เมื่อรับศีลรับพรจากปู่พ่อมั่นวัดป่า ระย้าแก้วและพระพรายก็ถวายของต่างๆที่จำเป็นแด่หลวงปู่มั่น
"หากโยมทั้งสองจักออกเดินทางไกล อาตมาก็ขออวยชัย อวยพร อย่าให้ได้มีอุปสรรคอันใดมากล้ำกายโยมทั้งสอง "สาธุเจ้าค่ะ/ขอรับ" "หลวงปู่ขอรับ หากหลานจักขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากหลวงปู่ พอจักมีให้หลานหรือไม่ขอรับ" "ได้สิเดี๋ยวจักให้เจ้ามานีไปเอามาให้ รดน้ำมนต์เสร็จเรียบร้อย ก็มิน่าจักมีอันใดแล้วล่ะ" "คุณพี่เจ้าค่ะ น้องออกมารอด้านนอกหนาเจ้าคะประเดี๋ยวน้องจักไปไหว้พระประธานเสียหน่อย" "ไปสิ แล้วอย่าไปที่ใดไกลหนา หากเกิดอันใดขึ้นกับเจ้า พี่จักโดนคุณป้าศรีนวลเอ็ดเอาได้" "น้องสัญญาเจ้าค่ะ" ไอ้สิงห์ที่พายเรือตามมาอยู่ห่าง ๆ จนมาถึงวัดป่าที่มันมิคุ้นตาเท่าใดนัก เพราะมันไม่ค่อยได้มาทางนี้สักเท่าใด จึงเดินสะกดรอยตามระย้าแก้วและพระพายตามมาติดๆ มิห่าง จนกระทั่งสบโอกาสเห็นระย้าแก้วอยู่คนเดียวมันจึงได้เดินไปประชิดตัว "เหตุใดวันนี้เจ้าจึงมากับไอ้หน้าอ่อนนี่อีกหนา..!"ไอ้สิงห์ถามด้วยความไม่พอใจ ระย้าแก้วที่นั่งพับเพียบ ไหว้พระขอพรอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหู จึงรู้ทันทีว่าเป็นผู้ใด นางจึงมิอยากจะตอบหรือทำอันใดตอบโต้ไอ้สิงอีกแล้ว "เหตุใดข้าพูดกับเอ็ง เอ็งจึงมิพูดกับข้า..ระย้าแก้วหรือจะต้องให้ข้ามีน้ำโห!" "ต่อให้ข้าจักตอบพี่ หรือมิตอบพี่ พี่ก็โมโหใส่ข้าตลอดเพลาหนา"ระย้าแก้วตอบกลับ "แล้ววันนี้เจ้ามาทำอันใด กับไอ้หน้าอ่อนนั่น ข้าเห็นมันกางร่มให้กับเจ้าด้วยหนา เหตุใดเจ้าจึงปล่อยให้มันใกล้ชิดเจ้าเยี่ยงนี้" "พี่พระพรายเป็นคนดีจิตใจดี มิเหมือนบางคนดอกหนา ที่คิดอกุศลแม้กระทั่งในวัดในวา" พระพรายที่สนทนาธรรมกับหลวงปู่มั่นเสร็จก็เดินออกจากศาลาวัดมา เพื่อมาหาระย้าแก้วเขากลับเห็นไอ้สิงห์ที่กำลังทำท่าทำทีหาเรื่องระย้าแก้วอีกแล้ว พระพรายจึงรีบวิ่งมาโดยไม่คิดถึงสิ่งใด "หยุดประเดี๋ยวนี้นะ ไอ้สิงห์ เหตุใดเอ็งจึงตามน้องระย้าแก้วมาถึงที่นี่ได้ เอ็งจะตามนางทำอันใดหนักหนา"พระพรายเองก็เริ่มไม่พอใจ "มันมิใช่ธุระโกงการอันใดของมึง" "แต่หากน้องระย้าแก้วมากับข้า หากเป็นเช่นนี้น่าจะเป็นธุระโกงการของข้าได้แล้วกระมัง" "ไปเถิดระย้าแก้วกับเรือนเสีย อยู่กงนี้ก็รังแต่ทำให้เจ้ามิสบายใจเปล่าๆ" "เจ้าค่ะคุณพี่" พระพายถือร่มในมือแล้วกางให้กับระย้าแก้วทันทีที่นางเดินออกจากหน้าพระประธานทิ้งให้ไอ้สิงห์มองตามตาละห้อยทำอันใดมิได้ "หากคืนนี้ข้าจะลงโทษเอ็งให้หลาบจำ ว่าอย่าหมางเมิน เหมือนข้ามิมีตัวตนเช่นนี้อีกระยาแก้ว" ไอ้สิงห์โมโหเกินกว่าที่จะควบคุมอารมณ์และความรู้สึกที่มีต่อระย้าแก้วอย่างรุนแรงมันจึงคิดหวนคืนกลับไปหานางอีกในคืนนี้ ระหว่างที่อยู่บนเรือระย้าแก้วปรึกษาพระพรายมิรู้อันใดดลใจ จึงได้พูดคุยเรื่องการออกเดินทางในวันพรุ่งเลื่อนมาเป็นคืนนี้เลยจักดีหรือไม่ "หากเจ้ามีความคิดเห็นเช่นนั้น พี่ก็มีติดอันใดลองไปปรึกษาคุณลุงกับคุณป้าเสียก่อน" "น้องก็ว่าดีเจ้าค่ะ ออกเดินทางเร็วสักหน่อยจักได้ไปถึงเร็วขึ้น เพราะน้องก็มิติดอันใดที่นี่แล้วเจ้าค่ะ" คำว่ามิติอันใดของระยะแก้วแปลว่านางได้ทำใจทุกเรื่องเอาไว้หมดสิ้นแล้ว "งั้นก็ดีพี่จักได้เตรียมขบวนเตรียมเกวียนแลม้า" "แต่พี่อยากขอเจ้าอย่างหนึ่ง พี่อยากให้เจ้าปลอมตัวเป็นชาย สวมชุดเหมือนผู้ชาย มวยผมรัดเกล้าให้เรียบร้อย ได้รือไม่" "ด้วยเหตุอันใดกันเจ้าคะ" "หากแต่การข้างหน้า พี่มิรู้ว่าเราจะประสบพบเจออันใดบ้าง หากเป็นสตรีมันจะเป็นที่จ้องตาจ้องใจของบุรุษเพศ แต่หากเจ้าเป็นบุรุษ เจ้าก็จะปลอดภัยขึ้นไปอีกเท่าตัวหนึ่ง" *ก็ดีเจ้าค่ะน้องเห็นด้วย" "ฝีพายเอ็งเร่งพายเสียหน่อยเถิดแดดเริ่มแรงขึ้นแล้วหนา" "ขอรับ" ผ่านไปมินานระย้าแก้วแลพระพรายก็กลับมาถึงเรือนของระย้าแก้ว พระพรายและระย้าแก้วกลับขึ้นเรือนพร้อมกับความสงบและสบายใจ พระพรายจึงได้เอ่ยปากบอกถึงความต้องการของระย้าแก้วแด่คุณลุงและคุณป้าได้ทราบ "ก็ดีเหมือนกัน หากเป็นเช่นนั้น ก็จงเตรียมตัวเถิดอีกสักสองชั่วยาม เจ้าทั้งสองก็พากันออกเดินทางเสียเถิด" แม่ศรีนวลที่ได้นั่งฟังก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมากแม้ปากจะบอกว่าหางลูกสาวได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ "โถ่คุณแม่เจ้าค่ะ..ลูกไปเพียงเพื่อร่ำเรียนวิชาตำรับตำราหมอ จักได้เอามาช่วยชาวบ้านที่นี่ได้ไงเจ้าคะ" "แต่จริง ๆ เจ้าเป็นสตรี เจ้ามิต้องเรียนอันใดเดี๋ยวเจ้าก็ออกเรือนไปกับสามีของเจ้านะลูก" "คงมิมีผู้ใดอยากได้ลูกไปเป็นภรรยาดอกเจ้าค่ะ ฮิ ฮิ งั้นลูกขอไปร่ำเรียนเอาวิชาความรู้ใส่ตัวเสียหน่อย" "แม่รู้ ว่าแม่ห้ามเจ้ามิได้ แต่เจ้าจะต้องดูแลตนเองให้ดีนะระย้าแก้ว" "อีแตง มึงจะต้องดูแลลูกกู ให้ดีเท่าชีวิตมึงเลยหนาอย่าปล่อยให้นางลำบาก อย่าปล่อยให้ผู้ใดมารังแกนางได้" "บ่าวให้คำสัตย์สาบานด้วยชีวิตของบ่าว จักดูแลคุณหนูระย้าแก้วยิ่งกว่าชีวิตของบ่าวเองเจ้าค่ะ" "งั้นเจ้าทั้งสองก็ไปเตรียมตัวเถอะ" "แล้วพ่อพระพราย จักมารับน้องด้วยเรือหรือรถเกวียนเล่า" พ่อหมอไทยบิดาของระย้าแก้วเอ่ยถาม พระพรายด้วยวิธีการเดินทาง "หลานจักมารับระย้าแก้วด้วยเรือของหลานแลหลังจากนั้นก็จะล่องจนออกแม่น้ำใหญ่ พอถึงแม่น้ำใหญ่แล้ว หลานจักเปลี่ยนเป็นใช้รถเกวียนแลม้าที่ได้เตรียมเอาไว้ แลเสบียงต่างๆ ก็เตรียม รอตรงคุ้งน้ำที่เรือจอดเทียบท่าขอรับ "พ่อนี่รอบคอบเสียเหลือเกินหนาพ่อพระพราย" "ส่วนเรื่องที่จักให้น้องแต่งตัวเป็นบุรุษนั้นก็ด้วยความปลอดภัยของน้องเองขอรับ หากสตรีเดินทางกลางป่า เขาหลานว่าคุณลุงน่าจะทราบดีว่ามันก็อันตรายมากเพียงใด" "ลุงเข้าใจในความห่วงใยที่พ่อพระพรายมีให้ ระย้าแก้วพ่ออยากทำเช่นใดก็ทำเถิด" "งั้นหลานขอตัวลาคุณลุง เพื่อไปเตรียมตัวก่อนหนาขอรับ ในอีกสองชั่วยามข้างหน้าหลานจะมาที่เรือน หลานลาขอรับ" "ไปดีมาดีเถิดพ่อ" ส่วนระย้าแก้วก็ไปเตรียมตัวและข้าวของหีบเครื่องใช้ก่อนหน้านี้ก็ถูกพระพายขนไปไว้ที่รถเกวียนที่ไปรอตรงคุ้งน้ำนอกหมู่บ้านตั้งแต่วันสองวันแรก ระย้าแก้วจึงจัดการมวยผมตัวเองด้วยภาพโพกหัวและเปลี่ยนใส่เสื้อม่อฮ่อมกางเกงขายาว "พี่แตงข้าดูเป็นเยี่ยงใรบ้าง"ระย้าแก้วเห็นตัวเองในลุคของบุรุษก็ถึงกับอดขำมิได้ "คุณหนูหน้าตาหล่อเหลามากเจ้าค่ะ"อีแตงถึงกับหลุดหัวเราะออกมา "โถ่..! พี่แตงก็พี่ก็เช่นกันหนา ไปเปลี่ยนชุดเป็นบุรุษเยี่ยงข้าเลย ข้าซื้อเตรียมไว้ให้พี่เรียบร้อยแล้ว" "บ่าวด้วยรือเจ้าคะ..!! คุณหนูระย้าแก้ว" "พี่ก็ต้องเปลี่ยนด้วยสิ หากพี่เป็นสตรีหนึ่งเดียวในขบวนรถมันจะดูมิแปลกรือ" "เออ..ก็จริงของคุณหนูหนาเจ้าคะ งั้นเดี๋ยวบ่าวจักลงไปเปลี่ยนที่เรือนบ่าวด้านล่าง แล้วจะรีบมาหาคุณหนูหนาเจ้าคะ" "ไปเถอะพี่" สิ้นคำของระย้าแก้วอีแตงก็รีบคว้าเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ระย้าแก้วซื้อมาให้ลงไปเปลี่ยนที่เรือนทาสทันทีผ่านมาแล้วสองชั่วยามพระพรายเตรียมเรือและผู้คนให้พร้อมสำหรับการเดินทาง แต่การเดินทางในครั้งนี้จะต้องมีความปลอดภัยสูงกว่าที่พระพรายเดินทางผู้เดียว เหตุเพราะด้วยมีระย้าแก้วติดตามไปด้วย"โอ้โห นี่พ่อและระย้าแก้วของพี่รือ ดูดีหล่อกว่าพี่ยิ่งนักหนา ฮ่า ฮ่า" พระพรายพูดหยอกเย้าระย้าแก้วในรูปร่างของบุรุษเพศแต่ก็ยังคงอรชรอ้อนแอ้น"พี่พระพรายก็อย่าหยอกเย้าน้องนักเลยน้องก็เขินเป็นหนาเจ้าคะ""ต่อไปนี้ให้พี่เรียกเจ้าแทนว่าแก้วแล้วกันหนา แลคำพูดคำจาเปลี่ยนเป็นขอรับตามนี้หนาระย้าแก้ว""ขอรับพี่พระพราย""เก่งมาก""งั้นเราทั้งสองไปกราบลาคุณลุงแลคุณป้ากันเสียเถิด ก่อนที่มันจักค่ำไปมากกว่านี้"ระย้าแก้วแลพระพรายพากันเดินขึ้นไปเรือนใหญ่เพื่อกราบลาผู้มีพระคุณของระย้าแก้วผู้ที่ให้ชีวิตและลมหายใจ นั่นบิดามารดาคนทั้งสองนี้ทำให้ระย้าแก้วได้เติบโตมีชีวิตที่สวยงามเช่นนี้"คุณพ่อคุณแม่เจ้าค่ะ ลูกลาหนาเจ้าคะ หากลูกไปถึง ลูกจักส่งข่าวมาหาคุณพ่อกับคุณแม่นะเจ้าคะ""โถ่..! ลูกสาวแม่ แม่อยากจักเปลี่ยนใจมิให้เจ้าไปหนา ไม่ไปไม่ได้หรือ.?" แ
เมื่อรับศีลรับพรจากปู่พ่อมั่นวัดป่า ระย้าแก้วและพระพรายก็ถวายของต่างๆที่จำเป็นแด่หลวงปู่มั่น"หากโยมทั้งสองจักออกเดินทางไกล อาตมาก็ขออวยชัย อวยพร อย่าให้ได้มีอุปสรรคอันใดมากล้ำกายโยมทั้งสอง"สาธุเจ้าค่ะ/ขอรับ""หลวงปู่ขอรับ หากหลานจักขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากหลวงปู่ พอจักมีให้หลานหรือไม่ขอรับ""ได้สิเดี๋ยวจักให้เจ้ามานีไปเอามาให้ รดน้ำมนต์เสร็จเรียบร้อย ก็มิน่าจักมีอันใดแล้วล่ะ""คุณพี่เจ้าค่ะ น้องออกมารอด้านนอกหนาเจ้าคะประเดี๋ยวน้องจักไปไหว้พระประธานเสียหน่อย""ไปสิ แล้วอย่าไปที่ใดไกลหนา หากเกิดอันใดขึ้นกับเจ้า พี่จักโดนคุณป้าศรีนวลเอ็ดเอาได้""น้องสัญญาเจ้าค่ะ"ไอ้สิงห์ที่พายเรือตามมาอยู่ห่าง ๆ จนมาถึงวัดป่าที่มันมิคุ้นตาเท่าใดนัก เพราะมันไม่ค่อยได้มาทางนี้สักเท่าใด จึงเดินสะกดรอยตามระย้าแก้วและพระพายตามมาติดๆ มิห่าง จนกระทั่งสบโอกาสเห็นระย้าแก้วอยู่คนเดียวมันจึงได้เดินไปประชิดตัว"เหตุใดวันนี้เจ้าจึงมากับไอ้หน้าอ่อนนี่อีกหนา..!"ไอ้สิงห์ถามด้วยความไม่พอใจระย้าแก้วที่นั่งพับเพียบ ไหว้พระขอพรอยู่น
ทางด้านจันทร์แรมที่ถือศีลภาวนาตามที่พ่อหมออาจารย์คงได้แนะนำเพราะนางต้องการทำนะหน้าทองในคืนวันเพ็ญที่จะมาถึงอีกสองเพลานางนุ่งขาวห่มขาวมิพูดมิจากับผู้ใด"อีชมลูกสาวกูทำกระไร เหตุอันใดนางจึงจะต้องนุ่งขาวห่มขาวด้วย"ผู้เป็นบิดาของจันทร์แรมเอ่ยถามด้วยความสงสัย"เอ่อ...คือแม่นายจันทร์แรมไปหาอาจารย์คงมาเจ้าค่ะ"อีชุ่มมิอยากอธิบายอะไรมากเพียงแค่เอ่ยชื่ออาจารย์คงบิดาของจันทร์แรมก็เข้าใจทุกอย่างได้ดี"หากข้าเตือนมันแล้วมิฟัง ก็จงปล่อยมันไปตามทางของมันเถิด"ผู้เป็นพ่อถึงกับถอดถอนหายใจเพียงอีกไม่กี่เพลาพี่สิงห์ก็จะตกเป็นของข้าทั้งกายและใจหากนับจากนี้เป็นต้นไปจะไม่มีผู้ใดมาพรากพี่ไปจากข้าได้อีก" จันทร์แรมที่นั่งภาวนาถือศีลอยู่ในห้องได้คิดในใจทางด้านไอ้สิงห์ที่ร้อนรนอยากให้บิดาของตนและแม่ของตนไปขอระย้าแก้วจากแม่ศรีนวลและพ่อหมอไทย"หากแต่สิ่งที่ไอ้สิงห์ทำไว้กับระย้าแก้วบางอย่างก็เกินกว่าจะให้อภัย สุดแล้วแต่เวรกรรมของเอ็งเถิดหนาไอ้สิงห์ หากพ่อไปขอแล้วพ่อและแม่เขามิยกให้ เอ็งจะต้องทำใจหนา"ผู้เป็นบิดาของไอ้สิงห์บอกกับลูกชายตั้งแต่เนิ่นๆ
เช้าย่ำรุ่งไอ้สิงห์ที่ตื่นก่อนระย้าแก้ว มันจึงค่อยๆคลายอ้อมกอด ออกจากร่างอรชร ที่หลับสนิทมันแกะเชือกที่พันรอบข้อมือเล็กของระย้าแก้ว เอากลับไปผูกที่เอวของมันดังเดิมมันยังคงมลืมก้มลงไปจูบหน้าผากมนราวกับหวงแหน ความรู้สึกของมันบัดนี้ชัดเจนเกินกว่าที่มันจะปฏิเสธหัวใจของตนเองได้"ข้าจักรีบกลับมาหาเอ็ง แลทำดีกับเอ็งให้มากกว่านี้จากนี้ต่อให้เอ็งมิให้อภัยข้า ข้าก็จะตามรักเองทุกชาติไประย้าแก้ว" ไอ้สิงห์พูดจบมันก็รีบปีนออกจากห้องนอนของระย้าแก้ว หากอยู่จนมีคนมาพบมันเกรงว่าชื่อเสียงของระย้าแก้วจากเสียงหายวันนี้เป็นวันที่สองที่ระย้าแก้ว ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกมากมาย แม้ก่อนหน้านี้จะมุ่งมั่นและแน่วแน่ที่ตัดสินใจว่าจะตัดไอ้สิงห์ออกจากหัวใจ แต่หากนางกลับคิดย้อนกลับ หากเมื่อคืนที่ผ่านมามิใช่ฝันนาง ก็จะเก็บทุกความรู้สึกที่ไอ้สิงห์มอบให้จบจนวันสุดท้ายของนาง หากแม้มิใช่บุพเพสันนิวาสกันแล้วก็คงต้องแคล้วกันไป"หากพี่กับข้าเป็นเนื้อคู่กัน เราคงได้กลับมาเจอกันอีก หากเพลาในเพลานั้นข้ายังรักพี่ แลพี่เองก็ยังรักข้า เราคงได้ครองคู่กัน" ระย้าแก้วเมื่อนางตัดสิน
คืนนี้รคืนนี้ระย้าแก้วยังคงยืนมองพระจันทร์ที่หน้าต่าง ตรงที่เดิมเป็นประจำ โดยที่ระย้าแก้วมิได้สังเกตเงาดำทะมึนของชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่แอบอยู่ตรงโคนต้นไม้ใหญ่ ตรงข้ามกับหน้าต่างห้องของเธอกิ่งก้านสาขาแข็งแรง จนโน้มมาถึงหน้าต่างพอดีนั่นคือไอ้สิงห์ที่ลอบแอบตามระย้าแก้วมาตั้งแต่ตลาดหลังจากสลัดจันแรมได้ มันเพียงหาโอกาสที่จะเข้าใกล้ระย้าแก้วในคืนนี้"คืนนี้ข้าจักรอดูคนเก่งเยี่ยงเอ็ง หากเห็นข้าในห้องเอ็งจะทำเช่นไร"ไอ้สิงห์นึกสนุก คึกคะนองอยากจะจัดการระย้าแก้วที่ยิงทรนงขึ้นทุกวันระย้าแก้วคืนนี้ที่นอนมิหลับ นางจึงเอาแต่นั่งเล่นรับลมอยู่ริมหน้าต่าง จนกระทั่งเดินไปที่เตียงนอน นอนเล่นพลิกไปพลิกมา ทำอย่างไรก็มิหลับไอ้สิงห์ที่เห็นว่าตอนนี้ เป็นเวลาที่ทุกคนหลับสนิทหมดแล้ว มันจึงค่อยๆ ปีนต้นไม้มาที่ตรงระเบียงห้องหน้าต่างของระย้าแก้วระย้าแก้วที่ได้ยินเสียงกุกกักก็คิดว่าเป็นเสียงหนูกระมังก็ไม่ได้สนใจอันใด"แม่ตัวดี นอนหลับตาพริ้มเชียวหนา"เสียงไอ้สิงห์พูดเบาๆ แผ่วเบาแต่กลับได้ยินชัดเจนไปที่หูของระย้าแก้ว"พี่สิงห์ใช่หรือไม่..!!"เพียงแค่
ระย้าแก้วพอเที่ยวจนหนำใจจึงชวนอีแตงและพ่อพระพรายกลับเรือน เพราะแดดเริ่มแรงมาก ทั้งสามจึงเดินกลับไปที่ท่าเรือ เพื่อจะขึ้นเรือกลับไปที่เรือนของระย้าแก้ว"วันนี้น้องสนุกมากเลยเจ้าค่ะ พี่พระพราย"ระแก้วยิ้มอารมณ์ดี"เจ้าสนุกพี่ก็ดีใจ พี่ไม่อยากเห็นเจ้าทุกข์ใจ ไม่ว่าเรื่องอันใดก็ตาม เจ้ามิเหมาะที่จะร้องไห้หนาระย้าแก้วของพี่"ระย้าแก้วที่เห็นความจริงใจและความใส่ใจของพระพรายที่มีต่อเธอ เธอรู้สึกขอบคุณที่พระพรายเอ็นดูและเมตตาเธอเช่นนี้ไอ้สิงห์ที่เห็นพระพรายและระย้าแก้ว พากันขึ้นเรือจากท่าน้ำที่ตลาด มันจึงเร่งให้ไอ้ดำเดินตามและเตรียมออกจากตลาดเช่นกัน วันนี้มันจะต้องคุยกับระย้าแก้วให้ได้ มิว่าเกิดอันใดจักเกิดขึ้นก็ตาม"พี่จักรีบไปที่ใดกันเล่า" ไอ้ดำรีบเอ่ยถามเห็นท่าทีรีบร้อนของไอ้สิงห์"กูจะรีบไปที่ท่าเรือ มึงก็รีบตามกูมาเถิดกูมีบางอย่างจักต้องทำ"แต่พูดยังไม่ทันจบก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งให้ไอ้สิงห์มีเหตุเมื่อเจอนางจันทร์แรมที่กลางตลาด"พี่สิงห์..! พี่หายหน้าหายตาไปที่ใดมา เหตุใดพี่จึงมิไปหาข้าบ้างเลยเล่า"นางจันทร์แรมที่ทำท่าทีระริกระ