เว่ยซวินเข้าใจในทันใด พยักหน้าเบาๆ พาคนอื่นภายในห้องบัญชีออกไปภายในห้องบัญชีอันกว้างใหญ่เหลือเพียงสามคนฮ่องเต้หวู่พูดเข้าประเด็นสำคัญ สบมองหลี่หลงหลินและเอ่ยปาก “บัดนี้ราชสำนักมีข่าวลือแพร่ไปทั่ว ภายในนั้นมีครึ่งหนึ่งล้วนเกี่ยวกับเจ้า เราจึงมาดูภาพรวมของสถานการณ์”หลี่หลงหลินเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “เสด็จพ่อ ลูกออกจากเมืองหลวงมาสักระยะแล้ว ช่วงนี้ล้วนอยู่ที่ตงไห่ เหตุใดราชสำนักจึงมีข่าวลือเกี่ยวกับลูกเล่า?”“ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้ลูกกำลังวางแผนสร้างเมืองใหม่ตงไห่ ไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องอื่น น่ากลัวว่ามีคนจงใจบงการอยู่เบื้องหลังกระมัง”ฮ่องเต้หวู่หัวเราะเบาๆ สายตาสบมองลั่วอวี้จู๋แวบหนึ่ง “เราได้ยินมาว่าเจ้าและลั่วอวี้จู๋มีความสัมพันธ์คลุมเครือ หรือว่าเรื่องนี้ก็จงใจกระนั้น?”หลี่หลงหลินชะงัก ลอบบ่นพึมพำภายในใจ “เสด็จพ่อเดินทางมาในครั้งนี้ หรือว่าเพื่อลงโทษกันนะ?”ตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้ ความรักระหว่างชายหญิงพูดได้ยากที่สุดยิ่งไปกว่านั้นตนเองและลั่วอวี้จู๋ก็พูดเย้ากันเป็นปกติ ภายในใจมีความคิดสู่ขอลั่วอวี้จู๋จริงๆเสด็จพ่อเดินทางไกลมาเพื่อลงโทษ ความคลุมเครือที่ปิดบังไว้ถูกเปิดเผยแล้
แถ่นแทนแท้น!เพียงไม่กี่อึดใจ ลั่วอวี้จู๋ก็คำนวณบัญชีทั้งหมดออกมาได้อย่างชัดเจนแล้ว จากนั้นบันทึกรายละเอียดลงไปด้วยอักษรจันฮวาแล้วยื่นให้ฮ่องเต้หวู่“ฝ่าบาท นี่คือค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและปูถนนเมืองใหม่ตงไห่เพคะ เชิญท่านผ่านตา”สายตาฮ่องเต้หวู่กวาดมองไป ชะงักเบาๆ “นี่...นี่จะเป็นไปได้เยี่ยงไร! ใช้จ่ายเงินไปเพียงแค่นี้?”มองเห็นลั่วอวี้จู๋คิดบัญชีอย่างละเอียด ฮ่องเต้หวู่เข้าใจในทันใด นอกจากความตกใจแล้วก็ยังตกตะลึงพรึงเพริด!ฮ่องเต้หวู่ไม่เพียงตกตะลึงราคาปูนคอนกรีตที่ต่ำถึงเพียงนี้แต่ยิ่งตกตะลึงเมื่อเห็นว่าลั่วอวี้จู๋คำนวณออกมาได้อย่างว่องไวถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังละเอียดชัดเจนอีกด้วยไม่คล้ายรายงานบัญชีที่กรมคลังถวายขึ้นมา ยุ่งยากซับซ้อน พร่ำเพ้อไม่รู้จักจบสิ้นฮ่องเต้หวู่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “บัดนี้ใครเป็นผู้ดูแลผู้ลี้ภัยตงไห่มากมายเหล่านี้? เราไปตรวจสอบด้วยตนเองมาก่อนแล้ว ภายในเมืองมีระเบียบอย่างมาก หาได้ยากยิ่ง”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “เสด็จพ่อ เรื่องเหล่านี้ก็เป็นพี่สะใภ้ใหญ่คอยจัดการอยู่เบื้องหลังพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่สบมองลั่วอวี้จู๋ ชะงักเบาๆ “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยังมีคว
ฮ่องเต้หวู่หัวเพราะ สบมองหลี่หลงหลิน “เจ้าเก้า เราได้ยินว่าเจ้าสร้างเมืองใหม่ที่ตงไห่ ดังนั้นจึงตั้งใจมาดูเป็นพิเศษ แต่ เหตุใดเจ้าไม่อยู่ในเมืองตงไห่ดีๆ แต่กลับสร้างขึ้นใหม่เล่า?”หลี่หลงหลินเอ่ยตอบ “เสด็จพ่อ เพราะสถานการณ์ของเขตตงไห่ในตอนนี้ เดิมทีก็ไม่สามารถรองรับผู้ลี้ภัยจากแดนเหนือนับแสนคนได้พ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นลูกจึงวางแผนสร้างเมืองใหม่แห่งหนึ่ง ไว้รองรับผู้ลี้ภัย”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “ไม่เลว เมืองใหม่ตงไห่นี้ดีกว่าที่เราคิดมากนัก เราชอบมาก”หลี่หลงหลินคลี่ยิ้ม “เสด็จพ่อ บัดนี้เมืองใหม่ยังไม่เสร็จ หากเมืองใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่หลงหลินวางแผนใช้เมืองในยุคหลังเป็นแบบอย่าง แบ่งแต่ละเขตของเมืองใหม่ตงไห่ออกตามการใช้งานที่แตกต่างกัน จากนั้นบูรณาการทั้งหมดเพื่อพัฒนาเมืองให้อยู่ในระดับสูงยิ่งขึ้นฮ่องเต้หวู่พยักหน้าและพูดว่า “สร้างเมืองใหม่ตงไห่นี้ น่ากลัวว่าต้องใช้จ่ายไม่น้อยกระมัง? เราเห็นว่าถนนหลวงของตงไห่ล้วนใช้หินศิลาใหม่เป็นพิเศษ ชนิดที่ว่าเมืองใหม่ตงไห่ในตอนนี้ก็ใช้หินศิลาชนิดนี้ก่อสร้าง นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ!”แม้ว่าฮ่องเต้หวู่ตัดความกังว
จักรเย็บผ้ารูปแบบใหม่นับพันเครื่องเรียงรายกันภายในโรงหัตถกรรมเบื้องหน้า ผู้ลี้ภัยนับไม่ถ้วนล้วนเพ่งสมาธิเย็บผ้า หน้าตาจริงจังภายในโรงหัตถกรรมเป็นระเบียบเรียบร้อย มีขั้นมีตอน ไม่พบเห็นความวุ่นวายอันใดเว่ยซวินพูดเสียงสั่นๆ “หรือว่านี่คือกิจการของรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ...? ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า ภายในสายตาสะท้อนความภาคภูมิใจ “คลื่นลูกใหม่ซัดคลื่นลูกเก่า หรือคราวนี้เราจะถูกซัดขึ้นฝั่งแล้ว?”บัดนี้ภายในหัวใจฮ่องเต้หวู่หวานล้ำคล้ายน้ำผึ้งก็มิปานฮ่องเต้หวู่พูดด้วยความตกตะลึง “ทอดสายตามองดูแล้ว ภายในโรงหัตถกรรมอันกว้างใหญ่นี้เพียงแค่ผู้ลี้ภัยก็มีนับพันนับหมื่นคนแล้ว คนมากถึงเพียงนี้กลับสามารถจัดการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยได้ ตกลงผู้ใดดูแลอยู่เบื้องหลังกันแน่?”ฮ่องเต้หวู่มองเว่ยซวินและเอ่ยถามว่า “สหาย เจ้าเป็นผู้ดูแลใหญ่ของฝ่ายใน เจ้าคิดว่ามอบโรงหัตถกรรมใหญ่ถึงเพียงนี้ให้เจ้า เจ้ามีความสามารถและความมั่นใจจัดการให้เป็นระเบียบเรียบร้อยหรือไม่?”เว่ยซวินส่ายหน้า “บ่าวเดินมาถึงตำแหน่งในตอนนี้ได้ ทั้งหมดล้วนได้รับความไว้ใจและชื่นชมของฝ่าบาท หากกระหม่อมจัดการคนมากถึงเพียงน
นักการศาลาว่าการพูดต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ต้องพูดว่าจะสามารถกินอิ่มได้หรือไม่ อาหารมื้อนี้เพียงให้เจ้ากินเพื่อบำรุงแรงกาย อย่างไรเสียมีเพียงกินอิ่มถึงจะมีแรงทำงาน ทำงานก็มีเงินใช้ หากคิดว่าเสบียงอาหารไม่พอกิน ก็สามารถนำเงินไปซื้อเสบียงอาหารได้”เหล่าผู้ลี้ภัยได้ยินก็โห่ร้องขึ้นมาในทันใด ดีใจอย่างมากบัดนี้ผู้ลี้ภัยพลัดถิ่นไม่เพียงมีที่อยู่มั่นคงให้อาศัย ยังสามารถกินข้าวอิ่มท้อง ชนิดที่ว่ายังสามารถทำงานหาเงินได้อีกด้วยเทียบกับชีวิตที่ผ่านมา เมืองใหม่ตงไห่นี้ก็คือสวรรค์ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า สายตาทอประกายระยับ “สหาย เรื่องกินวันละมื้อของรัชทายาทนี้ เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”เว่ยซวินพูดเสียงเคร่งขรึม “บ่าวคิดว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผลอย่างมาก ราษฎรไม่เพียงไม่หิว ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถหาเลี้ยงชีพได้ ใช้สองมือตนสร้างมูลค่าขึ้นมา”ฮ่องเต้หวู่รับคำ “สหายพูดถูกแล้ว เรื่องรัชทายาทแก้ปัญหาความหิวโหยนี้ไม่ใช่เพราะความสงสารเลยเสียทีเดียว แต่ยังดูแลศักดิ์ศรีและหน้าตาของเหล่าผู้ลี้ภัยอีกด้วย”“สำหรับผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ครั้นความหิวโหยและการเอาตัวรอดอยู่เบื้องหน้าย่อมต้องละทิ้งศักดิ์ศรีก่อน พวกเขาอาจ
ถูกคนเย้ยหยัน เขาถึงขั้นไม่รู้จะตอบโต้เยี่ยงไรเจ้าหน้าที่เองก็หัวเราะพลางพูดว่า “บุรุษตัวโต รีบถอดเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำเถอะ อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกเลย”สายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวเว่ยซวินจู่ๆ มือใหญ่ก็วางลงบนบ่าของเขามองเห็นฮ่องเต้หวู่ตบบ่าของเว่ยซวินและพูดว่า “ขอทุกท่านอย่าเข้าใจผิด สหายบ้านเกิดเดียวกันไม่ยอมไปอาบน้ำ ก็เพราะเขาป่วยเป็นโรคบางอย่าง กลัวน้ำ จึงไม่สามารถอาบน้ำได้ หวังว่าจะยอมผ่อนปรนให้”เหล่าเจ้าหน้าที่ตกอยู่ในความเงียบพวกเขาเองก็แค่ได้รับคำสั่งมา หากปล่อยไปหนึ่งคน นั่นอาจต้องปล่อยไปอีกสิบคน ถึงตอนนั้นจะอธิบายกับรัชทายาทเยี่ยงไร?ฮ่องเต้หวู่พูดเสียงเครียด “ต่อให้หมอเทวดาซุนมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ก็ยังต้องใคร่ครวญให้ดี อย่างไรเสียถึงตอนนั้นเกิดปัญหาขึ้นมา ผู้ใดจะรับผิดชอบเล่า?”เหล่าเจ้าหน้าที่กลัวเกิดปัญหาจึงพยักหน้าลง “มองเพียงท่าทางของสองท่านนี้แล้ว สวมใส่นับว่าสะอาดสะอ้าน คาดว่าไม่มีโรคอะไร หากไม่อยากอาบก็ไม่ต้องอาบ”เว่ยซวินพรูลมหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง นับว่าผ่านด่านไปได้แล้วให้เขาถอดเสื้อผ้าล่อนจ้อนอาบน้ำต่อหน้าธารกำนัล เขาไม่อาจหักใจทำได้จริงๆทั้งสอง
ฮ่องเต้หวู่และเว่ยซวินเพิ่งเดินออกจากเพิง ก็มีคนส่งสัญญาณเรียกทั้งสอง: “ทางนี้!” ฮ่องเต้หวู่ทรงสังเกตเห็นว่าแม้ในเมืองใหม่จะมีผู้อพยพจำนวนมาก แต่ก็ไม่ปรากฏความวุ่นวายแม้แต่น้อย ทุกหนแห่งมีเจ้าหน้าที่คอยนำทาง ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ชี้ไปยังป้ายไม้ข้างๆ เอ่ยเสียงเคร่งขรึม: “เข้าแถวตรงนี้ เดี๋ยวจะแจกจ่ายเสื้อผ้าให้ทุกคน พออาบน้ำเสร็จทุกคนต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่” บนป้ายไม้นั้นปรากฏตัวอักษรใหญ่สองตัวเขียนว่า “โรงอาบน้ำ” เหล่าผู้อพยพถามว่า: “ท่านเจ้าหน้าที่ เดี๋ยวพออาบน้ำเสร็จแล้วเสื้อผ้าชุดเก่าของพวกเราจะทำอย่างไร?” เจ้าหน้าที่ชี้ไปยังมุมหนึ่ง เอ่ยเสียงเคร่งขรึม: “เสื้อผ้าชุดเก่าทั้งหมดจะถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน แล้วเผารวมกัน” ผู้อพยพบางคนรู้สึกเสียดาย “หา? เผารวมกัน!” “เสื้อผ้าดีๆ แบบนี้ เผาทิ้งไปไม่น่าเสียดายแย่หรือ?” ฮ่องเต้หวู่ทรงขมวดคิ้วเล็กน้อย ทรงรำพึงในใจ: “บัดนี้สถานการณ์ในตงไห่เร่งด่วน ราษฎรก็ใช่ว่าจะร่ำรวย เหตุใดต้องเผาเสื้อผ้าของราษฎรทิ้งด้วย?” เจ้าหน้าที่อธิบายอย่างใจเย็น: “ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนดี แต่ท่านหมอเทวดาซุนได้กำชับไว้ว่า ทุก
เว่ยซวินมีไหวพริบ รีบอธิบาย: “นายท่านของข้า แซ่หวงชื่อชาง หวงสีเหลือง ชางจากอาภรณ์พ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หวู่ทรงถลึงตาใส่เว่ยซวินแวบหนึ่ง หวงชางเป็นถึงขันทีใหญ่แห่งราชวงศ์ก่อน วรยุทธ์สูงส่ง กล้าดีอย่างไรให้เราใช้ชื่อนี้ ช่างบังอาจนัก! เพียงแต่เมื่อครู่พระองค์เกือบจะหลุดปากเปิดเผยฐานะ เว่ยซวินใช้ปัญญาแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า จึงไม่คิดจะถือสาหาความกับเขา ขุนนางมีสีหน้าเข้าใจในบัดดล แล้วพยักหน้า เอ่ยว่า: “ที่แท้ก็นายท่านหวง เช่นนั้นท่านอยู่ที่ชายแดนเหนือ ทำงานอะไรบ้างรึ?” ฮ่องเต้หวู่รับสั่งเสียงเคร่งขรึม: “เมื่อครั้งยังหนุ่มเราพอมีพละกำลังอยู่บ้าง มีวิชาหมัดมวยติดตัวนิดหน่อย เพียงแต่ตอนนี้อายุมากแล้ว ชราภาพร่างกายอ่อนแอ แต่ก็ยังพออ่านออกเขียนได้” ฮ่องเต้หวู่ทรงคิดไปคิดมา ในเมื่อทรงทราบสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรตงไห่แล้ว ก็สมควรที่จะต้องสัมผัสชีวิตของราษฎรด้วยพระองค์เอง แววตาของขุนนางเป็นประกาย เกิดความเคารพนับถือ: “ท่านอ่านออกเขียนได้รึ?” ผู้อพยพเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดในตระกูลชาวนา ตลอดชีวิตหน้าสู้ดินหลังสู้ฟ้า รู้จักตัวอักษรไม่กี่ตัว มีคนหนึ่งที่อ่านออกเขียนได้ นับว่าน่าประหลาดใจระค
ฮ่องเต้หวู่ทรงเข้าแถวยาวเหยียดไปพร้อมกับเหล่าผู้อพยพ ผู้อพยพเดินตามถนนหลวงมุ่งหน้าไปยังทิศทางนอกเมือง ถนนหลวงที่เดิมกว้างขวางกลับถูกผู้อพยพอัดแน่นจนแทบไม่มีช่องลม ฮ่องเต้หวู่ทอดสายตาไปเบื้องหน้า สุดสายตาล้วนเป็นผู้อพยพในอาภรณ์ขาดวิ่น ผอมแห้งราวกับไม้ฟืน ผู้อพยพต่างจูงผู้เฒ่าอุ้มเด็ก เดินโซซัดโซเซไปตามถนนหลวงมุ่งออกนอกเมือง ไม่ทราบว่าเดินไปนานเท่าใด ถนนใหญ่สายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคนอย่างเด่นชัด ตาของฮ่องเต้หวู่ทอประกายเล็กน้อย เผยแววตกตะลึง ถนนใหญ่เบื้องหน้านี้กว้างเท่าถนนหลวงแปดสาย และยังปูด้วยแผ่นศิลาทั้งแผ่น ต้นทุนการก่อสร้างสูงจนยากจะจินตนาการ! ฮ่องเต้หวู่รับสั่งเสียงเคร่งขรึม: “สหาย สภาพความฟุ่มเฟือยเช่นนี้เรายังไม่เคยเห็นมาก่อน แม้แต่ในพระราชวังต้องห้ามของเราก็ยังไม่มีถนนที่กว้างถึงเพียงนี้! ฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ องค์รัชทายาทจะช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างไร?” ฮ่องเต้หวู่ทรงเป็นถึงโอรสสวรรค์องค์ปัจจุบัน เมื่อทอดสายตาภาพเช่นนี้ก็อดตกตะลึงในใจมิได้ เว่ยซวินส่ายหน้า เขาก็ไม่ทราบเช่นกัน ในตาฮ่องเต้หวู่ฉายแววแข็งกร้าว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อพบองค์ชายเ