เดือนสี่ ปีวสันต์ รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบ
ยามราตรีแห่งป่าลึกปกคลุมด้วยความเงียบสงัด เสียงแมลงครางระงมแผ่วเบาดุจเพลงกล่อมโลก ตู้เยี่ยนอวี่ และกู้เหยียนหลงยังคงเดินทางลึกเข้าไปในป่าที่มืดมิดและไร้ผู้คน ดวงจันทร์ทอแสงนวลผ่องลอดกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่ลงมายังพื้นดิน เส้นทางเบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยหินผาและต้นไม้สูงใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมอย่างหนาแน่น
“ที่ซ่อนของผลึกแห่งความมืดอยู่ที่นี่” กู้เหยียนหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ชี้ไปที่ภูเขาหินขนาดใหญ่เบื้องหน้า “มันถูกซ่อนอยู่ในถ้ำลับใต้ภูเขาลูกนี้”
ตู้เยี่ยนอวี่มองไปที่ภูเขาหินลูกนั้น ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาของนางฉายแววความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว
“ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่ามันอยู่ที่นี่ ?”
กู้เหยียนหลงพยักหน้า “ข้าเคยถูกนำตัวมาที่นี่ครั้งหนึ่ง แม้จะอยู่ในความมืดมิด แต่ข้าก็จำเส้นทางได้”
ทั้งสองเริ่มเดินเข้าไปใกล้ภูเขาหินอย่างระมัดระวัง อากาศเริ่มเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อย ๆ และมีกลิ่นอายแปลก ๆ ลอยอบอวลในอากาศ กู้เหยียนหลงพยายามจดจำเส้นทางที่เขาเคยถูกนำตัวมาที่นี่ พลางตร
ยามตะวันทอแสงเรืองรองเหนือน่านฟ้าหมู่บ้านซีหลิน ดุจไข่มุกเม็ดงามที่ทอประกายท่ามกลางหมู่เมฆ สายลมยามเช้าพัดโชยนำพากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าและไอดินที่ชุ่มชื้นตู้เยี่ยนอวี่ และกู้เหยียนหลงยืนอยู่ริมลำธารใสสะอาด ที่ไหลเอื่อยคดเคี้ยวไปตามโขดหิน พวกเขามองไปยังเรือนไม้หลังเล็กที่ปลูกสร้างอย่างเรียบง่ายแต่แข็งแรง ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้เขียวขจี“เราจะสร้างบ้านที่นี่ไปด้วยกันนะเจ้าคะ” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่เปี่ยมด้วยความสุข ดวงตาของนางเป็นประกายระยิบระยับกู้เหยียนหลงโอบไหล่ของตู้เยี่ยนอวี่ไว้แน่น“ใช่แล้วอวี่เอ๋อร์ เราจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกันที่นี่ สร้างความสุขให้แก่กันและกัน และช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านนี้”หลังจากเดินทางกลับจากเมืองหลวง ทั้งสองได้เลือกสร้างเรือนไม้หลังเล็กริมลำธารแห่งนี้ พวกเขามิได้ต้องการความหรูหราฟุ่มเฟือย หากแต่ปรารถนาเพียงชีวิตที่เรียบง่าย กลมกลืนกับธรรมชาติ และได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนช่วยเหลือผู้คนอย่างแท้จริง เสี่ยวจูที่ติดตามมาด้วย ก็ได้เข้ามาช่วยดูแลงานบ้านงานเรือนอย่างเต็มที่“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวจะจัดแจงห้องหับให้สะอาดสะอ้านนะเจ้าคะ
ยามตรุษวสันต์เวียนมาบรรจบอีกครา อากาศยังคงเย็นยะเยือก ดุจไอเหมันต์ที่ปกคลุมผืนปฐพี แต่ในเมืองหลวง บรรยากาศกลับอบอวลไปด้วยความสุขและความปิติยินดี กองทัพเงาอสูร มิใช่เพียงแค่การสยบมารร้าย หากแต่ยังเป็นการนำพาแสงสว่างแห่งความหวังกลับคืนสู่แผ่นดิน ตู้เยี่ยนอวี่ และกู้เหยียนหลง ซึ่งเป็นดุจดวงดาวที่ส่องประกายในยามค่ำคืน ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากผู้คนทั่วทุกสารทิศ“คุณหนูเจ้าคะ วันนี้มีชาวบ้านจากหมู่บ้านฟู่หลิงมาขอพบเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูกล่าวด้วยรอยยิ้ม ยามเห็นตู้เยี่ยนอวี่กำลังตรวจดูตำราหมอในห้องทำงานของหมอหลวงตู้เยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “เชิญเข้ามาเถิดเสี่ยวจู”ชายชราผู้หนึ่งและหญิงวัยกลางคน สวมเสื้อผ้าที่ดูเก่าคร่ำคร่าแต่สะอาดสะอ้าน เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของพวกเขายังคงฉายแววความกังวลเล็กน้อย“คารวะหมอเทวดาตู้ขอรับ” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ได้ยินกิตติศัพท์ของท่านมานานแล้วว่าท่านมีเมตตาและฝีมือการหมออันล้ำเลิศ”ตู้เยี่ยนอวี่รีบพยุงชายชราและหญิงผู้นั้นขึ้น “ท่านมิต้องทำเช่นนั้นเจ้าค่ะ โปรดบอกข้าเถิดว่ามีอันใดให้ข้าช่วยเหลือ”หญิงวัยกลางคนเล่าถึงอาการป่วยของบุตรชายที่ล้มป่วยด้วยโรคปร
ยามสิ้นปีใกล้เข้ามา อากาศยิ่งหนาวเย็นยะเยือกทว่าภายในวังหลวงนั้น บรรยากาศกลับอบอวลไปด้วยความคึกคักเตรียมพร้อมสำหรับงานเฉลิมฉลองครบรอบการครองราชย์ของฝ่าบาทที่กำลังจะมาถึง ทว่าภายใต้ความรื่นเริงนั้นกลับมีเงามืดบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา ตู้เยี่ยนอวี่ และกู้เหยียนหลงรู้ดีว่านี่คือช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด“เหยียนหลง พวกเขากำลังวางแผนที่จะลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทในงานเฉลิมฉลองที่จะมาถึงนี้” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ยามสนทนากับกู้เหยียนหลงในห้องพักของนางยามค่ำคืน “เราจะต้องช่วยกันทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องฝ่าบาทและแผ่นดินนี้ให้ได้”กู้เหยียนหลงพยักหน้า “ใช่แล้วอวี่เอ๋อร์ ข้าได้สืบหาเบาะแสเพิ่มเติมแล้ว พบว่าพวกเขามีแผนการที่แยบยลยิ่งนัก”เขาอธิบายถึงแผนการของกองทัพเงาอสูรที่ซับซ้อนและรัดกุม พวกเขามิได้มีเพียงแค่กำลังคน แต่ยังแทรกซึมอยู่ในทุกส่วนของราชสำนัก และมีขุนนางระดับสูงบางคนให้ความร่วมมือด้วย“พวกเขาจะใช้ความวุ่นวายในงานเฉลิมฉลองเป็นโอกาสในการลงมือ” กู้เหยียนหลงกล่าว “และพวกเขาได้
ยามอรุณรุ่งสาดส่องลงมายังเมืองหลวงดุจแพรไหมสีทองที่คลี่คลุมผืนปฐพีเสียงนกน้อยเจื้อยแจ้วจากต้นไม้ใหญ่ในวังหลวง ตู้เยี่ยนอวี่ตื่นขึ้นจากห้วงนิทราด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความสุขสงบ คืนวานที่ผ่านมาเป็นดุจความฝันอันแสนหวาน เมื่อกู้เหยียนหลง บุรุษผู้สง่างามที่นางแอบเฝ้าชื่นชมในใจ ได้เอ่ยคำรักออกมา ความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ในห้วงลึกแห่งดวงใจ บัดนี้ได้ผลิบานออกมาเป็นดอกไม้ที่งดงามที่สุด“คุณหนูเจ้าคะ ถึงเวลาที่ต้องเข้าวังแล้วเจ้าค่ะ” เสียงของเสี่ยวจูดังขึ้นจากนอกห้องอย่างแผ่วเบาตู้เยี่ยนอวี่ลืมตาขึ้นช้า ๆ แววตาของนางฉายประกายแห่งความสุขและความสดใส นางลุกขึ้นจากเตียง และเดินไปที่หน้าต่าง มองดูแสงตะวันยามเช้าที่สาดส่องลงมายังวังหลวงอันงดงาม“ยามนี้ชีวิตของข้า ช่างสมบูรณ์ยิ่งนัก” นางพึมพำกับตนเองแม้จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหมอหลวงประจำพระองค์ และได้รับความเคารพยกย่องจากผู้คนทั่วแผ่นดิน ทว่าตู้เยี่ยนอวี่ก็มิได้หลงระเริงในเกียรติยศชื่อเสียง และมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน ตู้เยี่ยนอวี่จะใช้เวลาในยามเช้าต
ยามตะวันทอแสงเจิดจ้าเหนือป่าใหญ่ตู้เยี่ยนอวี่ และกู้เหยียนหลงกำลังเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงหลังจากภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการทำลายผลึกแห่งความมืด ซึ่งเป็นอาวุธลับของกองทัพเงาอสูรสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เส้นทางที่ปกคลุมด้วยพืชพรรณเขียวชอุ่ม ดูจะงดงามยิ่งนักในยามที่ใจเปี่ยมสุข กลิ่นอายของความสำเร็จและความโล่งใจแผ่คลุ้งไปทั่วตลอดการเดินทางกลับ แม้ร่างกายจะอ่อนล้าจากการต่อสู้และเดินทางอันยาวนาน แต่จิตใจของทั้งสองกลับเปี่ยมด้วยความสุขสงบ พวกเขาต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตและประสบการณ์ที่ผ่านมา หัวเราะคิกคักกับเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ และบางครั้งก็เผลอเงียบไปเมื่อสบตากัน“แม่นางตู้ ท่านช่างกล้าหาญยิ่งนัก” กู้เหยียนหลงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม “ข้ามิเคยพบสตรีผู้ใดที่เปี่ยมด้วยสติปัญญาและวรยุทธ์ที่ล้ำเลิศถึงเพียงนี้มาก่อนเลย”ตู้เยี่ยนอวี่ยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าของนางมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย“คุณชายกู้ก็มิได้ด้อยไปกว่าข้าเลย ท่านเองก็เป็นผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่งและชาญฉลาดนัก”สายลมยามบ่ายพัดโชยมาต้องใบหน้าของทั้งสอง นำพา
เดือนสี่ ปีวสันต์ รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบยามราตรีแห่งป่าลึกปกคลุมด้วยความเงียบสงัด เสียงแมลงครางระงมแผ่วเบาดุจเพลงกล่อมโลก ตู้เยี่ยนอวี่ และกู้เหยียนหลงยังคงเดินทางลึกเข้าไปในป่าที่มืดมิดและไร้ผู้คน ดวงจันทร์ทอแสงนวลผ่องลอดกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่ลงมายังพื้นดิน เส้นทางเบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยหินผาและต้นไม้สูงใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมอย่างหนาแน่น“ที่ซ่อนของผลึกแห่งความมืดอยู่ที่นี่” กู้เหยียนหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ชี้ไปที่ภูเขาหินขนาดใหญ่เบื้องหน้า “มันถูกซ่อนอยู่ในถ้ำลับใต้ภูเขาลูกนี้”ตู้เยี่ยนอวี่มองไปที่ภูเขาหินลูกนั้น ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาของนางฉายแววความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว“ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่ามันอยู่ที่นี่ ?”กู้เหยียนหลงพยักหน้า “ข้าเคยถูกนำตัวมาที่นี่ครั้งหนึ่ง แม้จะอยู่ในความมืดมิด แต่ข้าก็จำเส้นทางได้”ทั้งสองเริ่มเดินเข้าไปใกล้ภูเขาหินอย่างระมัดระวัง อากาศเริ่มเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อย ๆ และมีกลิ่นอายแปลก ๆ ลอยอบอวลในอากาศ กู้เหยียนหลงพยายามจดจำเส้นทางที่เขาเคยถูกนำตัวมาที่นี่ พลางตร