ความหวาดระแวงและความไม่ไว้วางใจยังคงตามหลอกหลอนกลุ่มคนที่เหลือรอดอย่างรุนแรงยิ่งกว่าที่เคย หลังจากมิกิพยายามบันทึกภาพการเปลี่ยนแปลงของเจมส์ และเจ้าหน้าที่แสดงท่าทีพอใจกับการละเมิดกฎ บรรยากาศภายในห้องนั้นดูมาคุมากขึ้นกว่าที่เคย“พวกเราจะกลายเป็นแบบนี้กันหมดเลยใช่ไหม?” พลอยพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ“ไม่! ฉันจะหยุดมันให้ได้” อิฐบอกเสียงนิ่ง แววตาฉายประกายบางอย่างที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่น เขาเชื่อว่าการทำความเข้าใจแหล่งพลังงานคือทางเดียวที่จะหยุดอควาเรียมนี้ได้แพรวาที่เริ่มฟื้นจากการหมดสติและมีผิวหนังสีเขียวอมดำ ดวงตาที่เคยล่องลอยของเธอเริ่มปรากฏแววตาที่โฟกัสได้มากขึ้น เธอเริ่มเคลื่อนไหวช้าๆ ดวงตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา แต่ก็มีประกายบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เธอพยายามจะลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเลพลอยรีบประคองเธอไว้ “แพรวา! เธอฟื้นแล้ว!” พลอยอุทานด้วยความดีใจแพรวามองไปรอบๆ อย่างสับสน สายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่อุปกรณ์ทดลองเก่าๆ ที่เรียงรายอยู่รอบตัวพวกเขามันเป็นโต๊ะโลหะที่มีคราบสนิมเกาะหนาแน่น มีหลอดแก้วและขวดบรรจุสารเคมีที่ไม่รู้จักวางอยู่ระเกะระกะ กลิ่นอับชื้น
ความลับที่ลุงแดงเปิดเผยเกี่ยวกับอดีตของอควาเรียมไตรตันว่าเคยเป็นศูนย์วิจัยลับที่ทำการทดลองผิดจรรยาบรรณและการหายตัวไปของผู้คน ยิ่งตอกย้ำความน่ากลัวของสถานที่แห่งนี้ และทำให้ความไม่ไว้วางใจภายในกลุ่มเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะเมื่อฟ้ายังคงจ้องมองอิฐด้วยความสงสัย แสงสลัวจากตู้ปลาที่บรรจุสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดในโซนลับส่องกระทบใบหน้าของพวกเขา เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดผวาและความสับสน“ลุงแดง... ลุงรู้เรื่องนี้มาตลอดเหรอคะ?” พลอยพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “ทำไมลุงไม่บอกพวกเราตั้งแต่แรก?”สีหน้าของลุงแดงเต็มไปด้วยความอึดอัด เขาอยู่ท่าทีที่ไม่แน่ใจว่าจะพูดความจริงที่เหลือออกไปทั้งหมด หรือควรจะพอแค่นี้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป ท่าทีประหลาดของมิกิก็เรียกความสนใจไปจากทุกคนเสียก่อนสายตาของมิกิที่เคยอยู่ในสภาพเงียบงัน บัดนี้เธอก็เริ่มมีอาการแปลกๆ มากขึ้น เธอเดินวนไปมารอบๆ กลุ่มอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเธอยังคงล่องลอยและว่างเปล่า แต่บางครั้งเธอก็จะหยุดนิ่ง จ้องมองไปยังร่างของเจมส์ที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างไม่ละสายตาเจมส์ที่เคยเป็นชายหนุ่มขี้เล่นผู้ไม่เชื่อในเรื่องลี้
ความหวาดระแวงและความไม่ไว้ใจเริ่มกัดกินกลุ่มคนที่เหลือรอดอย่างรุนแรงยิ่งกว่าความหวาดกลัวต่อกฎของอควาเรียมเสียอีก หลังจากที่ฟ้าซึ่งอยู่ในสภาพล่องลอย ได้ยินเสียงกระซิบเตือนให้ระวังคนใกล้ตัวและพุ่งเป้าความสงสัยไปที่อิฐ บรรยากาศภายในโซนลับของอควาเรียมไตรตันยิ่งทวีความหนาวเหน็บและตึงเครียด แสงสลัวจากตู้ปลาที่บรรจุสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดสะท้อนใบหน้าของพวกเขา เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและไม่ไว้ใจกันพลอยหันไปมองฟ้าที่จ้องมองอิฐด้วยความไม่ไว้วางใจสุดขีด “ฟ้า... เธอคิดว่าอิฐกำลังโกหกเราเหรอ?” พลอยพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “แต่เขาช่วยเรามาตลอดนะ”อิฐยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าของเขาเรียบเฉย แต่แววตาฉายประกายบางอย่างที่บ่งบอกว่าเขารับรู้ถึงความสงสัยของฟ้า “ผมไม่ได้โกหก” อิฐกล่าวขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและสงบ “ผมแค่เลือกที่จะเปิดเผยความจริงในเวลาที่เหมาะสม”“ตอนไหนล่ะถึงจะเหมาะสม” พลอยถามต่อ“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ” อิฐเอ่ยบอกเสียงนิ่งก่อนที่เขาจะก้าวเดินต่อไปขณะที่พวกเขากำลังพากันเดินไปตามทางเดินแคบๆ ในโซนลับ เสียงกระซิบจากตู้ปลาที่บรรจุสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี
ความเงียบที่น่าขนลุกกลับเข้าปกคลุมอควาเรียมไตรตันอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบาของพลอย และเสียงพึมพำที่ไม่เป็นภาษาของต้นที่ยังคงคลุ้มคลั่ง หมอกนอนแน่นิ่งอยู่ในวังวนของอดีต เจมส์ยังคงหมดสติและซีดเซียว มิกิอยู่ในสภาพเงียบงัน ไร้การตอบสนอง ฟ้าพูดจาไม่รู้เรื่องราว และแพรวาต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอันน่าสะพรึงกลัวการที่หมอกถูกบิดเบือนจิตใจและร่างกายจากการท้าทายกฎ ยิ่งตอกย้ำความจริงอันโหดร้ายว่าอควาเรียมแห่งนี้กำลังกลืนกินตัวตนของพวกเขาไปทีละคนอย่างช้าๆ“กฎข้อที่ 13...มันร้ายกาจที่สุดเลย” พลอยนั่งคุดคู้อยู่ข้างร่างของแพรวา ใบหน้าของเธอยังคงซีดเผือด รอยตราประทับบนฝ่ามือยังคงแดงก่ำและเรืองแสงเล็กน้อย เธอมองหมอกที่นอนแน่นิ่งด้วยความหวาดกลัวสุดขีด“อืม” อิฐส่งเสียงออกมาในลำคอ ความเครียดปรากฎอยู่บนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน“ฉันว่าฉันคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้วแหละ” พลอยถอนหายใจเสียงดังลั่น“ไม่ อย่าเพิ่งท้อ ฉันจะพาทุกคนออกไปให้ได้” อิฐเอ่ยบอกอีกครั้งด้วยความมั่นใจเขาก็ไม่ได้มั่นใจมากนักหรอก แต่มันคือเป้าหมายของเขาที่จะต้องเอาชนะอควาเรียมแห่งนี้ให้ได้ เขาไม่อยากยอมแพ้ เพราะเขาไม่ชอบความพ่าย
ความตึงเครียดและความหวาดระแวงภายในกลุ่มพุ่งสูงถึงขีดสุด เมื่อความเห็นในการเอาชีวิตรอดแตกออกเป็นสองทาง มีทั้งคนที่เลือกจะหนี และคนที่เลือกจะทำลายที่นี่ทิ้ง แต่อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าการหนีออกจากอควาเรียมนั้นดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว การเลือกเผชิญหน้าเพื่อทำลายแกนพลังงานที่ควบคุมทุกสิ่งยังดูเป็นไปได้มากกว่ากลุ่มคนที่ยังพอจะมีสติเหลือมองหน้ากันไปมา แววตาสะท้อนไปด้วยความสิ้นหวังและรู้สึกพ่ายแพ้อย่างชัดเจน บรรยากาศมาคุชวนให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งได้อยู่ตลอดเวลาพลอยนั่งคุดคู้อยู่ข้างร่างของแพรวาที่ยังคงหมดสติและมีผิวหนังสีเขียวอมดำ เปลือกตาของแพรวายังคงเปิดอยู่ แต่ไร้ซึ่งแววตา มันดูว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความเย็นชา รอยตราประทับบนฝ่ามือของพลอยยังคงแดงก่ำ แม้เมือกที่ไหลออกมาจะลดน้อยลงแล้วแต่มันก็ยังไม่ได้แห้งเหือดไปเสียทีเดียว เธอจ้องมองที่อิฐและลุงแดงด้วยแววตาอันสับสน เธอไม่มั่นใจในวิธีไหนทั้งนั้น แม้จะอยากหนีออกจากที่นี่มากแค่ไหน แต่เธอก็ยังคาดหวังความปลอดภัยในชีวิตมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี เธออยากให้ทุกคนเลือกทางที่จะทำให้ยังได้มีชีวิตอยู่ก็แค่นั้น เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะตายหร
เสียงหอบหายใจจากความกลัวดังระงมไปทั่วบริเวณ บรรดากลุ่มคนที่โดนทำโทษบัดนี้สภาพร่างกายภายนอกแลดูแย่ลงทุกขณะ หากมองเผินๆ อาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้คือมนุษย์มาก่อน เพราะมันดูเหมือนสัตว์ประหลาดหรือปีศาจเสียมากกว่าอิฐสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ อย่างสิ้นหวัง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดีหลังจากนี้ หากเขาอยากจะมีชีวิตรอดออกไป บางทีเขาอาจจะต้องยอมทิ้งเพื่อนร่วมทางเอาไว้ แต่เสี้ยวหนึ่งข้างในจิตใต้สำนึกมันบอกเขาว่าไม่ควรทำอย่างนั้น เพื่อนๆ พวกเขาทุกคนมาที่นี่ไม่ได้คาดหวังว่าจะไม่ได้กลับบ้าน ถ้าจะให้พูดกันตามตรงพวกเขาถูกหลอกให้มายังสถานที่แห่งนี้ ด้วยจุดประสงค์ที่เจ้าของอควาเรียมอยากให้มาเป็นหนูทดลองให้กับการกระทำแปลกประหลาดบางอย่างซึ่งไร้มนุษยธรรมอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่มีแถลงข่าวเปิดตัวโครงการนี้ในอดีต เขาเฝ้าติดตามมาตลอดในฐานะที่เป็นคนพื้นที่ เขาเกิดและเติบโตที่นี่ ไม่เคยออกไปจังหวัดอื่น ความสำนึกรักบ้านเกิดมันบอกให้เขาเฝ้ารอดูความสำเร็จของอควาเรียมนี้ เพราะหากกิจการรุ่งเรือง นั่นก็หมายถึงว่าบ้านเกิดของเขาจะพัฒนาขึ้นไปอีกครั้ง ไม่ใช่เพียงแค่เมืองรองที่ผู้คนจากเมืองหลวงขับรถผ่านเพียงเพื่อไป