ฉู่หนิงพลางเก็บจดหมาย พลางกล่าวถาม “ใต้เท้าหลิว ประมาทไม่ได้ ของสำหรับป้องกันเมืองที่ข้าให้ท่านเตรียม เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”เผชิญหน้ากับกองทัพสามแสนนาย ฉู่หนิงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยหลิวโส่วเริ่นก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านอ๋องไม่ต้องห่วง เตรียมน้ำมัน ก้อนหินและท่อนไม้ขนาดใหญ่พร้อมแล้ว แต่หนามหาค่อนข้างยาก กระหม่อมให้คนไปรวบรวมได้บางส่วน แต่มีไม่เยอะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่เยอะ?”ฉู่หนิงขมวดคิ้ว “ไม่เยอะ แล้วเจ้าทำเองบางส่วนไม่เป็นหรือ? เอาพวกของมีคมมามัดรวมกัน ถึงเวลาจะต้องได้ใช้แน่”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเลอะเลือนแล้ว ขอบคุณที่พระองค์ชี้แนะพ่ะย่ะค่ะ”“พอแล้ว เจ้าให้คนไปเตรียมตัว รอต้อนรับเสบียงชุดนี้”“กระหม่อมไปจัดการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!”ต่อจากนี้สองวัน เมืองติ้งเซียงกับค่ายใหญ่กองทัพแคว้นจ้าวสงบไร้การปะทะจนกระทั่งสองวันต่อมา ห่างจากทางใต้ของเมืองติ้งเซียงสามสิบลี้ มีขบวนลำเลียงเสบียงกลุ่มหนึ่งเคลื่อนขบวนมาอย่างเอิกเกริกแรงงานหลายพันคนเคลื่อนเข้ามาอย่างเชื่องช้า ภายใต้การคุ้มกันของทหารหลายร้อยคนหลังจากเข้าสู่เขตเมืองติ้งเซียง สภาพอากาศแห้งแล้ง
หลายวันหลังจากนั้น ภายในค่ายกองทัพแคว้นจ้าวมู่หรงจู๋เรียกแม่ทัพทุกคนมาร่วมหารือกัน“คำนับแม่ทัพใหญ่!”“แม่ทัพทุกท่านไม่ต้องมากพิธี!”มู่หรงจู๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ที่เรียกทุกท่านมาครั้งนี้ ก็เพื่อเรื่องเสบียงของกองทัพศัตรู ตามข่าวที่ข้าได้รับ กองทัพศัตรูมีเสบียงสามล้านต้านจะมาถึงเมืองติ้งเซียงในอีกสองวันให้หลัง”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าแม่ทัพที่เก็บความคับแค้นไว้เต็มอกพากันขออาสา “ท่านแม่ทัพใหญ่ ให้ข้าน้อยนำทหารไปปล้นเสบียงเถิด!”“ข้าน้อยขอทหารเพียงหนึ่งหมื่นนาย ก็สามารถนำเสบียงสามล้านต้านนี้กลับมา!”“เสบียงมากมายเช่นนี้ หากสามารถปล้นได้ จะต้องสามารถแก้ปัญหาของกองทัพเราในตอนนี้ได้แน่นอน”“แม่ทัพใหญ่โปรดให้ทหารกับข้าน้อยแปดพันนาย ข้าน้อยสามารถชิงเสบียงรอบนี้ได้แน่นอน!”เสบียงมากมายเช่นนี้ หากปล้นสำเร็จ ต้องสามารถบั่นทอนขวัญกำลังใจของกองทัพแคว้าฉู่ได้แน่นอน ถึงเวลานั้น พวกเขาก็สามารถฉวยโอกาสบุกโจมตีเมืองรอมานานเช่นนี้ ไม่เคยมีโอกาสบุกโจมตีเมืองเลย อุตส่าห์มีโอกาสปล้นเสบียงทั้งที พวกเขาจะปล่อยผ่านได้อย่างไรแต่มู่หรงจู๋เผชิญหน้ากับการขออาสาของทุกคน กลับกล่าวเสียงเร
“เคร้ง!”หอกยาวปัดทวนยาวจนกระเด็น และปลายหอกก็แทงทะลุหัวใจของแม่ทัพแห่งกองทัพแคว้นจ้าวอย่างจัง“ฮึ่ม ฝีมือแค่นี้ก็กล้าลงมือ?”เสียงเย้ยหยันของหร่านหมิงดังออกมาจากในขบวนทัพ เขาสะบัดมือเหวี่ยงศพของคนผู้นี้ไปที่หน้าค่ายแล้วขว้างทวนไปตรึงศพไว้กับพื้นต่อหน้าสายตาของทุกคนหร่านหมิงเงยหน้ามองกองทัพแคว้นจ้าวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ สายตาฉายแววเจตนาฆ่า “ยังมีคนกล้าออกมาหรือไม่?” กองทัพแคว้นจ้าวที่เห็นภาพนี้ตกใจจนหน้าถอดสี ไม่มีใครกล้าออกไปอีก แม้แต่พูดก็ไม่กล้าแล้ว เมื่อหมีเหิงเห็นดังนี้ก็หัวเราะฮ่าๆ “เป็นไปตามที่ท่านอ๋องคาดการณ์จริงๆ พวกเจ้ารู้จักแต่ใช้วิธีที่ต่ำช้า ไม่กล้าเผชิญหน้ากับกองทัพของพวกเราตรงๆ!มู่หรงจู๋นะมู่หรงจู๋ เจ้ามันก็แค่สุภาพบุรุษจอมปลอม!”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทำเอามู่หรงจู๋ที่แอบสังเกตสถานการณ์อยู่ในค่ายโมโหจนสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลันทั้งที่เจ้าบัดซบฉู่หนิงจงใจส่งหมีเหิงมายั่วยุกองทัพของข้าที่หน้าค่าย ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าข้าใช้วิธีที่ต่ำช้า!โจรตะโกนให้จับโจร!มู่หรงจู๋ทึ่โมโหจนทนไม่ไหวแล้วกำหมัดแน่น ควบม้าไปที่หน้าประตูให้ทันทีเวลานี้แม่ทัพคนอื่นที่ได้รับข่าว
วันรุ่งขึ้น ประตูเมืองติ้งเซียงเปิดออก หมีเหิงนำทหารกลุ่มหนึ่งออกจากเมืองอย่างเอิกเกริก แม้กำลังพลไม่มากนัก แต่เป็นทัพอาชาทั้งหมด อาชาศึกที่สีขาวล้วน ก็คือทัพอาชาขาวที่จ้าวอวี่บัญชาการนั่นเองหมีเหิงที่เพิ่งถูกแต่งตั้งเป็นขุนนาง สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เขามาถึงหน้าค่ายใหญ่ของกองทัพแคว้นจ้าวภายใต้การคุ้มกันของเหล่าทหารมองดูป้ายสงบศึกที่ถูกแขวนไว้บนที่สูงของกองทัพแคว้นจ้าว บนใบหน้าหมีเหิงปรากฏแววเหยียดหยาม“ไปเรียกรองแม่ทัพมู่หรงจู๋ของพวกเจ้าออกมา!” หมีเหิงกล่าวด้วยท่าทีโอหังกองทัพแคว้นจ้าวหันไปมองหน้ากัน ไม่รู้จุดประสงค์การมาของอีกฝ่าย จึงได้แต่ส่งคนไปบอกเรื่องนี้กับมู่หรงจู๋ ภายในค่ายใหญ่ มู่หรงจู๋กำลังคิดแผนทำลายข้าศึกเวลานี้เอง เสียงฝีเท้าดังขึ้นที่นอกกระโจม มีทหารตะโกนจากข้างนอก “เรียนท่านแม่ทัพ กองทัพศัตรูมาขอพบที่นอกค่ายขอรับ”มู่หรงจู๋ขมวดคิ้ว เลิกม่านมุดออกมา พลางถามเสียงเย็น “ผู้มาเป็นใคร?”“หมีเหิงขอรับ!”“เขาหรือ?”สีหน้ามู่หรงจู๋บึ้งตึงเล็กน้อยหมีเหิงผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลือเรื่องวาจาเป็นเลิศ ประกอบกับความสัมพันธ์ของอาจารย์เขา ไม่มีใครอยากล่วงเกินคน
เรื่องเสบียงยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้ว เสบียงที่กองทัพนับแสนกินแต่ละวันล้วนเป็นจำนวนตัวเลขที่มหาศาลแต่เจ้าเมืองติ้งเซียงหลิวโส่วเริ่นที่อยู่ด้านข้างกลับกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ท่านอ๋อง ท่านเพิ่งรับตำแหน่งก็จะให้แต่ละพื้นที่ส่งมอบทหารหัวเมือง กับบริจาคเสบียง เกรงว่าเจ้าเมืองของอีกห้าหัวเมืองคงไม่พอใจแน่พ่ะย่ะค่ะ”“ไม่พอใจ?”ฉู่หนิงพลันหรี่ตาลง มีแสงเย็นแลบผ่านแววตา “ใต้เท้าหลิว หมีเหิง แม่ทัพเฉินอัน แม่ทัพอู๋หลิน แล้วก็หร่านหมิง พวกเจ้าแต่ละคนจงนำทหารสองพันนาย ไปถ่ายทอดคำสั่งให้ห้าหัวเมือง!หากมีคนไม่เชื่อฟัง ฆ่าไม่ละเว้น!”ในยามสถานการณ์คับขัน ต้องใช้วิธีการที่เด็ดขาดเท่านั้น จึงจะสามารถควบคุมอำนาจทั้งปิงโจวได้อย่างสมบูรณ์แม้หลิวโส่วเริ่นกังวลมาก แต่ไม่กล้าปฏิเสธ ทำได้เพียงประสานมือคารวะ แล้วพาทหารออกเดินทางพร้อมกับอีกสี่คน เวลาสามวันต่อจากนั้น ทั้งสองได้เดินทางไปถึงหัวเมืองทั้งห้า และถ่ายทอดคำสั่งของฉู่หนิงแล้ว แม้เจ้าเมืองทั้งห้าโกรธมาก แต่ก็รู้ว่าฐานะของฉู่หนิงวางอยู่ตรงนั้น ประกอบกับเขาเพิ่งชนะศึก และก็เพิ่งถูกแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการปิงโจว พวกเขาจึงไม่กล้าปฏิเสธผ่านไปอีกสาม
ผู้ส่งสารเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก ในที่สุดหลังจากนั้นไม่กี่วันก็มาถึงเมืองติ้งเซียง ฉู่หนิงที่ได้รับข่าวพาเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊ไปรอต้อนรับที่หน้าประตูจวนเจ้าเมือง ผู้ส่งสารถือพระราชโองการไว้ในมือ พลางประกาศเสียงดัง “วันนี้ทราบข่าวว่าเผิงไหลจวิ้นอ๋องทำลายทัพอาชาชั้นยอดของกองทัพศัตรูในแนวหน้า และสังหารแม่ทัพใหญ่กับแม่ทัพรองของกองทัพศัตรู เรารู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนักศึกนี้ได้ปัดเป่าความหม่นหมองในกองทัพจนสิ้น และเพิ่มขวัญกำลังใจให้เหล่าทหาร เพื่อยกย่องคุณความดีของเผิงไหลจวิ้นอ๋อง และเพื่อการโยกย้ายทหารในแนวหน้าได้ดียิ่งขึ้น จึงแต่งตั้งฉู่หนิงเป็นผู้ตรวจการปิงโจว มีอำนาจควบคุมกิจการทางทหารทั้งหมดในแนวหน้า!ส่วนขุนนางบุ๋นบู๊ทุกระดับ เลื่อนยศหนึ่งขั้น รอกลับมาพร้อมกับชัยชนะ จะตกรางวัลเพิ่มเติม!” “ลูก/พวกกระหม่อมรับราชโองการ!”ฉู่หนิงพาทุกคนประสานมือคารวะ หลังจากนั้นจึงรับพระราชโองการมาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รบกวนผู้ส่งสารแล้ว เด็กๆ พาผู้ส่งสารไปพักผ่อน”หลังจากจัดที่พักให้ผู้ส่งสาร ฉู่หนิงมองพระราชโองการในมือแวบหนึ่งด้วยสีหน้าพึงพอใจทุกอย่างอยู่ในการควบคุม ตอนนี้ก็เ