Home / รักโบราณ / วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน / ๐๙ แสงสว่างกลางเงามืด มิตรภาพความเข้าใจ

Share

๐๙ แสงสว่างกลางเงามืด มิตรภาพความเข้าใจ

last update Last Updated: 2025-06-07 23:50:56

เดือนอ้าย ปีวสันต์ รัชศกเทียนเหอปีที่เจ็ดสิบแปด

ยามตรุษวสันต์เวียนมาบรรจบ อากาศยังคงเย็นยะเยือก เสียงประทัดดังกึกก้องแผ่วเบาจากหมู่บ้านใกล้เคียง ตู้เยี่ยนอวี่ยืนอยู่ริมหน้าต่างมองดูแสงจันทร์ที่ทอแสงนวลผ่องลงมายังลานเรือนที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ดุจแพรไหมสีขาวที่คลี่คลุมผืนดิน เหตุการณ์เมื่อปลายปีที่แล้วยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดของนาง

การที่นางสามารถรักษาชายผู้ที่ถูกวางยาพิษได้อย่างปาฏิหาริย์ มิเพียงแต่ทำให้ชื่อเสียงของนางโด่งดังยิ่งขึ้นเท่านั้น หากแต่ยังช่วยขจัดข่าวลือร้าย ๆ ที่ฮูหยินหลี่พยายามแพร่กระจาย ผู้คนในหมู่บ้านต่างมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความศรัทธาและความเคารพยำเกรง ดุจเทพธิดาที่จุติลงมาโปรดสัตว์

“คุณหนูเจ้าคะ หิมะตกหนักเช่นนี้ มิหนาวหรือเจ้าคะ ?” เสียงของเสี่ยวจูดังขึ้นจากด้านหลัง นางนำเสื้อคลุมตัวหนามาสวมให้เยี่ยนอวี่อย่างแผ่วเบา

ตู้เยี่ยนอวี่ยิ้มเล็กน้อย “มิต้องเป็นห่วงหรอกเสี่ยวจู กายของข้าแข็งแรงขึ้นมากแล้ว”

“จริงเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “คุณหนูตั้งแต่ฝึกฝนวิชาแปลก ๆ นั่น ก็ดูแข็งแรงขึ้นมาก ผิวพรรณก็ผ่องใสนักเจ้าค่ะ”

ตู้เยี่ยนอวี่รู้ดีว่าวิชาที่เสี่ยวจูกล่าวถึงนั้นคือกำลังภายใน ที่นางฝึกฝนอย่างลับ ๆ มาตลอด มิมีผู้ใดล่วงรู้ความลับนี้นอกจากตัวนางเอง

“เสี่ยวจู เจ้ากับข้ามิใช่เพียงนายบ่าว” เยี่ยนอวี่หันไปมองเสี่ยวจู ดวงตาของนางฉายแววความจริงใจ “แต่เราเป็นดุจพี่น้องที่พึ่งพาอาศัยกัน”

เสี่ยวจูดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวซาบซึ้งใจยิ่งนัก บ่าวจะขออยู่รับใช้คุณหนูไปจนสิ้นชีวิตเจ้าค่ะ”

ความผูกพันระหว่างตู้เยี่ยนอวี่และเสี่ยวจูยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน เสี่ยวจูเป็นทั้งผู้ช่วย แม่บ้าน และเพื่อนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้างนางเสมอ ไม่ว่ายามสุขหรือยามทุกข์

ยามลมหนาวเริ่มคลายตัว ดอกท้อเริ่มผลิบานส่งกลิ่นหอมกรุ่น ตู้เยี่ยนอวี่ตัดสินใจที่จะริเริ่มโครงการเล็ก ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในด้านการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของพวกเขา

นางรวบรวมชาวบ้านผู้สูงอายุและผู้ที่มีความรู้ด้านการเกษตร มารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าเรือนตู้ เพื่อจัดประชุมเล็ก ๆ

“ท่านลุง ท่านป้าทุกท่าน” เยี่ยนอวี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ข้าใคร่ขอคำชี้แนะจากท่านทั้งหลายเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรของเรา”

ชาวบ้านต่างมองหน้านางด้วยความประหลาดใจ แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ

“คุณหนูเยี่ยนอวี่ ท่านช่างถ่อมตนยิ่งนัก” ท่านลุงเจิ้ง หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราต่างหากที่ต้องเรียนรู้จากท่าน”

ตู้เยี่ยนอวี่เริ่มอธิบายถึงแนวคิดเรื่องการปลูกพืชหมุนเวียน การบำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ การจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และการเลือกพันธุ์พืชที่เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศ ชาวบ้านรับฟังอย่างตั้งใจ บางคนก็จดบันทึก บางคนก็ซักถามข้อสงสัย

“หากเราปลูกพืชชนิดเดิมซ้ำ ๆ กันนานเกินไป ดินก็อาจจะเสื่อมสภาพได้เจ้าค่ะ” ตู้เยี่ยนอวี่อธิบาย “แต่หากเราปลูกพืชหมุนเวียน ดินก็จะฟื้นฟูตัวเองได้”

นางยังแนะนำให้ชาวบ้านรู้จักการทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร ใบไม้แห้ง และมูลสัตว์ ซึ่งจะช่วยบำรุงดินให้สมบูรณ์ขึ้น โดยมิต้องสิ้นเปลืองเงินทองมากมาย

“คุณหนู วิธีนี้ของท่านช่างดีนัก พวกเรามิเคยคิดถึงเรื่องนี้กันเลยขอรับ” ชาวบ้านต่างพากันกล่าวชื่นชม

หลังจากนั้นตู้เยี่ยนอวี่ก็ลงมือสาธิตวิธีการทำปุ๋ยหมัก และการเตรียมแปลงปลูก ชาวบ้านต่างให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

ยามฤดูใบไม้ผลิผลิบานเต็มที่ หมู่บ้านซีหลินกลับมามีชีวิตชีวาอีกครา

การเปลี่ยนแปลงที่ตู้เยี่ยนอวี่นำมาซึ่งการเกษตร เริ่มเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ผลผลิตของพืชผักเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ดุจปาฏิหาริย์จากสรวงสวรรค์

“คุณหนู ! ดูสิเจ้าคะ ! หัวผักกาดของเราใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากเลยเจ้าค่ะ !” เสี่ยวจูร้องด้วยความดีใจขณะเก็บเกี่ยวผลผลิต

“จริงด้วย” ตู้เยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ “นี่เป็นผลมาจากการที่เราดูแลดินให้ดี”

ความสำเร็จนี้มิเพียงแต่ทำให้ชาวบ้านมีกินมีใช้มากขึ้นเท่านั้น หากแต่ยังช่วยให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย ชาวบ้านต่างชื่นชมในสติปัญญาของตู้เยี่ยนอวี่ และเชื่อมั่นในคำแนะนำของนางยิ่งกว่าเดิม

แน่นอนว่าความสำเร็จของตู้เยี่ยนอวี่มิได้พ้นจากสายตาของฮูหยินหลี่ ผู้ซึ่งยังคงเก็บงำความริษยาไว้ในใจ นางได้ยินข่าวคราวความสำเร็จของตู้เยี่ยนอวี่จากบ่าวไพร่ แล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก

“นางเด็กนั่น ช่างโชคดีนัก” ฮูหยินหลี่บ่นพึมพำกับอาซิ่น “ทำสิ่งใดก็สำเร็จไปเสียหมด”

“ฮูหยินอย่าได้ทรงกังวลเลยเจ้าค่ะ นางเด็กนั่นคงจะใช้เล่ห์กลอันใดเป็นแน่” อาซิ่นกล่าวปลอบใจ

แต่ฮูหยินหลี่มิได้คลายความริษยาลงเลยแม้แต่น้อย นางเริ่มคิดหาทางที่จะทำลายชื่อเสียงของตู้เยี่ยนอวี่อีกครา

ยามลมร้อนเริ่มพัดโชยมา ตู้เยี่ยนอวี่ตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังเมืองจิ่นหยาง ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านซีหลินออกไปหลายวัน เพื่อหาซื้อตำราแพทย์และสมุนไพรหายากเพิ่มเติม

“คุณหนูจะเดินทางไปเมืองจิ่นหยางหรือเจ้าคะ ? มันจะมิเป็นอันตรายเกินไปหรือเจ้าคะ ?” เสี่ยวจูถามด้วยความกังวลใจ “ระหว่างทางอาจจะมีโจรผู้ร้ายก็ได้นะเจ้าคะ”

ตู้เยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “มิต้องเป็นห่วงหรอกเสี่ยวจู ข้าจะระมัดระวังตนเองให้ดี” นางหันไปหาท่านผู้เฒ่าตู้และฮูหยินตู้ที่ยืนมองอยู่ด้วยความเป็นห่วง “ท่านพ่อ ท่านแม่ มิต้องเป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”

ท่านผู้เฒ่าตู้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เดินทางปลอดภัยนะลูก หากมีอันใดเกิดขึ้น ให้รีบส่งข่าวมาให้พ่อทันที”

การเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตู้เยี่ยนอวี่ต้องจากบ้านไปไกล แม้ในใจจะรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มพูนความรู้ให้แก่ตนเอง นางก็พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งทุกอย่างที่รออยู่เบื้องหน้า

นางสวมชุดที่เรียบง่าย พกพาถุงผ้าบรรจุเงินทองและสมุนไพรบางชนิด ติดตัวไปพร้อมกับเสี่ยวจูที่ขอติดตามไปด้วย

“คุณหนู บ่าวจะดูแลคุณหนูเองเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูกล่าวอย่างมั่นใจ

ระหว่างทางที่เดินทางไปยังเมืองจิ่นหยาง ตู้เยี่ยนอวี่และเสี่ยวจูต้องเผชิญกับความยากลำบากหลายประการ ทั้งเส้นทางที่ขรุขระ ผู้คนที่แปลกหน้า และอันตรายจากโจรผู้ร้ายที่อาจจะดักซุ่มอยู่ตามรายทาง

แต่ด้วยความรู้ด้านกำลังภายในที่ตู้เยี่ยนอวี่ฝึกฝนมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้นางสามารถป้องกันตนเองและเสี่ยวจูให้พ้นจากอันตรายได้หลายครา

ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง …

ขณะที่พวกนางกำลังเดินทางผ่านป่ารกทึบ ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์สี่ห้าคนออกมาจากป่า ดุจสัตว์ร้ายที่กำลังจะออกล่า พวกเขามีใบหน้าดุร้าย และถืออาวุธครบมือ

“พวกเจ้าจะไปไหนกัน ส่งทรัพย์สมบัติมาให้พวกข้าเสียดี ๆ !” ชายคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง

เสี่ยวจูตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว ทำให้ตู้เยี่ยนอวี่ต้องก้าวออกมาข้างหน้า ปกป้องเสี่ยวจูที่อยู่ด้านหลัง ดวงตาของนางสงบนิ่ง แต่แฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว

“พวกท่านต้องการอันใด ?” เยี่ยนอวี่ถามเสียงเรียบ “เรามิได้มีทรัพย์สมบัติมากมายอันใด”

“อย่ามาเล่นลิ้น ! หากมิอยากเจ็บตัว ก็จงส่งทุกสิ่งที่มีมาให้พวกข้าเสียดี ๆ !” ชายผู้นั้นกล่าวด้วยความโกรธ

ตู้เยี่ยนอวี่ถอนหายใจเล็กน้อย “ในเมื่อพวกท่านมิยอมเลิกลา ข้าก็คงต้องสั่งสอนพวกท่านให้หลาบจำเสียบ้าง”

เมื่อกล่าวจบ นางก็พุ่งเข้าใส่ชายฉกรรจ์เหล่านั้นอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว ท่วงท่าของนางพลิ้วไหว แต่ก็แฝงไว้ด้วยพลังที่แข็งแกร่ง กำลังภายในที่ฝึกฝนมาตลอดหลายเดือนถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่

เพียงไม่นาน ชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด พวกเขามิอาจคาดคิดได้ว่าสตรีร่างบอบบางเช่นนาง จะมีพลังยุทธ์ที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้

“พวกเจ้าจำไว้ จงกลับตัวกลับใจเสีย” เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากยังคงกระทำความชั่วเช่นนี้ ต่อไปจะมิมีที่ยืนในแผ่นดินนี้อีกต่อไป”

ชายฉกรรจ์เหล่านั้นมองเยี่ยนอวี่ด้วยความหวาดกลัว และรีบพยุงตนเองหนีหายเข้าไปในป่าด้วยความรวดเร็ว

“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูช่างเก่งกาจยิ่งนักเจ้าค่ะ !” เสี่ยวจูร้องอุทานด้วยความทึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโล่งใจ

ตู้เยี่ยนอวี่เพียงยิ้มตอบเล็กน้อย “เจ้ามิต้องเป็นห่วงแล้วเสี่ยวจู เราเดินทางกันต่อเถิด”

การเดินทางครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ถึงความสามารถของตู้เยี่ยนอวี่ และทำให้เสี่ยวจูยิ่งเชื่อมั่นในตัวนางมากยิ่งขึ้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๖ เดิมพันราชัน

    เวลาประหนึ่งหยุดนิ่ง...ทุกสรรพสิ่งในศาลากลางน้ำล้วนตกอยู่ในพันธนาการแห่งคมดาบเพียงเล่มเดียว สายลมที่เคยพัดเอื่อยหยุดกรรโชก ใบบัวที่เคยไหวระริกพลันสงบนิ่ง แม้แต่เสียงหายใจของทุกคนก็ดูจะแผ่วเบาลงจนแทบไม่ได้ยิน เกรงว่าจะเป็นการรบกวนความเงียบอันเปราะบางนี้ให้แหลกสลายกู้เหยียนหลงยืนนิ่งราวกับรูปสลัก กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายของเขาตึงเครียดและพร้อมที่จะทะยานออกไปในชั่วพริบตา แต่เขามิอาจทำได้ เพราะชีวิตขององค์ฮ่องเต้แขวนอยู่บนเส้นดวงแห่งความอดทนของเขา“ส่งตราหยกพระราชลัญจกรมาให้ข้า!” หลิวเจิ้งกล่าวขึ้นทำลายความเงียบ น้ำเสียงของเขาแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยอำนาจเด็ดขาด “แล้วข้าจะรับรองความปลอดภัยของฝ่าบาท!”นี่มิใช่แค่การหลบหนี แต่คือการชิงอำนาจทั้งแผ่นดิน หากตราหยกอันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจสูงสุดตกไปอยู่ในมือของกบฏ เขาย่อมสามารถออกราชโองการปลอม สั่งการกองทัพ และควบคุมทุกสิ่งได้ตามใจปรารถนา“ท่านเสนาบดี” พระพันปีหลวงตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่สงบนิ่งและเปี่ยมด้วยพระบารมีอย่างน่าประหลาด “เจ้ายึดมั่นในคติมิเป็นหยกทั้งแท่ง

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๕ หมากพลิกชะตา

    เสมือนสายพิณที่ขาดสะบั้นลงกลางบทเพลงที่ไพเราะที่สุดสิ้นเสียงรายงานการเคลื่อนทัพของรองแม่ทัพจ้าวคุน บรรยากาศอันงดงามในศาลากลางน้ำพลันแหลกสลายลงในพริบตา ไอสังหารที่เคยแฝงเร้น บัดนี้ได้ปรากฏตัวตนขึ้นอย่างชัดเจนใบหน้าของฝ่าบาทและเหล่าขุนนางผู้ภักดีซีดเผือดราวกับกระดาษ การเคลื่อนทัพโดยพลการในยามนี้ มีความหมายเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือการก่อกบฏ!หน้ากากขุนนางผู้ภักดีที่เสนาบดีหลิวเจิ้งสวมใส่มานานหลายสิบปี บัดนี้ได้ถูกกระชากออกอย่างไม่เหลือชิ้นดี เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของอสรพิษเฒ่าผู้กระหายในราชบัลลังก์“หลิวเจิ้ง! เจ้า... เจ้าบังอาจ!” ฝ่าบาทตรัสด้วยพระสุรเสียงที่สั่นเทาด้วยโทสะทว่าพยัคฆ์เฒ่าที่จนตรอก ย่อมเป็นพยัคฆ์ที่อันตรายที่สุดหลิวเจิ้งมิได้มีท่าทีหวาดกลัวหรือตื่นตระหนก เขากลับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น เสียงหัวเราะของเขาแหบแห้งและน่าขนพองสยองเกล้า“ฮ่า ๆๆๆ! ในเมื่อพวกเจ้าฉีกหน้ากากของข้าแล้ว ข้าก็มิจำเป็นต้องแสดงละครอีกต่อไป!” เขากล่าวพลางปรายตามองทุกคนด้วยแววตาที่อำมหิต “เดิมทีข้าคิดจะค่อย ๆ กลืนกินแผ่นด

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๔ พยัคฆ์จนตรอก

    ในชั่ววินาทีที่พระพันปีหลวงตรัสถึงคดีของตระกูลมู่หรง อากาศทั่วทั้งศาลากลางน้ำพลันเยียบเย็นลงราวกับย่างเข้าสู่ฤดูเหมันต์ในบัดดล รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวเจิ้งมิได้จางหาย แต่กลับแข็งค้างดุจหน้ากากน้ำแข็งที่กำลังปริร้าว เผยให้เห็นรอยแยกของความตื่นตระหนกที่ซ่อนอยู่ภายในทว่าอสรพิษเฒ่าที่ขดตัวอยู่ในราชสำนักมาหลายสิบปี ย่อมมิใช่ผู้ที่จะยอมจำนนต่อสถานการณ์โดยง่าย“ฮ่า ๆๆ”เสียงหัวเราะอันแหบแห้งของเขาดังขึ้นทำลายความเงียบงัน มันเป็นเสียงหัวเราะที่ฟังดูเศร้าสร้อยและเจ็บปวดจากการถูกหยามเกียรติ“พระพันปีหลวงทรงมีพระเมตตา ยังทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของขุนนางเก่าแก่อย่างกระหม่อมได้” เขากล่าวพลางลุกขึ้นยืน โค้งคำนับอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่น “น่าเสียดาย... ที่วัยชราได้พรากความทรงจำอันเฉียบคมของกระหม่อมไปเสียมากแล้ว คดีเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นช่างเลือนรางนัก แต่กระหม่อมจำได้เพียงว่า ทุกการตัดสินโทษในชีวิตราชการของกระหม่อม ล้วนเป็นไปเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินและเพื่อสนองพระเดชพระคุณฝ่าบาทเสมอมา”เขาเปลี่ยนจากการเป็นจำเลยมาเป็นผู้ถูกกระทำไ

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๓ งานเลี้ยงหงเหมิน

    ศาลากลางสระบัวในวันนี้งดงามและสงบนิ่งเป็นพิเศษ ประหนึ่งเกาะหยกที่ลอยเด่นอยู่กลางทะเลมรกตที่เต็มไปด้วยใบบัว สายลมที่พัดผ่านผิวน้ำ นำพาเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเกสรบัวหลวงมาด้วย ทว่าภายใต้ความงามอันสงบสุขนั้น กลับมิอาจพัดพาไอสังหารที่แฝงเร้นอยู่ในอากาศให้จางหายไปได้ขบวนเสลี่ยงของเสนาบดีหลิวเจิ้งมาถึงเป็นคนแรก เขาก้าวลงจากเสลี่ยงด้วยท่วงท่าที่สุขุมและสง่างามสมตำแหน่งขุนนางขั้นหนึ่งผู้เป็นเสาหลักของแผ่นดิน รอยยิ้มของเขาดูอบอุ่นและเปี่ยมด้วยเมตตา แต่ในส่วนลึกของดวงตาที่ผ่านโลกมาจนโชกโชนนั้นกลับเยียบเย็นตามมาด้วยขบวนขององค์ชายจ้าวเฟิง เขามาในอาภรณ์ผ้าไหมปักลายพยัคฆ์ซ่อนกายในพงไพร ดูองอาจและเปี่ยมด้วยบารมี รอยยิ้มของเขายังคงเป็นมิตรและน่าคบหา แต่หากสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่า มันเป็นรอยยิ้มของพยัคฆ์ร้ายที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ มิใช่รอยยิ้มของสหายผู้มาเยือนเมื่อทุกคนมาพร้อมหน้า ณ ศาลากลางน้ำพระพันปีหลวงในฐานะประธานของงานเลี้ยง ก็ได้มีรับสั่งให้เริ่มพิธีชงชาชั้นสูง นางกำนัลคนสนิทค่อย ๆ บรรจงรินน้ำร้อนลงบนใบชาต้าหงเผาอันล้ำค่า กลิ่นหอมกรุ่นของใบชาชั้นเลิศลอยอบอวลไปทั่วศาลา

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๒ ก่อตัวเป็นพายุ

    ในตำหนักหมื่นวสันต์ที่เงียบสงบ บัญชีมรณะเล่มนั้นได้กลายเป็นเถ้าธุลีในกระถางทองเหลืองไปแล้ว แต่ทุกตัวอักษรที่เคยจารึกไว้ ได้ประทับลงในพระทัยของอย่างมิอาจลบเลือน พระพันปีหลวงผู้ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวและคลื่นลมในราชสำนักมาค่อนชีวิต บัดนี้แววพระเนตรของพระนางนิ่งสงบและเยียบเย็นดุจผืนน้ำใต้ธารน้ำแข็ง“ในเมื่อรากแก้วของต้นไม้พิษมันฝังลึกถึงเพียงนี้ การถอนรากถอนโคนในคราวเดียว ย่อมทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน” พระนางตรัสกับองค์หญิงลี่หัวและพระสนมหลี่ที่อยู่เบื้องหน้า “เราจะมิโค่นต้นไม้ แต่เราจะลิดกิ่งก้านของมันทีละกิ่ง ล่ออสรพิษให้ออกมาจากโพรงด้วยตัวเอง”พระนางมิได้มีราชโองการให้จับกุมผู้ใดในทันที แต่กลับมีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงน้ำชาชมราชสาส์นขึ้นเป็นการส่วนพระองค์ในอีกสามวันข้างหน้า ณ ศาลากลางสระบัว โดยให้เหตุผลว่าเพื่อหารือเป็นการภายในถึงข้อเสนออภิเษกสมรสขององค์ชายจ้าวเฟิง และเพื่อพิจารณาราชสาส์นจากแคว้นอื่นที่ส่งมาถวายพระพรในวาระที่ฝ่าบาททรงหายจากพระอาการประชวรเป็นการเดินหมากที่แยบยลและเลือดเย็นที่สุด ผู้ที่ถูกเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้มีเพียงไม่กี่คน แต่ทุกคนล้วนเป็นหัวใจของขั้วอำนาจทั้งหมด ฝ่า

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๗๑ หมากกลสตรี

    แสงจันทร์มิอาจสาดส่องถึงห้องลับใต้ดินของสำนักพันเงา ที่ซึ่งบรรยากาศหนักอึ้งและเยียบเย็นยิ่งกว่ารัตติกาลในฤดูเหมันต์ บนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ใจกลางห้อง บัญชีมรณะเล่มนั้นวางแผ่หลาอยู่ แต่ทุกตัวอักษรที่จารึกไว้ด้วยพู่กันกลับหนักอึ้งดุจชะตากรรมของแผ่นดิน รอยแผลของนายหญิงแห่งเงาได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดจากตู้เยี่ยนอวี่ แม้ร่างกายจะเจ็บปวด แต่ในแววตาของนางกลับลุกโชนไปด้วยไฟแค้นที่รอวันสะสาง“หลิวเจิ้งคือรากแก้วของต้นไม้พิษต้นนี้” กู้เหยียนหลงกล่าวทำลายความเงียบ นัยน์ตาคมกริบของเขาทอประกายกร้าว “การโค่นล้มเขาในยามนี้ที่มันยังกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในราชสำนัก ไม่ต่างอะไรกับการเอากายเข้าปะทะคมดาบ”“ท่านแม่ทัพกล่าวถูกแล้ว” จางอู๋จีเสริมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “สายข่าวของข้ารายงานว่า บัดนี้จวนเสนาบดีและการป้องกันวังหลวงถูกยกระดับขึ้นสูงสุด ประหนึ่งค่ายทหารที่พร้อมรับศึก เรามิอาจใช้กำลังบุกเข้าไปได้อีกเป็นครั้งที่สอง”ท่ามกลางความตึงเครียดนั้น มีเพียงตู้เยี่ยนอวี่ที่ยังคงสงบนิ่ง นางวางสมุนไพรในมือลงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยปัญญาอันล้ำลึก“ในเมื่อประตูหน้าเต็มไปด้วยกองทัพหมาป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status