Home / รักโบราณ / ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70) / บทที่ 8 มายืมเงินบ้านเฉิน

Share

บทที่ 8 มายืมเงินบ้านเฉิน

Author: sanvittayam
last update Last Updated: 2025-07-06 16:11:18

 บทที่ 8 มายืมเงินบ้านเฉิน

หล่อนไม่รู้หรือยังไงว่าทั้งสองบ้านมีสัญญาหมั้นหมายกัน อีกไม่นานคงมีงานหมั้นของทั้งสองคน เราเป็นคนนอกอย่าไปยุ่งเรื่องนี้เลย”

นางกวนไม่อยากยุ่งเรื่องของคนอื่นมากนัก แค่เรื่องอาหารการกินของครอบครัวที่ขัดสนยังหาทางออกลำบาก อย่าเอาเวลาไปยุ่งหรือวุ่นวายครอบครัวคนอื่นเลย

ชาวบ้านคนอื่นจึงได้สงบปากสงบคำตนเอง ทว่ายังคงมองไปยังเฉินหยางคุนและมู่อันเหมยจนลับสายตา

ขอบคุณมากค่ะสำหรับวันนี้”

เมื่อมาถึงบ้านมู่อันเหมยจึงเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง ใบหน้าของเธอบ่งบอกว่ามีความสุขและสบายใจ

อืม ผมกลับก่อน เข้าบ้านแล้วรีบพักเถอะ วันนี้แดดร้อนเดี๋ยวจะไม่สบาย”

เฉินหยางคุนกลัวว่ามู่อันเหมยจะกลับมาป่วยอีก เนื่องจากวันนี้ตะลอนในเมืองกันนานพอสมควร

ฉันหายป่วยแล้วพี่ใหญ่เฉิน ขอเอาของไปเก็บก่อน อีกสักพักจะตามไปนะคะ”

มู่อันเหมยตอบกลับ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับข้าวของมากมายที่ชายหนุ่มซื้อให้

เฉินหยางคุนมองจนร่างบางลับสายตา เขาจึงปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยหัวใจพองโต

มู่อันเหมยไม่รู้เลยว่าขณะที่เก็บของใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอไม่คิดเลยว่าชาติก่อนเธอจะตาบอดละทิ้งชายที่แสนดีชื่อเฉินหยางคุนไปได้อย่างไรกัน

ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน เมื่อรู้ว่ากระทำความผิดแต่ไม่มีโอกาสได้แก้ตัว ส่วนเธอนั้นจะบอกว่ามีโอกาสก็คงไม่ผิด ทว่าโอกาสที่เธอได้รับคือย้อนกลับมาเป็นตนเองอีกครั้ง

มู่อันเหมยใช้เวลาเก็บของไม่นาน ระหว่างเก็บของเข้าที่ เธอกลับพบชุดเครื่องสำอาง ซึ่งเท่าที่เธอจำได้เธอไม่ได้ซื้อมา ดูแล้วเครื่องสำอางชุดนี้มีราคาแพงไม่น้อย และคนที่แอบซื้อมาคงเป็นพี่ใหญ่เฉินว่าที่คู่หมั้นของเธอนั่นเอง ยิ่งคิดถึงการกระทำที่เขาทำให้เธอ มู่อันเหมยยิ่งรู้สึกผิดที่เธอเคยปฏิเสธชายหนุ่มเมื่อชาติที่แล้ว และรู้สึกอบอุ่นเมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาทำให้ในชาตินี้

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว มู่อันเหมยจึงรีบเดินมาที่บ้านเฉินโดยไม่ลืมเขียนข้อความใส่กระดาษบอกครอบครัวว่าเธอไปไหน

ทางด้านบ้านเฉิน หลังจากที่เฉินหยางคุนกลับมาถึงบ้าน เขารีบเดินเข้าครัวเพื่อเอาอาหารหลายอย่างออกมาเติมไว้ให้เต็ม ก่อนจะเดินลงห้องใต้ดินที่เขาทำเป็นห้องน้ำแข็งไว้ เพื่อเอาเนื้อสัตว์และอาหารสดมาเติมไว้เช่นกัน

ก่อนออกมาจากห้องใต้ดิน เฉินหยางคุนหยิบเนื้อชิ้นใหญ่ออกมา เมื่อนางอี่หนิงเห็นจึงเอ่ยถามลูกด้วยความสงสัย

นั่นหยิบเนื้อชิ้นใหญ่มาทำอาหาร แม่คิดว่าเรากินไม่หมดหรอกอาคุน”

อันเหมยจะมากินมื้อเย็นด้วยครับ เซียนเอ๋อร์กลับมาหรือยังครับแม่ ถ้ากลับมาแล้วให้น้องไปบอกบ้านรองมู่ด้วยว่าเย็นนี้มากินมื้อเย็นที่นี่”

ใบหน้าที่มักจะมีแต่ความเย็นชากลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม จนคนเป็นแม่ต้องยิ้มตาม ลูกมีความสุขเธอก็มีความสุขด้วยเหมือนกัน ต่อให้ชาวบ้านจะพูดถึงลูกสาวบ้านรองมู่ในทิศทางที่ไม่ดี แต่เธอเชื่อว่าเนื้อแท้ของเด็กสาวคงไม่ผิดเพี้ยนไปจากครอบครัวมากนัก

ตั้งแต่อาคุนปลดประจำการมา นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขามีท่าทางกระตือรือร้นและเปี่ยมไปด้วยความสุขสมหวังขนาดนี้

เวลานี้น่าจะกลับมาแล้ว แม่จะบอกให้ แต่อาคุนให้แม่ช่วยทำอาหารไหม”

ไม่ต้องหรอกครับแม่ ผมจัดการเองได้ แม่นั่งให้สบายดีกว่า เผื่ออันเหมยมาถึงแล้วไม่เห็นใคร เธอจะไม่กล้าเข้ามา”

ตกลง แม่จะไปรออันเหมยหน้าบ้าน ว่าแต่ลูกชายแม่กำลังเขินอยู่ใช่ไหม หูนี่แดงเชียว”

โธ่ แม่ครับ แม่อย่าล้อผมสิ”

ใครคิดว่าชายตัวโตจะเขินไม่เป็น เฉินหยางคุนคนหนึ่งล่ะที่เถียงใจขาด เพราะเขากำลังเป็นอยู่ในขณะนี้อย่างไรล่ะ จากนั้นจึงรีบเดินเข้าครัวไปเตรียมอาหารมื้อเย็นรอทุกคน

สวัสดีค่ะป้าสะใภ้เฉิน สบายดีนะคะ”

สวัสดี ตามสภาพคนแก่นั่นแหละ ว่าแต่ป้าได้ข่าวว่าสอบเข้าโรงงานยาสูบได้ ดีใจด้วยนะ อันเหมยเก่งมาก”

นี่คือคำชมจากใจจริง น้อยคนนักที่จะสอบเข้าได้ด้วยตนเอง ส่วนมากมีแต่ลูกหลานคนที่จะพอมีฐานะ เพราะต้องจ่ายใต้โต๊ะไม่น้อย แต่เด็กสาวบ้านรองมู่กลับสอบได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องจ่ายเงินสักเฟินเดียว

ขอบคุณค่ะป้าสะใภ้เฉิน ฉันทำสุดความสามารถ เพราะอย่างน้อยเงินเดือนที่ได้จากโรงงาน ส่วนหนึ่งจะได้มาจุนเจือครอบครัวและส่งน้องเล็กเรียน อีกส่วนจะได้เก็บไว้ช่วยพี่ใหญ่แต่งพี่สะใภ้เข้าบ้านค่ะ”

นางอี่หนิงยิ้มอย่างอ่อนโยน เด็กสาวตรงหน้าช่างมีความคิดนัก เธอไม่ได้ยินเด็กสาวคิดจะให้อะไรตนเองเลยกับเงินเดือนที่จะได้รับ มีแต่ให้ครอบครัวและพี่น้องของเธอ เฉินหยางคุนมองและรักคนไม่ผิดจริง ๆ

ทั้งสองต่างก็ถามสารทุกข์สุกดิบที่ผ่านมา มู่อันเหมยตอบกลับทุกคำถาม เธอรู้สึกว่าครอบครัวเฉินน่ารักและเป็นกันเอง ทั้ง ๆ ที่บ้านเฉินนั้นร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน

ทั้งสองยังคงพูดคุยด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ทว่าความสุขอยู่ได้ไม่นาน สะใภ้จากบ้านสามมู่เดินเข้ามาเสียก่อน

พี่สะใภ้เฉินอยู่นี่เอง ฉันไปตามหาที่ศาลากลางหมู่บ้านไม่เจอ เลยคิดว่าคงอยู่ที่บ้าน”

อืม ครบกำหนดแล้วใช่ไหม” นางอี่หนิงเอ่ยถาม ทว่าคำถามนี้ทำให้สะใภ้บ้านสามมู่สีหน้าไม่สู้ดี เนื่องจากเห็นหลานสามีจากบ้านรองนั่งอยู่ด้วย

มู่อันเหมยนั้นรู้มารยาท คิดว่าอย่างไรเธอก็เป็นคนนอกจึงคิดจะขอตัวไปดูพี่ใหญ่เฉินในครัว

ฉันขอตัวไปดูพี่ใหญ่เฉินก่อนนะคะ”

ไม่ต้องหรอก อีกหน่อยอันเหมยต้องแต่งเข้าบ้านเฉิน อำนาจทุกอย่างในบ้านเฉินป้าคงวางมือให้สะใภ้ใหญ่จัดการ รวมถึงบัญชีการเงินทุกอย่างด้วย นั่งด้วยกันนี่แหละ”

นางอี่หนิงต้องการให้มู่อันเหมยนั่งด้วยกัน อีกปีเดียวเด็กสาวคนนี้จะเข้ามาเป็นสะใภ้ เธอจึงไม่อยากปิดบังเรื่องเงินที่มีชาวบ้านมาหยิบยืมไป

เอ่อ…”

พี่สะใภ้เฉิน ฉันจะมาขอยืมเงินเพิ่ม ส่วนของเก่าฉันจะมาทยอยคืนให้หลังจากที่เจ้ารองของฉันได้เงินเดือน”

ไม่ได้หรอกสะใภ้สามมู่ ของเก่าหล่อนยังไม่คืนจะมาเอาของใหม่ฉันให้ไม่ได้ คราวนั้นบอกว่าบ้านเดิมหล่อนเกิดปัญหา ฉันเลยให้ยืม หล่อนน่าจะรู้ว่าฉันไม่ได้ปล่อยเงินกู้เพื่อกินดอกเบี้ย แต่ที่ฉันให้เพราะเราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน”

นางอี่หนิงรีบปฏิเสธ ทว่าคนที่มีปฏิกิริยาคือมู่อันเหมย ช่วงนี้มีเพียงโรงงานยาสูบที่รับสมัครพนักงาน ลูกชายคนรองบ้านสามมู่จะไปสอบเข้าที่ไหนอีก เธอมั่นใจว่าเขาไม่ได้สอบเข้าที่โรงงานยาสูบ หรือว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเธอ

รอหน่อยเถอะนะพี่สะใภ้เฉิน ฉัน…ฉันสัญญาว่าถ้าหากเจ้ารองได้ทำงานในโรงงานแล้วฉันจะรีบมาผ่อนจ่ายทันทีทั้งของใหม่ของเก่า”

แล้วของใหม่หล่อนต้องการเท่าไร”

ร้อยหยวน พอดีเงินในครอบครัวไม่พอ เงินก้อนนี้ต้องไปจ่ายให้กับคนคนหนึ่ง เขาสามารถเปลี่ยนคนทำงานได้”

เดี๋ยวก่อนนะอาสะใภ้สาม ฉันไม่ได้คิดจะสอดมือเข้าไปยุ่ง แต่เท่าที่ฟัง เรื่องนี้มันเหมือนจะเกี่ยวกับฉัน ตอนที่ฉันไปสอบ ฉันไม่เห็นคนจากบ้านสามมู่ไปสอบ หรือว่าอาสะใภ้สามไปขอซื้อตำแหน่งงานจากคนที่สอบได้มา”

ทำไมฉันต้องเสียเงินซื้อตำแหน่งล่ะ หล่อนคิดว่าเงินหนึ่งร้อยหยวนมันจะพอหรือยังไง ในเมื่อหล่อนพูดออกมาเองก็ควรจะรู้ว่าหล่อนไม่มีทางได้ทำงานในโรงงานยาสูบ เพราะตำแหน่งนั้นมันเป็นของเจ้ารอง”

ทำไมฉันต้องให้ ในเมื่อฉันได้งานมาเพราะความสามารถของตนเอง บ้านสามจะเป็นคนขี้ขโมยแย่งงานไปจากบ้านรองเหรอ แต่ไม่ว่ายังไงมู่อันเหมยไม่มีวันยอมเหมือนกัน”

เรื่องอะไรเธอจะยอมให้บ้านสามแย่งชิงงานเธอไปล่ะ เงินเดือนตั้งยี่สิบห้าหยวน เธอจ่ายค่าเกวียนไปกลับวันละไม่กี่เฟิน ค่าอาหารในโรงงานคงไม่แพง หรือไม่เธอก็ห่อข้าวไปกิน เท่าที่เธอเคยทำ โรงงานจะแจกคูปองอาหารให้พนักงานทุกเดือน งานดีสวัสดิการดีแบบนี้เธอไม่มีทางยอมเสียไปแน่

คนที่ตัดสินใจไม่ใช่หล่อน แต่เป็นแม่สามีฉันตัดสินใจ เรื่องนี้ในครอบครัวคุยกันแล้ว ต่อให้หล่อนไม่ยินยอม แต่แม่สามีพูด หล่อนกล้าอกตัญญูหรือไง”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   ตอนพิเศษ 2 จงอี้ - เสี่ยวผิง

    ตอนพิเศษ 2 จงอี้ - เสี่ยวผิงพอหายดี จื้อเฉียงก็ได้ออกจากโรงพยาบาล ทุกคนก็ได้รู้พร้อมกันว่าตอนนี้เสี่ยวเฟิ่งและเขาคบหากันเป็นคนรักและตอนนี้ทั้งสองคนตัวติดกันมากจงอี้ที่ปกติจะไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิท ก็คล้ายจะโดนทิ้ง จึงทำให้เขามานั่งทำหน้าเซ็งอยู่แบบนี้ในช่วงค่ำหลังจากที่เลิกงาน“เป็นอะไรของนาย” เสี่ยวผิงเดินออกมาเจอพอดีจึงเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย เพราะท่าทางของจงอี้เหมือนคนไม่มีชีวิตชีวาเลย“เบื่อ” จงอี้ยังหันมามองเธอและตอบคำถาม“เบื่ออะไร”“เพื่อนเธอแย่งเพื่อนฉันไป” พอนึกถึงเสี่ยวเฟิ่ง เขาก็อดมองค้อนสหายของแฟนเพื่อนอย่างเสี่ยวผิงไม่ได้“เป็นบ้าอะไรของนาย ก่อนหน้านี้ยังสนับสนุนให้ทั้งสองคบหากันอยู่แท้ ๆ” เสี่ยวผิงก็พอจะเข้าใจ ก่อนหน้านี้เธอเองก็ตัวติดกับเสี่ยวเฟิ่ง แต่พออีกฝ่ายมีแฟนก็ต้องแบ่งเวลาให้แฟนด้วย แต่ที่เธอไม่เข้าใจคือจงอี้ที่มานั่งทำหน้าหงิกหน้างออยู่ตรงนี้นี่แหละ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาสนับสนุนให้จื้อเฉียงและเสี่ยวเฟิ่งคบหากันด้วยซ้ำ“...” นั่นทำให้จงอี้เถียงไม่ได้เลย“นี่ล่ะหนา ที่เขาเรียกว่าหมาหัวเน่า” “เธอว่าใคร” พอถูกพูดถึงแบบนั้น เขาก็หันขวับไปมองหญิงสาวทันที“เปล

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   ตอนพิเศษ 1 จื้อเฉียง - เสี่ยวเฟิ่ง

    ตอนพิเศษ 1 จื้อเฉียง - เสี่ยวเฟิ่งนับตั้งแต่มู่อันเหมยคลอด เฉินหยางคุนก็เห่อลูกน้อยทั้งสอง แทบจะไม่ได้มาทำงานเลย ภาระทั้งหมดจึงไปตกอยู่ที่จงอี้และจื้อเฉียง จงอี้นั้นจัดการเรื่องตลาดแห่งใหม่และเรื่องสำนักงานรวมถึงการค้าต่าง ๆ ของนายส่วนจื้อเฉียง เขาได้ออกเดินทางไปคุยงานแทนผู้เป็นนายบ่อยครั้งและครั้งนี้ก็เป็นการไปคุยเรื่องเสบียงที่ทางใต้ “ฉันฝากด้วยนะ” หยางคุนกล่าวกับคนสนิทที่เขาไว้ใจให้ไปทำงานแทน“นายไม่ต้องห่วงครับ” จื้อเฉียงตอบรับด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ“อืม ช่วงนี้ฉันจะไม่ค่อยว่าง ขอบใจพวกนายมากที่ทำงานแทน”“เพื่อนายพวกผมพร้อมทำงานถวายหัวครับ”จงอี้ก็พูดขึ้นประจบประแจงอย่างติดตลก ทำให้หยางคุนยิ้มออกมาและส่ายหน้าให้กับเขาเล็กน้อย“หึ เกินไป”“ถ้าอย่างนั้นผมไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” จื้อเฉียงขอตัวไปเตรียมของที่จะเดินทาง“ไปเถอะ” หยางคุนก็พยักหน้าให้ทั้งคู่แล้วแยกย้ายกันไปทำงานหรูเฟิ่งและเสี่ยวผิงเองก็ไม่ได้อยู่เฉย พวกเธอไม่ได้อยู่ติดตามมู่อันเหมยแล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนมากนัก จึงตัดสินใจมาช่วยทำงานที่สำนักงาน แล้วก็ทำให้สนิทกับจื้อเฉียงและจงอี้มากกว่าเดิมไปอีก วัน

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   บทส่งท้าย สงบสุขจริง ๆ เสียที

    บทส่งท้าย สงบสุขจริง ๆ เสียทีวันเวลาก็ผ่านพ้นไปอย่างสงบสุข บ้านสามในเวลานี้ไม่มีฤทธิ์อะไรอีกแล้ว ตัวของย่ามู่แทบจะไม่ออกจากบ้านอีกเลย คนอื่น ๆ ก็ใช้ชีวิตกันไปอย่างปกติและมีความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยดีเท่าไรเวลานี้มู่อันเหมยท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว ซึ่งท้องของเธอโตมาก หมอวินิจฉัยแล้วว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกแฝด คนที่ตื่นเต้นที่สุดคงไม่พ้นคุณพ่อมือใหม่อย่างเฉินอยางคุน!!ซึ่งตั้งแต่ที่รู้ว่าภรรยาท้อง ชายหนุ่มแทบจะไม่ไปทำงานอีกเลย มัวแต่เกาะติดอยู่กับมู่อันเหมยภรรยารักของตนซึ่งเวลานี้มู่อันเหมยได้ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แล้ว เพราะสะดวกมากกว่าโดยมีนางอี่หนิงแม่สามีมาคอยดูแล และให้คำปรึกษาลูกสะใภ้ในช่วงเวลาตั้งครรภ์“อีกไม่กี่เดือนเราจะได้เจอกันแล้วนะลูกรัก” เฉินหยางคุนก้มลงไปพูดกับลูกที่อยู่ในท้องของภรรยาสองแฝดเหมือนจะรู้ว่าพ่อคุยกับตนเอง ทำให้มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นจนผู้เป็นแม่อย่างมู่อันเหมยตกใจและทำหน้าเหยเกเล็กน้อย“อ๊ะ”“เหมยเหมยเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บไหมล่ะนั่น” เฉินหยางคุนเงยหน้าขึ้นมาถามภรรยาด้วยความเป็นห่วง ซึ่งมู่อันเหมยพยักหน้าให้เล็กน้อย ก่อนจะลูบท้องตนเองเบาๆ และตอบกลับสามีด้วยความรู้ส

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   บทที่ 68 จัดการบ้านสามให้เด็ดขาด

    บทที่ 68 จัดการบ้านสามให้เด็ดขาดเฉินฟางเซียนตัดสินใจไปสอบที่ปักกิ่ง โดยมีเว่ยซิ่วตงพาไปด้วยตนเอง ทั้งยังพาเธอไปพบกับครอบครัวของเขาอีกด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่บ้านเว่ย เฉินฟางเซียนก็ไม่ได้เล่าให้กับใครฟังเธอสอบที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งตามที่ตั้งใจไว้ ส่วนสหายอีกสองคนไม่ได้ไปด้วยเฉินฟางเซียนมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสอบเป็นอย่างมาก อ่านหนังสือจนดึกดื่นและเธอก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เฉินฟางเซียนสอบติดอย่างที่ตั้งใจไว้พอกลับมาที่หมู่บ้าน ทุกคนก็ร่วมแสดงความยินดีกับเธอ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงก็รู้เรื่องกันทั่ว“ยินดีด้วยนะลูก” นางอี่หนิงสวมกอดลูกสาวแสดงความยินดี“ขอบคุณนะคะแม่ พี่หยางคุน พี่สะใภ้”“เก่งมาก” เฉินหยางคุนก็ยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาวที่เขาเลี้ยงมากับมือด้วยความภาคภูมิใจมู่อันเหมยก็ยิ้มให้กับน้องสามี ในตอนนี้เธอตั้งท้องได้ห้าเดือนแล้ว บ้านเฉินในตอนนี้มีแต่เรื่องน่ายินดี กิจการของเฉินหยางคุนก็กำลังไปได้สวยจริง ๆเรื่องที่เฉินฟางเซียนกำลังจะไปเป็นนักศึกษาที่เมืองหลวงถูกแพร่กระจายไปทั่ว ชาวบ้านก็ยินดีด้วย พร้อมกับเชิดหน้าชูตาได้ เพราะในตอนนี้หมู่บ้านของพวกเขาไม่เพียงมีนายท่านเ

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)   บทที่ 67 มู่อันเหมยท้องแล้ว

    บทที่ 67 มู่อันเหมยท้องแล้วทุกอย่างดำเนินมาอย่างราบรื่นจนปีปฏิวัติผ่านพ้นไป เฉินหยางคุนสั่งปิดตลาดมืดในช่วงที่มีการปฏิวัติ และนายพลหม่า นายพลหู รวมไปถึงครอบครัวของเว่ยซิ่วตงก็เลือกข้างได้ถูกเพราะคำแนะนำจากเขาจากนั้นพอมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เขาก็เริ่มมีความคิดที่จะทำหลายอย่าง เช่นการทำให้ตลาดมืดกลายเป็นการค้าเสรีที่ชาวบ้านทุกคนสามารถนำของมาขายได้จนกระทั่งทางการประกาศให้มีการเวนคืนที่ดินให้กับผู้ที่เคยถูกยึด ยกเลิกการทำงานในคอมมูน แบ่งที่ดินให้ทำกินอย่างเท่าเทียมทางด้านเฉินหยางคุนก็จัดตั้งตลาดที่ถูกกฎหมายขึ้นมา ส่วนตลาดมืดก็ยังคงมีอยู่และคึกคักเหมือนเดิม แม้จะมีการค้าเสรี แต่สินค้าบางอย่างรัฐยังจำกัดการซื้อ ดังนั้นตลาดมืดยังเป็นที่ต้องการของประชาชนทั่วไปในช่วงนี้สองสามีภรรยาจึงค่อนข้างจะยุ่งวุ่นวายกับงานมาก เช้าวันนี้มู่อันเหมยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัว หน้ามืด อยากจะอาเจียน“อุบ” เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำจัดการกับตัวเองสักพักก็เดินออกมา ในเวลานี้สามีของเธอคงจะออกกำลังกายอยู่ที่หน้าบ้านมู่อันเหมยรู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายของเธออ่อนเพลียเป็นอย่างมาก แต่เธอคิดว่าเป็นเพราะพักผ่อนน้อย เ

  • ย้อนอดีตมาพลิกชะตา (ยุค 70)    บทที่ 66 เสี่ยวฟางรนหาที่

    บทที่ 66 เสี่ยวฟางรนหาที่เรื่องราวของว่านปี่หมิงที่ต้องมีสภาพที่น่าอนาถแบบนั้น เสี่ยวฟางก็รับรู้เช่นกัน เธอไม่คิดที่จะกลับไปหาคนไร้ประโยชน์อย่างชายคนนั้นอีก เพราะไม่เช่นนั้นก็คงเป็นเธอที่ลำบากในตอนนี้ชีวิตของเสี่ยวฟางที่บ้านก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน พ่อแม่ของเธอกำลังจะหาชายแก่หรือพ่อม่ายมาแต่งงานกับเธอ เพื่อส่งเธอออกไปให้พ้นตระกูลเธอไม่ยินยอม แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะตอนนี้ยังพึ่งพาพวกเขาอยู่ เธอนึกไปถึงมู่อันเหมยที่ตอนนี้กลายเป็นนายหญิงเฉินแล้วก็รู้สึกอิจฉา คนบ้านนอกอย่างมู่อันเหมยไม่ควรได้รับสิ่งดี ๆ พวกนี้เลยด้วยซ้ำ เลยมีความคิดหนึ่งขึ้นมา ไม่รอช้า วันต่อมาจึงเดินทางมาที่บ้านของมู่อันเหมยทันที“มาหาใครคะ” เฉินฟางเซียนเป็นคนออกมาดูด้วยตนเอง“ฉันมาหาอันเหมยค่ะ”“เป็นสหายของพี่สะใภ้เหรอคะ” ได้ยินคำตอบ เฉินฟางเซียนก็เอียงคอมองอย่างพิจารณา“ใช่ค่ะ” เสี่ยวฟางตอบรับและทึกทักเอาเองว่าเป็นสหายของมู่อันเหมย“ใครมาเหรอฟางเซียน” มู่อันเหมยออกมาพอดี เธอถามน้องสามีและหันไปมองแขกที่มา พอเห็นว่าเป็นใคร เธอก็ชะงักไปทันทีเสี่ยวฟางที่พอเห็นอันเหมย เธอก็กำหมัดแน่น มองการแต่งตัวด้วยชุดสวย ๆ ของอันเหมยด้ว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status