ถิงถิงปิดฝากล่องไม้นั้นลงและเก็บไว้ในตู้ตามเดิม ที่สุดแล้วนางก็ตัดใจทิ้งของสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ดี แม้ว่าตัวผู้ให้เองตอนนี้จะจำนางไม่ได้แล้วก็ตาม
“เป่าอี้ ข้าอยากอาบน้ำ เจ้าให้คนเตรียมน้ำให้ข้าที”
“พ่ะย่ะค่ะ เอ่อ ท่านอ๋องจะลองใช้สบู่นี่เลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“หึ ของหลอกเด็ก ข้าก็อยากลองเช่นกัน ในเมื่อรับคำท้าแล้ว ก็เอามาลองหน่อย”
“ท่านอ๋องจะเลือกก้อนไหนดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเลือกมาสักก้อนก็แล้วกัน ข้าไม่สันทัดเรื่องพวกนี้หรอก เหมือนๆ กันนั่นแหละ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
แม้ว่าเป่าหลงจะรับคำสั่งมา แต่เขาเองก็มิใช่สตรีที่จะรู้เรื่องพวกนี้จึงได้บอกให้สาวใช้ในจวนเป็นผู้เลือก เมื่อเขานำไปให้พวกนาง พวกนางดูตื่นเต้นที่เห็นสบู่มากมายของร้านชื่อดัง จนเขาต้องถาม
“ของร้านนี้ ชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนี้เชียวหรือ ดูพวกเจ้าตื่นเต้นกันมากเลย”
“ใช่เจ้าค่ะ ท่านไม่รู้อะไรอย่างสบู่หยกนี่ รักษาผิวพรรณได้เป็นอย่างดี ผิวข้าเนียนได้ขนาดนี้ก็เพราะสบู่หยกนี่เลยเจ้าค่ะ ท่านดูนี่ เมื่อก่อนนางเป็นกระ ตอนได้สบู่ใบบัวบกมา นางใช้ล้างหน้าทุกวัน ตอนนี้หน้าของนางขาวเนียนจนแทบไม่เหลือร่องรอยเลย หากว่ามาจากร้านร้อยบุปผา”
“พวกข้ายืนยันคุณภาพได้ทุกคน เสียอย่างเดียว สินค้าออกมาแต่ละอย่างช้ามากเพราะเป็นของทำมือ ท่านได้มามากมายเช่นนี้คงใช้เงินไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ”
“อ้อ เอ่อ ใช่ๆ เจ้าก็เลือกมาสักก้อนที่เหมาะกับท่านอ๋อง เร็วสิ ข้าจะต้องเอาไปให้ท่านอ๋องอาบแล้ว”
“ข้าแนะนำก้อนนี้เจ้าค่ะ ทำให้ตัวหอม เหมาะกับบุรุษและระงับกลิ่นกาย สบู่ขิงโสมผสมดอกโบตั๋น ทั้งหอมทั้งระงับกลิ่นเจ้าค่ะ รับรองว่ากลิ่นหอมทนนาน ไม่อาบน้ำสามวันกลิ่นยังไม่จางเลยเจ้าค่ะ”
“ได้ๆ ข้ารู้แล้ว ไปก่อนล่ะ ขอบใจพวกเจ้ามาก”
เป่าอี้เลือกหยิบก้อนที่พวกนางแนะนำและรีบกลับไปยังห้องอาบน้ำเพื่อเตรียมให้ท่านอ๋องใช้ หมิงลี่หยางเดินเข้ามาที่ห้องอาบน้ำที่ดูโอ่อ่า กว้างขวาง สระน้ำอุ่นที่กว้างพร้อมกับน้ำตกจำลองที่ปลายอ่างทำให้ห้องนั้นราวงดงามราวกับอยู่ในป่าหิมพานต์
“เป่าอี้ เจ้าจุดกำยานกลิ่นใหม่ในห้องอาบน้ำด้วยงั้นหรือ”
“ทูลท่านอ๋อง เปล่านะพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นกลิ่นหอมนี่มาจากที่ใดกัน”
“เอ่อ ทูลท่านอ๋อง น่าจะมาจาก…สบู่โสมโบตั๋นก้อนนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เขามองไปที่แท่นวางสบู่สีขุ่นที่มีรูปดอกโบตั๋นนูนขึ้นมาเขาจึงหยิบขึ้นมาดมก็พบว่า เป็นกลิ่นเดียวกับที่เขาได้กลิ่นเมื่อครู่จริงๆ
กลิ่นที่ได้เป็นกลิ่นที่สะอาดแต่ก็ได้กลิ่นหอมจากดอกไม้อยู่ในนั้นเขาเดินตัวเปลือยลงในอ่างก่อนจะหยิบสบู่นั้นมาถูกตัว สัมผัสนั้นทำเอาเขาถึงกับประหลาดใจ ฟองที่พอดีที่สามารถขัดคราบไคลออกได้หมดจดจนเขานึกทึ่ง
“เป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเตรียมคำขอโทษเอาไว้แล้วสินะ”
เขายังคงเพลิดเพลินกับการใช้สบู่โสมก้อนนั้นถูกผิวกายจนเขาไม่นึกอยากจะออกจากห้องอาบน้ำ กลิ่นที่ได้จากสบู่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
และเมื่อชำระล้างร่างกายแล้วก็รู้สึกสดชื่นและรู้สึกว่าร่างกายเขานั้น สะอาดกว่าครั้งไหนๆ ที่อาบน้ำ แม้ว่าจะอาบน้ำอุ่น แต่รู้สึกได้ว่าผิวไม่แห้งเหมือนเมื่อก่อนที่ต้องชโลมน้ำมันทันทีที่ขึ้นจากอ่างน้ำอุ่น
“ไม่ต้องทาน้ำมันให้ข้าแล้ว เอาเก็บไปเถอะ”
“แต่ว่าผิวจะแตกเอานะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าบอกว่าไม่ต้อง ตอนนี้ข้ารู้สึกสบายตัวอย่างที่สุดจนไม่ต้องการให้อะไรอีก เจ้าเอากลับไปเถิด”
ความจริงแล้วท่านอ๋องไม่ค่อยชอบน้ำมันที่ทาผิวหลังอาบน้ำเท่าใดนักเพราะเขารู้สึกว่ามันทำให้เหนียวตัวง่ายและไม่ชอบสัมผัสมัน
เขานั่งอ่านตำราจนถึงตอนดึก ปกติหากลืมทาน้ำมัน อากาศแห้งๆ เช่นนี้ต้องทำให้เขาคันและผิวจะเริ่มแห้งแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับยังรู้สึกสบายตัว กลิ่นหอมที่อยู่บนเรือนกายนั้นยังคงติดจมูกราวกับพึ่งจะอาบน้ำมา ที่สำคัญ ผิวของเขาไม่แห้งเหมือนเมื่อก่อนแล้วโดยที่ไม่ต้องทาน้ำมัน
“ฟางถิงถิง ร้านร้อยบุปผา น่าสนใจยิ่งนัก”
เขานึกถึงสายตาท้าทาย คำพูดที่ถือดีหยิ่งยโสเมื่อมีคนไปกล่าวหาสินค้าของนาง ภาพนั้นติดตาเขาจนสลัดออกไม่ได้ แต่เขาก็มิได้นึกหงุดหงิดอะไร กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดจนเก็บไปฝันถึงเรื่องราวในวัยเด็ก กับเด็กสาวน่ารักๆ บนเขาที่เขาเคยเจอ
“พี่หยางหยาง ฮืออ อย่าไปเลย ข้าไม่อยากจากท่าน”
“เจ้าตัวเล็ก อย่าลืมสัญญาของเรา”
“พี่หยางหยาง ฮืออ พี่หยางหยาง”
“เจ้าตัวเล็ก!!”
ท่านอ๋องตกใจตื่นมาตอนดึก เสียงร้องไห้ของเด็กสาวผู้นั้นเขาจำได้ดี เพื่อนในวัยเด็กของเขาที่เขาหลงลืมนานมานาน ตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้างนะ คงโตเป็นสตรีแล้ว
หากไม่เกิดโศกอนาฏกรรมบนเขานั้นเสียก่อน สี่ปีให้หลังเมื่อเขากลับไปที่เขาหนานเซียนเพื่อเคารพสุสานบรรพบุรุษ จึงได้แวะไปหาพวกนาง กลับพบว่าที่นั่นเหลือเพียงซากปรักหักพังจากไฟไหม้
สืบถามจึงได้ทราบว่าคนที่อยู่ที่นี่ถูกฆ่าตายจนหมด ไม่เหลือเลยสักคน เขาทรุดตัวลงด้วยความผิดหวัง เสียใจที่มาไม่ทัน เด็กน้อยคนนั้นถูกฆ่าแล้วเช่นนั้นหรือ
“อาจารย์ เจ้าตัวเล็ก”
น้ำตาเขาไหลราวกับสายน้ำเมื่อรับรู้เรื่องนี้ เขากลับเมืองหลวงด้วยความสิ้นหวัง เมื่อกลับไปเล่าให้เสด็จพ่อฟัง
พระองค์ปลอบใจเขาเพียงว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน หากเราไม่ฆ่าเขาก่อน เขาก็ฆ่าพวกเรา เพราะฉะนั้น ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ อย่าได้เอาใจและชีวิตไปฝากที่ใครง่ายๆ ความสูญเสียนั้นยิ่งใหญ่ หากรับไม่ไหวก็อย่าเอาใจไปผูกติดกับผู้ใด
“เสด็จพ่อ พระองค์ยังคิดถึงเสด็จแม่อยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้เป็นพ่อไม่ตอบ แต่หยดน้ำตาที่หยดมาที่แขนของพระโอรสกลับเป็นคำตอบให้เขาเป็นอย่างดี เสด็จพ่อรักเสด็จแม่ของเขามาก
เขาจึงได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นั้น ทำให้เขาเติบโตขึ้นมากลายเป็นคนที่เย็นชา ไม่สนใจความรู้สึกผู้อื่น อีกทั้งยังไม่ไว้ใจผู้ใดอีกต่อไป จนกระทั่งมาวันนี้ที่พบกับผู้ที่กล้าท้าทายเขาต่อหน้าโดยไม่เกรงกลัวอำนาจของเขา
“เจ้าตัวเล็ก หากว่าเจ้าโต ตอนนี้คงเป็นสตรีที่งดงามมาก”
เขาล้มตัวลงนอนแผงอกกว้างที่เผยออกจากชุดนอนยังคงกระเพื่อมขึ้นลง กลิ่นหอมจากสบู่ที่เขาใช้ยังอยู่ เขาได้กลิ่นนั้นเมื่อสูดหายใจเข้าไปลึกๆ และค่อยๆ หลับไป
“เป่าอี้ เจ้าไปเอาสบู่ที่ซื้อมาเมื่อวานเข้ามาให้ข้าที่นี่ให้หมด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
โชคดีที่ไม่ได้มอบสบู่ให้กับผู้ใด หากท่านอ๋องรู้ว่านางกำนัลอยากได้และขอเขา ปกติเขาก็มอบให้พวกนาง แต่โชคดีที่ครั้งนี้เขายังไม่ได้ให้พวกนางไป จึงรีบนำไปถวายท่านอ๋องที่ห้องทรงอักษรทันที
“ท่านอ๋อง สบู่พ่ะย่ะค่ะ”
“เอาวางไว้ เจ้าออกไปได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เขาวางตำราที่อ่านลงและเดินมานั่งที่โต๊ะที่มีสบู่กองโตวางอยู่ เขาเริ่มแกะดูทีละก้อนและสูดกลิ่นแต่ละก้อนอย่างเพลิดเพลิน แต่ละก้อนมีลักษณะแตกต่างกัน สีและกลิ่นก็ต่างกัน บางอันก็แทบจะไม่มีกลิ่นเลย เขาอยากรู้มากกว่านี้ คงต้องไปด้วยตัวเอง
“เป่าอี้ ข้าจะไปเดินเล่นในเมืองหน่อย”
ถิงถิงเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าเขาจะจูบนางเช่นนี้มือนางเริ่มปัดป่ายไปทั่วเพื่อให้เขาผละออกไป แต่มือหนาของเขากลับรวบตัวนางไม่ให้ดิ้นเพื่อจะได้รุกล้ำตัวนางให้มากขึ้น“ถิงถิง หลับตาสิ”“อื้ออ ไม่นะ ท่านอ๋อง…”เขาไม่สนใจแล้วว่านางจะหลับตาหรือไม่ เขาบดขยี้ปากอิ่มรูปกระจับของนาง รสชาตินี้นี่เอง นางช่างอ่อนหวานยิ่งนัก หวานกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ ความรู้สึกเช่นนี้เขาพึ่งเคยรู้สึกเป็นครั้งแรก ลิ้นสากหนาของเขาเริ่มล้วงเข้าไปในปากนางเขากวาดลิ้นเพื่อเปิดทางเข้าไป ถิงถิงขัดขืนเขาไม่ไหว เรี่ยวแรงนางหายไปจนหมดสิ้นจนเขาสามารถรุกล้ำไปถึงข้างในได้ มือหนาข้างหนึ่งสางผมนางเล่นอย่างใจลอย จนเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ถิงถิงจึงผลักตัวออกจากเขาอย่างรวดเร็ว“คุณหนูเจ้าคะ อาหารเย็นและยาพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”“เอา…เอาเข้ามาได้เลย”นางเริ่มเดินสะเปะสะปะและหยิบผ้าขาวใส่อ่างก่อนจะรีบเดินสวนพวกสาวใช้ออกไปนอกห้องทันทีโดยไม่มองหน้าผู้ใดอีกเลยลี่หยางมองตามนางออกไปพร้อมกับจับริมฝีปากตัวเองและยิ้มเบาๆ จนอาหลินไม่กล้ามองเขาเพราะกลัว เมื่อตอนบ่ายทำราวกับจะฆ่าคนให้ได้ ตอนนี้ท่านอ๋องนั่งยิ้มเหมือนคนบ้า นางรับอาการแบบนี้ไม่ไหวจริง
หมิงลี่หยางเดินวนไปมาในห้องของตนเองด้วยความกระวนกระวายใจจนถึงช่วงค่ำเมื่อเห็นว่าฟางถิงถิงไม่กลับมาเสียที เขาเอาแต่เฝ้าถามอาหลินทุกครั้งที่นางเดินผ่านหน้าห้องเขาว่าถิงถิงกลับมาหรือยัง คำตอบที่ได้มาทุกครั้งคือนางยังไม่กลับมา ทำให้เขารู้สึกนั่งไม่ติดที่“ข้าไม่เคยทำอะไรบ้าๆ เช่นนี้มาก่อนเลยนะถิงถิง”เขาเปลี่ยนชุดและสวมหน้ากากและออกไปทางหน้าต่างมุ่งตรงไปยังท่าเรือที่อาหลินบอก ไม่นานเขาก็พบนางที่กำลังเดินกลับบ้านพร้อมกับบุรุษหนุ่มรูปงามในชุดลำลองสบายๆ สีฟ้าอ่อน ทั้งคู่เดินคุยกันอย่างสบายใจพร้อมกับถือของมากมายในมือของบุรุษหนุ่มผู้นั้น“กรมเจ้าท่า ขุนนางของหย่งโจวดูท่าจะว่างกันมากสินะ”เขาเฝ้ามองนางจากด้านบน เมื่อนางกำลังจะเดินแยกจากบุรุษหนุ่มผู้นั้นเพื่อกลับไปยังร้านร้อยบุปผา“ใต้เท้าตง ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะที่ไปเป็นเพื่อนข้าไปรับของ เราแยกกันตรงนี้ก็ได้เจ้าค่ะ”“แม่นางฟางให้ข้าไปส่งที่ร้านเถิด ของมากมายถึงเพียงนี้เจ้าถือไปคนเดียวคงจะไม่สะดวก”“ไม่รบกวนใต้เท้าตงเจ้าค่ะ ข้าถือไปได้เจ้าค่ะ”“อย่าได้ปฏิเสธข้าเลย วันนี้ได้ข่าวว่าคุณชายเฉินผู้นั้นไปหาเรื่องเจ้าถึงที่ร้านอีกแล้วงั้นหรือ”“ข่าวไปถ
“เอ่อ คุณชาย คำถามพวกนี้ข้าต้องตอบท่านจริงๆ หรือเจ้าคะ”“ใช่ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง”“เขาชื่อเฉินลู่เสียน เป็นลูกขุนนางกรมเจ้าท่า มารดาของเขาอยากให้เขาแต่งงานออกเรือนเพราะความรักสนุกเสเพลไปวันๆ จึงมาทาบทามสู่ขอข้า แต่ข้าก็ปฏิเสธไปแล้วสองครั้ง พวกเขาก็ยังไม่คิดจะเลิกรา พวกเขาชอบมาวุ่นวายที่ร้านข้าเป็นประจำ อาหลานเองก็รับมือเขาไปหลายรอบแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ลดละความพยายาม จนมาครั้งนี้เจอท่าน คิดว่าเขาคงจะเข็ดไปอีกนาน”“แล้วเจ้าไม่ได้รู้สึกชอบเขางั้นหรือ”“แม้ว่าสตรีทั้งเมืองต่างลุ่มหลงในเงินและอำนาจและหน้าตาของเขา แต่ข้าก็มิใช่หนึ่งในสตรีเหล่านั้นอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ชายมากรักเสเพลไม่รักใครจริงเช่นนั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลาไปให้คุณค่า”รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านอ๋องเผยขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะยกชาขึ้นมาจิบเพื่อปกปิดแต่ก็ไม่สามารถควบคุมความดีใจออกนอกหน้าในคำพูดของนางไปได้“แล้ว เจ้ายังไม่มีคนที่ชอบพอกันบ้างเลยหรือถิงถิง”ถิงถิงหันมามองหน้าท่านอ๋อง สายตานางมองเขาอย่างมีความนัยบางอย่างซึ่งเขามองไม่ออกว่านางหมายความว่าอย่างไรในสายตานั้น แต่เขาก็ใคร่รู้เหลือเกิน จนนางพูดกับเขา“ข้ามีคนที่อย
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ว่าที่คู่หมั้น”“ใช่เจ้าค่ะ แต่คุณหนูไม่ยอมรับหมั้นเขาเสียที จึงได้แต่เป็นว่าที่เจ้าค่ะ”“หึ ถ้าเช่นนั้นก็ยังมิได้ถือว่าเป็นอะไรกัน”สายตาเขาหันไปทางหน้าร้านพร้อมกับความรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินที่อาหลินพูดมา รู้แต่ว่าตราบใดที่เขายังอยู่ที่ร้านร้อยบุปผาแห่งนี้ เขาจะไม่มีวันให้ชายอื่นมาใกล้นางเด็ดขาด“ข้าจะไปดูเสียหน่อย”“แต่ว่าท่านอ๋องเพคะ ไม่ได้นะเพคะ คุณหนูสั่งเอาไว้”“อยู่ที่นี่เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายหมิงเถอะ เจ้าชื่ออาหลินใช่หรือไม่”“ใช่เพคะ เอ่อ ใช่เจ้าค่ะคุณชายหมิง”“งั้นอาหลิน ข้าวานให้เจ้าไปดูเหตุการณ์แล้วกลับมาเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปดูให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”หมิงลี่หยางเดินไปที่สวนสมุนไพรที่ปลอดคนก่อนจะเป่าปากเรียกคนออกมา เป่าอี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันที“ท่านอ๋อง ขออภัยที่กระหม่อมละเลยต่อหน้าที่ ทำให้พระองค์ต้องตกอยู่ในอันตราย”“สืบหรือยัง”“สืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนของสำนักหงลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ดูท่าพวกมันจะไม่ยอมปล่อยข้าเลยสินะ”“จากเบาะแสที่กระหม่อมได้มา พวกมันยังอยู่ในเมืองหย่งโจวตามที่พระองค์คาดการณ์ไว้พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าจัดองครักษ์มาคุ้
โจ๊กได้ถูกยกมาให้ในห้อง พร้อมกับสาวใช้อาหลินที่เข้ามายกอ่างน้ำและของที่ไม่ได้ใช้ออกไป ถิงถิงเดินเข้าไปพยุงตัวท่านอ๋องขึ้นมานั่งที่โต๊ะ“ท่านกินไหวหรือไม่”“หากไม่ไหว เจ้าจะป้อนข้าหรือไม่”“คือว่า…ท่าน…ท่านหมอบอกว่าท่านจะต้องกินเองเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงบ้าง”“แต่ข้าพึ่งจะฟื้นเองนะ ถิงถิง เจ้าจะใจร้ายกับข้างั้นหรือ”สายตาที่ส่งมาให้ทำเอานางปฏิเสธไม่ลง ท่านอ๋องเองก็ไม่เคยจะพูดและทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อนเช่นกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดที่เขาอยากจะทำเช่นนี้กับนาง“ก็ได้ ข้าจะป้อนท่าน แต่มื้อต่อๆ ไป ท่านต้องกินเองเพื่อจะได้หายเร็วๆ”“ได้สิ ถิงถิง ข้าต้องใช้หมึกพู่กันกับกระดาษ เจ้าช่วยเตรียมให้ข้าทีสิ”“ได้เจ้าค่ะ อาหลิน ไปเอามาทีสิ"“เจ้าค่ะคุณหนู”นางป้อนโจ๊กเขาจนอิ่มและยกน้ำให้เขาดื่มด้วยตัวเอง อาหลานเป็นคนเดินเอากระดาษและพู่กันมาวางไว้ให้นางวางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยจนท่านอ๋องตกใจหันมามองหน้าสาวใช้ผู้นั้น นางสะบัดหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที ถิงถิงถึงกับมองตามนางไปและหันมามองท่านอ๋อง“นี่ข้าไปทำอะไรให้นางไม่พอใจเมื่อไหร่งั้นหรือ ก่อนออกไปก็เห็นยังดีๆ อยู่นี่”“นั่นอาหลานเจ้า
“ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องแล้วขอรับ ตอนนี้รอเพียงให้ท่านอ๋องฟื้นก็ไม่น่าจะมีอันตรายแล้วขอรับคุณหนู”“แล้วเขาจะมีไข้อีกหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่แล้วขอรับ ช่วงนี้ให้พระองค์นอนพักไปก่อนเพื่อให้ยาเข้าไปสมานแผลภายใน น่าจะอีกราวๆ วันหรือสองวันคงฟื้นขอรับ”“ขอบคุณท่านหมอมาก ท่านทิ้งยาเอาไว้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะเป็นคนเปลี่ยนยากับผ้าพันแผลให้เขาเอง สองวันนี้รบกวนท่านมากเลยแทบจะไม่ได้พักผ่อน”“ไม่เป็นไรขอรับคุณหนูอย่าได้เกรงใจข้า หากไม่ได้คุณหนูช่วยข้าไว้ ข้ากับครอบครัวคงตายไปแล้ว”“อย่าพูดเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านหมอ อย่าได้คิดมากอีกเลย เรื่องในอดีตข้าลืมไปหมดแล้ว”“ขอรับ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเอายาวางให้ท่าน ยาต้องเปลี่ยนวันละสองรอบ เช้าเย็น และพันแผลจนกว่าแผลจะแห้ง”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ"“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”ท่านหมอเดินออกไปแล้ว ถิงถิงจึงเดินมาเพื่อเช็ดตัวให้กับท่านอ๋องที่บัดนี้เริ่มมีเหงื่อออกเพิ่มเพราะอาการเจ็บปวดจากยาทาแผลเมื่อเช็ดตัวให้เขาเสร็จแล้ว นางจึงดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาพร้อมกับมองใบหน้าที่บัดนี้หลับสนิทอยู่ตรงหน้านาง เขาดูเปลี่ยนไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วมาก“หายเร็วๆ นะพี่หยางหยาง”ถิงถิงเดินออกไ