Share

บทที่ 10

Author: จิ้งซิง
“พวกท่านกล่าวถูกต้อง ข้าไม่ใช่น้องสาวของข้า และข้าก็ไม่ได้ใจดีเหมือนนาง ทุกคนที่เคยรังแกข้าและเคยเหยียดหยามข้า ข้าจะเอาคืนให้หมด”

น้ำเสียงของเวินซื่อเย็นชา นางมองชุยเส้าเจ๋อ จากนั้นก็เอ่ยคำพูดที่ชาติก่อนนางนึกเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ไม่อาจเอ่ยออกมาต่อหน้าผู้คนด้วยปากของตัวเอง...

“ชุยเส้าเจ๋อ ท่านอยากถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? ได้ ข้าตกลง และไม่ต้องให้ท่านตกลงเงื่อนไขใด ๆ ด้วย เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ไป ข้าเวินซื่อไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนจงหย่งโหวของพวกท่านอีกต่อไปแล้ว!”

เมื่อสิ้นคำพูดของนาง ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบ

แม้แต่ชุยเส้าเจ๋อก็อดตกตะลึงไม่ได้

ยะ....ยอมตกลงเช่นนี้เลย?

เขานึกว่าเรื่องการถอนหมั้นในวันนี้จะไม่มีทางราบรื่นเป็นอันขาด

เขานึกว่าเวินซื่อคงไม่ยินยอมง่าย ๆ

นึกว่าเวินซื่อจะตามตื๊อ จะร้องไห้โวยวาย...

ก่อนจะมาชุยเส้าเจ๋อเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดก็คือเวินซื่อจะยอมตกลงง่ายดายเช่นนี้จริง ๆ

ไม่สิ ก็ไม่ถือว่าง่ายดาย

นางยังตบเขาหนึ่งฉาดด้วย

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชุยเส้าเจ๋อที่รู้สึกเสียหน้าก็ทำหน้าเคร่งขรึมทันที

เขาลูบแก้มที่แสบร้อนของตัวเอง มองเวินซื่ออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “เห็นว่าเจ้ายังรู้จักดูสถานการณ์ คนใจกว้างเช่นข้าจะไม่ถือสาเจ้าเรื่องฝ่ามือนี้ แต่ทางที่ดีเจ้าจำเอาไว้ว่าต่อไปหากเจ้ากล้าตามตื๊อข้า หรือว่าเล่นลูกไม้อะไรกับน้องเยวี่ยเอ๋อร์อีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เป็นอันขาด!”

“ปัง!”

เสียงฟาดโต๊ะอย่างหนักหน่วงพลันดังขึ้นจากตรงตำแหน่งที่นั่งของประธานพิธี

เวินเฉวียนเซิ่งค่อย ๆ ลุกขึ้น กวาดตามองพวกเขาสองคนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

“พูดจบหรือยัง?”

เวินซื่อหลุบตา เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ลูกพูดจบแล้วเจ้าค่ะ ที่เหลือท่านพ่อโปรดตัดสินใจเถิด”

นางรู้ว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายในวันนี้ ต่อให้เวินเฉวียนเซิ่งให้เกียรติหลานชายอย่างชุยเส้าเจ๋ออีกแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นและเลิกแล้วต่อกันเช่นนี้

เป็นไปตามที่คาดไว้เลย วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยปาก

“ในเมื่อเจ้าคิดดีแล้ว เช่นนั้นเรื่องการหมั้นหมายนี้ก็สิ้นสุดลงเพียงแค่นี้ วันพรุ่งนี้จะคืนของหมั้นให้กัน”

เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นชุยเส้าเจ๋อหรือว่าเวินหย่าลี่ สองแม่ลูกคู่นี้ล้วนมีสีหน้าปีติยินดี

“แต่ว่า...”

เวินเฉวียนเซิ่งทองมองไปที่ชุยเส้าเจ๋อด้วยสายตากดดันถึงที่สุด “ถอนหมั้นได้ แต่ขอแต่งงานไม่ได้”

“ท่านลุง!”

ชุยเส้าเจ๋อร้อนใจแล้ว “แต่ข้ากับน้องเยวี่ยเอ๋อร์มีใจให้กัน ท่านไม่อาจ...”

“เหลวไหล!”

“หุบปากสุนัขของเจ้าไปเสีย!”

“เจ้าอย่าพูดให้ร้ายน้องหกนะ!”

เวลานี้ชุยเส้าเจ๋อบอกว่ามีใจให้กัน เช่นนั้นก็เป็นการยอมรับว่าเวินเยวี่ยล่อลวงคู่หมั้นพี่สาวของตนเองจริง ๆ ไม่ใช่หรือ?

พวกเวินจื่อเฉินมีปฏิกิริยาเร็วสุด ตวาดเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยวขัดคำพูดของชุยเส้าเจ๋อทันที

แม้แต่เวินเยวี่ยก็อดไม่ได้ลอบด่าในใจอย่างลับ ๆ ว่า ‘โง่เง่า’

หลังจากที่ถูกตัดบท ชุยเส้าเจ๋อก็ตระหนักได้ว่าตนกล่าวผิดไปแล้ว จึงรีบหุบปาก

แต่ถ้าเกิดเขาไม่ต่อสู้เช่นนี้ แล้วเขากับน้องเยวี่ยเอ๋อร์จะทำอย่างไร?

ชุยเส้าเจ๋ออดส่งสายตาไปหามารดาของตนเองเพื่อขอความช่วยเหลือไม่ได้

เวินหย่าลี่รู้สึกปวดใจแทนบุตรชาย ทำได้เพียงเอ่ยปากพูดอึกอักอย่างระมัดระวังว่า “พี่ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าความจริงแล้วข้าชอบเยวี่ยเอ๋อร์มากมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้น...”

นางยังไม่ทันกล่าวจบ สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งก็ทำให้นางหุบปากในพริบตา

“เยวี่ยเอ๋อร์ไม่เลว แต่ว่าชุยเส้าเจ๋อนับเป็นอะไรได้?”

บุตรสาวของเขาเวินเฉวียนเซิ่งต่อให้โง่งมชั่วร้ายอีกเพียงใด ก็ไม่ถึงตาให้ชุยเส้าเจ๋อมาเหยียดหยามต่อหน้าผู้คน

คำพูดที่ชุยเส้าเจ๋อกล่าวในวันนี้ดูเหมือนด่าทอแค่เวินซื่อ แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับการท้าทายบารมีของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว

วันนี้คนที่เขาดูหมิ่นคือเวินซื่อ วันหน้าเกรงว่าคงจะเหยียบศีรษะของเวินเฉวียนเซิ่งแล้ว

ถอนหมั้นแล้วขอแต่งงานกับอีกคน เห็นสกุลเวินเป็นสวนหลังบ้านของเขาหรือไร?

เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “วันนี้เห็นแก่หน้าของจงหย่งโหว ข้าจะยังไม่ถือสาเอาความมากกว่านี้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินหย่าลี่ก็ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกทันที

เพียงแต่นางเป็นฮูหยินของจงหย่งโหวผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อถูกพี่ใหญ่หักหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ ในใจก็ตำหนิอยู่บ้างอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้

นางไม่กล้าตำหนิพี่ใหญ่ของตนเอง และไม่อย่าโทษบุตรชายของตนเอง ถึงอย่างไรบุตรชายแค่ไม่อยากแต่งงานกับสตรีชั่วช้าเท่านั้น เขามีความผิดอะไร?

คนที่มีความผิดคือเวินซื่อ!

ทั้งหมดต้องโทษนางแพศยาผู้นี้

น่ารังเกียจเหมือนมารดาของนางจริง ๆ!

“เอาละ เริ่มงานเลี้ยงเถิด”

แม้วันนี้จะได้เห็นเรื่องครึกครื้นใหญ่โต แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นเจิ้นกั๋วกง ใครจะกล้าหัวเราะสกุลเวินได้จริง ๆ?

ในเมื่อเวินเฉวียนเซิ่งยังจัดงานเลี้ยงต่อได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน บรรดาแขกเหรื่อย่อมไปนั่งลงบนที่นั่งด้วยความเกรงใจ

ทว่าสุดท้ายบรรยากาศในนั้นยังคงอึดอัดเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง แขกทุกคนจากไปหมดแล้ว...

“มาที่ห้องหนังสือ”

เวินเฉวียนเซิ่งทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

เขาไม่ได้เรียกชื่อใคร แต่ไม่มีใครกล้าไม่ไป

หนึ่งเค่อต่อมา พี่น้องสกุลเวินยืนรวมกันอยู่ในห้องหนังสือของเวินเฉวียนเซิ่ง

เมื่อเห็นเวินเฉวียนเซิ่งถือพู่กันเขียนคำว่า ‘สงบ’ ลงไปหลาย ๆ ตัว ทุกคนล้วนไม่กล้าส่งเสียงอยู่ชั่วขณะ

บรรยากาศภายในห้องหนังสือเงียบสนิทอย่างยิ่ง

“เวินซื่อ”

เวินซื่อไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ตนเองถูกเรียกชื่อเป็นคนแรก

นางก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ท่านพ่อ”

“เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”

เวินเฉวียนเวินโยนพู่กันลงบนโต๊ะ คราบหมึกหยดลงมาเปื้อนตัวอักษรคำว่า ‘สงบ’ นั้น

เป็นคำพูดประโยคนี้อีกแล้ว

เวินซื่อรู้สึกเหมือนหัวใจหนาวเหน็บ

นางหลุบตาเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เจ้าค่ะ ลูกผิดไปแล้ว”

เวินเฉวียนเซิ่งไม่ใช่เวินฉางอวิ้น

ท่านเจิ้นกั๋วกงที่มีอำนาจสูงส่งมาหลายปีผู้นี้ไม่สนใจว่าเจ้าจะได้รับความคับข้องใจอะไรหรือไม่

ขอเพียงทำให้สกุลเวินอับอายขายหน้า ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็มีความผิด

อ่อไม่สิ ยกเว้นเวินเยวี่ยที่เป็นไข่มุกในมือของเขานะ

ชาติที่แล้ว ต่อให้เวินเยวี่ยก่อความวุ่นวายข้างนอกมากมายเพียงใด เขาก็จะช่วยสะสางให้นาง ถึงขนาดที่งอเข่าโน้มตัวเอ่ยกับเวินเยวี่ยด้วยน้ำเสียงที่เวินซื่อไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า...

“เจ้าเป็นบุตรสาวของเวินเฉวียนเซิ่ง ใครก็รังแกเจ้าไม่ได้”

ครั้งหนึ่งในอดีตเมื่อนางได้ยินคำพูดนี้ นางอยากบอกเวินเฉวียนเซิ่งมากว่าตนเองก็เป็นบุตรสาวของเขาเช่นกัน เหตุใดเมื่อนางถูกรังแก เขากลับไม่สนไยดีเลย?

หรือว่าเวินเยวี่ยเป็นบุตรสาวของเขา ส่วนนางไม่นับหรือ?

เวินซื่อที่ย้อนนึกถึงตอนนั้นก็หลับตาลง กำหมัดแน่น ใช้ความเจ็บปวดทำให้ตนเองกลับมามีสติแจ่มชัด

“วันนี้ลูกถูกถอนหมั้นต่อหน้าผู้คน ทำให้สกุลเวินอับอายขายหน้า และยังตบหน้าซื่อจื่อของจวนจงหย่งโหวอย่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอีก จนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลอาจได้รับผลกระทบเพราะเหตุนี้ได้”

เวินซื่อกล่าวพลางคุกเข่าลงดัง ‘ตุบ’ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก่อนจะเอ่ยปากด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “ดังนั้นท่านพ่อไม่จำเป็นต้องลำบากใจ ลูกขอรับโทษตามกฎตระกูลเฆี่ยนห้าสิบที ใช้บทลงโทษนี้มาไถ่โทษ ขอท่านพ่อโปรดช่วยทำให้สมหวังด้วย”

“เฆี่ยนห้าสิบที?”

“เวินซื่อ เจ้าจะฆ่าตนเองหรือไร?!”

ทุกคนในห้องหนังสือพากันตกใจ

เวินจื่อเฉินที่เดิมทียังไม่กล้าส่งเสียงก็ตกตะลึงจนเผลอส่งเสียงดัง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (9)
goodnovel comment avatar
เจ้าสำราญ พัทยา
สนุกดีน่าติดตาม
goodnovel comment avatar
Duangchan Horthong
สนุกอยากอ่านตอนต่อไป
goodnovel comment avatar
นาวี อมฤกษ์
เราโง้ขนาดนี้
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1034

    “เจ้าตัวเล็กนี่เชื่อฟังเสียจริง ไม่รู้ว่าตกใจมากเกินไป หรือว่าเชื่องอย่างนี้จริงๆ”หลานซื่อมองงูเขียวน้อยในกล่องอย่างสนใจกล่องใบนี้เป่ยเฉินหยวนสั่งให้คนผลิตให้นางโดยเฉพาะการออกแบบที่เป็นลายฉลุทั้งสี่ด้าน บวกกับชั้นผลึกแก้วที่ราวกับระลอกคลื่นน้ำ สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในจากภายนอก เดิมทีเอาไว้ให้นางเก็บพวกแมลงพิษ แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้ใช้ประโยชน์ในช่วงเวลาอย่างนี้“เจ้านี่ไม่ได้อยู่ในห้องก่อนแล้วแน่นอน เมื่อวานก่อนเข้าพัก บ่าวพาอวิ่นซิงตรวจตราห้องนี้ทั้งในและนอกพร้อมกัน ตรวจดูทุกซอกทุกมุมแล้ว ไม่มีจุดไหนเล็ดลอดไปได้เจ้าค่ะ”ดังนั้นเจ้าตัวเล็กนี่ต้องเข้ามาหลังจากธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางเข้าพักไปแล้วแน่นอนอีกทั้งเป็นไปได้ว่าเข้ามาเมื่อคืน โดยอาศัยจังหวะที่พวกนางกำลังจัดการพวกโง่หลายคนที่โอวหยางอวี้เทียนส่งมา ถึงได้แอบลอบเข้ามา“ไม่เป็นไร ขอแค่ไม่มีใครบาดเจ็บก็ดีแล้ว”หากมีใครบาดเจ็บ หลานซื่อไม่ปล่อยมันไว้แน่ราวกับสังเกตเห็นการตักเตือนจากหลานซื่อ เจ้าตัวเล็กในกล่องส่งเสียงฟ่อๆ สองครั้ง พร้อมแลบลิ้นออกมาท่าทางเชื่องอย่างนั้นทำให้เสี่ยวหานมองดูจนประหลาดใจ“ไปเถอะ ควรลงไปได้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1033

    “เรื่องอื่นก็ไม่ลำบากเจ้าแล้ว”หลังได้ยินนางรับประกัน โอวหยางอวี้เทียนอารมณ์ดีมากในไม่ช้าพี่น้องสองคนออกจากโรงเตี๊ยมไหลฝูอย่างรวดเร็วช่างไม่รู้เลย พอพวกเขาจากไป ตรงทางเดินที่เดิมของโรงเตี๊ยมมีร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งปรากฏเป่ยเฉินหยวนจ้องเขม็งไปยังทิศทางที่โอวหยางอวี้ซู่และโอวหยางอวี้เทียนจากไปอย่างเย็นชา เพียงเขายกมือ เงาดำอีกร่างปรากฏข้างกายเขา“ไปหาหนิงหย่วนโหว บอกเล่าคำพูดเมื่อครู่ให้เขาฟังอย่างไม่ตกหล่น รอให้ข้ากลับมา หากบนกำแพงเมืองไม่มีหัวคนใหม่ปรากฏ ข้าจะแขวนหัวเขาขึ้นไปเอง”“พ่ะย่ะค่ะ”ทหารกองทัพธงดำคนนั้นหายไปทันทีคืนนี้ เพราะมีเป่ยเฉินหยวน จู๋เยวี่ยและพวกเสี่ยวหานอยู่ หลานซื่อจึงนอนหลับสนิท ไม่ถูกผู้ใดรบกวนแต่มนุษย์ไม่รบกวน กลับมีสิ่งเล็กน้อยที่เป็นเส้นยาวตัวหนึ่ง แอบคลานเข้าห้องหลานซื่ออย่างเงียบเชียบ ต่อหน้าต่อตาพวกเป่ยเฉินหยวน โดยไม่มีใครสังเกตเห็นจนกระทั่งนางตื่นขึ้นในวันถัดมา“อวิ่นซิง เจ้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้?”หลานซื่อตื่นมาอย่างสะลึมสะลือ ขณะกำลังเตรียมลงจากเตียงเพื่อเก็บเสื้อผ้านั้น พบว่าอวิ่นซิงหยุดอยู่ตรงมุมที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงมากนัก[นายหญิง ตรงนี้มี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1032

    “พี่ใหญ่ ท่านเบาเสียงหน่อย!”โอวหยางอวี้ซู่รีบทำเสียงชู่วใส่โอวหยางอวี้เทียน “ระวังคนของท่านอาจะได้ยินเข้า!”ในลู่โจวใครบ้างจะไม่รู้ พวกเขาสกุลโอวหยางมีหนิงหย่วนโหวเป็นที่พึ่งใหญ่เดิมทีสกุลโอวหยางเองก็มีกิจการใหญ่โต แต่หากจะเทียบกับตระกูลขุนนางทั้งหลายยังห่างไกลกันมากโขทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น พวกเขาสกุลโอวหยางก็ยังเกะกะระราน วางอำนาจบาตรใหญ่ทั่วลู่โจวได้ กระทั่งตระกูลขุนนางทั้งหมดยังต้องให้เกียรติสกุลโอวหยาง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะหนิงหย่วนโหวหนิงหย่วนโหวประจำการอยู่ลู่โจว ปกครองกำลังทหารหลายหมื่นคนในลู่โจว ฝีมือโหดเหี้ยม ทำการเด็ดเดี่ยวคนในลู่โจวพูดได้ว่าเคารพหนิงหย่วนโหวก็มีเยอะ หวาดกลัวก็มีมากเพราะหากไม่มีหนิงหย่วนโหวประจำการอยู่ลู่โจว เกรงว่าพวกต่างเผ่าชายแดนลู่โจวคงบุกเข้าเมืองนานแล้วดังนั้นตระกูลขุนนางในลู่โจวจึงอดกลั้นต่อคนสกุลโอวหยางมากหน่อยความจริงหากจะบอกว่าหนิงหย่วนโหวสนิทกับสกุลโอวหยางขนาดนั้นก็ไม่เชิง เพียงแต่ตอนที่บิดามารดาของเขายังมีชีวิตอยู่ ค่อนข้างดูแลสกุลโอวหยางเท่านั้นเองส่วนหนิงหย่วนโหวในตอนนี้ไม่อยากสนใจพวกเขายามปกติเขามีกิจธุระมากมาย งานยุ่งไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1031

    เสี่ยวหานกลับไปชั้นสองภายในห้องที่นางกับจู๋เยวี่ยสลับกันพักผ่อน แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวเอง จากนั้นกลับไปชั้นสามอีกครั้ง เฝ้าอยู่หน้าห้องธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนาง พร้อมจ้องเขม็งไปที่ประตูห้องอีกห้องหนึ่งขณะเดียวกัน เป่ยเฉินหยวนที่ปราศจากรอยเลือดบนตัวยืนอยู่บนหลังคาห้องเขาเช็ดคราบเลือดบนดาบไปด้วย พลางทำเช่นเดียวกับเสี่ยวหาน จ้องเขม็งไปยังทิศทางห้องพักของโอวหยางอวี้เทียน ดวงตามืดมิดอันตราย“ทำไมยังไม่มีความเคลื่อนไหวอีก? หรือพวกเขาไม่ได้รับคำสั่งจากข้า?”โอวหยางอวี้เทียนรอแล้วรออีกผ่านไปหนึ่งเค่อ ผ่านไปสองเค่อ...เวลาเคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ โอวหยางอวี้เทียนยิ่งรอก็ยิ่งหงุดหงิด อีกทั้งยังโยนคำสั่งออกไปหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดหลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็ม ในที่สุดโอวหยางอวี้เทียนที่รอจนรำคาญเต็มทีพอลุกขึ้นก็อยากเปิดประตูออกไปดูขณะที่อยากรู้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ วินาทีที่มือของเขาสัมผัสบานประตู หยุดการกระทำในทันใดราวกับในที่สุดก็นึกบางอย่างได้ การคาดเดานั้นทำให้เขาเบิกตาโพลง แล้วรีบเก็บมือกลับมาทันทีเมื่อหันมองนอกหน้าต่าง ขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ใ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1030

    ถึงแม้จะดูน่าขยะแขยงอยู่บ้าง แต่เห็นได้ชัดว่ากลยุทธ์ “ยืมมีดฆ่าคน” นี้ใช้ได้ผลแล้วแต่เวินเฉวียนเซิ่งก็ไม่ได้คาดหวังว่าโอวหยางอวี้เทียนจะสามารถฆ่าหลานซื่อได้จริง ๆเขาสู้กับหลานซื่อมาหลายครั้งยังฆ่าไม่สำเร็จ คนโง่เขลาแบบนี้จะทำสำเร็จก็แปลกแล้วเขาทำเช่นนี้ เพียงเพื่อให้หลานซื่อเสียสมาธิเท่านั้นตลอดเส้นทางนี้เขากำลังจับตาดู “ลูกสาวแสนดี” ของเขา และ “ลูกสาวแสนดี” ของเขามีหรือจะไม่จับตาดูเขาเช่นกัน?ทั้งสองคนต่างกำลังรอโอกาสและโอกาสนี้จะมาถึงเมื่อไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาอยู่ห่างจากจุดหมายปลายทางแค่ไหน ยิ่งใกล้เท่าไหร่ก็ย่อมเร็วขึ้นเท่านั้นในค่ำคืนนั้นเป็นไปตามที่เวินเฉวียนเซิ่งคาดเดาไว้จริง ๆคนที่ไม่สงบสุขบางคนเริ่มลงมือแล้วพอตกดึก โอวหยางอวี้เทียนก็แง้มช่องหน้าต่าง แล้วโยนคำสั่งที่เป็นกระดาษแผ่นหนึ่งออกไปคนที่รออยู่ด้านนอกมานาน พอได้รับคำสั่งจากเจ้านายก็เริ่มปฏิบัติการทันทีเงามืดกว่าสิบเงาพุ่งขึ้นไปบนชั้นสามของโรงเตี๊ยมอย่างเงียบ ๆบนชั้นสามของโรงเตี๊ยมไหลฟูมีห้องชั้นหนึ่งทั้งหมดเพียงสองห้องเท่านั้นห้องหนึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออก อีกห้องอยู่ทางฝั่งตะวันตกเนื่องจา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1029

    “พี่ใหญ่?”โอวหยางอวี้ซู่ที่ถูกห้ามไว้หันไปมองโอวหยางอวี้เทียนอย่างไม่เข้าใจ“ท่านห้ามข้าทำไม? ท่านไม่เห็นหรือว่าหญิงคนนั้นหยิ่งยโสขนาดไหน?!”“พอได้แล้ว!”โอวหยางอวี้เทียนจับแขนของนางไว้ ขมวดคิ้วตำหนิว่า “แค่ห้องพักห้องเดียวเท่านั้น ในเมื่อคนอื่นเขาไม่อยากสละให้ ก็แล้วไปเถอะ”โอวหยางอวี้ซู่ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจทันที มองพี่ชายของนางราวกับเห็นผีปกติแล้วเวลาพี่ชายของนางทำอะไรจะวางอำนาจบาตรใหญ่มากกว่านางเสียอีกทำไมวันนี้จู่ ๆ ถึงได้เปลี่ยนนิสัยไป ซ้ำยังบอกว่า “ในเมื่อคนอื่นเขาไม่อยากสละให้ ก็แล้วไปเถอะ?”จำได้ว่าคนก่อนหน้าที่เคยยั่วโมโหพี่น้องคู่นี้ ก็ถูกพี่ชายของนางหักขาทันที จนตอนนี้คนผู้นั้นนั้นยังคงเดินขาเป๋อยู่เลยโอวหยางอวี้ซู่รู้สึกว่าโอวหยางอวี้เทียนแปลกไปจริง ๆเห็นเขาเป็นแบบนี้ จึงชักมือกลับไว้ก่น รอดูว่าพี่ชายของนางจะมาไม้ไหนกันแน่ดังนั้นในวินาทีถัดมา นางก็เห็นพี่ชายของนางข้ามผ่านนางไป พลางก้าวขาเดินตรงไปที่หน้าโต๊ะของหลานซื่อกับพวกห่างออกไปสามหมี่จากนั้นก็ประสานมือ ทำความเคารพอย่างมีมารยาท“แม่นางโปรดอภัยด้วย น้องสาวของข้าผู้นี้ถูกตามใจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status