ตอนที่หนึ่ง อนุของบิดา
หญิงสาวซึ่งขึ้นจากน้ำอย่างสดชื่นเพิ่งสังเกตเห็นร่างสูงและสายตาที่จ้องมองอยู่ จึงแสดงอาการตกใจหยุดชะงักการก้าวเดินแล้วรีบใช้สองมือกอบกุมปกปิดทรวงอวบใหญ่ของตนเองเอาไว้ด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ
“คุณชายใหญ่ อย่ามองเจ้าค่ะ” เสียงที่เอ่ยช่างสั่นพร่าบอกไม่ได้ว่าเป็นด้วยความเขินอายหรืออย่างอื่น
ฉู่จิ้นไห่มองมือเล็กที่ไม่อาจปกปิดสิ่งใดได้แต่ยังพยายามขยับเขยื้อนไปมาด้วยรอยยิ้มบาง
“เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ? เป็นสาวใช้ของเรือนใดกันจึงลอบมาเล่นน้ำยามพลบค่ำเช่นนี้”
ข้อสันนิษฐานของฉู่จิ้นไห่ย่อมมีความเป็นไปได้ เพียงแต่สาวใช้นางนี้ช่างเย้ายวนเกินไป
“ข้าคืออนุลู่เจ้าค่ะ ‘ลู่ไป๋อิง’” เพียงได้ยินหญิงสาวแนะนำตัวว่าเป็นอนุในเรือน หัวใจที่ลิงโลดย่อมเหี่ยวเฉาลงทันทีด้วยหากเป็นเพียงสาวใช้ย่อมนำมาอุ่นเตียงโดยง่าย แต่หากเป็นอนุของชายอื่นคงหมดหนทางแล้ว
“อนุลู่หรือ เจ้าเป็นอนุของเจ้ารองหรือเจ้าสาม”
ไม่แปลกที่ฉู่จิ้นไห่จะคาดเดาไม่ถูกด้วยเขาเพิ่งกลับมาจากเมืองหลวงเพื่อรับตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวหลังจากไปประจำยังสาขาใหญ่ที่นั่นอยู่หลายปี อีกทั้งจวนสกุลฉู่ยังมีคุณชายรอง คุณชายสาม ซึ่งต่างแต่งภรรยาเอกและรับอนุอีกหลายคน
“มิใช่เจ้าค่ะ ข้าคืออนุของนายท่านใหญ่คนก่อน” ร่างขาวผ่องที่บัดนี้ยืนปากสั่นตอบเสียงแผ่วเบา
“ของท่านพ่อหรือ?”
คราวนี้ฉู่จิ้นไห่มองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่น่าจะยังมีวัยไม่ถึง20ขวบปีพลางนึกขึ้นได้
อ้อ...หญิงสาวคนนี้นี่เองที่ท่านแม่บอกว่าท่านพ่อรับเข้ามาได้เพียงไม่กี่วันก็หมดเรี่ยวหมดแรงจนตกม้าถึงแก่ความตายอย่างกะทันหัน
อืม...ยังเยาว์วัยนัก ซ้ำยังงดงามเย้ายวนเช่นนี้ ไม่แปลกที่ท่านพ่อจะหลงใหลจนทุ่มเทแรงกายแทบหมด
“อนูลู่มาเล่นน้ำคนเดียวเช่นนี้ควรต้องระวังตัวด้วย บึงน้ำเย็นนักทั้งอาจมีสัตว์ร้ายซ่อนอยู่ใต้ใบบัว” ในเมื่อนางเป็นอนุของบิดา ฉู่จิ้นไห่จึงทำได้เพียงตักเตือนไม่อาจล่วงเกิน
“ขอบคุณคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
ร่างบางรีบหันหลังเดินจ้ำหวังจะให้พ้นจากสายตาที่จดจ้องจนขัดเขิน หญิงสาวย่อมไม่รู้ว่าสะโพกกลมกลึงภายใต้เสื้อผ้าอันเปียกชุ่มซึ่งกำลังขยับไปมาตามท่วงจังหวะการเดินกำลังกระตุ้นความรู้สึกปั่นป่วนภายในกายของชายที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างรุนแรง
ฉู่จิ้นไห่ถูกสะกดด้วยส่วนโค้งส่วนเว้าอันเย้ายวนที่ปรากฎชัดจนเลือดลมในกายแตกพล่านเผลอเดินตามการโยกส่ายไปอย่างเชื่องช้าราวต้องมนต์สะกด
เป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวที่เพิ่งเดินแค่ไม่กี่ก้าวขาก็อ่อนแรงจนพันกันพาให้หกล้มเสียหลักลงไปกองกับพื้น
“โอ๊ย!...”
ตอนที่ยี่สิบสอง สุขสันต์หรรษา หนทางชีวิตข้างหน้ายังอีกยาวไกล นางไม่มีวันให้ภรรยาเอกของผู้ใดมากลั่นแกล้งรังแกหรือขับไล่ออกจากเรือนแน่ดังนั้นจึงมีแต่ต้องรวมพลังของพวกเขาเอาไว้เท่านั้น ไม่ว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งเลิกโปรดปรานนาง ก็ยังมีอีกคนที่ยังอยู่คุณชายทั้งสามต่างแวะเวียนกันมายังเรือนอิงเยว่พร้อมกับบิดาจนภรรยาเอกและเหล่าอนุของพวกเขาต่างไม่พอใจแต่พวกนางจะทำอันใดได้เล่า ในเมื่อไม่ปรับปรุงลีลาและท่วงท่าเร้าสวาทย่อมต้องนอนเหี่ยวแห้งไปจนวันตายยามเผชิญหน้ากับนายหญิงใหญ่ที่พากำลังคนมาหวังสั่งสอนอนุผู้ปีกกล้าขาแข็ง ลู่ไป๋เยว่ซึ่งรายล้อมด้วยคนคุ้มกันที่มีฝีมือใช้สายตาแห่งผู้ชนะยิ้มเยาะอย่างสาสม“คิดจะทำร้ายข้าหรือ นายหญิงใหญ่ คงต้องดูทิศทางลมให้ดีก่อนกระมังยามนี้ทั้งสามีและบุตรชายทั้งสามคนของเจ้าล้วนอยู่ในความดูแลของข้าอย่างสุขสบาย นายหญิงใหญ่ไม่ต้องกังวลใจไปรีบกลับจวนสกุลฉู่แล้วลำบากดูแลผู้คนและรับใช้คนแก่เรื่องมากกับจัดการเรื่องยิบย่อยมากภาระไปเถอะส่วนเรื่องที่สบายกายสบายใจมอบให้เป็นห
ตอนที่ยี่สิบสอง สุขสันต์หรรษาทั้งหลิวซื่อและฉู่ฮูหยินผู้เฒ่าต่างเงยหน้าขึ้นมองสายตาคาดคั้นของนายท่านใหญ่อย่างตื่นตระหนกเขา...เขารู้แล้วหรือ!คหบดีฉู่ตั้งใจเอ่ยประโยคนั้นเพื่อเป็นการข่มขู่ทั้งแม่และเมียด้วยรู้ดีว่าถึงป่านนี้ย่อมไม่อาจเอาผิดพวกเขาแล้วจับกุมไปรับโทษได้ แต่อย่างไรก็ต้องสะกดพวกเขาไม่ให้กระทำการที่ไม่เกรงกลัวบ้านเมืองอีก“ไม่ว่าคนๆหนึ่งจะมีความผิดมากมายเพียงใดก็ลงโทษได้เพียงกักบริเวณหรืออดข้าวไม่กี่มื้อ ไม่ใช่ทำร้ายร่างกายทุบตีจนบาดเจ็บเกือบตายเพียงนี้ ท่านแม่เองก็ควรรู้ไม่ใช่หรือ”เจอบุตรชายข่มขู่หนักแน่นทั้งส่งสายตาดุดันจดจ้อง ฉู่ฮูหยินผู้เฒ่าจึงขบปากไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมาตีแค่นี้จะถึงตายได้อย่างไร อาไห่ก็พูดเกินไปแม้จะรู้ว่าบุตรชายเอ่ยคำร้ายแรงเกินกว่าเหตุ แต่ผู้เฒ่าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปีย่อมรู้ดีว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ควรโต้เถียงในเมื่อผู้อาวุโสไม่โต้แย้ง บรรดาเมียคนอื่นย่อมไม่กล้าพูดมากเช่นกันแม้จะคิดอย่างคับข้องว่าแค่ตบ
ตอนที่ยี่สิบเอ็ด เรื่องน่าอายกว่าจะถึงกลางดึก ทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยไฟราคะที่เผาไหม้โชติช่วงและเพิ่งจะดับลงยามนี้ลู่ไป๋เยว่นอนหายใจรวยริน สภาพยับเยินอิดโรย ร่องทั้งหน้าหลังบวมแดงแหกกว้าง ทั้งเจ็บทั้งขาสั่นไม่อาจยืนหรือนอนในสภาพธรรมดาหญิงสาวที่ถูกนอนบดเบียดอยู่ตรงกลางทั้งจุกทั้งเสียดเสียวเพียงคิดว่าเมื่อครู่โดนสองลำเอ็นเด้งเข้าใส่พร้อมกันอย่างคึกคักเพียงใดพวกเขาพี่น้องฝ่ายหนึ่งร้อนอีกฝ่ายแรงกระแทกรัวเร็วไม่มีออมแรงสร้างความเคลิบเคลิ้มมึนเมา เสียวซ่านลึกถึงจิตวิญญาณแต่นางยังไม่อยากใช้ร่องสีหวานอย่างพร่ำเพรื่อจนหลวมกว้างไม่น่าชิดเชยจึงต้องหลีกเลี่ยงการรุมรังแกพร้อมกันเช่นนี้อีกยามเช้า ลู่ไป๋เยว่จึงเอ่ยลามารดาว่าคงต้องกลับจวนสกุลฉู่เสียทีแล้วค่อยให้คหบดีฉู่หาโอกาสมาพบมารดาทีหลังเนื่องจากสองพี่น้องที่ติดตามมาได้รู้ความลับของพวกเขาแล้วคุณชายสามซึ่งเอาแต่ใจกว่าพี่ชายย่อมมีท่าทีไม่เต็มใจด้วยเพิ่งได้สัมผัสรสสวาทอันอิ่มเอมไปเพียงไม่กี่ครา“หากกลับไปแล้วไม่ได้กินอาหารเลิศรสเช่นนี้อี
ตอนที่ยี่สิบ ไม่ไหวแล้ว ลู่ไป๋เยว่ร้องโวยวายจนเสียงแหบแห้งแต่กลับถูกจับปิดปากได้แต่ส่งเสียงอืออาพยายามดิ้นหนีเมื่อดุ้นลำหนาถูกกดพรวดเข้าในรูเล็กจนจมหายไปทั้งลำพวกเขาบ้าไปแล้ว หญิงสาวยังคงส่ายหัวไม่ยินยอม คุณชายรองสกุลฉู่จึงรีบเล้าโลมล้วงมือเข้าไปบดขยี้ติ่งเกสรที่ยืดยื่นขณะคุณชายสามขยำขยี้บดเน้นยังเม็ดบัวสีหวานที่ด้านบนพร้อมขยับแท่งเนื้อในร่องสวาทขึ้นลงไม่หยุดไม่นานฉู่จิ้นหรงที่ด้านหลังจึงเริ่มขยับเคลื่อนไหวเพื่อนำพาแท่งทวนแกว่งไกวทิ่มแทงสวนเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกันกับน้องชายใบหน้างามบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทั้งทรมานทั้งสุขสันต์ไปกับสองลำเอ็นที่อัดแน่นทั้งร่องดอกไม้ด้านหน้าและรูหยักด้านหลังปากอวบอิ่มอ้าค้างส่งเสียงร้องครางที่ฟังแทบไม่เป็นภาษาทั้งขาดหายเป็นช่วงๆเมื่อโดนทะลวงทั้งสองร่องสีหวานพร้อมกันจนจุกแน่น“โอ๊ย!...หยุดก่อน อื้อ...พอ...อ่า...พอแล้ว” ลู่ไป๋เยว่หรือจะคิดว่าจะมีวันนี้ด้วยยิ่งบอกให้หยุด สองพี่น้องยิ่งตอกกระหน่ำเข้าหากันอย่างสุดกำล
ตอนที่สิบเก้า ป้อนของหวาน พวกเขามัวแต่หลงอยู่ในวังวนแห่งวสันต์จนลืมวันลืมคืนโดยไม่คิดว่า คุณชายสาม ‘ฉู่จิ้นเฉิง’ จะตามมาถึงอีกคนฉู่จิ้นเฉิงมาถึงร้านอิงเยว่ด้วยหวังพบหน้าบิดาและพี่ชายแล้วเดินทางกลับพร้อมกันเขาย่อมไม่คิดว่าจะได้พบภาพบาดตาบาดใจของพี่ชายคนรองกับอนุสาวของพี่ชายคนโตเช่นนั้นภาพอนุลู่ซึ่งอยู่ในท่าคลานสี่ขาแนบหน้าก้มต่ำไปกับพื้นทำให้ส่วนสะโพกยกโด่งสูงขึ้นเห็นโคนขาขาวผ่องกับก้นกลมกลึงงอนงามเต็มตาช่างชวนให้ใจสั่นไหวนักทั้งกลีบอวบอูมที่ปลิดปลิ้นไปมายามโดนท่อนกายแข็งของพี่ชายคนรองมุดเข้ามุดออกช่างล่อตาล่อใจจนฉู่จิ้นเฉิงคิดอยากจะควักแท่งกายที่กำลังคึกคักผงาดง้ำยัดเข้าไปในร่องสีชมพูนั้นแล้วกระแทกจนลืมตายสายตาวาบหวามของฉู่จิ้นเฉิงที่ค่อยๆเดินเข้ามาจับจ้องยังสะโพกขาวที่เด้งเคลื่อนไหวไปมาตามจังหวะโยกขย่มของพี่ชายที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังทำให้สองหนุ่มสาวสะดุ้งตกใจ“คุณชายสาม!”“อาเฉิง!”“พวกเจ้าทำเช่นนี้ลับหลังพี่ใหญ่ได้อย่างไรกัน”
ตอนที่สิบแปดจะไม่ให้ข้าได้พักเลยหรือลู่ไป๋เยว่ที่คว่ำหน้าลงกับโต๊ะเตรียมเงยขึ้นเพื่อขยับก้นขาวออกจากท่อนหนา แต่กลับช้ากว่าชายหนุ่มที่จู่ๆก็ถอดถอนแท่งเนื้อออกจากรูร่องแล้วอุ้มร่างบางไปวางบนเตียงก่อนจะก้มลงละเลงเลียทั้งดูดทั้งกลืนขบเม้มทรวงอกอวบอิ่มทั้งสองข้างจนเป็นรอยแดงไปทั่วหญิงสาวแอ่นอกยกทรวงหยุ่นเข้าใส่ปากด้วยรู้สึกสั่นกระเส่าไปกับการเล้าโลมที่มาช้านักอืม...เพิ่งนึกได้หรือว่าต้องกลืนกินสักนิด ใบหน้าที่หล่อเหลากว่าพี่ชายเล็กน้อยค่อยๆเลื่อนลงไปยังเนินอวบอูมระหว่างขาขาวที่ถูกอ้ารออยู่ริมฝีปากหนาดูดกลีบเนื้อนุ่มจนเป็นรอยแดงทั้งใช้ลิ้นร้อนละเลงกวาดปาดป่ายไปทั่วขณะนิ้วอุ่นล้วงควานน้ำข้นขาวของตนเองออกจากรอยแยกสีหวานไม่หยุดจังหวะหมุนควงของนิ้วแข็งทั้งชักเข้าชักออกคล้ายกลั่นแกล้งสร้างความซ่านเสียวเป็นระยะจนลู่ไป๋เยว่ต้องกระถดสะโพกหนีแน่นอนว่าอีกฝ่ายย่อมไม่ยินยอมจึงยึดสะโพกบางเอาไว้แน่นไม่ให้ดิ้นหนีทั้งยกขาขาวขึ้นสูงแล้วลงลิ้นละเลงรัวบดคลึงเน้นขยี้จนเสียงกรีดร้องออกมาไม่