"..."
(คุณสิงห์คะ คุณสิงห์ลองคิดดูสิคะว่าจะมีคู่นอนคนไหนรู้งาน รู้จุดอ่อน และเร้าใจได้เท่าพรีม แค่คุณเสนอไม่ว่าเมื่อไหร่ เวลาไหน และที่ใดพรีมก็พร้อมสนอง) พรีมมี่กรีดยิ้ม จริงอย่างที่หล่อนว่าทุกประการ ตลอดระยะเวลาแปดเดือนที่เขาอุตส่าห์ตามจีบไฮโซน้ำหนึ่งจนกระทั่งตกลงปลงใจเข้าพิธีวิวาห์กัน เธอไม่เคยตอบสนองเรื่องอย่างว่าเขาได้ดีเท่ากับพรีมมี่ เธอเอาแต่พูดว่า 'รอหนึ่งก่อนได้ไหมคะ หนึ่งอยากจะให้คืนเข้าหอของเราเป็นคืนที่พิเศษที่สุด' แล้วเขาจะต้องอดทนกล้ำกลืนอัดอั้นตลอดระยะเวลาแปดเดือนเพื่อรอเธองั้นเหรอ? คนอย่างสิงห์ค่อนข้างเสพติดเซ็กซ์เป็นชีวิตจิตใจ เซ็กซ์คือส่วนหนึ่งของชีวิตคู่ แต่เธอกลับไม่ยินยอมให้เขาเอา ฉะนั้นเขาก็เลยไปเอาคนอื่นแทนแก้ขัด (นะคะคุณสิงห์) "อืม" (งั้นเราไปช้อปปิ้งกันก่อนเข้าคอนโดดีหรือเปล่าคะ พรีมว่าจะเข้าร้านชุดนอนไม่ได้นอนซื้อคอสเพลย์มาเอาอกเอาใจคุณสักหน่อย) "ตามใจ เดี๋ยวผมให้นายเดชไปรับก็แล้วกัน" เดช หรือ เดชาเป็นทั้งลูกน้องและเลขาคนสนิทของสิงห์ที่ล่วงรู้ทุกการกระทำของเขา (ค่ะ) พรีมที่ยิ้มระรื่นด้วยความดีอกดีใจ ก่อนที่สิงห์จะสะกิดปลายนิ้วกดเลื่อนตัดสายเผื่อเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่อ่องและฉีดน้ำหอมฟุ้ง @ห้างสรรพสินค้า ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้อยู่ในเครือของกระทิงซึ่งเป็นเพื่อนสนิท เขาสามารถควบคุมและออกคำสั่งกับพนักงานทุกคนให้อยู่ในโอวาท...เพราะต่างก็รู้ดีว่าถามใครมีเรื่องหรือมีปัญหากับสิงห์เข้าคงจะโดนดีไม่ใช่น้อย! ไอ้เขามันเป็นคนจริง ใครกล้าปากสวะเอาเรื่องของเขาไปพูดต่อหรือพวกมือดีเป็นปะปารัสซี่แอบถ่ายไปแชร์ต่อด่าทอกันสนุกปากในโลกโซเชียลเขาฟ้องศาลหมดตัวกันไปข้างหนึ่ง! ไม่ก็ตัดหนทางทำมาหากินใช้เงินยัดปิดปากเสีย เขาเตรียมแผนโดยการสวมแว่นตาใส่แมสปกปิดใบหน้า ทั้งกำหนดให้มากันคนละเวลาและคนละทางเพื่อไม่ให้คนนอกสงสัยแต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันนั่นก็คือร้านชุดนอนไม่ได้นอน สิงห์ยัดเงินพนักงานทุกคนให้ปิดปากเงียบสนิทและลบกล้องวงจรปิดในเวลานี้ทิ้งเสีย หรือจะเรียกง่ายๆว่าให้ลูกน้องของตัวเองเฝ้าหน้าประตูปิดร้านเลยก็ว่าได้! "คุณสิงห์ว่าพรีมใส่ชุดไหนถึงจะสวยคะ" พรีมเลือกชุดคอสเพลย์ที่เป็นกระต่ายน้อยและพยาบาลสาวขึ้นมาชูให้แก่เขาดู "อยากได้ชุดไหนก็เอามาทั้งหมด" และที่สำคัญเขาเป็นไอ้พวกที่ว่าชอบใช้เงินแก้ปัญหามากกว่าใช้สมอง "น่ารักที่สุดเลย" พรีมมี่เขย่งปลายเท้าจุมพิตลงบนซอกคอหอมกรุ่นของสิงห์แล้วเลื่อนศีรษะลงซบหน้าอกพร้อมทั้งดัดจริตตามประสาสตรี "คงจะคันมากเลยนะคะ พอรู้ข่าวว่าสามีชาวบ้านกลับมาก็เร่ถ่างหอยใส่พานให้เขากินถึงที่" ไฮโซน้ำหนึ่งเดินหน้าเชิดหลังตรงเข้าไปหาทั้งสองคนกำลังยืนเบียดเสียดสีแทบจะสิงกันอยู่ในร้าน "หนึ่ง! มาได้ยังไง" สิงห์ผละตัวออกจากพรีมทันที "หนึ่งคงบินมามั้งคะ มีขาก็ใช้ขาเดินสิ" น้ำหนึ่งตอบอย่างกวนตีนกลับไป ก่อนที่จะยิ้มเยาะแล้วหวนระลึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ ... หลังจากที่สังเกตดูว่าสามีหลับสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว น้ำหนึ่งก็ถอนตัวออกมาจากบทการแสดงสาวขี้เมาค่อยๆย่างกรายลุกขึ้นมานั่งขอบเตียงแล้วปลดล็อครหัสโทรศัพท์อย่างง่ายดายตามวันเกิดของเขา "หึ!" ที่ผ่านมาเธอไม่เคยเช็คหรือขอดูโทรศัพท์มือถือเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาก็คงจะชะล่าใจป้อนรหัสง่ายๆเป็นตัวล็อคเก็บความลับ "พี่จะโทษหนึ่งไม่ได้นะคะ เพราะที่ผ่านมาหนึ่งให้เกียรติจะให้พื้นที่ส่วนตัวพี่มามากพอแล้วแต่พี่กลับใช้มันในทางผิดๆด้วยการทรยศหนึ่ง" เธอติดตั้งแอปพลิเคชั่นแล้วคีย์ข้อมูลเพื่อเชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์สองเครื่องหรือจะเรียกง่ายๆว่า 'แอปติดตามระบุจุด' ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหน มีแบตเตอรี่กี่เปอร์เซ็นต์ เธอก็สามารถเช็คได้ง่ายๆโดยไม่จำเป็นต้องถามไถ่เรียกร้องหาความสัตย์จริง "เราจะได้เห็นดีกัน" เธอใช้ฟังก์ชันพิเศษซ่อนตัวแอพพลิเคชั่นเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาหาเจอ ก่อนที่จะจัดการลบค้นหาและการใช้งานต่างๆออกหมดแล้วจึงวางโทรศัพท์ลงกลับที่เดิม ... "สวัสดีค่ะคุณน้ำหนึ่ง บังเอิญจังเลยนะคะ" พรีมมี่ยิ้มทักทายอย่างหน้าด้านๆทั้งๆที่เมื่อครูหล่อนกำลังควงสามีของคนอื่นอยู่ "คงไม่บังเอิญหรอกค่ะ แล้วนี่..." ไฮโซน้ำหนึ่งชำเลืองตาดูชุดคอสเพลย์พรีมมี่ถืออยู่ในมือก่อนที่จะเหลือบขึ้นไปมองใบหน้าของหล่อนอีกรอบ "ซื้อไปใช้กับใครเหรอคะ? เอ๊ะ หรือว่าคุณพรีมมี่มีแฟนแล้ว" ว่าจบนางก็ควงแขนของสามีหนุ่มเอาไว้ทำท่าทีวางมาดออกตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเต็มที่ "พรีมยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ" "งั้นก็คงจะซื้อมาใช้กับสามีชาวบ้านรึเปล่าคะ? อุ้ปส์" หญิงสาวยกฝ่ามืออีกข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากแล้วยักคิ้วหลิ่วตาเยอะๆคนตรงหน้า "หนึ่ง!!" "..." พรีมมี่เค้นเสียงหัวเราะในลำคอทั้งๆที่ในใจของหล่อนตอนนี้เดือดดาลแทบปะทุออก "นี่ถือว่าลงทุนใช้ได้เลยนะคะ อุตส่าห์สั่งให้ลูกน้องเฝ้าหน้าประตูปิดร้านแล้วยัดเงินพนักงานทุกคนเหมือนสันดานเดิมที่เคยทำกับผู้หญิงคนอื่น" เธอแหงนหน้าขึ้นไปมองหน้าสามีที่ยังคงเฉยชาไร้ความรู้สึกไม่สะทกสะท้าน "แต่ช่วยหาพี่ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ?" "อีน้ำหนึ่ง!!!" "ทำไม อีพรีม ขอถามหน่อยเถอะนะคันมากเหรอ รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายมีเจ้าของอยู่แล้วก็ยังอยากจะมายุ่ง นี่ไม่ทราบว่าหน้าหรือถนนคันเนี่ยถึงได้หยาบกระด้างเหมือนคอนกรีตเชียว" คำพูดหยาบโลนที่ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากของภรรยาสาวทำให้คนข้างกายถึงกับอ้ำอึ้งไปไม่เป็นเลยทีเดียว มีผีสางนางไม้ตนใดมาเข้าสิงเมียเขาหรือเปล่าเนี่ย! "พูดแบบนี้มึงมาตบกับกูเลยดีกว่า!" พรีมมี่พุ่งตัวเข้าไป แต่ทว่าโดนสิงห์ผลักออกเสียก่อน! อย่างไรน้ำหนึ่งก็คือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เรื่องที่น้ำหนึ่งต้องเจ็บตัวถึงหูท่านเจ้าสัวเข้าล่ะก็มีหวังเขาไม่โดนเด้งยัดเยียดให้ไปดูงานอีกเหรอ? แค่หนึ่งเดือนก็แทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว "สถุน! เธอคงจะถนัดแต่ใช้กำลังจริงๆสินะพรีม เอ้ย! ไม่สิฉันคงพูดผิดไป ถนัดใช้กำลังแล้วก็ถนัดใช้ร่างกายในการหลอกล่อให้ผู้ชายที่มีตัณหามักมากหลวมตัวลงไปเล่นของสกปรกที่ผ่านมาแล้วตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หน้าตาก็ดีมีหน้าที่การงานอยู่ในวงการก็หัดใช้สมองให้มันเป็นประโยชน์บ้างนะ ว่าถ้าเธอมายุ่งกับผู้ชายของฉันเธอจะโดนอะไร!" แววตาของน้ำหนึ่งดูเกรี้ยวกราด แม้นเป็นคำพูดที่ราบเรียบไม่ได้มีพิษสงน่ากลัวมากมายสิงห์กลับรับรู้ได้ถึงพลังงานร้อนรุ่มบางอย่างที่แผ่ออกมารอบกายเธอ "คนอย่างแกจะทำอะไรได้" "ก็ทำได้หลายอย่างอยู่นะ อย่างเช่นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาแป้งแบรนด์ดังที่เธอกำลังส่งยื่น หรือจะเป็นพรีเซ็นเตอร์สบู่อาบน้ำที่มีข้อตกลงว่าหากใครได้รับคัดเลือกจะมีสิทธิ์เซ็นสัญญากับทางบริษัทรับงานนานหนึ่งปี ช่องทางทำมาหากินเธอเลยนี่" ไฮโซน้ำหนึ่งปล่อยแขนจากสามีหนุ่มแล้วเดินเข้าไปประจันหน้าจนกระชั้นชิดกับพรีมมี่ "แล้วเธอรู้หรือเปล่า ว่าเจ้าของบริษัทน่ะสนิทกับฉันและคุณปู่ของฉันทั้งนั้นเลยนะ ซึ่งฉันก็ได้ข่าวมาอีกว่าตอนนี้เธอกำลังร้อนเงินเพราะแม่เอาไปผลาญในบ่อนจนเกือบหมดถ้าเธอไม่ได้งานนี้ ทั้งบ้านทั้งรถก็คงจะถูกยึด"“ไม่ใช่สักหน่อยครับ” นนทกานต์ค้อนเล็กน้อย “ดอกไม้พวกนี้ผมเป็นคนเลือก และคัดสรรเองกับมือเลยนะครับ แล้วน้ำหนึ่งรู้ความหมายของพวกมันหรือเปล่าครับ”“ไม่ทราบค่ะ” แต่ใจลึก ๆ แล้วก็รู้นั่นแหละแค่ไม่อยากหักหน้าเขาเฉย ๆ ไหน ๆ เขาก็อุตส่าห์เตรียมตัวมาซะดิบดีก็ยินยอมปล่อยให้พูดไปเพื่อดูความพยายามเสียหน่อย“ตรงนี้คือดอกทานตะวัน ดอกไม้สีเหลืองสดอร่ามที่เมื่อบาน และหันเข้าหาแสงจากดวงอาทิตย์ มันเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความเชื่อมั่น เชื่อมั่นในรักเดียวใจเดียว ความรักที่มั่นคงเสมอ...” เขาก็ใช้นิ้วชี้ดอกต่อไป “ส่วนนี่คือดอกลิลลี่สีชมพู มันเข้าทำนองแสดงถึงการค้นหาความรักแล้วพบว่านี่แหละคือที่สุดของหัวใจที่ผมตามหามาโดยตลอด”“แล้วดอกเล็ก ๆ นี่ล่ะคะ...ถ้าไม่สังเกตฉันมองไม่เห็นเลยนะเนี่ยว่ามีด้วย”“ผมดีใจนะครับที่น้ำหนึ่งสังเกตเห็น เพราะนี่...คือดอกคัตเตอร์ ดอกไม้สำหรับคนที่แอบรัก มักจะถูกเป็นดอกไม้ประดับแซมเพื่อความสวยงามมากกว่า มันก็มีความหมายคล้าย ๆ กับว่า ถึงแม้น้ำหนึ่งจะมองไม่เห็นผมก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงเสียผมก็ยังอยู่ตรงนี้ และยังมีแค่น้ำหนึ่งเสมอ” ทุกคำที่เขาเอ่ยออกมารู้ได้เลยว่าถูกกลั่นจากหัวใจ...เขาใช้
@ภัตตาคารสุดหรู...ใจกลางเมืองขึ้นชื่อว่าเป็นร้านอาหารมือทอง วัตถุดิบทุกชนิดส่งตรงมาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์โดยเชฟผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านประสบการณ์ด้านการทำงานมานานหลายสิบปีจนได้รับโล่รางวัลเกียรติยศมากมายแน่นอนว่ากว่าจะมาที่นี่ได้ย่อมต้องผ่านการจองคิวล่วงหน้าเป็นระยะเวลาเกือบสองเดือนเลยทีเดียว แต่โชคดีที่เจ้าของร้านเป็นเพื่อนสนิทของนนทกานต์จึงใช้เส้นใช้สายลัดเลาะล็อกห้องวิวสวยที่สุดเอาไว้ได้ร่างบางระหงในชุดเดรสสีชมพูกระโปรงระบายยาวคลุมเข่าปักเป็นลายดอกไม้สลักสลวยอย่างประณีตจากดีไซเนอร์ระดับมืออาชีพ...ส่วนด้านบนนั้นคือสายเดี่ยวบ่าใหญ่เว้าหลังกว้านลงมาเล็กน้อยแลดูสวยหมดจด พร้อมทั้งปล่อยผมยาวสลวยถึงกลางหลัง แต่งหน้าอ่อน ๆ ริมฝีปากกระจับสีชมพูพีชนับได้ว่าองค์ประกอบครบถ้วนสามารถเรียกแรงดึงดูด และความสนใจจากเพศตรงข้ามเป็นอย่างดีส่วนร่างของชายฉกรรจ์กำยำสูงโปร่ง...วันนี้เขาเองก็สวมเครื่องแต่งกายครบเครื่อง มาในชุดสูทสุภาพสีเทา นับได้ว่าตอนปกติดูหล่อเหลาแล้ว...ตอนนี้คล้ายกับมีอะไรสักอย่างดลจิตดลใจทำให้เพิ่มลิมิตสูงขึ้นเป็นหลายเท่าทั้งสองคนนั่งมองหน้ากันท่ามกลางแสงเทียนสว่างไสว รอบ ๆ นั้นมีอาหารเม
เมื่อเป็นเช่นนี้ชายหนุ่มถึงกับปล่อยโฮร่ำไห้ออกมาน้ำมูกน้ำตาเปียกปอนชโลมอาบสองพวงแก้ม คล้ายกับว่าเสือ สิงห์ กระทิงป่ากำลังคำรามแผดเผาไฟอันร้อนรุ่มที่อยู่ภายในกายให้ค่อย ๆ ทุเลาลง“แม่ครับ ฮึก ฮื่อ”ตอนนี้ทำให้เขาได้รู้ว่า...ความจริงแล้วแม่เองก็รักเขาเหมือนกัน เพียงแค่ท่านไม่เคยแสดงออกมาให้ตนได้รับรู้ แต่เขาก็ดันตีโพยตีพายว่าเป็นลูกนอกคอกที่คนในครอบครัวไม่เคยสนใจไยดี“ร้องออกมาให้พอ” ยามเห็นลูกร้องไห้หัวใจคนเป็นแม่เจ็บเพิ่มทวีคูณขึ้นเป็นสิบเท่า “ฉันเข้าใจแกนะว่าแกเองก็เจ็บปวดที่เห็นของรักของแกกำลังจะไปอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่น แต่แกก็ต้องเข้าใจหนูน้ำหนึ่งด้วย แกทำผิดต่อเธอมาเยอะ เธอให้โอกาสแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แกสัญญาว่าจะไม่ทำอีกทว่าแกก็ทำเหมือนเดิม...”“ผมผิดไปแล้วครับแม่...ผมขอน้ำหนึ่งคืนได้ไหมครับแม่ แม่ช่วยไปพูดกับน้ำหนึ่งให้น้ำหนึ่งยอมใจอ่อนให้โอกาสผมอีกสักครั้งได้ไหมครับแม่” น้ำเสียงเจือสะอึกสะอื้นขาดหายเข้าไปในลำคอเป็นช่วง ๆ อย่างติด ๆ ขัด ๆ เพราะการหายใจถี่ ๆ ที่ไม่ค่อยเป็นจังหวะสักเท่าไรนักเป็นผลพวงมาจากการบีบเค้นน้ำตาที่ค่อนข้างหนักหน่วงพอสมควร“โอกาสมันแทบไม่มีเหลืออยู่แล้ว...ทั้ง
“ผมทราบเรื่องนั้นดีครับท่านเจ้าสัว ซึ่งผม คุณพ่อ คุณแม่ และทางครอบครัวของเราไม่ได้ติดใจอะไรในตัวของน้ำหนึ่ง เพราะคิดว่าในชีวิตนี้ทุกคนล้วนจะต้องพบเจอกับความผิดพลาดด้วยกันทั้งสิ้นครับ” นนทกานต์ตอบไปตามความจริง“แน่ใจแล้วเหรอว่ารักหลานสาวฉันจริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ หลงเป็นชั่วครั้งชั่วคราว แต่พอได้ดั่งใจหวังก็ออกลายเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่สนใจแยแสทำเหมือนหลานสาวฉันไม่มีตัวตนเช่นความรักครั้งที่ผ่านมา” ท่านเจ้าสัวสุรเดชคงทนไม่ได้หากหลานสาวที่ตัวเองเฝ้าฟูมฟักทะนุถนอมเลี้ยงดูมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกต้องผิดหวังจากความรักเป็นครั้งที่สอง“ผมขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกันครับว่าผมจริงใจกับน้ำหนึ่งจริง ๆ” นนทกานต์ไม่ขอให้คำสัญญาเพราะรู้ดีว่ามันเป็นแค่เพียงลมปากที่ใคร ๆ ก็สามารถพูดได้ แต่สามารถทำตามสัจจะที่กล่าวไว้ได้หรือเปล่านั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง“อย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน”“ครับท่านเจ้าสัว”“ฝากดูแลน้องด้วยนะพ่อนนท์ แล้วหลังจากนี้ก็เรียกฉันว่าคุณปู่เหมือนที่น้ำหนึ่งเรียกนั่นแหละ” ท่านเจ้าสัวสุรเดชเองก็ไม่ได้ปิดกั้นแต่ก็ใช่ว่าจะเปิดโอกาสให้มีช่องโหว่งมากจนเกินไป“ขอบคุณครับคุณปู่” นนทก
“พี่สิงห์ปลอดภัยแล้ว ถ้างั้นหนึ่งก็ขอตัวก่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่ไว้พรุ่งนี้หนึ่งจะเข้ามาเยี่ยมใหม่” เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวให้เป็นทาสรับใช้คอยอยู่ดูแลสิงห์ในยามเจ็บไข้ไม่สบายหรือพักฟื้นที่โรงพยาบาล เพราะนั่นมันมีไว้สำหรับภรรยา และคนในครอบครัวเท่านั้น“จะกลับแล้วเหรอ? แม่ว่าสิงห์น่าจะอยากให้หนูน้ำหนึ่งอยู่เป็นเพื่อนมากกว่านะจ๊ะ” หากลูกชายของตนตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกก็คงจะมีกำลังใจในการต่อสู้กับบาดแผล และรอยช้ำบริเวณร่างกายของตนไม่ใช่น้อย“อย่าดีกว่าค่ะ เดี๋ยวมันจะดูไม่ดี เพราะสถานะระหว่างหนึ่งกับพี่สิงห์ตอนนี้เป็นแค่สามี และภรรยาที่เพิ่งจะหย่าขาดกันไป ประเดี๋ยวหากพี่ ๆ นักข่าวหรือใครมาเห็นเข้าแล้วเอาไปโพสต์รูปลงโซเชียลคนอื่นจะเข้าใจผิดได้ว่าเราสองคนอาจมีแววกลับมารีเทิร์นกัน” น้ำหนึ่งตอบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ทว่าแฝงไปซึ่งความตั้งใจอันแน่วแน่“จ้ะ”และในจังหวะนั้นนนทกานต์ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับชานมไข่มุกสองแก้ว“หนึ่งขอตัวนะคะคุณพ่อ คุณแม่ พี่เสือ พี่พรรุ้ง” น้ำหนึ่งยกมือขึ้นไหว้ตามกิริยามารยาทที่สมควรทำ ก่อนจะพยักพเยิดหน้ากับนนทกานต์เพื่อส่งซิกว่าเราสองคนควรกลับกันได
“เพราะเธองั้นเหรอที่ทำให้ลูกชายของฉันต้องเป็นแบบนี้?” คุณหญิงกนกนุชกดเสียงต่ำพร้อมกับใช้ปลายนิ้วชี้นิ้วเข้าหาเรือนร่างบอบบางของน้ำหนึ่ง “มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกน้ำหนึ่ง เธอไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองหรือรู้สึกแย่เลย ลูกชายของฉันมันทำตัวเองทั้งนั้น”ผิดคาด! เธอนึกว่าจะโดนด่า โดนว่าอย่างเช่นทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่เปล่าเลย คุณหญิงกนกนุชดันกลับลำเข้าข้างเธอเสียดื้อ ๆ“ค่ะคุณแม่”“แม่ต้องขอโทษเธอสำหรับทุก ๆ อย่างที่เคยทำไม่ดีด้วย เคยพูดจาแย่ ๆ ใส่ อบรมสั่งสอนลูกชายแบบผิด ๆ จนเรื่องเรามันเลยเถิดบานปลายยากจะแก้ไข แต่...มันไม่มีโอกาสที่น้ำหนึ่งจะกลับมาคืนดีกับสิงห์จริง ๆ เหรอ แม่เคยไปนอนเรือนหอของเราสองคนมาสักระยะหนึ่ง ทุก ๆ วันเกือบเที่ยงคืนเจ้าสิงห์ก็จะเมาหัวราน้ำเดินโซซัดโซเซกลับเข้ามา กลิ่นเหล้านี่หึ่งคลุ้งทั่วบ้าน แล้วก็พร่ำเพ้อร่ำร้องเรียกหา เอาแต่พูดคำว่าขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่กับรูปถ่ายพรีเวดดิ้งในงานแต่งงาน” คุณหญิงกนกนุชจำต้องลดศักดิ์ศรี และความเย่อหยิ่งยโสของตนเองลงเพราะรู้แล้วว่าลูกชายรักผู้หญิงคนนี้มากเพียงใด หากขาดเธอไปเขาคงขาดใจตายดวงตาสุกใสที่ฉายแววสับสนเล็กน้อยหลุบลงมองต่ำประ