ซินเยว่ยังร้องไห้มาตลอดทาง เมื่อเฟิ่งเซียวพานางกลับขึ้นมาบนรถม้าและกลับมายังร้านเป่าจิ้นถาน เมื่อลงจากรถก็พบว่าหลิงอ๋องและพระชายารออยู่“พี่สาม พี่สะใภ้”“น้องห้าเจ้ากลับมาแล้วหรือ”ทั้งสองเดินลงมาจากรถม้าและเดินไปหาทั้งคู่ อวิ๋นซีเดินเข้ามาหาซินเยว่ทันที“ข้ากับท่านอ๋องมารอพวกเจ้า ซินเยว่อาการเจ้ายังไม่หายดี ไปเถอะรีบไปอาบน้ำได้แล้วข้าจะให้คนต้มยาสมุนไพรแช่ตัวให้ เจ้าต้องแช่อีกสักสองสามครั้งจนแผลหายสนิท พวกเราขอตัวก่อน”“รีบไปเถอะ”อวิ๋นซีพาซินเยว่เดินกลับไปยังห้องพัก เมื่อนางหันไปมองเฟิ่งเซียวที่พยักหน้าให้ก็ตามอวิ๋นซีไปอย่างว่าง่าย เฟิ่งเซียวหันมามองพระเชษฐาที่ยืนอยู่ตรงหน้า“พี่สามท่านมีเรื่องด่วนจะปรึกษาข้างั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”“น้องเก้ากับน้องแปดเดินทางไปรับบิดาของซินเยว่กลับมาที่ลี่เหมินแล้ว ข้ามีบางอย่างจะให้เจ้าดูสักหน่อย นี่เป็นข่าวที่น้องเก้าส่งมาก่อนที่จะเดินทางมาถึงช่วงเย็นนี้”“พวกเขาจะมาถึงเย็นนี้งั้นหรือ เช่นนั้นข้าจะต้องรีบบอกเยว่…”“เจ้าอย่าพึ่งบอกนางมาคุยกับข้าก่อนเถอะ เรื่องนี้บางทีอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิด”เมื่อเห็นสีหน้าของพระเชษฐา เสิ่นอ๋องก็รู้ในทันทีว่าการก
“อีกสองวันหรือเพคะ เช่นนั้นตอนนี้นาง…”“ถูกส่งตัวไปที่ว่าการอำเภอตั้งแต่วันก่อนแล้วตามที่เจ้าสั่ง ที่จริงก่อนหน้านั้นข้าก็สอบสวนนางไปเพื่อให้แน่ใจว่านางจะยอมรับผิดแต่โดยดี ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะหายทันและคงอยากเห็นการพิพากษาคดีนี้ด้วยตัวเอง”ซินเยว่หันมามองพักตร์ที่หันมามองนางอีกครั้ง นางจึงยิ้มให้พร้อมพยักหน้า“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงจัดการทุกอย่างให้นะเพคะ”“เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า เจ้าอย่าได้กังวลหรือกลัวสิ่งใด จากนี้ปีกของข้าจะกางออกมาเพื่อปกป้องเจ้า ปกป้องคนสกุลถานและชาวเมืองเสิ่นโจว จะต้องไม่มีผู้ใดถูกรังแกหรือถูกทำร้ายเช่นนี้อีกข้าสัญญา”เฟิ่งเซียวดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่น เพื่อเป็นการยืนยันตามคำพูดของเขาที่ลั่นสัจจะวาจาไว้ ซินเยว่ยิ้มทั้งน้ำตา เพราะนับจากนี้นางจะไม่โดดเดี่ยวและต่อสู้เพียงลำพังอีกแล้วสองวันถัดมา / ศาลชาวอำเภอลี่เหมินต่างให้ความสนใจคดีของถานเยี่ยหยู เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดคิดว่าบุตรสาวของนักโทษอย่างหลิ่วฮั่วเจิน จะกล้าถึงขนาดไปทำร้ายถานซินเยว่ถึงเรือนที่ยังเหลืออยู่หลังเหตุการณ์ไฟไหม้“นางสารเลวคนนี้แหละที่ทำร้ายคุณหนูถาน”“ช่างสารเวลจริง ๆ ได้ข่าวว่านางเ
อวิ่นซูหรันอับอายเกินกว่าจะตอบโต้ นางเพียงแค่เดินขึ้นรถม้าที่เคยมาที่นี่อย่างสง่างาม เต็มไปด้วยผู้คนรายล้อมและชื่นชมในตัวนาง บัดนี้เมื่อกลับออกไป กลับไม่มีแม้แต่คนมายืนส่งและขอบคุณเลยแม้แต่คนเดียว เพราะสิ่งที่นางทำกับถานซินเยว่เมื่อวานนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกผิดหวังกับหมอหญิงเทวดาผู้ใจดี“ลาก่อนศิษย์พี่… ลาก่อนรักเดียวของข้า”รถม้าของนางค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปจนพ้นสายตา จางหลงจื่อได้แต่ยืนมองและเดินกลับเข้ามา หมอหลวงเวินที่ยืนรออยู่ด้านในหันมาถามเขาอีกครั้ง“นางยังมีความหวังอยากจะพบท่านอ๋องอีกงั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่ก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนั้น”“ขอรับ นางไม่รู้ตัวเลยว่าทำผิดร้ายแรงลงไป ยังบอกว่าไม่ได้ทำผิดมากขนาดนั้น”“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าสตรีงดงามหน้าตาดี จะมีจิตใจคิดชั่วทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจเสียจริง”“เมื่อวานนี้หากนางมีน้ำใจสักนิด ถานเยี่ยนหยูผู้นั้นคงไม่ทันได้ลงมือทำร้ายซินเยว่ และวันนี้นางคงไม่ถูกท่านอ๋องลงโทษเช่นนี้หรอกขอรับ”“ไม่คิดเลยว่าถานเยี่ยนหยูจะกล้าบุกไปทำร้ายคนถึงที่ร้าน”“เมื่อวานเป็นวันตัดสินโทษของมารดานาง ท่านอ๋องทั้งสามเดินทางไปที่ว่าการอำภอกันหมด ที่นั่นก็เลย
“ศิษย์พี่! ข้า… ข้าไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงได้ปรักปรำข้าเช่นนั้น ข้าก็แค่แวะไปเยี่ยมนางหลังจากไปซื้อของในตัวเมืองเดี๋ยวเดียวก็กลับออกมา ส่วนเรื่องที่ท่านพูดมานั้นข้า…”“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่รู้เรื่อง ที่มีคนเข้าไปหาเรื่องนางถึงในเรือนงั้นหรือ”“ชะ ใช่เจ้าค่ะ ข้าก็แค่แวะไปเยี่ยมนาง น้องหญิงซินเยว่บอกว่ายังมีงานอื่นต้องทำข้าก็เลยกลับออกมา ข้าไม่รู้เรื่องที่ท่านพูด หรือว่าหลังจากนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเจ้าคะ”“เมื่อวานนี้หลังจากเจ้าออกมา ถานเยี่ยนหยูพี่สาวต่างมารดาเข้าไปในเรือนและทำร้ายซินเยว่”“อะไรนะ! ข้า… ไม่คิดเลยว่านางจะกล้า ข้าคิดว่านางก็แค่ไปเยี่ยม...”เฟิ่งเซียวเล่าไปเรื่อย ๆ จนอวิ่นซูหรันหลุดปากออกมาเอง เขาหันมามองนางและเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมา“เมื่อครู่นี้เจ้ายังบอกว่าไม่รู้เรื่องว่ามีคนเข้าไปหลังจากเจ้ากลับออกมา แต่ตอนนี้กลับพูดว่าไม่คิดว่านางจะกล้า อวิ่นซูหรันตกลงว่าเจ้าเห็นถานเยี่ยนหยูเข้าไปในเรือนสินะ เหตุใดต้องโกหก!”“ข้า!”“เจ้าคิดว่าก่อนที่จะมาถามเจ้า ข้ามิได้ถ้ามคนที่ขับรถม้าหรือแม้แต่สาวใช้ที่ไปกับเจ้ามาแล้วอย่างนั้นหรือ”อวิ่นซูหรันตกใจแทบทรุดและรีบลุกมาคุกเข่าลง
ซินเยว่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา นางรู้ตัวมานานแล้วว่าชอบเขา แต่เฟิ่งเซียวดูเหมือนว่าจะพึ่งรู้ใจตัวเองเมื่อไม่นานนี้เอง บางทีน่าจะเป็นวันที่ไฟไหม้ร้านของนางนั่นแหละ ที่ทำให้เขารู้ว่าตัวเองรักนางมากเพียงใด เขาดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่นเพื่อซึมซับความรู้สึกเต็มอิ่มนี้อีกครั้ง“ท่านหมอเฉิน ข้ายังเจ็บแผลอยู่”“ข้าขอโทษนะ! จริงสิพูดถึงเรื่องแผลตามร่างกายของเจ้า เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงปล่อยให้พวกนางทำร้ายเจ้าได้ถึงเพียงนี้”“เรื่องนี้…”“เจ้าไม่ต้องกลัว อยู่ที่นี่จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้ อีกอย่างตอนนี้ร้านก็ถูกไฟไหม้ไปแล้วต้องรอวันที่ฟื้นฟูกิจการใหม่ ตอนนี้ทุกคนจะปลอดภัยเพราะมีคนของหอหรงเยว่เฝ้าอยู่”“หอหรงเยว่งั้นหรือ”“ใช่แล้ว หอหรงเยว่มียอดองครักษ์ของน้องเก้าที่เป็นเจ้าของหอดูแลอยู่ เจ้าไม่ต้องห่วงอาจารย์และเด็ก ๆ แล้วนะ ตอนนี้ข้าสั่งให้คนของหอหรงเยว่ดูแลที่นี่เอาไว้หมดแล้ว นับจากนี้ไปจะไม่มีผู้ใดกล้ามารังแกพวกเจ้าอีก แต่ยังมีอีกคนที่เรายังต้องคิดบัญชีแค้นกับนาง”“ท่านหมายถึง… ถานเยี่ยนหยูหรือเจ้าคะ"“ใช่แล้ว ข้าขังนางและพรรคพวกเอาไว้ในห้องเก็บฟืน รอเจ้าสั่งการว่าจะทำเช่นไรต่อ”“เรื่อ
“ท่าน… เรียกข้าว่าอย่างไรนะ"“เยว่เอ๋อร์ นับจากนี้ข้าขอเรียกเจ้าเช่นนี้ได้หรือไม่”ฝ่ายถูกถามใบหน้าร้อนผ่าวแต่กลับมิได้ปฏิเสธ อ้อมกอดของเขาทำให้นางวาบหวามเกินกว่าจะเอ่ยถ้อยคำใดออกมาได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ที่พึ่งเจอมาหรือไม่ จึงทำให้นางรู้สึกอยากให้เขาโอบกอดเช่นนี้นานขึ้นอีกนิด"หมายความว่าอย่างไรเพคะ หม่อมฉัน…”“เจ้าอย่าได้พูดจาห่างเหินกับข้าด้วยคำทางการเหล่านั้นเลย เคยพูดเช่นไรก็พูดแบบนั้นเถอะนะ ยังมีอีกเรื่องที่เจ้าควรจะต้องรู้ไว้”“อะไรหรือเพคะ”“วันนี้ข้าไปฟังคำตัดสินของหลี่ฮั่วเจินมาด้วยตัวเอง ทั้งพยานและหลักฐานมัดตัวนางเกินกว่าจะหลุดรอดข้อกล่าวหาไปได้ ร้านจินหงถูกสั่งปิด นางถูกยึดทรัพย์ และถอนสิทธิ์ในการดูแลร้านและติดคุกอีกยี่สิบปี เพียงแต่ว่า"“เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ”“หลังจากพิจารณาคดีแล้ว ชาวบ้านที่รู้ว่านางอยู่เบื้องหลังเรื่องลอบวางเพลิงร้านของเจ้ารู้สึกโกรธแค้น พวกเขาดึงนางออกมาก่อนที่จะได้ขึ้นรถนักโทษ ความแค้นของชาวบ้านทำให้แม้แต่เจ้าหน้าที่ศาลก็มิอาจยับยั้งได้ ดังนั้นนางจึงถูกดึงไปทุบตีจนตายกลางถนนหน้าศาล”ซินเยว่นิ่งไปราวกับตกใจ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าการตายของอนุ
“ท่านบอกว่า… นางไม่ได้โกรธข้างั้นหรือ”“ใช่แล้วเท่าที่ข้าดู ซินเยว่ก็แค่น้อยใจที่ท่านไม่ยอมพูดกับนางตรง ๆ อีกอย่างที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าพวกท่านเองก็ไม่ค่อยจะยอมแสดงความรู้สึกต่อกันตรง ๆ เลยใช่หรือไม่ วันนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นก็ย่อมมีบ้างที่ซินเยว่จะรู้สึกสับสนจนทำตัวไม่ถูก”“เช่นนั้นตอนนี้ข้า…”“นางยังหลับอยู่ หากท่านจะไปดูอาการก็รีบไปเถอะ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”เฟิ่งเซียวรีบเดินออกจากห้องไปในทันที เฉินตงหรานเดินมาดึงพระชายาของเขาเข้าไปเพื่อสอบถามดูอีกครั้ง“ซีเอ๋อร์ อาการของนางแย่ขนาดนั้นเลยหรือ”“แย่ถึงขนาดที่ข้าซึ่งไม่รู้เรื่อง ยังอยากบีบคอและใช้เข็มพิษวารีทิ่มคนที่ทำกับนาง ให้ตายอย่างทรมานเลยล่ะเพคะ”เฉินตงหรานลอบกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง เมื่อพระชายาที่รักของเขาพูดถึงขนาดนี้ แสดงว่าสิ่งที่ซินเยว่เจอคงโหดร้ายมากจนเกินรับไหว เดิมทีอวิ๋นซีมิใช่คนที่ทำร้ายใครก่อนและไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่ครั้งนี้นางถึงกับออกตัวช่วยรักษาถานซินเยว่ด้วยตัวเอง“เป็นเพราะแบบนี้ น้องห้าถึงได้โกรธมากขนาดนั้นสินะ”“พี่สามท่านไม่รู้อะไร ก่อนหน้านี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ถานซินเยว่ต้องแบกรับ ชะตากรรมของนางน
เฟิ่งเซียวค่อย ๆ คลายอ้อมกอดจากซินเยว่ คนของรั่วเฟิงพาถานเยี่ยนหยูออกไปแล้ว ก่อนจะออกไปเฟิ่งเซียวจึงได้หันมาบอกกับซินเยว่“พี่สะใภ้สามเป็นหมอพิษที่เก่งมาก นางจะรักษาเจ้าหายได้รวดเร็ว ไม่ต้องกลัวนะ”“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”นางเอ่ยโดยมิได้มองหน้าเขาเลยสักนิด เฟิ่งเซียวลอบกลืนน้ำลายลงไป หากก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องเกิดขึ้นเขาคงได้มีเวลาคุยกับนางและบอกด้วยตัวเองว่าเขาเป็นใคร แต่ตอนนี้เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากฟังเขาเสียแล้ว “ท่านออกไปก่อนเถอะ ที่เหลือข้าจัดการเอง”“ขอบคุณพี่สะใภ้สาม”นางพยักหน้าให้เขา เฟิ่งเซียวเดินออกมาเป็นคนสุดท้ายก่อนจะปิดประตู เมื่ออยู่กันเพียงลำพังอวิ๋นซีจึงได้หันไปยิ้มให้กับซินเยว่อีกครั้ง“เจ้าโกรธเขาหรือซินเยว่”“ข้า! เอ่อ หม่อมฉัน…”"เอาล่ะ ๆ พอเถอะระหว่างพวกเราไม่ต้องใช้คำพวกนั้นหรอกนะ เสียเวลา"“พี่อวิ๋นซีข้ามิได้โกรธเขาเจ้าค่ะ เพียงแต่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเท่านั้น อีกอย่างเขาอยู่ที่นี่มาตลอดแต่ทำไมก่อนหน้านั้น เขาถึงต้องปกปิดฐานะของตัวเอง”“เจ้าไม่เข้าใจหรือ ว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น”ซินเยว่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ในตอนนี้นางไม่สามารถคิดอะไรออก“ข้าโง่เขลาเกินไป เลยไม่ทราบ
ถานเยี่ยนหยูหันมามองหน้าผู้ที่ทำร้ายนาง ตอนนี้คนของนางด้านนอกถูกจับเอาไว้จนหมด “หลิ่วอวิ๋นซี” ใช้กำลังภายในดึงเข็มพิษวารีจากคอของนางออกมา เยี่ยนหยูจึงสามารถพูดได้อีกครั้ง“นังคนสารเลวชั้นต่ำ! เจ้ากล้าลอบทำร้ายข้าแบบนี้ก็ไม่ต่างกัน รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”“ฟิ้ว! ฉึก!”“ฮึก!”“ซีเอ๋อร์… ใจเย็น ๆ ก่อนอย่าพึ่งฆ่านาง น้องห้ากำลังมาแล้ว”“ปากดีเช่นนี้จะเก็บเอาไว้ทำไมกัน”“ซินเยว่! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”เฟิ่งเซียววิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นเมื่อทราบว่าถานเยี่ยนหรูมาที่นี่ เขารู้ได้ทันทีว่าพลาดไปเสียแล้วแต่เมื่อหันไปมองผู้ที่เข้ามาช่วยซินเยว่ได้ทันก็หันมายิ้มทันที“พี่สาม! พี่สะใภ้ พวกท่านมาถึงแล้วหรือ”“ท่านหมอเฉิน”“อย่าขยับข้าจะอุ้มเจ้าไปเอง ข้าขอโทษที่ทิ้งเจ้าเอาไว้คนเดียว คิดไม่ถึงเลยว่านางจะกล้าบุกมาทำร้ายเจ้าถึงที่นี่ นางทำร้ายเจ้างั้นหรือ”เฉินเฟิ่งเซียวหันไปมองหน้าถานเยี่ยนหยูที่สั่นไปทั้งตัว ตอนนี้นางถูกเข็มพิษวารีของอวิ๋นซีปักไปที่คออีกครั้งทำให้พูดไม่ได้“ข้ากับตงหรานเข้ามาทันเวลาก่อนที่นางจะใช้ปิ่นโสโครกที่พื้นนั่นแทงคนของท่าน เลยใช้เข็มพิษวารีสกัดนางเอาไว้ พี่ชายท่านบอกว่าอย่าพึ่งฆ่านา