้นห้องปรุงโอสถทั้งหมดก็กลายเป็นซากปรักหักพังเวลานี้ หลิงอวี๋ได้ยินเสียงครวญครางที่เจ็บปวดดังขึ้นมา“คุณหนู!”“เถาจื่อ…”หลิงอวี๋หันไปแล้วก็เห็นเถาจื่อคลานออกมาจากเศษหินเหล่านั้นใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยเลือด ถูกเศษหินเหล่านั้นเจาะจนเป็นรูหลายรูด้วย“เจ้าแห่งทะเลเล่า?”หลิงอวี๋เห็นเถาจื่อจึงนึกถึงเจ้าแห่งทะเลขึ้นมาได้ก่อนหน้านี้ตอนที่นางต่อสู้กับอูอวี๋หลาน นางมิรู้เรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกทั้งสิ้นเจ้าแห่งทะเลมิได้ถูกล่ามโซ่เหล็กไว้หรือ?เขาอยู่ที่ใดกัน?เมื่อเถาจื่อได้ยินหลิงอวี๋ถามถึงเจ้าแห่งทะ
เจ้าแห่งทะเลถูกพลังนี้โจมตีจนกระเด็นออกไปจนเลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากปากเมื่อเถาจื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เดิมที่อยากจะจับตัวเขาไว้ แต่พลังนั้นแข็งแกร่งเกินไป เถาจื่อยังมิทันได้สัมผัสเจ้าแห่งทะเล ตนเองก็ถูกพลังนั้นโจมตีจนกระเด็นออกไปแล้วเศษหินนับมิถ้วนพุ่งออกมาจากแสงนั้น...แม่นางเฟิ่งถูกมัดอยู่ นางมิสามารถหลบได้ ใบหน้าและตัวของนางจึงถูกเศษหินเล็ก ๆ จำนวนมากทิ่มแทงเข้านางจ้องมองแสงนั้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เห็นเงาร่างของอูอวี๋หลานและหลิงอวี๋ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาอย่างเลือนรางแสงสีม่วงบนร่างของหลิงอวี๋นั้นแข็งแกร่งมาก นางใช้พลังของหยกหล้าสุขาวดีต่อสู้กับพลังของอูอวี๋หลาน เช่นเดียวกับที่นางจัดการท่านอาสุ่ยหลิงอวี๋มองมิเห็นอะไรทั้งนั้นในแสงประหลาดเหล่านั้น แต่นางรู้สึกได้ว่าอูอวี๋หลานใช้สนามแม่เหล็กของหินขนาดใหญ่เช่นเดียวกับที่ตนใช้หยกหล้าสุขาวดี หินขนาดใหญ่ก้อนนี้ก็คือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของอูอวี๋หลานนางต้องการใช้พลังของหินขนาดใหญ่เคลื่อนย้ายจิตวิญญาณของนางมาสู่สมองของตนพลังของหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋เทียบเคียงกับพลังของหินขนาดใหญ่ก้อนนี้ได้ ตอนแรกเริ่มหลิงอวี๋เสียเปรียบเพ
ท่ามกลางความตกใจเจ้าแห่งทะเลก็เห็นเถาจื่อที่หวาดกลัวอยู่ เขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันทีเถาจื่อเป็นเพียงคนเดียวท่ามกลางคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ที่มิได้ถูกอูอวี๋หลานมัดไว้ ดังนั้นนางน่าจะสามารถช่วยตนได้เจ้าแห่งทะเลอยากจะเรียกเถาจื่อมาช่วยตนทำลายโซ่เหล็ก แต่เขาพูดมิได้ จึงได้แต่พยายามส่งสายตาให้เถาจื่อแต่เถาจื่อถูกแสงเหล่านันดึงดูดไปแล้ว นางมิได้มองมาทางเขาเลยเจ้าแห่งทะเลโกรธจนอยากจะกระอักเลือด เหตุใดเถาจื่อผู้นี้จึงทึ่มนัก?ขณะที่แสงนั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกว่าอวัยวะภายในย่ำแย่ขึ้นมา และความรู้สึกคลื่นไส้ก็พลุ่งพล่านขึ้นเขาอดมิได้จริง ๆ จึงอาเจียนออกมาเสียงดังในขณะเดียวกัน เจ้าแห่งทะเลก็ได้ยินเสียงอาเจียนดังขึ้นในห้องเรื่อย ๆ เช่นกันในความร้อนรนนั้น เขาเห็นว่าเถาจื่อและแม่นางเฟิ้งต่างก็อาเจียนออกมาแสงเหล่านี้มิเพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเจ้าแห่งทะเลเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเถาจื่อและแม่นางเฟิ่งด้วยโชคดีที่ทุกคนอาเจียนออกมาแล้ว เมื่อเถาจื่อตั้งสติได้ก็เห็นเจ้าแห่งทะเลกำลังส่งสายตาให้ตนอยู่เถาจื่อจึงได้สติขึ้นมา แล้วรีบพุ่งเข้าไปช่วยเจ้าแห่งทะเลคิดวิธีทำ
อูอวี๋หลานเป็นคนฉลาดจริง ๆ เมื่อเทียบกับพวกของเจ้าแห่งทะเลที่คิดจะสลายเลือดเนื้อและกระดูกของหลิงอวี๋แล้วแย่งชิงหยกหล้าสุขาวดีของนางไป การกระทำนี้ของอูอวี๋หลานต่างหากที่เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอย่างแท้จริงทั้งสามารถมีร่างกายที่อ่อนเยาว์ และได้ครอบครองหยกหล้าสุขาวดีด้วยขณะที่อูอวี๋หลานกำลังพูดอยู่นั้น ก็มีเสียงระเบิดสายฟ้าดังมาจากระยะไกลนี่คือหลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงพบไร่ปลูกฝิ่นแล้ว และกำลังทำลายแหล่งยาอยู่อูอวี๋หลานรู้แผนการของพวกหลิงอวี๋จากปากของเจ้าแห่งทะเลแล้ว ดังนั้นนางจึงมิให้เสียเวลาแล้วเริ่มดำเนินการทันทีหลิงอวี๋กำลังรอให้อูอวี๋หลานลงมือ แต่ไหนเลยจะรู้ว่าอูอวี๋หลานมิได้ใช้การควบคุมจิตของนางดังเช่นท่านอาสุ่ยทำมิรู้ว่าอูอวี๋หลานสร้างกลไกอะไร แต่หลิงอวี๋รู้สึกว่าฝาครอบแก้วที่อยู่ใต้ร่างตนค่อย ๆ เปิดออกแล้วหลิงอวี๋รู้สึกว่าที่แผ่นหลังราวกับมีสายลมอุ่น ๆ พัดผ่านมา ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นนางรู้สึกได้ถึงความผันผวนของสนามแม่เหล็กที่รุนแรงขึ้นมาทันทีตัวนางเองมองมิเห็นด้านหลัง แต่เจ้าแห่งทะเลและแม่นางเฟิ่งที่อยู่ข้าง ๆ เห็นแสงประหลาดที่อยู่ด้านหลังหลิงอวี๋ เมื่อฝาครอบแก
คำพูดนี้ของอูอวี๋หลาน หากเปลี่ยนเป็นในอดีต หลิงอวี๋คงมิเข้าใจสักนิดแต่ตอนนี้ หลังจากที่ได้ประสบเรื่องที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยใช้การร่วมรักกับบุรุษเพื่อแย่งชิงวรยุทธ์ของบุรุษมาแล้ว หลิงอวี๋ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้านแม้แต่เจ้าแห่งทะเลก็เข้าใจเช่นกัน เขาจึงเบิกตาโตอย่างยากที่จะเชื่ออูอวี๋หลานวางแผนร้ายกับตน ที่ทำไปเพราะมีเจตนาจะแย่งชิงวรยุทธ์ของตนกระนั้นหรือ?เนื่องจากมิสามารถพูดออกมาได้ เจ้าแห่งทะเลจึงโกรธมาก แต่ก็มิสามารถระบายความโกรธออกมาได้เขาได้เตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว และกำลังรอให้พวกของหลิงอวี๋มาติดกับดักนั้นเองแต่เจ้าแห่งทะเลมิคาดคิดเลยว่าอูอวี๋หลานจะดึงตนมาที่ห้องปรุงโอสถ และทำให้ตนถูกยาพิษอย่างมิอาจอธิบายได้กระทั่งเขาฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตนถูกล่ามโซ่เหล็กเอาไว้เสียแล้ว“เจ้าคิดจะแย่งชิงวรยุทธ์ของเจ้าแห่งทะเลหรือ?”หลิงอวี๋ตะโกนออกไปแทนเขาแต่หลิงอวี๋ยังคงสับสนอยู่เล็กน้อย วรยุทธ์ของอูอวี๋หลานอยู่สูงกว่าตนนางจะแย่งชิงวรยุทธ์ของเจ้าแห่งทะเลก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ที่นางโลภอยากได้วรยุทธ์ของตนนั้นเป็นสิ่งที่มิอาจเข้าใจได้!หรือจะเป็นเพราะหยกหล้าสุขาวดีในตัวของตน?หลิงอวี๋ม
เวลานี้ หลิงอวี๋ก็ได้ยินเสียงของอูอวี๋หลานดังมา“เหอะ ๆ หลิงอวี๋ ข้าก็คิดอยู่ว่าจะพาเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร มิคิดเลยว่าเจ้าจะมาที่นี่เสียเอง นี่นับว่าเป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่!”“ฮ่า ๆ คราวนี้แม้แต่สวรรค์ยังอวยพรให้ข้าประสบความสำเร็จ หากข้ายังมิบรรลุเป้าหมาย คงจะรู้สึกผิดกับความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้น่าดู...”หลิงอวี๋ถูกเส้นผ้าไหมมัดไว้กับฝาครอบแก้วขณะที่นางกำลังดิ้นรนอยู่นั้น ก็เห็นแสงอยู่ตรงหน้าของนางทันใดนั้นภายในห้องก็สว่างจ้าขึ้นจนแยงตาหลิงอวี๋ นางมิสามารถมองตรง ๆ ได้กระทั่งปรับตัวกับแสงในห้องแล้ว หลิงอวี๋ก็เห็นอูอวี๋หลานผู้ปลอมเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์มาหลอกตนลอยอยู่บนแผ่นไม้เหนือตนขึ้นไปในห้องปรุงโอสถนี้คล้ายกับห้องของสตรีศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ แขวนธงไว้มิน้อยทีเดียวเมื่อหลิงอวี๋เห็นเส้นผ้าไหมในมือของอูอวี๋หลาน นางก็เข้าใจในทันทีถึงวัตถุประสงค์ของการมีธงมากมายถึงเพียงนี้ร่างกายของอูอวี๋หลานเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว เคลื่อนไหวมิสะดวก สิ่งเหล่านี้ที่ตนคิดว่าเป็นธงที่เป็นประเพณี แท้จริงแล้วเป็นอาวุธของนางนี่เองอูอวี๋หลานสามารถพึ่งธงแขวนเหล่านี้เพื่อซ่อนเส้นผ้าไหม
เมื่อเถาจื่อเห็นการกระทำของหลิงอวี๋ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันใด หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้นโดยมิรู้ตัวควรลงมือหรือไม่นะ?“เจ้ากังวลมากหรือ?”จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็หันกลับมามองนางเถาจื่อจึงเอ่ยออกไปอย่างติด ๆ ขัด ๆ “บ่าว... บ่าวมิรู้ว่าข้างในมีอะไร จึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย!”หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา “ข้าก็กังวลเช่นกัน ห้องปรุงโอสถนี้ทำให้ข้ารู้สึกมิสบายใจนัก…”คำพูดนี้ของหลิงอวี๋คือคำพูดจากใจ ยิ่งนางเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกมิสบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆห้องปรุงโอสถนี้แปลกมาก ดูเหมือนว่าจะมีความผันผวนของสนามแม่เหล็กบางอย่าง แต่ดูมิเหมือนความผันผวนของพลังวิญญาณเมื่อครู่นางนึกถึงเด็กพิการเหล่านั้นขึ้นมาทันทีพ่อแม่ของพวกเขาเข้าออกเขาวลาหกอยู่บ่อยครั้ง จึงให้กำเนิดเด็กพิการเหล่านี้สิ่งนี้หากใช้ทักษะการแพทย์อธิบาย ก็คือพัฒนาการแต่กำเนิดของเด็กเหล่านี้ได้รับผลกระทบ จึงทำให้เกิดความพิการหากมิใช่เพราะแม่ของพวกเขากินอะไรบางอย่างที่ผิดสำแดงเข้าไป ก็คงได้รับผลกระทบจากแร่ธาตุบางชนิดที่มีรังสีหรือว่าความผันผวนของสนามแม่เหล็กในห้องปรุงโอสถนี้เกิดจากแร่ที่มีรังสีเหล่านี้?หลิงอวี๋
“เจ้าค่ะ คุณหนู!”แม้ว่าเถาจื่อจะกังวล แต่ก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็หยิบยาแก้พิษออกมากินเข้าไปวรยุทธ์ของหลิงอวี๋สูงกว่าของตน อีกทั้งยังฉลาดมากด้วย เถาจื่อรู้ว่าหากเปิดเผยสถานะของตนออกไปแล้วจะถูกหลิงอวี๋สังหารดังนั้นหากมิมั่นใจเก้าในสิบ นางก็ไม่มีทางจะลงมือง่าย ๆ“คุณหนู ห้องปรุงโอสถมืดสนิทเชียวเจ้าค่ะ คงไม่มีใครอยู่เป็นแน่ เราถือโอกาสนี้เข้าไปสำรวจกันเถิดเจ้าค่ะ!”เถาจื่อเสนอออกไป“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าสายลับของหลงเพ่ยเพ่ยบอกว่าอูอวี๋หลานวางค่ายกลพิษไว้ข้างนอกห้องปรุงโอสถ?”หลิงอวี๋กระซิบออกไป “รอให้ข้าตรวจสอบดูสักหน่อยก่อน เผื่อจะเป็นกับดัก! เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปดูเอง!”หลิงอวี๋ย่องเข้าไปอย่างเงียบ ๆ รั้วไม้ที่ล้อมรอบห้องปรุงโอสถไว้เหล่านั้นมีความสูงเท่ากับตัวคนหลิงอวี๋เพิ่งจะเดินเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นยาจาง ๆ อยู่บนรั้วไม้ นางตรวจสอบรั้วไม้นั้นอย่างตั้งใจ แล้วก็เห็นว่าบนรั้วไม้มีเถาวัลย์ขึ้นปกคลุมอยู่เต็มไปหมด และด้านบนก็มีดอกไม้อยู่ด้วยดอกไม้เหล่านี้มีสีแดง ม่วงและดำ ล้วนเป็นสีเข้มมาก เห็นได้ชัดว่ามีพิษกลิ่นหอมยังมีส่วนประกอบที่มีฤทธิ์หลอนประสาทด้วย หากหลิง