นอกจากทหารรักษาความปลอดภัยกับข้ารับใช้ที่นำอาหารมาส่ง ปกติก็ไม่มีผู้คนแปลกหน้าย่างกรายเข้ามาที่ตำหนักโม่ลี่ฮวา อีกทั้งมีผู้ประสงค์ร้ายปล่อยข่าวลือออกไปว่า องค์หญิงหลี่น่าคือตัวกาลกิณีแห่งแคว้นฉงเยว่ จึงไม่มีใครอยากจะคบค้าสมาคมกับนางและพวกพ้อง และมองเมินพระชายาหลี่น่าราวกับนางเป็นอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน
เมื่อขบวนขันทีมาเยือนที่ตำหนักโม่ลี่ฮวาและจากไปอย่างรวดเร็ว จึงมิใช่เรื่องที่ดี...
“ข้าไม่ได้โดนสั่งประหารสักหน่อย เหตุใดพวกเจ้าจึงโศกเศร้ากันถึงเพียงนี้”
ท่าทางหมดสิ้นความหวังอย่างสุดแสนของสามหญิงรับใช้ ทำให้ลีน่ากะพริบตาลงช้าๆ ด้วยความรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจ
“ทรงเป็นถึงองค์หญิงแห่งฉงเยว่ แต่คนที่นี่กลับปฏิบัติต่อพระองค์อย่างไม่เป็นธรรม เรื่องเลวร้ายเช่นนี้ หนักหนาสาหัสเกินกว่าหม่อมฉันจะรับไหวเพคะ” แม่นมหวงตัดฟ้อ
“หากข้าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แล้วพี่หญิงหลี่รี่เล่า? นางก็เป็นพระธิดาของฮ่องเต้แคว้นฉงเยว่เช่นเดียวกัน แต่นางยังถูกส่งตัวมาเป็นพระสนมบรรณาการลำดับสุดท้าย ตอนนี้ข้ากับนางเพียงแค่สลับตำแหน่งกันเท่านั้นเอง” ลีน่าพยายามพูดจาหว่านล้อมเตือนสติพวกนางทั้งสาม
แม่นมหวง ซูปี้กับซูลี่เงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์เอื้ออาทรของนายหญิง พลันรู้สึกปลอดโปร่งคลายกังวล ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวที่ปรากฏชัดเจนในดวงตาดอกท้อคู่งาม ทำให้พวกนางมีพลังใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“ทูนหัวของกระหม่อม ช่างใสซื่อบริสุทธิ์อะไรเช่นนี้” แม่นมหวงเช็ดน้ำตามือสั่นระริก พยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงท้อง หากแก้วตาดวงใจของนางยังคงยืนหยัดอยู่ต่อหน้า ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความอัปยศอดสูอีกสักกี่ครา นางก็จะอดทน
ลีน่ายิ้มบางเบาที่มุมปาก “ตำแหน่งพระสนมชายาไร้สาระพวกนั้น ข้าไม่สนใจสักนิด ทำไมผู้หญิงถึงได้อยากเป็นของตายในกำมือของผู้ชายนักนะ”
สามหญิงรับใช้มองหน้ากันไปมาอย่างสับสน นับจากวันที่องค์หญิงหลี่น่าฟื้นจากอาการประชวร แววตาสีโศกคู่เดิมก็ถูกลบเลือนหายไป เพราะในดวงตากลมโตมีประกายสุกใสเจิดจรัสเข้ามาแทนที่ ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กซึ่งเคยหม่นหมองของพระสนมตัวน้อยดูงดงามกระจ่างตา ราวกับเป็นคนละคน
“หากคำนวณมูลค่าทรัพย์สินของข้าที่มีอยู่ตอนนี้ ถ้าพวกเราได้ออกไปใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีนอกวังแบบคนธรรมดา คงจะสุขสบายมากกว่านี้เป็นร้อยพันเท่า” ลีน่าแสร้งทำเป็นพูดลอยๆ
“พระสนม!” สามหญิงรับใช้อุทานเสียงหลง
“ทรงอย่ากล่าวเช่นนี้อีกนะเพคะ” แม่นมหวงทำตาดุ “ข้างนอกวังมีแต่อันตราย ผู้คนหน้าซื่อใจคด คอยจ้องจะเอารัดเอาเปรียบ ยิ่งเป็นสาวเป็นนางด้วยแล้ว ก็เหมือนเหยื่ออันโอชะพวกโจรพวกอันธพาลเท่านั้นเอง”
แย่จริง...
ลีน่าไหล่ทรุดด้วยความห่อเหี่ยว เธอลืมไปได้ยังไงกันว่าที่นี่เป็นยุคสมัยแห่งความป่าเถื่อน การที่คนยุคนี้บังคับให้ลูกสาวรีบแต่งงานออกเย้าออกเรือน อีกนัยหนึ่งก็เพื่อจะได้มีสามีคอยปกป้องคุ้มครอง
แต่กระนั้น... การจะย้ายสำมะโนครัวออกไปอยู่นอกเขตปกครองของพระราชวังมันง่ายอย่างปากพูดเสียที่ไหนกัน
“พอได้แล้ว” ซ่งเหยียนหมิงฉุดหญิงสาวขึ้นมาเกยทับบนร่าง “ต่อให้เจ้าเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อน หรือเป็นสตรีไม่รู้ประสีประสาอะไรเลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็รักเจ้า”เขาหยัดสะโพกให้ส่วนปลายองชาตเสียดเสยรองกลีบสวาทของนางอย่างอดใจไม่ไหว แต่หญิงสาวก็ไม่ยินยอมถูกครอบครองโดยง่าย“หม่อมฉันจะทำเองเพคะ” ดวงตากลมโตของนางเป็นประกาย พลางใช้นิ้วเรียวงามแหวกกลีบสวาทแล้วกดบั้นท้ายลงช้าๆยามนั้น... แสงจันทร์ขาวนวลที่สาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างได้อาบย้อมร่างของเขาและนางที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง“องค์รัชทายาทเสด็จ”เสียงของขันทีดังไปทั่วตำหนักเหม่ยฮวา หลี่รี่แทบจะพุ่งเข้าไปกอดร่างสูงใหญ่งามสง่าทันทีที่เห็นชายหนุ่มปรากฏตัว ทว่าซ่งหยวนซีกลับเดินเลี่ยงไปนั่งที่เก้าอี้ เหมือนกับว่าเขาจงใจท
หญิงสาวเงื้อฝ่ามือขึ้นอย่างเชื่องช้า แล้ววางลงบนโต๊ะเสียงดังปัง! ใบหน้างามปรากฏรอยยิ้มภาคภูมิใจ นัยน์ตากลมโตหวานฉ่ำราวกับเคลือบคลอด้วยหยาดน้ำผึ้ง“คำพูดคนเมาเชื่อได้รึ?” เขาหัวเราะอย่างเอ็นดูในยามมีสติหลงเหลือเพียงน้อยนิดหญิงสาวกลับยิ่งรู้สึกหยิ่งพยอง เธอไม่มีวันยอมให้ใครมากล่าวหาว่าเป็นคนพูดจาหลอกลวงเด็ดขาด“อยากพิสูจน์ความจริงหรือไม่เพคะ” เธอทำเสียงจิ๊กจั๊กในปากขัดใจ“ข้าอยาก... แต่สภาพเช่นนี้ เจ้าจะทำอะไรได้”คำพูดท้าทายของซ่งเหยียนหมิง กลายเป็นแรงยั่วยุซึ่งฉุดกระชากหญิงสาวลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ ท่าทางยอมตายไม่ยอมแพ้ของนาง ทำให้ดวงตาคู่คมของอี๋ชินอ๋องเป็นประกายวาววับร่างอรชรเยื้องย่างเข้าหาชายหนุ่มด้วยท่วงท่าเฉิดฉันท์งามสง่าราวกับนางพญามาร ซ่งเหยียนหมิงกะพริ
“หลี่น่า ข้ามีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นเพราะหน้าที่ แต่สำหรับเจ้า... ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความปรารถนาของตัวข้าเอง”กอดอบอุ่นและน้ำเสียงอ่อนโยนทำให้ทิฐิที่ลีน่าใช้เป็นเกราะป้องกันหัวใจพังทลายลง น้ำในดวงตาเอ่อล้นออกมาอย่างไม่อาจจะกลั้นเธอเผลอรักเขาไปแล้ว โดยไม่รู้ตัว... แต่ทำไมเธอถึงได้เจ็บปวดนัก ทั้งที่รู้แก่ใจดีว่าเธอก็เป็นเพียงแค่พระสนมลำดับสุดท้าย ในจำนวนพระสนมชายาทั้งสิบหกคนของค์รัชทายาทแห่งซ่งเยว่เริ่มแรกลีน่าเพียงต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอจึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงร่างกายนี้เพื่อหาหนทางออกไปใช้ชีวิตนอกรั้ววังอย่างอิสระ หากทุกอย่างก็เลยเถิดกระทั่งเธอไม่สามารถถอนตัวถอนใจลีน่ากอดร่างที่เย็นเยือกของตัวเอง หญิงสาวเฝ้ามองรถม้าของวังไป๋อวี้เคลื่อนออกไปจนลับสายตา จึงหันกลับมาแล้วพบว่าซ่งเหยียนหมิงกำลังยืนจ้องเธออยู่เงียบๆ “อี๋ชินอ๋อง” เธอยิ้มให
ลีน่าตกใจจนแทบจะเป็นลม เมื่อจู่ๆ ม่านผ้าดิบถูกคนด้านนอกเปิดเข้ามาอย่างพรวดพราด ขณะที่อี๋ชินอ๋องกำลังอุ้มนางแหวกว่ายอยู่ในธารน้ำตกด้วยเรือนร่างที่ไร้อาภรณ์ สายตาหวงแหนที่มองมาทำให้หญิงสาวรู้สึกกระดาก จนต้องขืนกายออกจากวงแขนแข็งแรงที่โอบกอด“ท่านมาเร็วกว่าที่คิด”ซ่งเหยียนหมิงเอ่ยทักทายญาติผู้พี่อย่างไม่รู้สึกร้อนหนาว“ยังมีอีกหลายสิ่งที่ข้าทำได้เร็วกว่านี้” ซ่งหยวนซีถอดเสื้อผ้าออกจากร่างอย่างว่องไง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ล้อนจ้อนจะเดินลงไปในธารน้ำตก และว่ายน้ำไปแย่งเอาพระสนมตัวน้อยกลับคืนมา“เหยียนหมิงรังแกเจ้าไปกี่ครั้ง” เขาถามนาง น้ำเสียงหงุดหงิด“ครั้งเดียวเพคะ” เธอไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มซ่งหยวนซีไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ไม่พูดพร่ำสิ่งใดให้เป็นการเสียเวลาอีก เขาอุ้มร่างอรชรเดินไปท
ลีน่าถูกเขาเคี่ยวกรำอย่างหนัก เธอสุดจะกลั้นเสียงร้องครวญคราง ร่างอรชรบิดเร่าแอ่นระแน้ด้วยความสยิวทรมาน สาสมใจคนเจ้าเล่ห์“อาา... ข้างในของเจ้าเหมือนสวรรค์ ช่าง... ดี... ดีเหลือเกิน” ซ่งเหยียนหมิงใช้ฝ่ามือใหญ่โอบอุ้มสะโพกผายกลมกลึงเอาไว้ เขาโก่งบั้นท้ายและยกร่างบางขึ้น ก่อนจะกดนางลงพร้อมกับกระแทกกระทั้นแก่นกายแกร่งชูชันใส่ความสาว“อ่ะ! หม่อมฉัน... มะ ไม่ไหวแล้ว อ๊าา...”นางเว้าวอนอย่างน่าสงสาร น้ำเสียงครวญครางกระเส่าสะอื้น ใบหน้างามแดงเรื่อราวกับมีพิษไข้ หากไม่อาจจะหยุดยั้งเรือนกายแกร่งที่เคลื่อนไหวราวกับบ้าคลั่งซ่งเหยียนหมิงประคองสะโพกผายกลมกลึงวางเกยบนขอบบ่อน้ำแร่ร้อน แล้วดันท่อนขาเพรียวสะล้างของนางพับขึ้น ระดับความสูงพอเหมาะช่วยหนุนเนินโหนกอวบอูมลอยเด่นจนเห็นชัดถนัดใจ แววตาของชายหนุ่มเป็นประกายวาวโรจน์ราวกับจะล
ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือเรือนกายเปลือยเปล่าของซ่งเหยียนหมิง และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ลีน่าจะทำใจให้เคยชินกับความบ้าระห่ำเหนือการคาดเดาของเขา“เจ้าอายจนหน้าแดงไปหมดแล้ว” น้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ เขาจับข้อเท้าของนางแยกออกจากกัน แล้วพิศมองเนื้อในความสาวความร้อนทำให้ผิวบอบบางบริเวณนั้นแดงก่ำและดูยิ่งโป๊เปลือยชวนให้ขัดเขิน เมื่อตกอยู่สภาพที่ถูกมองเห็นแบบชัดเจนถึงรูขุมขนขนาดนี้แล้ว ทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกทรวงอก“พอแล้วเพคะ อย่าจ้องหม่อมฉันแบบนั้น” ลีน่าเอาฝ่ามือปิดบังของสงวนแววตาของซ่งเหยียนหมิงเกือบลุกเป็นไฟ เขาอยากเอาตัวตนที่เหยียดขยายจนแข็งชูชันชำแรกเข้าไปในความสาวสดรัดรึงของนางแทบใจจะขาด แต่ทั้งคู่เพิ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำแร่ร้อน หากลงไม้ลงมืออย่างบุ่มบ่ามเขาจะทำให้หลี่น่าเจ็บ“ข้าอยากดื่มน้ำหวานในตัวเจ้า” ซ่งเหยียนหมิงดึงมือเรียวเล็กออกจากเนินเนื้ออวบอูม แล้วก้ม