พระสนมนั่งอยู่กับซีเฟย ที่กำลังอธิบายขนมต่างๆ ที่นางทำให้วันนี้ และพระสนมกำลังจิบชาที่นางชงให้อย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะหันมาที่องค์ชายทั้งสามที่พึ่งเข้ามา พร้อมกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกหนึ่งคน“ถวายบังคมพระสนมหลินพ่ะย่ะค่ะ”“ถวายบังคมเสด็จแม่”“เหมยซูนี่ว์ ถวายบังคมพระสนมหลินเพคะ”“ลุกขึ้นเถอะ ตามสบาย”พระสนมมองหน้าชินอ๋อง เหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาส่งสายตาลำบากใจออกไป นางพยักหน้าเข้าใจก่อนจะถามแขกที่ไม่ได้เชิญว่า“องค์หญิง ไม่ทราบว่าเจ้ามาที่นี่ได้เช่นไรกัน”“ทูลพระสนม ข้ามากับชินอ๋องเพคะ เมื่อวันงานเลี้ยงฉลอง ข้าทำตัวเสียมารยาท วันนี้ตั้งใจมาขอประทานอภัยจากพระสนมเพคะ”ซีเฟยที่นั่งอยู่ข้างๆ พระสนม ก้มหน้าลง นางไม่มองเขา คำว่ามากับชินอ๋อง มันทำให้นางรู้สึกเจ็บลึกๆ ถึงแม้จะรู้ว่าเหมยซูนี่ว์อาจจะแค่เจอชินอ๋องและมาด้วยกันก็ตาม“เอ่อ ทูลพระสนม ข้าเข้าวังมา บังเอิญเจอองค์หญิงที่หน้าวัง นางเลยขอตามกระหม่อมมา เห็นว่านางอยากมาเข้าเฝ้าพระองค์ กระหม่อมเลยให้ตามมาด้วยเพียงเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”ชินอ๋องรีบอธิบายให้พระสนมฟัง หรือพูดให้ถูกก็คือ พูดให้พระชายาของเขาฟังนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ นางเอาแต่ก้มหน้
ชินอ๋องถึงกับหน้าชา ทำตัวไม่ถูก เขาไม่ได้ตั้งใจ เขาโมโหจนทำอะไรไม่ถูก แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเดินมาพอดี“คือว่า เฟยเฟย นี่มัน ข้าอธิบายได้ คือ…”“เด็กๆ .. เข้ามาเก็บ และเอาไปทิ้งให้หมด”“เพคะพระชายา”สาวใช้สามคนพากันเดินเข้ามาเพื่อเก็บเศษขนมและกาน้ำชาที่กระจายเต็มพื้น ซีเฟยมองขนมที่นางอุตส่าห์ลุกขึ้นมาทำตั้งแต่เช้ามืดอย่างตั้งใจ นางเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนที่จะเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง“เดี๋ยว เฟยเฟย เจ้าฟังข้าก่อน”ชินอ๋องจะวิ่งตามนางไป ก่อนที่เว่ยอีจะวิ่งมาหาเขา“ท่านอ๋อง เสนาบดีจิ้งมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”ชินอ๋องรู้สึกหงุดหงิดเป็นที่สุด เรื่องเก่ายังไม่ทันแก้ไข เรื่องใหม่ก็เข้ามา แทนที่จะได้คุยกัน ยังต้องมีธุระอื่นมาแทรกอีก“เสนาบดีจิ้งอยู่ไหนล่ะ”“รอพระองค์ที่ห้องโถงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”“ให้เขาไปรอที่ห้องรับรองเลย เดี๋ยวข้าตามไป”“พ่ะย่ะค่ะ”เว่ยอีมองที่พื้นที่เต็มไปด้วยขนมและน้ำชาที่เกลื่อนพื้น เขารู้สึกว่าภายในจวน อาจจะเกิดสงครามประสาทขึ้นเร็วๆ นี้อีกเป็นแน่ แต่จะปลอดภัยกับชีวิตมากกว่า หากเขาเลือกที่จะอยู่เฉยๆ ไม่พูด ไม่ถาม ไม่หาเรื่องซีเฟยเดินกลับไปที่ห้องของนาง และอยู่ในนั้นตลอดทั้ง
ชินอ๋องเข้านอนในคืนนั้นอย่างนึกหงุดหงิดใจ เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ ทำให้ซีเฟยโกรธเขามากขนาดนี้ พรุ่งนี้คงต้องรีบตื่นไปง้อพระชายา ก่อนที่จะเข้าวังอีกรอบเช้าวันรุ่งขึ้นชินอ๋องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เขารีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จโดยเร็ว ก่อนที่จะรีบออกจากห้องนอน และเดินตรงไปยังห้องบรรทมของพระชายา แต่เมื่อไปถึง กลับพบแค่สาวใช้ไม่กี่คนที่กำลังทำความสะอาดอยู่ เขามองไปรอบๆ อย่างมึนงง“พระชายาไปไหน”สาวใช้ที่กำลังเก็บผ้าห่มออกมาเพื่อจะนำไปซักจึงแจ้งแก่เขาว่า“ทูลท่านอ๋อง พระชายากับแม่นางอันเหมยและพี่อาเหยา ออกไปตลาดตั้งแต่เช้าแล้วเพคะ”“ออกไปแล้ว นางออกไปเมื่อไหร่ นานหรือยัง”“ทูลท่านอ๋อง เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนเพคะ ออกไปกับเสี่ยวหลงเพคะ”ชินอ๋องเดินออกมาจากห้องนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับอารมณ์หงุดหงิดและโมโห เมื่อเขาเห็นเว่ยอีที่วิ่งหน้าตาตื่นมาทางเขา“เว่ยอี!! ….”“พ่ะ พ่ะย่ะค่ะ ….ท่านอ๋อง”“พระชายาออกไปแต่เช้า ทำไมเจ้าไม่รีบแจ้งข้า”“ท่านอ๋อง กระหม่อมกำลังจะวิ่งไปแจ้งพ่ะย่ะค่ะ แต่พระชายาบอกว่า…เอ่อ..”“ว่าอย่างไรล่ะ..!!?!!..”“บอกว่าปล่อยให้ท่านอ๋องนอนพักไปก่อน ไม่ต้องปลุก พระชายาจะไปซื้อของเองเพื่อเต
“เฟยเฟย เรื่องที่เจ้าพูดกับน้องเจ้า เรื่องที่นางข่มขู่เจ้า นั่นเป็นเรื่องจริงหรือ”ชินอ๋องนึกสงสัยถึงความโหดร้ายและน่าเกลียดของจ้าวซีเหมยที่ทำกับพระชายาของเขา ไม่คิดว่าสตรีผู้นี้ ไม่เพียงไร้มารยาท หยาบคายและไม่ให้เกียรติผู้อื่น แต่กลับนิสัยร้ายกาจและน่ารังเกียจมากกว่าที่เขาจินตนาการได้มากขนาดนี้ ซีเฟยหันมามองหน้าเขา ถอนหายใจก่อนจะตอบ“เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วเพคะ หม่อมฉันเองก็ไม่อยากพูดถึง และไม่ติดใจเอาความนางแล้ว”“เจ้าเล่าให้ข้าฟังเถอะ ข้าอยากรู้เรื่องของเจ้าทั้งหมด”“ก่อนหน้านี้ เสด็จพ่อเรียกพวกหม่อมฉันไปแจ้งเรื่องงานอภิเษก และบอกว่า การอภิเษกครั้งนี้ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ไม่ให้ชิงโจวทำสงครามกับแคว้นเยี่ยน ปกป้องราษฎร และเพื่อความร่มเย็น เป็นปึกแผ่น การผูกมิตรกับแคว้นใหญ่อย่างชิงโจว นับว่าเป็นเรื่องดี หลังจากนั้น ก็บอกว่าผู้ที่จะแต่ง ก็ต้องมีเกียรติมากพอที่จะส่งไปอภิเษก พอฝั่งชิงโจวแจ้งมาว่าเป็นชินอ๋อง เสด็จพ่อจึงแจ้งว่า เมื่อชิงโจวส่งชินอ๋องมา ผู้ที่เหมาะสมก็ต้องเป็นคนที่ยศใกล้เคียงกัน จึงต้องเป็นจ้าวซีเหมย ซึ่งมียศเป็นองค์หญิงรัชทายาทในตอนนั้นเพคะ”“แต่นางไม่อยากแต่ง นางทำทุกวิถี
จ้าวอี้เหลียงเงยหน้ามองฮ่องเต้อย่างงุนงง แต่ก็ลุกขึ้นตามคำสั่งเขา“เอาล่ะ องค์หญิงจ้าว เจ้าบอกว่า เจ้าคือองค์หญิงที่แคว้นเยี่ยนตกลงจะให้อภิเษกกับชินอ๋องอย่างนั้นใช่ไหม”“ถูกต้องเพคะฝ่าบาท”“เราขอถามเหตุผลที่แท้จริง ที่เจ้าเปลี่ยนใจที่จะไม่อภิเษก และส่งจ้าวซีเฟยมาแทนหน่อยสิ”“หม่อมฉันหลงเชื่อข่าวลือผิดๆ เกี่ยวกับท่านอ๋องเพคะ ว่า เขาเป็น…เป็น....”“อ๋องปิศาจ โหดเหี้ยม ไร้หัวใจ มัจจุราชแห่งสนามรบ”ฝ่าบาทพูดอย่างใจเย็น เรียบง่าย เพื่อไม่ให้นางกลัวไปมากกว่านี้ พระองค์ไม่ได้ต้องการให้นางตื่นตกใจ เพียงแค่นี้ นางก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบากพอแล้ว ซ้ำยังไม่มีใครใส่ใจนางอีกด้วย“ใช่เพคะ หม่อมฉันในตอนนั้นเกิดความกลัว จึงได้ให้พี่สาวเปลี่ยนตัวมาอภิเษกแทนเพคะ”“พระชายา ข้าขอถามเจ้าบ้าง”“ได้เพคะเสด็จพ่อ”“เจ้าตกลงที่จะอภิเษกมาที่นี่ ก่อนหน้านั้น เจ้ารู้เรื่องข่าวลือของชินอ๋องหรือไม่”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกทราบเพคะ”“แล้วเจ้า เคยพบหน้าชินอ๋องมาก่อนหน้าที่เจ้าจะอภิเษกมาก่อนหรือไม่”“ไม่เพคะ หม่อมฉันพบท่านอ๋องครั้งแรกคือตอนส่งตัวเข้าหอในคืนส่งตัวเจ้าสาวเพคะเสด็จพ่อ”“ทั้งๆ ที่เจ้าก็รู้เรื่องข่าวลือเกี่ยวกับชินอ๋
“องค์หญิง เจ้าพูดอะไรออกมา นี่มันหมายถึง หลอกลวงเบื้องสูง โทษประหารเชียวนะ เจ้ามาพูดล้อเล่นไม่ได้นะ”องค์รัชทายาทเติมเชื้อไฟใส่เข้าไป ท่านกลางความตกใจขององค์ชายทั้งสอง และฮองเฮาที่ยกมือขึ้นทาบอก“เจ้าบอกว่า พระชายาชินอ๋อง แอบอ้างชื่อเจ้า มาอภิเษกแทนงั้นหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน”“ข้าเป็นองค์หญิงที่เกิดจากฮองเฮาตัวจริงเพคะ ส่วนนางไม่ใช่ นางแอบอ้างชื่อข้าและมาแต่งงานกับท่านอ๋องแทนข้าเพคะ ข้าต่างหากที่เป็นพระชายาชินอ๋องตัวจริง ฝ่าบาทเพคะ คืนความเป็นธรรมให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”ชินอ๋องและซีเฟยหันมองหน้ากัน และหันไปที่ฮ่องเต้“คืนความเป็นธรรมให้เจ้า แล้วนี่เจ้า จะให้ข้าคืนความเป็นธรรมให้เจ้าอย่างไรกันล่ะองค์หญิง”“ปลดนางจากตำแหน่งพระชายาชินอ๋อง คืนตำแหน่งนั้นให้หม่อมฉันเพคะ นี่คือสิ่งที่ถูกต้องเพคะ”“เดี๋ยวนะ มันง่ายไปหรือเปล่า องค์หญิง เจ้าพูดออกมาง่ายๆ แล้วก็จบงั้นหรือ เจ้าถามชินอ๋องแล้วหรือยังว่าเขาอยากได้เจ้าเป็นพระชายาแทนพี่สะใภ้หรือไม่ นี่เจ้ากำลังจะแย่งสามีของพี่สาวตัวเอง เจ้ามียางอายหรือไม่ล่ะนี่ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น คนอะไรหน้าหนาขนาดนี้ แย่งสามีคนอื่นหน้าตาเฉย ทุเรศสิ้นดี”“องค์ชาย