Home / รักโบราณ / วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน / ๐๘ ความริษยา คลื่นใต้น้ำในจิตใจคน

Share

๐๘ ความริษยา คลื่นใต้น้ำในจิตใจคน

last update Last Updated: 2025-06-07 23:50:43

ยามลมหนาวเริ่มพัดหวน บรรยากาศของหมู่บ้านซีหลินเริ่มปกคลุมด้วยความเงียบสงบยามค่ำคืน ทว่าในใจของบางคนกลับมิได้สงบนิ่งเช่นเดียวกับสายลม ตู้เยี่ยนอวี่ยังคงดำเนินชีวิตเฉกเช่นปกติวิสัย นางใช้เวลาในยามเช้าตรู่ฝึกฝนกำลังภายใน ยามสายออกตรวจเยี่ยมชาวบ้านที่เจ็บป่วย และยามบ่ายศึกษาตำราโบราณ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้แก่ตนเองอย่างมิมีวันหยุดหย่อน

ด้วยความสามารถที่เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน และจิตใจที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ทำให้ชื่อเสียงของหมอเทวดาตู้แผ่ขยายออกไปไกลยิ่งกว่าเดิม ชาวบ้านจากหัวเมืองใกล้เคียงต่างหลั่งไหลมาขอความช่วยเหลือจากนางมิขาดสาย ผู้คนต่างชื่นชมในคุณธรรมและสติปัญญาของนาง

ทว่ายามใดที่มีแสงสว่างเจิดจ้า ย่อมมีเงาอันมืดมิดติดตาม

ความชื่นชมยกย่องที่ตู้เยี่ยนอวี่ได้รับ มิได้เป็นที่ยินดีแก่ทุกผู้คนเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮูหยินหลี่ ภรรยาของเศรษฐีหลี่ ผู้มีฐานะร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน และเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนมายาวนาน นางเป็นสตรีผู้มีรูปโฉมงดงาม แต่ก็มักจะโอ้อวดในทรัพย์สมบัติและยศถาบรรดาศักดิ์ของตระกูลตนเสมอ ดุจนกยูงที่รำแพนอวดขน

ฮูหยินหลี่มองตู้เยี่ยนอวี่ด้วยแววตาที่ไม่พอใจ ยามที่นางเห็นชาวบ้านต่างพากันไปพึ่งพาตู้เยี่ยนอวี่ มิใช่หมอประจำหมู่บ้านอย่างท่านผู้เฒ่าหลี่ หรือแม้แต่มิได้มาขอความช่วยเหลือจากตนผู้เป็นภรรยาของเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ฮูหยินหลี่รู้สึกว่าชื่อเสียงของตู้เยี่ยนอวี่กำลังบดบังรัศมีของตนเอง ดุจเงาที่บดบังแสงจันทร์

“นางเด็กบ้านนอกนั่น มีดีอันใดกันนักหนา” ฮูหยินหลี่บ่นพึมพำกับ อาซิ่น บ่าวรับใช้คนสนิทของนาง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความริษยา “เป็นแค่เด็กสาววัยกระเตาะ มาจากตระกูลสามัญชน เหตุใดจึงเป็นที่สรรเสริญเยินยอถึงเพียงนี้”

อาซิ่นผู้จงรักภักดี ตอบด้วยน้ำเสียงเอาอกเอาใจ “ฮูหยินอย่าได้ทรงกังวลเลยเจ้าค่ะ นางเด็กนั่นมิอาจเทียบรัศมีของฮูหยินได้หรอกเจ้าค่ะ”

แต่คำพูดของอาซิ่นมิอาจทำให้ฮูหยินหลี่คลายความริษยาลงได้เลย ยิ่งวันคืนผ่านไปยิ่งเห็นผู้คนหลั่งไหลไปหาตู้เยี่ยนอวี่มากขึ้นเท่าใด ความไม่พอใจในใจของนางก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น ฮูหยินหลี่เริ่มวางแผนการร้ายในใจ เพื่อทำลายชื่อเสียงของตู้เยี่ยนอวี่

ยามหิมะโปรยปรายลงมา อากาศหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ ตู้เยี่ยนอวี่และชาวบ้านต่างช่วยกันเตรียมรับมือกับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง นางแนะนำให้ชาวบ้านเก็บฟืนให้เพียงพอ และเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวที่หนาแน่น เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ข่าวลืออันน่าสะพรึงกลัวก็แพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน มีคนร่ำลือว่าตู้เยี่ยนอวี่ใช้มนต์ดำในการรักษาโรค หรือใช้สมุนไพรแปลกปลอมที่มิอาจทราบที่มาในการปรุงยา คำครหาเหล่านี้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว และทำให้ผู้คนเริ่มตั้งข้อสงสัยในตัวนาง

“หมอเทวดาตู้นางใช้มนต์ดำจริงหรือ ?” ชาวบ้านบางคนเริ่มพูดคุยกันด้วยความหวาดระแวง

“ข้าว่าคงเป็นเรื่องจริง นางเด็กนั่นมาจากไหนก็ไม่รู้ ทำไมถึงได้เก่งกาจถึงเพียงนี้” อีกคนสมทบ

เสียงซุบซิบนินทาเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคนที่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากตู้เยี่ยนอวี่ หรือผู้ที่ได้รับอิทธิพลจากคำพูดของฮูหยินหลี่

ตู้เยี่ยนอวี่ที่พอจะได้ยินข่าวลือเหล่านี้มาบ้างก็มิได้สนใจมากนัก นางยังคงมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ เพราะนางก็เชื่อว่าความจริงจะเปิดเผยในไม่ช้า

ทว่าคำครหาเหล่านี้กลับเริ่มส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนในครอบครัวตู้ ท่านผู้เฒ่าตู้และฮูหยินตู้เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

“อวี่เอ๋อร์ เจ้าได้ยินข่าวลือที่ชาวบ้านพูดถึงหรือไม่ลูก ?” ฮูหยินตู้ถามบุตรสาวด้วยความกังวลใจ ใบหน้าของนางฉายแววความทุกข์ระทม

ตู้เยี่ยนอวี่วางตำราลงช้า ๆ “ข้าได้ยินมาบ้างแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”

“พวกเขาพูดว่าเจ้าใช้มนต์ดำในการรักษาโรค” ฮูหยินตู้กล่าวเสียงสั่น “แม่มิอยากให้เจ้าต้องแปดเปื้อนกับเรื่องร้าย ๆ เช่นนี้เลย”

ท่านผู้เฒ่าตู้ที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ข่าวลือเหล่านี้ช่างร้ายกาจนัก มันทำลายชื่อเสียงของคนเราได้โดยง่าย”

ตู้เยี่ยนอวี่มองบิดามารดาของร่างนี้ด้วยความสงสาร นางรู้ดีว่าพวกเขาห่วงใยนางมากเพียงใด นางกุมมือของฮูหยินตู้ไว้แน่น

“ท่านแม่ ท่านพ่อ มิต้องเป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ ข้ามิได้ทำสิ่งใดผิด และข้าก็เชื่อว่าความจริงย่อมเป็นสิ่งไม่ตาย”

“แต่หากข่าวลือเหล่านี้แพร่กระจายไปมากกว่านี้ อาจจะทำให้เราเดือดร้อนได้นะลูก” ท่านผู้เฒ่าตู้กล่าวด้วยความเป็นห่วง

“ข้าจะพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าความจริงเป็นเช่นไรเจ้าค่ะ” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง ดวงตาของนางฉายแววแน่วแน่ ดุจหินผาที่ไม่หวั่นไหวต่อกระแสลม

ยามสิ้นปีใกล้เข้ามา อากาศยิ่งหนาวเย็นยะเยือก

มีชาวบ้านคนหนึ่งล้มป่วยหนักด้วยอาการแปลกประหลาดที่มิเคยพบเห็นมาก่อน อาการของเขาหนักมากจนแพทย์คนใดในหมู่บ้านก็มิอาจรักษาได้

“หมอหลี่ ! ท่านช่วยบุตรชายของข้าด้วยเถิดขอรับ” มารดาของชายผู้นั้นร้องขอความช่วยเหลือจากท่านผู้เฒ่าหลี่ด้วยความสิ้นหวัง

ท่านผู้เฒ่าหลี่ตรวจดูอาการของชายผู้นั้นด้วยความกังวล “อาการของเขาน่าเป็นห่วงยิ่งนัก ลมปราณติดขัดรุนแรงจนแทบจะมิมีเรี่ยวแรง ข้ามิเคยพบเห็นอาการเช่นนี้มาก่อนเลย”

ในยามที่ทุกคนกำลังสิ้นหวัง ฮูหยินหลี่ก็ปรากฏกายขึ้น

“ข้าว่าพวกท่านควรจะไปขอความช่วยเหลือจากหมอเทวดาตู้ของพวกท่านนะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “เห็นว่านางเก่งกาจนัก มิรู้ว่านางจะช่วยผู้ป่วยผู้นี้ได้หรือไม่”

คำพูดของฮูหยินหลี่ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหันมามองหน้ากันด้วยความลังเล หลายคนยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในข่าวลือที่แพร่สะพัด

“แต่...แต่ว่าข่าวลือที่ว่านางใช้มนต์ดำ...” ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างลังเล

ท่านผู้เฒ่าตู้ที่บังเอิญผ่านมาได้ยินบทสนทนานั้นพอดี ก็ก้าวเข้ามาทันที

“ข่าวลือเหล่านั้นมิเป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย ! อวี่เอ๋อร์ของข้าเป็นเด็กดี มีคุณธรรม และมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง”

ท่ามกลางความสับสนของชาวบ้าน ตู้เยี่ยนอวี่ก็เดินเข้ามาในที่เกิดเหตุ ดวงตาของนางสงบนิ่งและมั่นคง

“ข้าขออนุญาตตรวจดูอาการของผู้ป่วยเจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ

เมื่อตรวจดูอาการของชายผู้นั้น ตู้เยี่ยนอวี่ก็พบว่าอาการของเขาหนักกว่าที่คิดไว้มาก ลมปราณในกายถูกปิดกั้นอย่างรุนแรง และมีพิษแปลกปลอมอยู่ในร่างกาย นางนึกย้อนถึงตำราแพทย์โบราณที่กล่าวถึงอาการที่เกิดจากการถูกวางยาพิษบางชนิด

“เขาถูกพิษ” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่น้ำเสียงนั้นกลับดังก้องไปทั่วบริเวณ

คำกล่าวของตู้เยี่ยนอวี่ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง ฮูหยินหลี่ถึงกับหน้าซีดเผือดเล็กน้อย

“ข้าจะพยายามรักษาเขาให้หายเจ้าค่ะ” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง “แต่จะต้องใช้เวลาและต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกท่าน”

นางสั่งให้เสี่ยวจูเตรียมสมุนไพรบางชนิด และนำเข็มเงินออกมาอย่างรวดเร็ว นางเริ่มทำการฝังเข็มที่จุดลมปราณสำคัญบนร่างกายของชายผู้นั้นอย่างแม่นยำและรวดเร็ว พลางส่งพลังปราณภายในของตนเองเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนของลมปราณที่ติดขัด

ผ่านไปนานนับชั่วยาม เหงื่อกาฬไหลหยดจากใบหน้าของตู้เยี่ยนอวี่ แต่สายตาของนางยังคงแน่วแน่ มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือชีวิตตรงหน้า

ในที่สุดชายผู้นั้นก็เริ่มกระสับกระส่ายเล็กน้อย และอาเจียนของเหลวสีดำออกมาเล็กน้อย

“เขาพ้นขีดอันตรายแล้วเจ้าค่ะ” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน แต่นัยน์ตาฉายแววแห่งความโล่งใจ

ชาวบ้านที่มุงดูต่างส่งเสียงฮือฮาด้วยความยินดี ความสงสัยและความหวาดระแวงที่มีต่อตู้เยี่ยนอวี่เลือนหายไปสิ้น มีเพียงความชื่นชมและศรัทธาที่เข้ามาแทนที่

ฮูหยินหลี่ผู้ซึ่งยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยใบหน้าซีดเผือด มิอาจกล่าวอันใดได้อีก นางทำได้เพียงถอยห่างออกมาอย่างเงียบ ๆ

ยามสิ้นปี รัชศกเทียนเหอปีที่เจ็ดสิบเจ็ดได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตู้เยี่ยนอวี่ในวัยสิบห้าปีบริบูรณ์ ได้ผ่านพ้นบททดสอบครั้งสำคัญ นางได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความจริงย่อมเป็นสิ่งไม่ตาย และคุณธรรมที่แท้จริงย่อมปราศจากข้อกังขา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 5 วิวาห์ใต้เงาจันทร์

    ปลายเดือนเจ็ด รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมฆหมอกร้ายที่เคยปกคลุมวังหลวงได้ถูกปัดเป่าไปจนสิ้น ประหนึ่งรัตติกาลที่ยอมจำนนต่อแสงอรุณ พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้แห่งต้าเฉินและองค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ได้ดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติที่สุด ท้องพระโรงหลวงที่เคยเป็นเวทีแห่งการพิพากษา บัดนี้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณสีแดงสดและทองอร่าม เสียงดนตรีมงคลดังกังวานก้องไปทั่ว ขับขานบทเพลงแห่งสันติภาพและสัมพันธไมตรีที่ถูกเชื่อมประสานขึ้นใหม่อย่างแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิมตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงยืนสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนางที่กำลังแซ่ซ้องถวายพระพร พวกเขาคือวีรบุรุษและวีรสตรีผู้พิทักษ์แผ่นดินอีกครั้ง แต่ในใจของทั้งสองกลับมิได้มีความลำพองใจแม้แต่น้อย มีเพียงความโล่งใจที่ได้เห็นแผ่นดินกลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริงภายหลังจากพระราชพิธีหลักเสร็จสิ้นลง ฝ่าบาทผู้ทรงมีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความสุขและความปีติยินดี ได้มีรับสั่งให้ทั้งสองเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงบ“หากมิได้มีพวกเจ้าทั้งสอง” ฝ่าบาทตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 4 กระชากหน้ากากอสรพิษ

    ปลายเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเวลาเปรียบประหนึ่งเม็ดทรายในนาฬิกาที่ร่วงหล่นลงอย่างไม่ปรานี พระอาการขององค์หญิงมู่หลินทรุดลงทุกขณะ ประกายสีครามบนผิวพระองค์เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นแม้ในยามกลางวัน ลมหายใจแผ่วเบาราวกับจะดับสูญได้ทุกเมื่อ ความกดดันที่มองไม่เห็นได้แผ่ขยายไปทั่ววังหลวง มันมิใช่เพียงชีวิตขององค์หญิงที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่คือสันติภาพของสองแผ่นดินที่กำลังจะขาดสะบั้นลงท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น ตู้เยี่ยนอวี่ได้ขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์พร้อมด้วยกู้เหยียนหลงและองค์หญิงลี่หัว ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงัด นางได้ทูลเสนอแผนการสุดท้ายที่อาจหาญและเสี่ยงอันตรายที่สุด“ฝ่าบาท” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว “การจะจับอสรพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เรามิอาจรอให้มันเผยตัวออกมาเองได้ แต่เราต้องสร้างเหยื่อล่อที่หอมหวานที่สุด เพื่อล่อให้มันคายพิษออกมาด้วยตนเองเพคะ”นางได้สร้างเรื่องราวของสมุนไพรวิเศษในตำนานขึ้นมา รากวิญญาณจันทรา พฤกษาทิพย์ที่กล่าวกันว่าสามารถชำระล้างพิษได้ทุกชนิด และจะเบ่งบานเพียงคืนเดียวใต้แสงจันทร์เต็มดวง ณ อารามเมฆขาวบนยอดเขาไท่ซานเท่าน

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 3 อสรพิษแดนใต้

    กลางเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองวังหลวงที่เคยประดับประดาด้วยโคมไฟแห่งการเฉลิมฉลอง บัดนี้กลับถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความวิตกกังวลที่มองไม่เห็น การประชวรขององค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ ได้กลายเป็นหินถ่วงก้อนมหึมาที่ถ่วงดุลแห่งสัมพันธไมตรีระหว่างสองแผ่นดินให้สั่นคลอนอย่างน่าหวาดเสียว การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบงันและเร่งด่วน ประหนึ่งการเดินหมากบนกระดานที่ทุกก้าวล้วนเดิมพันด้วยสันติภาพของต้าเฉินสมรภูมิในครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองแนวรบที่ดำเนินไปพร้อมกันแนวรบแรกคือห้องปรุงยาหลวงของตู้เยี่ยนอวี่ ที่นี่มิได้มีเสียงคมดาบปะทะกัน มีเพียงเสียงบดยาอันแผ่วเบา เสียงเปลวเทียนที่สั่นไหว และเสียงลมหายใจที่จดจ่อของแพทย์เทวดา ห้องของนางได้แปรสภาพเป็นศูนย์บัญชาการแห่งการพิสูจน์หลักฐาน มันคือการผสมผสานอย่างน่าทึ่งระหว่างเครื่องมือโบราณและนวัตกรรมที่นางประดิษฐ์ขึ้นจากความทรงจำในอีกโลกหนึ่ง ทั้งเครื่องกลั่นขนาดเล็กที่ทำจากแก้วใส และแว่นขยายที่เจียระไนอย่างประณีตนางทุ่มเทเวลานานถึงสองวันสองคืนในการวิเคราะห์เถ้ากำยานปริศนาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กลิ่นหอมของสมุนไพรนานาชนิดคละคลุ้งไปทั่ว

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 2 เงาอดีตที่หวนคืน

    ต้นเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมืองหลวงที่ตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงได้จากไปเมื่อหนึ่งปีก่อน บัดนี้ได้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณและโคมไฟสีแดงสดอีกครั้งหนึ่ง โคมไฟนับพันดวงถูกแขวนประดับไปตามชายคาของอาคารบ้านเรือน สะบัดพลิ้วตามสายลมคิมหันตฤดูราวกับฝูงผีเสื้ออัคคีที่เริงระบำ ผ้าไหมสีมงคลถูกขึงทอดยาวไปตามถนนสายหลัก บ่งบอกถึงงานมงคลอันยิ่งใหญ่ที่แผ่นดินต้าเฉินกำลังรอคอย บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรื่นเริงและความคาดหวัง ทว่าสำหรับผู้ที่เจนจบในเล่ห์กลแห่งราชสำนักแล้ว ความสงบสุขที่ผิวเผินนี้เปรียบดั่งผิวน้ำอันราบเรียบ แต่เบื้องล่างนั้นกลับซ่อนเร้นไว้ด้วยกระแสธารอันเชี่ยวกรากที่พร้อมจะพัดพาทุกสิ่งให้พังพินาศการกลับมาของทั้งสองมิได้เอิกเกริก แต่กลับเงียบงันดุจเงาที่เคลื่อนไหวในรัตติกาล สถานที่นัดพบแห่งแรกของพวกเขามิใช่ท้องพระโรงอันโอ่อ่า แต่เป็นโรงน้ำชาเก่าแก่ในตรอกเร้นลับ ที่ซึ่งจางอู๋จีในชุดบัณฑิตเรียบง่ายนั่งรออยู่แล้ว“ท่านทั้งสองดูแข็งแกร่งและสงบขึ้นมาก” จางอู๋จีเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขายังคงคมกริบดุจเหยี่ยวเฒ่าเช่นเดิม “ดูเหมือนว่าสายลมแห่งแดนเหนือจะขัดเกลาหยกงามทั้งสองให

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 1 ราชโองการหวนคืน

    ปลายเดือนสี่ รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองหนึ่งปีเต็มที่เปลวเพลิงแห่งสงคราม ณ ชายแดนภาคเหนือได้มอดดับลง สายลมวสันตฤดูที่พัดผ่านเมืองผิงหยวนในยามนี้มิได้หอบเอาฝุ่นควันและกลิ่นคาวเลือดมาด้วยอีกต่อไป หากแต่เป็นกลิ่นไอดินอันบริสุทธิ์และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ป่าที่เพิ่งจะแย้มบาน เมืองหน้าด่านที่เคยเป็นดั่งสุสานกลางแจ้ง บัดนี้ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ประหนึ่งต้นไม้แห้งแล้งที่ได้รับสายฝนชโลมใจเสียงค้อนที่ตอกลงบนโครงสร้างบ้านเรือนหลังใหม่ดังขึ้นเป็นจังหวะอย่างมีชีวิตชีวา แทนที่เสียงดาบที่เคยกระทบกันอย่างน่าสะพรึงกลัว รอยยิ้มได้กลับคืนสู่ใบหน้าของชาวบ้านที่เคยซูบตอบด้วยความสิ้นหวัง แม้ร่องรอยความเหนื่อยล้าจะยังคงอยู่ แต่ในแววตาของพวกเขากลับเปี่ยมด้วยประกายแสงแห่งความหวังณ ใจกลางของความเปลี่ยนแปลงนี้ คือเรือนพักชั่วคราวของสองวีรชนผู้พลิกชะตาแผ่นดินตู้เยี่ยนอวี่ในอาภรณ์ผ้าฝ้ายสีขาวเรียบง่าย กำลังเดินตรวจดูแปลงสมุนไพรในสวนโอสถร้อยสกุลที่นางริเริ่มขึ้นด้วยตนเอง มันมิใช่สวนบุปผาที่งดงามเพื่อการชื่นชม แต่คือคลังยาที่มีชีวิตซึ่งนางจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นรากฐานของระบบสาธารณสุขชุมชน นางกำลังสอนกลุ

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๔๗ วสันต์คืนสู่แดนเหนือ

    บนสมรภูมิทะเลสาบกระจกที่บัดนี้เงียบสงัดลงแล้ว มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านผืนเกลือสีขาวและเสียงครวญครางของผู้บาดเจ็บ คำประกาศยอมแพ้ของจ้าวอู๋จี้ดังก้องอยู่ในความเงียบนั้น ประหนึ่งคำพิพากษาสุดท้ายที่ปิดฉากสงครามอันนองเลือดแห่งแดนเหนือลงโดยสมบูรณ์เขามิได้มีท่าทีของนักโทษผู้สิ้นหวัง แต่กลับเป็นความสงบนิ่งของนักปราชญ์ผู้ยอมรับในผลลัพธ์ของกระดานหมากที่ตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จ้าวอู๋จี้เดินลงจากเนินดินอย่างเชื่องช้า เขาปลดดาบประจำกายที่อยู่ข้างเอวออก และยื่นมันให้แก่กู้เหยียนหลงด้วยสองมือ“นี่คือสัญลักษณ์แห่งการยอมจำนนของข้า” เขากล่าวเสียงเรียบ “และคือการยอมรับในชัยชนะของท่าน”กู้เหยียนหลงรับดาบเล่มนั้นมาถือไว้ เขามิได้แสดงท่าทีของผู้ชนะที่ลำพองใจ แต่กลับประสานมือคารวะคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเขาเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย“ท่านคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยพบพาน” กู้เหยียนหลงกล่าว “การพิพากษาท่านมิใช่หน้าที่ของข้า แต่เป็นหน้าที่ของราชสำนักและประวัติศาสตร์”เขาออกคำสั่งให้นำตัวจ้าวอู๋จี้และเหล่าแม่ทัพนายกอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status