LOGIN“ท่านมีราชากู่ ข้าก็มีราชากู่ ข้าจะดูว่าของใครจะเหนือกว่ากัน!”ปรมาจารย์กู่ชุดดำตะโกนเสียงแหบห้าวออกมาราชากู่ตะขาบสีแดงเลือดตัวนั้นยืนเด่นอยู่เหนือศีรษะของเขา จากนั้นก็ส่งเสียงร้องอันเล็กแหลมออกมาเช่นกันขัดขวางเสียงของอวิ่นซิงที่ใช้ข่มขวัญฝูงกู่ตะขาบ และในขณะเดียวกันก็เหมือนมีดแหลมที่ไร้เสียงและรูปร่างพุ่งตรงเข้าเสียบศีรษะของเกาหยางกับพวกเกาหยางและพวกรู้สึกทันใดว่าศีรษะถูกกระแทกอย่างแรงสิบกว่าผู้คนต่างตัวโยก เดินโซเซฝูงตะขาบยาวที่เพิ่งไล่ตามมาคว้าโอกาสไว้แล้วพุ่งเข้าใส่ทันที เพียงพริบตาเดียวก็เลื้อยขึ้นไปถึงน่องของเกาหยางและคนอื่น ๆแต่เมื่อพวกมันเพิ่งเลื้อยขึ้นไปถึงหัวเข่า แมงมุมขนาดเท่าฝ่ามือก็พากันกระโดดออกมาจากหัวไหล่ของเกาหยางกับพวกคนละตัวแมงมุมเหล่านั้นพ่นพิษลงใส่ตะขาบยาวด้านล่างทันใด เมือกพิษสาดกระเซ็นลงมาทันทีทั้งหมดตกลงบนลำตัวตะขาบเหล่านั้นตะขาบที่เลื้อยขึ้นมาไม่มีรอดสักตัว ในทันใดที่สัมผัสกับเมือกพิษเหล่านั้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ก็จะถูกพิษกัดกร่อนจนหมดสิ้น ยังไม่ทันได้ดิ้นรนด้วยซ้ำ“เป็นไปไม่ได้!”ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ปรมาจารย์กู่ชุดดำที่ควบคุมตะขาบยาวนั้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาหยางกับพวก ท่าทางการฆ่าปิดปากนั้นไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อยตอนแรกพวกปรมาจารย์กู่ชุดดำที่ล้อมเวินเยวี่ยไว้ตรงกลางยังสามารถรับมือได้บ้าง แต่ไม่นานพวกเขาก็ถูกทะลวงฟันจนแตกกระเจิงส่วนเกาหยางนั้นมีเป้าหมายชัดเจนนั่นคือ สังหาร...จับกุมตัวหลังจากฆ่าฟันจนเลือดนองเป็นสาย เขาก็จับตัวเวินเยวี่ยได้เวินเยวี่ยหันหลังกลับและคิดจะหนี แต่ในเวลานี้พวกเขาทั้งหมดถูกล้อมไว้หมดแล้วและการเคลื่อนไหวของเกาหยางนั้นรวดเร็วรุนแรงและแม่นยำยิ่งกว่า เมื่อนางเพิ่งวิ่งออกไปได้ก้าวเดียว เขาก็จับหัวไหล่นางไว้ทันทีหลังจากควบคุมตัวเวินเยวี่ยไว้ได้แล้ว เกาหยางก็ต้องการจะพานางออกไปทันทีแต่ปรมาจารย์กู่ชุดดำจะยอมเห็นเขาพานางไปได้อย่างไร!“รนหาที่ตาย!”หลังจากปรมาจารย์กู่ชุดดำตะโกนด้วยโทสะ ก็ยกเท้าขวาขึ้นแล้วกระทืบพื้นอย่างแรงในชั่วพริบตา ตะขาบยาวนับไม่ถ้วนก็ร่วงลงมาจากใต้เสื้อคลุมสีดำที่หลวมโคร่งของเขาราวกับเทพธิดาโปรยดอกไม้ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่เกาหยางกับพวกด้วยความเร็วสูงภาพอันเนืองแน่นนั้นชวนขนหัวลุกเสียจริง แม้แต่เกาหยางที่เคยเห็นซากศพและฉากนองเลือดมานับไม่ถ้วน ก็ยังทนดูภาพที่มีแมลงเต็
ไปเข้าห้องน้ำไม่ได้แปลว่าอยากเข้าห้องน้ำจริงเมาสุราก็ไม่ใช่เมาสุราจริงเพราะตอนนี้ร่างกายของเวินเยวี่ยเป็นเพียงซากศพที่ถูกประกอบขึ้นมา จะยังสามารถปวดหนักปวดเบา แล้วยังสามารถเมาสุราได้อีกอย่างไร?แต่เวินเยวี่ยก็ไม่ได้เสแสร้งแต่เป็นเพราะยาพิษหลอนประสาทที่นางได้รับนั้นมีฤทธิ์เช่นนี้ สามารถทำให้นางเกิดอาการมึนเมาหลังดื่มสุราอย่างรวดเร็ว อย่างเช่นเวียนหัว ท้องอืด...และพิษชนิดนี้หลานซื่อตั้งใจใช้เพื่อจัดการนางโดยเฉพาะหากคนมีชีวิตดื่มเข้าไปแล้วจะไม่มีความรู้สึกอื่นใดนอกจากภาพหลอน แต่เวินเยวี่ยที่เป็นคนที่ตายแล้วกลับมีอาการต่าง ๆ นานาและอาการเช่นนี้ได้ดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวินเยวี่ยออกจากอัฒจันทร์ เมื่อพ้นจากสถานที่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นสุรา นางจึงค่อย ๆ ได้สติกลับมาแต่ถึงแม้เวินเยวี่ยจะได้สติแล้ว เวลานี้นางก็เดินมาถึงสวนพฤกษาวังหลวงแล้วสวนพฤกษาวังหลวงของชาวต่างเผ่านี้ไม่ถือว่าใหญ่โต แต่ภายในก็มีดอกไม้แปลก ๆ นานาชนิดและสมุนไพรหายากอยู่ไม่น้อยเมื่อเดินเข้าไปข้างใน พอได้กลิ่นหอมของดอกไม้ปะทะจมูก เวินเยวี่ยพลันสะดุ้งเฮือกตื่นจากสภาพใจลอยก่อนหน้านี้นางมองซ้ายแลขวา “เกิดอะไรขึ
คนที่เดิมอยู่ด้านหลังองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองฝั่งตรงข้ามไม่ทราบว่าหายไปตั้งแต่เมื่อใด!ที่มาแทนที่ก็คือองครักษ์ต่างเผ่าเดิมขององค์ชายใหญ่กับพวกแต่มันเป็นไปได้อย่างไร?!ทั้งที่เขาจับตาดูอยู่ตลอด มีเพียงเมื่อครู่นี้ที่ความสนใจถูกดึงดูดไปกับการโต้เถียงระหว่างองค์ชายรองกับองค์ชายสามเพียงชั่วพริบตาเดียวแต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นแม้ว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าหมิงจะมีฝีมือร้ายกาจเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนมากมายของนางหายไปในพริบตาเดียว ถึงขั้นไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากใคร ๆ ที่อยู่รอบข้างด้วยซ้ำ!ในเวลานี้เอง เยี่ยนจือก็นึกอะไรขึ้นมาได้โดยพลัน...เขาหันขวับ มองไปยังจอกสุราบนโต๊ะที่พวกเขาใช้ทดสอบพิษในตอนแรกเวลานี้ในจอกสุรา แมลงกู่ตัวนั้นที่แช่อยู่ในน้ำสุราสีดำอมม่วงนิ่งไม่ไหวติงร่างกู่ที่เดิมเป็นสีขาวขุ่น กลับกลายเป็นสีดำสนิทไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด และกลิ่นสุราหอมเข้มข้นได้ลอยผ่านปลายจมูกของเยี่ยนจืออีกครั้งเห็นเพียงแมลงกู่ตัวนั้นในความพร่ามัว กลับกลายเป็นสีขาวขุ่นอีกครั้งม่านตาของเยี่ยนจือหดลงทันที รีบปิดปากและจมูกไว้มันคือสุรา!แต่ในสุรานี้กลับมียาสลบที่
สำหรับเนื้อดิบจานใหญ่ที่ส่งกลิ่นคาวเลือดเป็นระยะนั้น เวินเยวี่ยไม่แม้แต่จะชำเลืองมองถึงขั้นเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจเป็นที่สุดแต่ติดที่ว่ามีองค์ชายองค์หญิงมากมายอยู่รอบ ๆ เวินเยวี่ยรู้ว่าหากนางไม่แตะเลยสักนิด เกรงว่าจะทำให้คนเหล่านี้ไม่พอใจแม้ว่านางจะเป็นคนของอ๋องชาง คนเหล่านี้ก็คงไม่ตามใจนางหรอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านบนยังมีต้ารื่อหวังอยู่อีกคนดังนั้นเวินเยวี่ยจึงอดกลั้นความดูถูกเหยียดหยามในใจที่มีต่อชาวต่างเผ่าที่แม้แต่อาหารการกินยังไร้อารยธรรมและมีกลิ่นคาวเลือดถึงเพียงนี้ พลางยื่นนิ้วชี้ไปยังสุราขวดนั้นที่มีสีสันประหลาดเป็นสีดำอมม่วงนางออกคำสั่งผู้ติดตามข้างกาย “รินสุราขวดนี้ให้ข้าสักจอกเถิด”ผู้ติดตามน้อมศีรษะเดินไปข้างหน้า แล้วรินให้เวินเยวี่ยทันทีที่เวินเยวี่ยกำลังจะรับมา เยี่ยนจือที่จ้องมองนางอยู่ตลอดก็เอ่ยปากขึ้นมาโดยพลัน “ช้าก่อน”เวินเยวี่ยยังไม่ทันรู้ตัว เยี่ยนจือก็ยื่นมือออกไปคว้าจอกสุรานั้นมาทันที แล้วส่งต่อให้กับปรมาจารย์กู่ชุดดำ“เจ้าทำอะไรน่ะ?!”เวินเยวี่ยขมวดคิ้ว ซักถามด้วยความไม่พอใจอย่างมากเยี่ยนจือไม่สนใจนางด้วยซ้ำ เพียงมองปรมาจารย์กู่ชุดดำปล่อย
สัตว์ป่าแต่ละตัวเพียงได้เห็นก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่น ทั้งหมดถูกส่งมาจากเผ่าต่าง ๆเพราะหากสัตว์ป่าที่พวกเขาถวายได้รับชัยชนะสุดท้ายในลานประลองสัตว์ พวกเขาก็จะได้รับรางวัลใหญ่จากต้ารื่อหวังเช่นกันและหลังจากสัตว์ป่า ต่อไปก็คือการเข้าสู่สนามของคน...“ขอเชิญนักรบทุกท่านที่ตัดสินใจเข้าร่วมการประลองสัตว์ในวันนี้ลงสู่สนาม!”ไม่นาน รอบทิศของลานประลองสัตว์ก็มีชาวต่างเผ่าจำนวนไม่น้อยก้าวออกมาส่วนทางฝั่งราชสำนัก ชางชิงหลานเป็นคนแรกที่ลุกขึ้น และเป็นเพียงผู้เดียวด้วยต้ารื่อหวังมองไปยังเขาด้วยความชื่นชมอย่างมาก “เจ้าสี่ ทำผลงานให้ดี ๆ ขอเพียงเจ้าได้รับชัยชนะสุดท้ายในการประลองสัตว์ปีนี้ พ่อจะพาเจ้าไปกราบไหว้บรรพบุรุษที่แผ่นดินบรรพชน”ทันทีที่คำพูดนี้เอ่ยออกมา องค์ชายและองค์หญิงอื่น ๆ ที่เดิมทีแค่ดูอะไรสนุก ๆ ต่างเปลี่ยนสีหน้าไปตาม ๆ กัน“เสด็จพ่อ!”เสียงไม่พอใจของพวกเขายังไม่ทันได้เอ่ยออกมา ต้ารื่อหวังก็ตัดบททันทีโดยไม่ให้มีข้อสงสัย “เอาล่ะ หากพวกเจ้าไม่พอใจ ก็ลงสนามไปด้วยกัน หากไม่มีความกล้านี้ก็จงหุบปากให้หมด!“องค์ชายและองค์หญิงทั้งหลายจึงกลืนคำพูดกลับลงไปอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะถล







