"เปิด..." เสียงคนด้านนอกดังแว่วเข้ามาเจียงเยี่ยนฟางที่เดินมารออยู่ก่อนแล้ว ก็ดึงประตูเรือนเปิดออกโดยไม่รอให้ใครมาทุบประตูให้หนวกหูอีก"พี่หญิง" นางทำความเคารพสตรีหน้าเรือนก่อนเป็นอันดับแรก สีหน้าและน้ำเสียงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นกังวลใจ "ไม่ทราบว่าพี่หญิงมีเรื่องอะไรให้น้องสาวคนนี้ช่วยเหลือหรือเจ้าคะ ถึงได้พาคนมาดึกดื่นเช่นนี้""น้องหญิงเจียง เจ้าเห็นความเชื่อใจของข้าเป็นสิ่งใดกัน ทั้งที่... ทั้งที่ข้าเอ็นดูเจ้าขนาดนั้น" กู่เยว่ชิงพูดไปก็เช็ดน้ำตาไป ดวงตาก็เหลือบมองไปด้านหลังตนเองตลอดเวลาเจียงเยี่ยนฟางก็ทำทีเป็นมองไม่เห็นว่าเหมือนนางกำลังรอใครบางคนให้มาถึงอยู่ ในเมื่ออีกฝ่ายเสแสร้งได้แนบเนียน นางเองก็ทำได้เช่นกัน เวลานั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อ ขึ้นมาปิดใบหน้าเลียนแบบอีกฝ่าย "พี่หญิง ท่านพูดเรื่องอะไรกันเจ้าคะ""อย่ามัวเสียเวลาเลยเพคะพระชายา" จูหลิงที่ยืนประคองเจ้านายไว้ก็พูดไปปลอบไป ครั้นจบประโยคนั้นก็หันไปสั่งสาวใช้ที่มาด้วยกันอีกกลุ่มใหญ่ว่า "ค้นเรือน!""เดี๋ยว!" เจียงเยี่ยนฟางยืดตัวเต็มความสูงพลางยื่นมือขวางทางเข้าไว้ แผ่นหลังเหยียดตรง โยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งไปที่อื่น น้ำเสียงเอง
กระทั่งคืนวันต่อมา เจินเจินก็ได้ยินข่าวว่าท่านอ๋องแอบส่งคนไปตามหมอสวี่เข้ามาทางประตูหลัง มารักษาอาการท้องร่วงให้พระชายากู่และคนในเรือนเอินทั้งหมด!เจินเจินพอได้ยินเรื่องนี้แล้วก็รีบรุดไปดูด้วยตาของตนเองว่าเรื่องที่นางได้ยินจากคนใช้ในจวนเป็นความจริงหรือไม่ ครั้นมาถึงเรือนเอินแล้วก็ได้ยินพระชายากู่โวยวายเสียงดังออกมาว่า"ยาพิษที่ทำให้ท้องร่วงพวกนั้นเจ้าเก็บดีหรือไม่ เหตุใดพวกเราถึงโดนไปด้วย!""หม่อมฉันเก็บดีแล้วนะเพคะพระชายา" จูหลิงน้ำเสียงสั่น เมื่อวานนางเพิ่งจะถูกลดเบี้ยของเดือนนี้ไป วันนี้ก็ดันเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว"แล้วเหตุใดข้าถึงท้องร่วง น่าขายหน้ายิ่งนัก พี่ลี่หยางจะมองข้าอย่างไร! เจ้ามันไม่ได้เรื่อง!" สิ้นเสียงของกู่เยว่ชิงก็มีเสียงของแตกตามมาไม่หยุด"พระชายา ทรงเย็นพระทัยก่อนเพคะ บางที บางทีอาจเป็นพวกของกินที่ห้องครัวเตรียมมาให้ไม่สะอาด จึงทำให้พวกเรา..." เสียงของจูหลิงขาดห้วงไม่เป็นประโยค ด้วยเพราะวิ่งหลบของที่ถูกปามาใส่"เจ้าคิดว่าจะหลอกผู้ใดกัน!" กู่เยว่ชิงตะโกนเสร็จก็หอบหายใจด้วยความเหนื่อย ต่อให้อาหารถูกเตรียมมาไม่ดีแล้วเหตุใดท่านอ๋องทรงไม่เป็นอะไร คนในเรือนอื่นก็ไม่เป็นอะ
ด้านเจินเจินไม่ได้สนว่าใครเพิ่งจะตกน้ำไป นางพยายามประคองร่างในมือดันขึ้นไปบนสะพานแทน ปากพร่ำถามว่าพระชายาเป็นอย่างไรบ้างอยู่หลายครั้ง และพอส่งคนขึ้นไปได้แล้ว นางถึงได้ปีนตามขึ้นไป"ไปช่วยนางขึ้นมา!" เซียวลี่หยางหันไปบอกเติ้งอู๋ที่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเติ้งอู๋พอถูกสั่งก็ปลดอาวุธประจำกายวางไว้ ก่อนจะลงน้ำไปเพื่อช่วยกู่เยว่ชิงขึ้นมาจูหลิงที่กำลังรออยู่บนสะพานรีบหันไปบอกให้สาวใช้อีกสองคนไปเอาน้ำชากับผ้าคลุมที่อยู่ในศาลามาเตรียมรอเจ้านาย"พระชายา ทรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ" เจินเจินยังคงถามย้ำอีกรอบ รีบกวาดตามองดูตามร่างกายของคนตรงหน้าที่ฟุบอยู่กับพื้นสะพานให้แน่ใจอีกที"..." เจียงเยี่ยนฟางที่ยังไอไม่หยุดก็ยกมือโบกไปมาแทนคำตอบ พอรับรู้ได้ว่ามือตัวเองสั่นขนาดไหนก็รีบลดมือลง แล้วใช้มืออีกข้างเท้าพื้นให้ตัวเองลุกขึ้นมานั่งให้ดี ๆ แทนจังหวะต่อมาเติ้งอู๋ก็พาคนขึ้นมาจากสระบัวได้แล้ว จูหลิงที่ปาดเข้าไปประคองกู่เยว่ชิงก็รีบยกมือลูบแผ่นหลังให้เจ้านายตนเองเพื่อไอเอาน้ำออกมาให้หมด"พี่หญิงกู่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ขอโทษด้วย เมื่อครู่ไม่ทันระวังดึงท่านแรงไปหน่อย ไม่คิดว่าท่านที่ยื่นมือมาช่วยจะไม่เกร
บทที่ 6.2คราสองพอเลย!"พระชายา พระชายาเพคะ!" เจินเจินนั่งลงที่พื้น พยายามมองหาคนที่หล่นลงไปในน้ำ ยิ่งบริเวณนี้กลีบดอกบัวแน่นหนา ทำให้ร่างของอีกฝ่ายกลืนหายไปจนแทบมองไม่เห็น ซ้ำยังไม่ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ หรือพยายามตะเกียกตะกายตัวขึ้นมาพอให้เจินเจินสามารถคว้ามือไปจับได้ มีแต่จมหายไปราวกับเจ้าตัวเป็นก้อนหินก็ไม่ปานพลันนั้นเจินเจินก็รู้สึกว่ามีใครมายืนข้างตนเองเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง พอพบว่าเป็นเติ้งอู๋ ดวงตาจึงเต็มไปด้วยคำถามว่า จะให้ทำอย่างไร 'ไหนว่ามิอาจให้พระชายาเจียงตายได้อย่างไรเล่า หรือถ้าเป็นอุบัติเหตุก็ไม่เป็นไรงั้นหรือ'เติ้งอู๋แม้จะมีสีหน้าเคร่งขรึมดังเดิม ทว่าก็เอาแต่เฝ้ามองดูฟองอากาศเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเหนือผิวน้ำที่ซ่อนอยู่ระหว่างใบบัวไม่ละสายตา ด้วยไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่เจียงเป็นคนของผู้ใด แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยคุยกับท่านอ๋องไปแล้วว่า ยังไม่สามารถให้นางตายได้ เพราะหากนางเป็นคนของฮ่องเต้จริง แล้วเกิดตายขึ้นมา ฮ่องเต้ก็คงประโคมข่าวดวงกินเจ้าสาวของท่านอ๋องออกไปอีกครามิหนำซ้ำอาจบานปลายถึงขั้นยกเรื่องความสะเพร่าของคนในจวนอ๋องที่ทำให้คุณหนูใหญ่เจียงตาย มาเป็นข้ออ้างในการลงโทษเจ้านายของตนก็ได้ส
ในตอนนั้นจูหลิงก็เดินเข้ามาพร้อมกับกาน้ำชาที่เพิ่งไปชงมาใหม่ นางเดินเข้าไปรินชาให้เจียงเยี่ยนฟางและเจ้านายตนเอง ก่อนจะถอยออกไปรอข้าง ๆ ดวงตาก็จ้องมองดูพระชายาพระนางใหม่ของจวนดึงมือออกจากมือของเจ้านายตน แล้วยกจอกชาขึ้นไปดื่มโดยไม่ยอมเปิดผ้าปิดหน้าออกดี ๆ อีกฝ่ายเพียงแค่ใช้มือข้างหนึ่งเลิกผ้าขึ้นเปิดทางเท่านั้น แต่กิริยาท่าทางกลับน่ามอง ไม่เหมือนข่าวลือด้านนอกเลยสักนิดด้านเจียงเยี่ยนฟางพอยกชาขึ้นดื่มแล้ว ก็จงใจดื่มชาจนหมดจอกในรวดเดียว ทั้งที่รู้ว่าไม่ควร ครั้นดื่มจนหมดแล้วก็ได้กลิ่นหอมของใบชาชั้นดีที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปาก "วันหลังชาชั้นดีเช่นนี้ พี่หญิงไม่ต้องนำมาชงให้เยี่ยนฟางดื่มก็ได้เจ้าค่ะ ข้าเคยชินแต่ชาดาษดื่นที่หาได้ในร้านข้างทาง เกรงว่าจะเสียของเปล่า ๆ""ไม่ลำบาก ๆ จวนอ๋องจะขาดตกบกพร่องในการดูแลเจ้าได้อย่างไร" กู่เยว่ชิงคราวนี้รอยยิ้มหดลงเล็กน้อย หลุบตามองจอกชาที่ว่างเปล่าในมือเจียงเยี่ยนฟาง"..." ด้านจูหลิงที่มองเจียงเยี่ยนฟางอยู่ก่อนแล้วก็มีสีหน้าสับสน พลันนั้นที่เจ้านายหันมามอง นางก็แอบส่ายหน้าเล็กน้อยส่งกลับไปเพราะรู้ตัวว่าตนเองหันมองจูหลิงนานเกินไปแล้ว กู่เยว่ชิงจึงแสร้งพ
แสงแรกของอรุณเพิ่งสาดส่องบนนภา เจินเจินที่ปรากฏตัวเข้ามาในเรือนไม้ก็ค้อมตัวพลางรายงานว่า "เมื่อครู่คนของพระชายากู่มาเชิญพระชายาให้ไปหาเพคะ เห็นว่าให้ไปรอพบกันที่ศาลาเหลียนฮวา""ยามใด""ตอนนี้เลยเพคะ""เช้าขนาดนี้?" เจียงเยี่ยนฟางเลิกคิ้วมองคนด้านหลังผ่านกระจก มือก็ยกขึ้นสวมผ้าปิดหน้าไปด้วย "หรือจะให้ข้าไปดูนางกับท่านอ๋องพลอดรักกันอีก"เจินเจินรีบส่ายหน้าพลางขยับเข้าไปช่วยอีกฝ่ายหวีผม "เวลานี้ท่านอ๋องทรงเล่นหมากล้อมอยู่กับท่านหงเปาเพคะ""น่าแปลกยิ่งนัก นึกว่าจะขาดกันไม่ได้เสียอีก..." กล่าวมาถึงตรงนี้เจียงเยี่ยนฟางก็เงียบไป เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ "ธรรมเนียมปฏิบัติของวังหลวง เหล่าสนมต่างมีตำหนักเป็นของตนเอง ในส่วนของข้าก็พอเข้าใจได้ แต่ข่าวลือเกี่ยวกับท่านอ๋องของเจ้าที่ข้าเคยได้ยินชาวบ้านเล่ามา ต่างไม่ยุ่งเกี่ยวกับวังหลวงแล้ว ถึงได้มาตั้งจวนแห่งนี้... เหตุใดถึงยังต้องแยกเรือนนอนกับกู่เยว่ชิงอีก" เท่าที่เจียงเยี่ยนฟางสังเกตมา คล้ายว่ากู่เยว่ชิงจะไม่ได้อาศัยอยู่ที่เรือนอี้ เพราะเมื่อวานของตกแต่งในเรือนอี้ที่นางเห็นออกจะดูสุขุมเย็นชาสมกับเป็นห้องของเซียวลี่หยางไม่มีผิด ดูไม่เหมือนมีสตรีอาศั