Home / รักโบราณ / รักนี้ ที่มอดไหม้ / บทที่ 7 สะเทือนฟ้าสะท้านดิน

Share

บทที่ 7 สะเทือนฟ้าสะท้านดิน

last update Last Updated: 2025-09-12 20:54:06

ในเมื่อการต่อรองกับมู่เฉินไม่สำเร็จ หนิงอวี่จำเป็นต้องคิดวิธีหาเงินทางอื่นแทน นางครุ่นคิดถึงโลกที่จากมามีอะไรบ้างที่จะเป็นประโยชน์กับอาชีพของนางตอนนี้

            ‘ใช่ สมัยนี้ยังไม่มีการแสดงโชว์ของเหล่าหญิงคณิกาแน่ ถ้าการแสดงมีความแปลกใหม่ย่อมได้เงินไม่น้อย’

                “เจียลี่ หากระดาษกับพู่กันให้ข้า”

            หนิงอวี่ตื่นเต้นกับการแสดงที่จะพลิกโฉมหอบุปผาของนางในครั้งนี้

                “คุณหนูจะทำอะไรเจ้าคะ” เจียลี่ที่นำกระดาษและพู่กันวางตรงหน้านางถามขึ้น ร้อยวันพันปีคุณหนูของนางไม่เคยถามหาพู่กันกับกระดาษเสียด้วยซ้ำ

                “วาดภาพน่ะ”

                “คุณหนูวาดเป็นหรือเจ้าคะ!” เจียลี่ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

            หนิงอวี่ไม่ได้สนใจคำถามนั้น นางตั้งใจบรรจงวาดสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาทีละขั้นตอน  โดยอาศัยความสามารถด้านศิลปะของนางที่มักได้รับการชื่นชมจากอาจารย์ที่สอนเสมอ แม้การใช้พู่กันยากกว่าใช้ดินสอมาก แต่การจับพู่กันครั้งแรกก็พอมองออกเป็นรูปเป็นร่างได้ หนิงอวี่ใช้เวลาไม่นานก็ได้แบบที่นางต้องการสองสามแบบ

                “นี่คืออะไรเจ้าคะ?” เจียลี่ถามด้วยความงุนงง

                “ชุด”

                “คุณหนูจะตัดชุดใหม่หรือเจ้าคะ แต่ของเดิมยังใส่ไม่ครบเลยนะ”

                “ไม่ใช่ของข้า แต่เป็นของพวกนางต่างหาก” หนิงอวี่พูดพลางมองไปที่หอบุปผา

                “ตัดให้พวกนางทำไมหรือเจ้าคะ” ปกติคุณหนูของนางไม่เคยทำดีกับเหล่าหญิงคณิกามาก่อน

                “ชุดพวกนี้จะทำให้เรามีเงินใช้หนี้อย่างไรเล่า หยุดถามเสียที เจ้าพาข้าไปร้านตัดผ้าที่ฝีมือดีหน่อยข้าต้องการชุดโดยเร็ว” หนิงอวี่กล่าวพลางลากเจียลี่ออกจากเรือนไป

            ..........รถม้าหยุดลงหน้าร้านฝูเถา เถ้าแก่ร้านจำหนิงอวี่ได้ดี นางมักมาตัดอาภรณ์ที่นี่ประจำ ถึงแม้นางจะปากร้าย มีชื่อเสียงไม่ดี แต่นางกลับไม่เคยต่อราคาของ นี่ทำให้เถ้าแก่ชอบนางไม่น้อย

                “เถ้าแก่ฝู คุณหนูข้าอยากจะตัดเย็บชุดเสียหน่อย”

เจียลี่เป็นผู้เข้าไปเจรจา

                “คุณหนูเว่ยอยากจะได้ชุดแบบใด บอกมาเลยร้านเรามีหลายแบบให้เลือก” เถ้าแก่กล่าวอย่างอารมณ์ดี ถ้าชมนางเสียหน่อยว่าชุดเหมาะกับนาง หนิงอวี่ย่อมซื้อทุกชุดแน่

                “วันนี้ข้ามีแบบมาให้ตัด เถ้าแก่ฝูจะทำได้หรือไม่”

หนิงอวี่วางแบบให้เถ้าแก่ดู

                “ชุดพวกนี้ค่อนข้างแปลก การตัดเย็บยากอยู่” ถึงแม้ชุดของหนิงอวี่จะดูแปลก แต่เถ้าแก่ที่ทำงานตัดเย็บมาห้าสิบปีก็มองออกว่าจะตัดเย็บอย่างไร

                “ท่านทำได้หรือไม่” หนิงอวี่ต้องการคำตอบ

                “ได้ แต่ราคาค่อนข้างแพงข้าคิดคุณหนูชุดละสิบตำลึง” เถ้าแก่ฝูที่ทำการค้ามานาน คำนวณกำไรในหัวอย่างไว

                “ชุดละห้าตำลึง” หนิงอวี่ต่อราคาจนเถ้าแก่ฝูหน้าชา

                “คุณหนูเว่ย ราคานี้ข้าทำให้ไม่ได้หรอก” เถ้าแก่ฝูผลักแบบชุดคืนให้นาง

                “เถ้าแก่ฝูอย่าหน้าเลือดนักเลย ชุดนี้ข้าสั่งแบบละสิบชุด สามแบบก็สามสิบชุด กำไรของท่านก็ไม่น้อยแล้ว แถมแบบชุดนี้ข้าก็จะให้ท่านโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ชุดที่ไม่เหมือนใครเช่นนี้หากท่านเลือกขายให้เฉพาะเหล่าคุณหนู เชื่อว่าท่านคงทำกำไรได้ไม่น้อยกว่าพันตำลึงแน่” หนิงอวี่ผลักแบบชุดกลับไปให้เถ้าแก่ฝูอีกครั้ง สายตาที่รู้ทันของนางจ้องมองเถ้าแก่ฝูไม่วางตา

                “ได้ ข้ารับงานนี้” เถ้าแก่ตาลุกวาวทันทีที่รู้ว่าจะได้แบบชุดพวกนี้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ชุดพวกนี้ต้องทำให้ร้านเขาขายดิบขายดีแน่

                “ดี! ข้าจะได้ชุดเมื่อไหร่”

                “อีกเจ็ดวัน ท่านให้คนมารับชุดได้เลย” เถ้าแก่ฝูรับปาก

            เมื่อเรื่องชุดจบลง หนิงอวี่ก็รีบกลับไปที่หอบุปผา นางให้พ่อบ้านเจียงเรียกหญิงคณิกาทุกคนมารวมกันที่กลางโถง แม้แต่ลู่เสียนเองก็ไม่เว้น

                “วันนี้ข้าอยากจะเปลี่ยนวิธีต้อนรับแขกของร้าน ข้าจะให้พวกเจ้าทุกคนทำการร่ายรำตามที่ข้าสอน หากทำได้ดีข้ามีส่วนแบ่งให้พวกเจ้า”

            เมื่อพูดถึงส่วนแบ่ง พวกนางก็สนใจขึ้นมาทันที ด้วยจะมีเงินเก็บไว้ไถ่ตัวเอง

                “ลู่เสียน เจ้าเล่นพิณเป็นใช่หรือไม่” หนิงอวี่จำได้ว่านางเขียนไว้ในนิยายถึงความสามารถข้อนี้ของนาง

            ลู่เสียนถึงกับตกใจ ด้วยความสามารถด้านการเล่นพิณ นางไม่เคยบอกให้ใครในหอบุปผารู้

                “เจ้าค่ะ”

                “ดี เช่นนั้นเจ้าเล่นเพลง”

                “ส่วนคนที่เหลือ พวกเจ้าจงจำการร่ายรำของข้าให้ดี”

            หนิงอวี่สั่งให้คนนำพิณมาให้ลู่เสียน

                เมื่อการบรรเลงเพลงเริ่มขึ้น หนิงอวี่ก็เริ่มร่ายรำตามที่นางเคยเห็นในมือถือบ่อย ๆ ทุกคนต่างตกตะลึงกับท่าทางอ่อนช้อย แต่เย้ายวนนี้ สายตาที่คล้ายจะสนใจแต่ก็ไม่เหนี่ยวรั้งนี้ ทำให้ผู้ที่ได้มองละสายตาจากนางไม่ได้ ประกอบกับท่วงท่าร่ายรำไม่เหมือนผู้ใด กับเสียงพิณที่ไพเราะของลู่เสียน แม้แต่สตรีด้วยกันยังตกอยู่ในภวังค์

            เจ็ดวันนี้หอบุปผามีคนงานเข้าออกไม่หยุด เหล่าหญิงคณิกาฝึกซ้อมการร่ายรำโดยไม่มีผู้ใดกล้าเกียจคร้าน

            ฝ่ายหนิงอวี่ให้คนปิดประกาศไปทั่วเมืองว่า หอบุปผาจัดการแสดงร่ายรำสะเทือนฟ้าสะท้านดิน รับแขกเพียงห้าสิบโต๊ะเท่านั้น ทำให้มีแขกมากมายที่อยากเห็นการร่ายรำนี้ มาลงชื่อจองไว้ล่วงหน้า แม้ว่าผู้ที่จะเข้าชมต้องจ่ายสูงถึงหนึ่งร้อยตำลึงก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่ไป๋มู่เฉินเอง

                “คุณหนูชุดมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” เจียลี่พาคนนำชุดเข้ามายังหอบุปผาด้วยความตื่นเต้น

                “ให้พวกนางลอง” หนิงอวี่ที่กำลังจิบชาอยู่ชี้ไปทางเหล่าหญิงคณิกา

                “งามมาก! เจ้าดูชุดข้าสิ อ่อนหวานแต่ก็ยั่วยวน”

              “ของข้าก็เช่นกัน หากชายใดมาเห็นต้องอ้าปากค้างแน่”

              “ชุดข้าใส่แล้ว เหมือนหญิงวัยแรกแย้มก็ไม่ปาน”

            เหล่าหญิงคณิกาต่างผลัดกันชมตัวเองไม่ขาดปาก เมื่อมองดูพวกนางหนิงอวี่พอใจกับชุดพวกนางไม่ใช่น้อย แน่นอนว่าไม่มีสตรีใดที่ใส่แล้วงามเสมอป้ายลู่เสียน บัดนี้นางดูอ่อนหวานกว่าที่เคยเป็น อาภรณ์ชมพูลายดอกบัวคลุมทับด้วยเสื้อตัวนอกสีขาวบาง เปิดให้เห็นไหล่ขาวเพียงน้อย  แลนัยน์ตาเศร้านั้นยิ่งทำให้นางมีเสน่ห์ดึงดูดใจชายยิ่ง 

            ตกเย็นหอบุปผามีแขกนั่งเต็มทุกโต๊ะ ต่างเป็นเหล่าคุณชายในเมืองหลวงทั้งสิ้น

                “หอบุปผาขอต้อนรับเหล่าคุณชายที่มาเยือนในคืนนี้ ข้าเว่ยหนิงอวี่ หวังว่าเหล่าคุณชายจะพึงพอใจกับการแสดงของเรา”

            สิ้นเสียงของหนิงอวี่ เสียงพิณก็ดังขึ้น ผ้าม่านสีแดงถูกดึงลง เผยให้เห็นป้ายลู่เสียนในชุดชมพูลายดอกบัว ที่เผยให้เห็นหัวไหล่ซ้ายเพียงเล็กน้อย แต่ด้วยใบหน้าที่งดงามของนาง ก็ทำให้เหล่าบุรุษคิดเพ้อฝันไปไกล

            เหล่าสตรีในชุดแปลกตา ร่ายรำในท่วงท่าที่อ่อนช้อย สายตาที่พวกนางมองมายังเหล่าคุณชายคล้ายเชื้อเชิญ แต่ก็คล้ายผลักไส ทำให้จิตใจเหล่าบุรุษร้อนรุ่มไม่น้อย

การแสดงจบลงแล้ว แต่คุณชายบางคนยังไม่ตื่นจากภวังค์ด้วยซ้ำ  แสดงปรบมือที่ค่อยๆดังขึ้น พร้อมเสียงโห่ร้องชื่นชมดังทั่วหอบุปผา

  “ดี! เป็นการแสดงที่ดียิ่ง”

  “คุ้มค่าเงินหนึ่งร้อยตำลึงของข้ายิ่ง”

  “แม่นางป้าย ชวนน่าหลงใหลยิ่งนัก”

            เสียงชื่นชมพวกนี้ทำให้หนิงอวี่ยิ้มกว้าง นี่จะทำให้

หอบุปผาโด่งดังไม่มีหอนางโลมใดทัดเทียมแน่

                “ไหนเจ้าบอกจะไม่บังคับนาง” หลี่หยางที่ใบหน้าเย็นชา แผ่ไอเย็นอยู่ด้านหลังหนิงอวี่ขัดจังหวะการเพ้อฝันของนาง

                “ข้าบอกจะไม่บังคับนางรับแขก แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้นางทำงาน เพียงแค่เล่นพิณไม่ทำให้นางด่างพร้อยหรอก”                 “แต่ชุดที่เจ้าให้นางใส่มันก็ดูไม่เหมาะสม” หลี่หยางยังคงโต้แย้งไม่ยอมนาง

                “หากไม่หาจุดที่น่าสนใจ การแสดงของข้าจะดึงดูดผู้คนได้อย่างไร”

                “แต่นางไม่เหมือนหญิงคณิกาทั่วไป จะแต่งกายแบบเดียวกันได้อย่างไร” หลี่หยางพูดอย่างไม่ไยดี

                “หญิงคณิกาคนอื่นเป็นเยี่ยงไร พวกนางก็เป็นคนเช่นคุณหนูป้าย ผู้อื่นทำงานได้ทำไมนางจะทำไม่ได้”

พูดจบหนิงอวี่ก็เดินหนีไป นางไม่ชอบการที่เขาทำเหมือนป้ายลู่เสียนสูงส่งกว่าผู้อื่น ทั้งที่ถูกขายมาเป็นนางโลมเช่นเดียวกับสตรีคนอื่น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   ตอนที่ 29 บุปผาสวรรค์

    หลี่หยางกลับตำหนักเผิงซีด้วยความขุ่นเคือง แม้หนิงอวี่บอกว่านางต้องการอยู่ที่หออาลักษณ์เพื่อใช้ความสามารถของตน แต่เขามักรู้สึกว่านางจงใจหลบเลี่ยงเขาอยู่บ่อยครั้ง นั่นทำให้เขาไม่พอใจ “ยินดีกับองค์รัชทายาทเพคะ” ลู่เสียนกล่าวยินดีกับเขาทันที เมื่อเห็นหลี่หยางก้าวเข้ามาในห้องทรงอักษร “เจ้าเข้ามาในนี้ได้อย่างไร” หลี่หยางขมวดคิ้วถามด้วยความไม่พอใจ ลู่เสียนในใจเขานับวันยิ่งแตกต่างจากสตรีที่เขาคอยปกป้องเมื่อครั้งที่อยู่ที่หอบุปผา “หม่อมฉันเห็นว่าห้องนี้ไม่ค่อยได้ทำความสะอาด จึงเข้ามาเช็ดถูให้เพคะ” รอยยิ้มบนใบหน้านางจางหายในทันที เมื่อสิ่งที่หลี่หยางตอบกลับมาไม่ใช่รอยยิ้มอย่างที่นางคิด “ช่างเถิด เจ้าไปเก็บของเถอะ รุ่งเช้า มามา จะพาเจ้าไปตำหนักของตัวเอง เจ้าจะได้มีอิสระในการทำสิ่งใดไม่ต้องคอยเกรงใจข้าอีก”ลู่เสียนหน้าชาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ถึงแม้คำพูดของหลี่หยางจะดูเป็นห่วงนาง แต่แท้จริงแล้วกลับต้องการไล่ให้นางออกไปเสียมากกว่า “หม่อมฉันรับบัญชาเพคะ” ลู่เสียนเดินออกจากห้องไป นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 28 ปฏิเสธ

    หนิงอวี่ยกหนังสือที่อยู่ในมือขวางการจ้องมองของหลี่หยาง นางมิอาจจะทนต่อการจ้องมองอย่างลึกซึ้งนั้นของเขาได้ “องค์ชาย นี่หออาลักษณ์โปรดสำรวมด้วย” หนิงอวี่ตำหนิหลี่หยางกลาย ๆ “เช่นนั้นกลับตำหนักเผิงซีเถอะ ข้าจะได้ไม่ต้องสำรวม”หลี่หยางกล่าวพลางดึงหนังสือให้มือของนางออก หนิงอวี่จ้องมองคนที่อยู่เบื้องหน้าด้วยใบหน้าบึ้งตึง ทำให้หลี่หยางยอมปล่อยนางอย่างว่าง่าย เกรงว่านางจะเคืองจนไม่กลับไปตำหนักกับเขาแต่โดยง่าย “องค์ชายโปรดอภัย หม่อมฉันไม่คิดจะกลับไปตำหนักเผิงซี” หนิงอวี่กล่าวในสิ่งที่เขาไม่อยากจะฟัง “เหตุใดไม่กลับไป? ตอนนี้ข้าก็สามารถปกป้องเจ้าได้แล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวสิ่งใดอีก” แววตาของหลี่หยางเต็มไปด้วยความดื้อรั้น “เหตุใดองค์ชายต้องปกป้องหม่อมฉันด้วย?” นางอยากรู้ว่าตนเองเป็นสิ่งใดในใจเขากัน “ข้า............” หลี่หยางนิ่งไปชั่วครู่ เขาไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไรกับนางดี นางสำคัญอย่างไรในใจเขากันแน่ “ข้าเห็นเจ้าเป็นสหายของข้า” คำตอบของหลี่

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 27 พิธีบูชากระบี่เทพ

    หลี่หยางรู้สึกตัวขึ้นในยามเหม่า หนิงอวี่ยังคงหลับอยู่นางนั่งพิงอยู่กับเสาแท่นบรรทม โดยมีเขาหนุนตักของนางอยู่อย่างนั้น หลี่หยางจ้องมองใบหน้าขาวนวลนั้นอยู่นาน เขาอยากให้นางอยู่ข้าง ๆ เขาเช่นนี้ในทุกวันหลี่หยางช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะวางให้นางนอนบนแท่นบรรทมอย่างสบายตัว มือของเขาลูบไล้ใบหน้านางอยู่นาน สายตาที่จดจ่ออยู่กับริมฝีปากอิ่มสีทับทิมสุกนั้น ทำให้ความกระหายในกายของเขาเริ่มพลุ่งพล่าน จนหลี่หยางต้องรีบลุกออกจากเตียงในทันที “ถงอู่ให้องครักษ์เฝ้าห้องบรรทมไว้ ห้ามผู้ใดเข้าไปหากนางตื่นแล้ว ค่อยส่งนางกลับหออาลักษณ์” หลี่หยางไม่ต้องการให้ใครรบกวนการนอนของนาง หากเพียงผ่านวันนี้ไป หากเขาไม่สามารถรับกระบี่เทพได้ ตำแหน่งรัชทายาทก็ยังคงเป็นของเจี้ยนหยาง นั่นทำให้เขาไม่ใช่คู่แข่งอีกต่อไป หนิงอวี่ก็สามารถกลับมาอยู่ข้างกายเขาได้ หรือหากวันนี้เขารับกระบี่เทพได้ ก็จะไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายเขาอีก นั่นก็ทำให้นางอยู่ข้างกายเขาได้เช่นกัน เช่นนั้นแล้วขอเพียงผ่านวันนี้ไป เขาจะไม่ยอมปล่อยมือนางอีก................................พิธีบูชากระบี่เทพ เริ่มขึ้นตั้งแต่ยามเหม่าเหล่าขุนนาง

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 26 วางยา

    หนิงอวี่ยังคงทำหน้าที่เน่ยเหรินผู้ต่ำต้อยได้ดีเช่นทุกวัน พอนานวันเข้านางกำนัลคนอื่น ๆ ต่างเบื่อหน่ายที่จะกลั่นแกล้งนาง ด้วยนางไม่คิดตอบโต้ เป็นเหมือนแม่น้ำที่โยนสิ่งใดลงไปก็ได้แต่จมหาย การใช้ชีวิตในหอซักของหนิงอวี่จึงง่ายขึ้น “เน่ยเหรินหนิงอวี่ ฝ่าบาทเรียกพบที่ห้องทรงอักษร”ฝางกงกง ขันทีข้างกายฮ่องเต้ตามหานางด้วยท่าทีรีบร้อน หนิงอวี่ที่กำลังง่วนอยู่กับการซักอาภรณ์ของเหล่าราชวงศ์ เริ่มมีสีหน้ากังวล ‘เหตุใดจู่ ๆ ฮ่องเต้ถึงเรียกพบนางได้’ ถึงจะหวาดกลัว แต่หนิงอวี่ก็ยอมเดินตามฝางกงกงอย่างว่าง่าย “หม่อมฉันเว่ยหนิงอวี่ถวายพระพรฝ่าบาท” หนิงอวี่ ยอบกายถวายพระพรตามธรรมเนียม พลางสายตานางกลับมองเห็นองค์ชายเฟยหยางที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอักษร นางรู้ได้ทันทีว่าต้องเกี่ยวข้องกับบทความที่นางเขียนแน่ “เจ้าเป็นคนเขียนบทพรรณนาความงามให้องค์ชายเฟยหยางใช่หรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสถามโดยไม่แสดงอาการใด ๆ “เพคะ” หนิงอวี่ไม่คิดปิดบัง ด้วยฮ่องเต้ต้องซักถามองค์ชายเฟยหยางอย่างแน่ชัดแล้ว “เจ้าไปเรียนรู้การกล่าวพรรณนาเ

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 25 ปกป้อง

    ถงอู่ที่มองเห็นแววตาเจ็บปวดของหลี่หยาง เขาเองไม่เข้าใจความคิดของผู้เป็นนาย “องค์ชายจะไม่บอกความจริงกับนางหรือพ่ะย่ะค่ะ” “นางอยู่ห่างจากข้า จึงจะปลอดภัย” หลี่หยางยังคงมองไปยังจุดที่นางจากไป แม้บัดนี้จะมองไม่เห็นนางแล้วก็ตาม “เหตุใดองค์ชายถึงทำเช่นนั้น” ถงอู่ยังคงไม่เข้าใจหากห่วงใยทำไมไม่เก็บไว้ข้างกาย “การชิงตำแหน่งรัชทายาท ต้องมีผู้ไม่หวังดีก่อความวุ่นวายแน่ หากนางยังอยู่ข้างข้าคนเหล่านั้นต้องใช้นางเป็นเครื่องต่อรอง เช่นนั้นนางจะตกอยู่ในอันตราย โดยข้าเองไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นมีกำลังมากเพียงใดจึงไม่กล้าดึงนางเข้ามาเสี่ยง” หลี่หยางที่แม้ไม่พอใจที่นางอยู่ใกล้ชิดกับไป๋มู่เฉิน แต่นั่นก็ใช่ว่าเขาจะโกรธจนขาดสติไม่รับฟังเหตุผลใด ๆ “เจ้าไปสืบมา เหตุการณ์ที่อุทยานเป็นฝีมือใคร” หลี่หยางเชื่อคำพูดของหนิงอวี่ตั้งแต่แรก หากแต่นั่นคือข้ออ้างที่ดีที่จะทำให้ผู้คนคิดว่าเขาทอดทิ้งนางแล้วจริง ๆ………………….หนิงอวี่กลับมายังหอซัก ภายใต้ความประหลาดใจของเน่ยเหรินที่อยู่ตรงนั้น หากแต่นางไม่สนสายตาของผู้ใด

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 24 หน้ามืดตามัว

    ราชสำนักซู่หนานบัดนี้เกิดความโกลาหลไม่น้อย ด้วยเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในวันที่องค์ชายหลี่หยางดื่มยาถอนพิษหนิงเซี่ย ทำให้ฝนที่ไม่เคยตกลงผืนแผ่นดินแคว้นซู่หนานมานานถึงห้าปี กลับมาตกหนักอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน ขุนนางจึงแตกออกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายองค์รัชทายาท และฝ่ายที่ต้องการให้แต่งตั้งองค์ชายหลี่หยางขึ้นเป็นรัชทายาทแทน ด้วยเป็นองค์ชายองค์โตและเป็นผู้นำสายฝนคืนสู่แคว้นอีกครั้ง “เช่นนั้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า พิธีบูชากระบี่เทพหากองค์ชายหลี่หยางสามารถครองกระบี่เทพได้ ข้าจะยกตำแหน่งรัชทายาทให้กับเขา” ฮ่องเต้ฉินหนานประกาศกลางท้องพระโรง ทำให้เหล่าขุนนางหยุดโต้แย้งกันลงได้..........................ข่าวแต่งตั้งรัชทายาทใหม่แพร่ไปยังหมู่นางกำนัลอย่างรวดเร็ว หลายคนต่างคาดหวังว่าหลี่หยางจะสามารถครองกระบี่เทพได้ ราษฎรจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก ด้วยบัดนี้แคว้นซู่หนานแห้งแล้ง ราษฎรอดอยาก หากไม่มีกระบี่เทพคอยปกป้องเกรงว่าแคว้นซู่หนานจะล่มสลายไปนานแล้ว ความกดดันนี้ส่งผลต่อสภาพจิตใจของหลี่หยางไม่น้อย ด้วยเขาเองไม่ได้คิดอยากจะเป็นรัชทายาท ไม่ได้อยากครองกระบี่เทพเขาเพียงอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status