Share

๕ กลืนน้ำลาย

last update Dernière mise à jour: 2025-08-12 19:35:01

ปัง!

หลี่เจิ้งเฉินวางจอกสุรากระแทกลงโต๊ะอย่างแรงด้วยความขุ่นเคือง สายตาคมกริบเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ห้วงความคิดของเขาวนเวียนกลับไปกลับมาไม่พ้นจากดวงตาคู่งามที่แข็งกร้าวคล้ายกลับว่าไม่อาจลืมเลือน

มุมปากหนาแค่นเสียงเยาะ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าจอกสุราอีกครั้งทว่า…ไหสุราในมือนั้นกลับถูกอีกฝ่ายช่วงชิงไปอย่างรวดเร็ว

ฟึ่บ!

“!!!” หลี่เจิ้งเฉินขมวดคิ้วทันควัน สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

โจวตงหยางเลิกคิ้วขึ้นอย่างเชื่องช้าราวกับตั้งใจ เขาถือไหสุราไว้ในมือแน่นไม่ยอมคืนให้ พร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ท่าทางวันนี่หลี่อ๋องคงมีเรื่องทำให้กลัดกลุ้มใจไม่น้อย…ทะเลาะกับพระชายามาหรืออย่างไรกัน”

ก่อนหน้านี้เขากำลังเอนกายนอนชมการร่ายรำของเหล่าสตรีงามอย่างสบายอารมณ์ ทว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีพ่อบ้านเข้ามาแจ้งว่าหลี่อ๋องมาเยือนถึงที่จวน…!?

เดิมทีเดียวโจวตงหยางคิดว่าคงมีราชการด่วนหรือเรื่องสำคัญใดๆ ทว่ามิใช่...หลี่เจิ้งเฉินกลับมานั่งดื่มสุราไหแล้วไหเล่าราวกับอารมณ์มาจากจวนเสียมากกว่า

สายตาคมกริบของเขาเหลือบมองสหายตรงหน้าราวกับรอฟังคำตอบ

“…” หลี่เจิ้งเฉินสูดลมหายใจแรงด้วยความหงุดหงิด แต่กลับไม่ยอมเอ่ยอันใดออกมา

โจวตงหยางยักไหล่พลางค่อยๆ รินสุราลงจอกก่อนจะกล่าวออกมาตรงๆ ด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ “เมื่อวานเจ้าก็เพิ่งเข้าหอไม่ใช่หรือ…ไฉนวันนี้ถึงได้ทำหน้าเหมือนจะเข่นฆ่าผู้คนทั้งเมืองเสียแล้วเล่า”

แม้ว่าเขาไม่เคยพบแม่นางไป๋ แต่กลับได้ยินหลี่เจิ้งเฉินเอ่ยถึงนางอยู่บ่อยครั้งเสียจนเกือบจะฝันเห็นหน้านางไปแล้ว

บุรุษผู้นี้ปรารถนาแม่นางไป๋ถึงเพียงนั้น...แล้วเหตุใด เพียงวันเดียวหลังเข้าหอกลับต้องมาเมามายหงุดหงิดเช่นนี้กัน?

หลี่เจิ้งเฉินนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “มิใช่นาง…”

ถ้อยคำพูดสั้นๆ ห้วนๆ ที่กล่าวออกมาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?

โจวตงหยางกำลังยกจอกสุราขึ้นจิบชะงักไปทันที เขาเงยหน้าขึ้นพลางหรี่สายตาลงจ้องเขม็งราวกับเฝ้ารอคำตอบที่เป็นความจริง “หมายความว่าอย่างไร…ข้าไม่เข้าใจ”

หลี่เจิ้งเฉินหัวเราะในลำคอคล้ายเย้ยหยันตนเอง สายตาคมกริบแปรเปลี่ยนเป็นความแข็งกร้าวชั่วขณะ น้ำเสียงทุ้มกัดฟันกรอดกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “นางมิใช่ไป๋เหยียนหลัน”

!!!

โจวตงหยางขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที “เช่นนั้นสตรีผู้นั้นที่เจ้าร่วมหอลงโรงด้วยคือผู้ใดกันเล่า!”

เขาเกรงว่าบุรุษผู้นี่คงดื่มสุราไปหลายไหจนเมามายและสติเลอะเลือนไปแล้วกระมัง

เหอะ! นางมิใช่สตรีผู้นั้นแล้วจะเป็นใครกันได้

โจงตงหยางส่ายหัวไปอย่างเอือมระอา “เอาเถอะ! ลืมดื่มให้นี้ให้หมดแล้วกลับไปพิสูจน์เอาเองเถอะว่านางใช่ภรรยาที่แท้จริงของเจ้าหรือไม่”

ราวกับว่ามีสายฟ้าที่ฟาดลงกลางจวน เหล่าสาวใช้ที่อยู่บริเวณนั้นต่างสะดุ้งเฮือกตกใจกันทั้งสิ้น ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ค่อยๆ หันไปมองทางต้นเสียงด้วยใบหน้าซีดเผือด

“ห…หลี่อ๋อง”

ร่างสูงสง่าของหลี่เจิ้งเฉินปรากฏอยู่ตรงหน้าเรือนบรรพชล ภายใต้แสงโคมยามค่ำที่ส่องริบหรี่ ท่าทีของเขาแม้ดูโงนเงนเล็กน้อยจากฤทธิ์สุราแต่แววตากลับยังคมกริบ เยียบเย็นและกดดันจนเหล่าสาวใช้ไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตาเสียด้วยซ้ำ

หลี่เจิ้งเฉินเดินตรงเข้ามาทีละก้าว…ทีละก้าว กลิ่นสุราเจืออยู่ในอากาศคละคลุ้งกับโทสะที่เดือดดาลอยู่ในอก

“ผู้ใดสั่งหรือ…” น้ำเสียงเรียบของหลี่เจิ้งเฉินเอ่ยออกมาแต่เย็นยะเยือกจนสาวใช้หลายคนแทบทรุดเข่าลงไปกับพื้น

แม่บ้านผู้อาวุโสฝืนสูดลมหายใจเข้าแรงๆ ก่อนก้าวออกมายืนประจันหน้ากับผู้เป็นนาย แม้จะรู้สึกหวาดกลัวหากแต่ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความกังวลต่อพระชายาทั้งสิ้น

ยามนี้…นางย่อมรู้ดีว่าหลี่อ๋องจะเดือดดาลแค่ไหน

“หม่อมฉันเองเพคะ…ที่เป็นคนสั่ง” นางยืนเหยียดหลังตรง มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อแน่นด้วยความประหม่า หลุบสายตาต่ำลงด้วยความนอบน้อม

“หึ! บังอาจ” หลี่เจิ้งเฉินแค่นเสียง ร่างสูงของเขาเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าแม่บ้านเพียงหนึ่งช่วงแขนเท่านั้น น้ำเสียงทุ้มกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

“นางอยู่ในนั้นเพราะสมควรอยู่ หากนางไม่มีความผิดอันใดมีหรือ…ข้าจะจัดการอย่างไร้เหตุผล!”

“ทว่า…หม่อมฉัน เพียงแค่เป็นห่วงพระชายาเท่านั้นเพคะ”

แม่บ้านยังคงกล่าวออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทว่าดวงตากลับฉายแววกังวลอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของผู้เป็นนายในยามนี้ทั้งโมโห โกรธเกรี้ยว ขุ่นเคืองและยังเมามายอยู่ไม่น้อย เกรงว่าไม่ว่าจะเอ่ยสิ่งใดออกไปก็ยากที่คนเมาจะรับฟัง

“คิดว่า…ข้าอยากขังนางนักหรือ” หลี่เจิ้งเฉินเลิกคิ้วถาม

เขาพลางแค่นเสียงหัวเราะเยาะเล็กน้อยพลางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่คล้ายตั้งสติ จากนั้นจึงเดินตรงไปยังประตูเรือนบรรพชลก่อนจะมือไขกรอนอย่างไม่รีรอ

น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างไร้เยื่อใย “ข้าจะไปดูให้เห็นกับตาว่านางสิ้นใจตายไปแล้วหรือไม่!”

“หลี่เจิ้งเฉิน…” น้ำเสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาราวกับหมดแรง

ไป๋ซูเหยานั่งขดอยู่ข้างผนัง ใบหน้าคนงามซีดเซียวอิดโรยจากความเหนื่อยล้า ความหิวโหยและความหวาดหวั่นที่กัดกินหัวใจทีละน้อย

นางปรายสายตาไปมองก่อนจะสบเข้ากับดวงตาคมกริบ

ภายในเรือนทั้งมืดมิด ทั้งมีกลิ่นอับไร้แม้แต่ช่องทางให้แสงรอดผ่านหน้าต่าง มีเพียงแสงจากตะวันยามอัสดงที่ลอดผ่านรูเล็กๆ บนหลังคาเท่านั้น…

บรรยากาศทั้งเย็นเยียบและเงียบงัน

ไป๋ซูเหยาพยายามข่มตาให้นอนหลับไปครั้งแล้วครั้งเพื่อให้เวลาผ่านไปเร็วขึ้น หากแต่เสียงท้องร้องและกลิ่นธูปแผ่วๆ จากป้ายวิญญาณบนโต๊ะไม้ที่ท้ายห้องกลับทำให้รู้สึกวังเวงจนแทบจะขาดใจ

ทว่าในความเงียบสงัดนั้น กลับเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นจากหน้าประตู พร้อมกันเสียงพูดคุยโวยวายราวกับมีผู้ใดทะเลาะกันอยู่ด้านหน้าจนนางสะดุ้งนอนไม่หลับ

เสียงโลหะกระทบกันเบาๆ ราวกับมีผู้ใดพยายามจะงัดกลอนเหล็ก

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างด้วยความตกใจปนประหลาดใจทันที หัวใจของนางเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง ไปซูเหยาค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นพรวดเดินไปเบื้องหน้าทันที

หลี่เจิ้งเฉิน…เขากลับมาแล้ว

“…”

หลี่เจิ้งเฉินคล้ายจะอ้าปากกล่าวบางสิ่ง หากแต่ต้องกลืนถ้อยคำนั้นกลับลงไปทันควัน เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาคู่งามของนางที่เต็มไปด้วยความเหม่อลอย หม่นหมองและดูคล้ายหวาดกลัวอย่างไม่อาจปิดบัง

จู่ๆ หัวใจของเขากลับถูกบีบรัดแน่นคล้ายหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ…ความรู้สึกปั่นป่วนเช่นนี้ ยากจะอธิบายเป็นถ้อยคำพูดได้

เขาก้าวเท้าเข้าไปใกล้ทีละก้าว ทีละน้อย ช้าเสียจนน่าขัน ราวกับกลัวว่าสตรีเบื้องหน้าจะพังทลายหายไปกับอากาศ

ไป๋ซูเหยาเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าคนงามซีดเผือดสั่นไหวเล็กน้อย นางพยายามอดกลั้นอารมณ์ที่ตีวนอยู่ในอกแทบปะทุออกมาเสียให้ได้ แต่ในที่สุด น้ำเสียงแผ่วเบาก็เล็ดลอดจากริมฝีปากนุ่มนวลนั้น “คนใจร้าย”

ไม่รู้เพราะเหตุใด เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำกลับกระแทกลงกลางอกของหลี่เจิ้งเฉินอย่างรุนแรงจนจุก

เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปอย่างงั้นหรือ…!?

หลี่เจิ้งเฉินยังคงยืนมองสตรีตรงหน้า ด้วยสายตาลุ่มลึกและหาได้กล่าวอันใดออกมาแม้แต่สักครึ่งคำอีก

ไฉนเลยนางจะไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้มาก่อน…!?

นางเคย…และเคยมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

คราแรกเพียงแค่หนาวเหน็บราวกับถูกทอดทิ้งให้ตาย

ครั้งที่สองกลับรู้สึกเพียงไม่คุ้นเคย

ครั้งที่สามกลับกลายเป็นเรื่องชาชินไปเสียแล้ว

และในคราที่สี่…นางเพียงหวังว่าจะตายไปเสียให้พ้น

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งของไป๋ซูเหยาคล้ายคลื่นทะเลสาบที่ถูกกลั่นแสงจันทร์ หยาดน้ำตาคลออยู่เต็มขอบแต่ไม่ยินยอมให้ไหลออกมา

“เจ้าคิดว่าข้า…ใจร้ายถึงเพียงงั้นหรือ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของ หลี่เจิ้งเฉินแผ่วเบา หากแต่สั่นไหวเล็กน้อย

ไป๋ซูเหยายังคงจ้องสบตาบุรุษตรงหน้าอย่างแข็งกร้าวและไม่ลดละ นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นระริก “ใช่…ท่านมันใจร้ายทั้งเอาแต่ใจ ไม่ยอมฟังใคร…ข้าเกลียดท่านหลี่เจิ้งเฉิน”

นางหาได้กลัวอันใดอีกแล้ว…แม้แต่ความตาย

หากเขาโมโหโกรธเกรี้ยวนางถึงเพียงนั้น…เช่นนั้นก็เอาเถอะ ลงมือสังหารนางเสียที

“…” เมื่อได้ยินถ้อยคำนั้นออกจากปากของนาง หลี่เจิ้งเฉินพลันกำมือแน่นอย่างไม่ทันตัว

ทันทีที่กล่าวประโยคนั้นจบ ไป๋ซูเหยาเบือนหน้าหันหนีไปทันทีคล้ายไม่อยากเห็นแม้เงาของบุรุษตรงหน้าอีก ดวงตาคู่งามพร่ามัวด้วยม่านน้ำตาที่คลออยู่ขอบตาคล้ายจะพรั่งพรูแต่กลับถูกกลั้นเอาไว้เช่นเคย

ภายในอกของนางพลุ่งพล่านไปด้วยอารมณ์มากมาย ท่วมท้นราวคลื่นซัดสาดความกลัว ความเกลียด ความผิดหวังและความเจ็บที่ไม่อาจระบายออกมา

ไป๋ซูเหยียนกำมือแน่นจิกเล็บลงฝ่ามือ ลมหายใจเริ่มติดขัด

นางผิดอันใดหรือ…เพียงแค่ไป๋เหยียนหลันหายตัวไปกลับกลายเป็นความผิดของนางแล้วอย่างงั้นรึ

เหตุใดเขาถึงได้โกรธราวกับนางไปฆ่าผู้ใดตาย

หลี่เจิ้งเฉินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ร่างสูงสง่านิ่งงั้นราวกับรูปปั้นสลักในเงามืด สายตาคมกริบจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่อาจละไปได้แม้ชั่วขณะ

ทว่าจู่ๆ ร่างบอบบางของนางกลับสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะทรุดตัวลงช้าๆ ราวกับดอกไม้ที่ร่วงหล่นเมื่อสายลมพัดผ่าน

!!!

“ไป๋ซูเหยา!” หลี่เจิ้งเฉินพลันพุ่งเข้าประคองร่างของนางแทบไม่ทัน แขนแกร่งโอบรัดร่างบอบบางเอาไว้แน่นในอ้อมแขน

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๙ วาสนาแบ่งแยก

    ลมพัดเฉี่ยวผ่านหน้าต่างเรือนเล็กเก่าโทรม เสียงกระเบื้องหลังคากระทบกันแผ่วเบา ราวกับจะสะท้อนความหนาวเหน็บที่กัดกินกระดูกจนลึกถึงหัวใจ ภายในห้องนั้น เงียบสงัด…ไป๋เหยียนหลันนั่งพิงหัวเตียงเก่า มือทั้งสองลูบหน้าท้องที่ป่องที่ใกล้คลอดเต็มที แม้ร่างกายจะอ่อนล้าเต็มทีทว่านางกลับต้องลุกขึ้นจัดของใช้และคอยปรนนิบัติจางสือ แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ส่องสะท้อนเงาบนใบหน้าคนงามที่ซีดเผือด ผมยาวสยายกลางหลังดูยุ่งเหยิงไร้การบำรุงหรือดูแลใส่ใจ ทั้งยังสวมใส่อาภรณ์ใหญ่สีซีด มีรอยปะชุนให้เห็นเด่นชัด ดวงตาที่เคยเปล่งประกายอวดดี บัดนี้หม่นหมองราวเถ้าถ่านไฟที่มอดดับ ว่ากันตามตรงแล้ว นับตั้งแต่นางตั้งครรภ์อ่อนๆ จนกระทั่งใกล้คลอด ไป๋เหยียนหลันก็ยังต้องตื่นแต่เช้าตรู่ นอนหลับไม่เต็มอิ่มลุกขึ้นทำหน้าที่ปรนนิบัติสามีทุกเช้า นางต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมืดและเข้านอนหลังเขาเสมอ แม้เขาจะสนใจและเหลียวแลนางอยู่บ้างแต่ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากจวนไป นางก็ไม่ต่างอันใดจากอยู่ผู้เดียวเพียงลำพัง แม้ในจวนสกุลจางจะมีทั้งจางฮูหยิน น้องสาวและน้องชายของเขาอยู่พร้อมหน้า แต่นับจากวันที่นางมีปากเสียงปะทะคารมกับจางฮูหยินครั้งนั้นก

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๘ จวนหลี่อ๋องราบรื่น

    ค่ำคืนนี้เงียบงัน ท้องฟ้ามืดมิดสนิทไร้แสงจันทราสาดส่อง ทั่วทั้งจวนต่างดับตะเกียงมืดสนิท เหล่าสาวใช้พากันปิดเรือนนอนหลับพักผ่อนทว่าภายในเรือนหลังหนึ่งกลับยังคงสว่างไสวด้วยแสงตะเกียง บรรยากาศภายในเรือนเงียบสงัดมีเพียงเสียงพู่กันขูดลงบนกระดาษสาก ไป๋ซูเหยานั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง…หลี่เจิ้งเฉินนั่งอีกฝั่ง ดวงตาคมกริบจับจ้องปลายพู่กันของนางนิ่งๆ หาเอ่ยขัดแม้สักคำ ผู้ใดจะรู้ว่าสตรีที่เคยพูดว่าอ่านเขียนหนังสือไม่ค่อยคล่อง แต่ไฉนยามนี้ลายมือที่ตวัดลงกระดาษกลับงดงามเรียบร้อยยิ่งกว่าอักษรของขุนนางบางคนในราชสำนักเสียอีก หลี่เจิ้งเฉินนั่งเหยียดหลังตรง ท่าทางสงบเสงี่ยมราวกับว่ากำลังรอคำพิพากษา “นี่จะเป็นสัญญาระหว่างเรา” ไป๋ซูเหยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ากลับเย็นเยียบเสียจนแม้แต่คนฟังก็ยังรู้สึกขนลุกซู่ ปลายพู่กันยังคงตวัดตัวอักษรอย่างมั่นคง ก่อนที่ครู่ต่อมา…นางจะเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับบุรุษตรงหน้าพอดี ใบหน้าของหลี่เจิ้งเฉินปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ทว่าทันใดนั้น…หัวใจกลับเต้นกระหน่ำขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ หลี่เจิ้งเฉินรู้สึกประหม่าไม่น้อย “หนึ่ง! อำนาจในจวนหลี่ทั้งหมดจะอยู่ในมือของข้า ไม่ว่าข้า

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๗ วาจาขาดสะบั้น ใจแหลกสลาย

    ไป๋เหยียนหลันย่อมรู้สึกเสียหน้าและเสียเกียรติอย่างรุนแรง ราวกับว่ายามนี้ นางกลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกหลี่เจิ้งเฉินทอดทิ้งอย่างน่าอดสูและเวทนา!นางไม่มีวันยอม!หากจะจบ…เช่นนั้นนางจะเป็นฝ่ายทิ้งเขาเอง!“กรี๊ดดด! หลี่เจิ้งเฉิน! ท่านกล้าดียังไง!”ใบหน้าคนงามทั้งแดงก่ำทั้งซีดเขียวเพราะโทสะ มือข้างทั้งสองกำแน่นจนสั่น นัยน์ตาคู่งามลุกวาวด้วยเพลิงโทสะราวกับเปลวไฟที่โหมลุกโชนขึ้นท่ามกลางเหมันต์ฤดูแม้แต่ไป๋ฮูหยินที่ยืนอยู่ข้างกันยังต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางรีบยกมือทาบอก สูดลมหายใจอย่างร้อนรนแล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือ “เหยียนหลัน…พอเถิด! อย่าให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้เลย!”ไป๋เหยียนหลันหรือจะยอมง่ายๆนางหันขวับไปมองมารดาด้วยดวงตาโกรธเกรี้ยว หาได้เอ่ยอันใดออกมา ก่อนจะปรายกลับไปมองหลี่เจิ้งเฉินอีกครั้ง “กรี๊ดดด! ข้าไม่ยอม! หลี่เจิ้งเฉิน! ท่านไม่มีสิทธิ์เดินหนีข้าเช่นนี้!”น้ำเสียงแหลมคล้ายจะบาดแก้วหูดังลั่น ทำเอาเหล่าสาวใช้รอบบริเวณสะดุ้งเฮือก ต่างพากันยกมือทาบอกด้วยความตกตะลึงบางคนยังอดกระซิบไม่ได้ว่า…แท้จริงแล้วหากวันนั้นไม่มีเรื่องราวผิดพลาด คุณหนูไป๋ผู้นี้ก็คงได้ขึ้นเกี้ยวแต่งเข้ามาเป็นพระ

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๖ จับปลาสองมือ

    หากไม่อยากถูกนางทอดทิ้งจริงๆ เกรงว่าหลี่เจิ้งเฉินก็คงต้องรีบสะสางเรื่องนี้ให้จบสิ้นเสียทีหลี่เจิ้งเฉินชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้น ความรู้สึกคล้ายหนามแหลมทิ่มกลางอกทำเอาเขารู้สึกสะดุ้ง สายตาคมกริบมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาลึกล้ำ เขากระแอมไอเล็กน้อยคล้ายจะกลบเกลื่อน ก่อนจะกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“วางใจเถอะ…”ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยจนจบ…ไป๋ซูเหยาก็สวนกลับทันควัน น้ำเสียงหวานแฝงความดื้อดึง เอาแต่ใจและไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้ นางเชิดหน้าขึ้น สายตาตวัดมองเขาอย่างไม่ยอมลดละ“วางใจหรือ…หากท่านจัดการกับไป๋เหยียนหลันได้เมื่อไหร่ และทำสัญญากับข้าได้เมื่อใด ข้าถึงจะวางใจได้!”ทำสัญญา…?หมายความว่าอย่างไรกันหลี่เจิ้งเฉินขมวดคิ้วมุ่นทันที คำถามผุดขึ้นในหัว เขาเลิกคิ้วถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเข้ม “สัญญาอะไรหรือ”ไป๋ซูเหยาสะบัดหน้าหันหนีทันที แววตาเรียบเฉยหากลึกลงด้วยความตัดพ้อนางเอ่ยเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่คิดจะยกเรื่องนี้ขึ้นถกเถียง “ก่อนอื่น…ท่านควรไปจัดการไป๋เหยียนหลันของท่านให้เรียบร้อยเสียก่อนจะดีกว่าก่อนที่ข้าจะเก็บของเสร็จสิ้น…ถึงตอนนั้น ข้าถึงจะยอมพูดถึงสัญญาที่ท่านอยากได้ยิน!”ยามเฉิน (07.00 – 09

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๕ เหมาะสม คู่ควร

    โจวตงหยางหน้ามองอยู่ข้างนอกประตูมุมปากหนาโค้งยกยิ้มเยาะอย่างดูแคลน เขาหัวเราะเย็นชาพลางเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า“หลี่อ๋องจะหย่าภรรยาแล้วรึ…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามทว่าเพียงชั่วอึดใจ โจวตงหยางกลับชะงัก หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถ้อยคำเมื่อครู่ผิดแปลกไป เขาเลิกคิ้วถามย้อนเสียงเรียบ พลางหลุบสายตาต่ำมองเศษหนังสือหย่าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น“หรือหากจะพูดให้ถูก…คงต้องกล่าวว่าถูกภรรยาหย่าขาดเสียมากกว่าใช่หรือไม่”เดิมทีหลี่เจิ้งเฉินก็หาได้อารมณ์ดีอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดแทงใจเข้าไป ใบหน้ายิ่งเคร่งขรึมลงไปอีกสิบส่วน เขาเงยหน้าขึ้น สายตาเย็นยะเยือก “หึ! หากข้าหย่าภรรยาแล้วเล่า คุณชายโจวจะอาสาแต่งเข้าจวนหลี่อ๋องเองกระนั้นหรือ”น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและประชดประชันโจวตงหยางหัวเราะแค่นในลำคอทันที “เหอะ! เกรงว่าคงไม่ใช่เพียงข้าผู้เดียวหรอกกระมัง…ที่อยากเป็นภรรยาหลี่อ๋อง”พอได้ยินถ้อยคำนั้น หลี่เจิ้งเฉินเข้าใจความหมายได้ทันทีเขาถอนหายใจยาวราวจะระบายความอัดอั้นในอก ทว่าก้อนหินนับพันยังทับหัวใจจนหนักหน่วง“นาง…เป็นภรรยาของข้า”โจวตงหยางเลิกคิ้วขึ้น สายตากรุ้มกริ่มหากแฝงเย

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๔ สะสาง

    ผู้ใดจะรับรู้ความเจ็บปวดได้ลึกซึ้ง หากมิใช่ผู้ที่กำลังเผชิญ หน้ากับรัก…แม้มีวาสนาได้พบพานทว่ากลับไร้วาสนาได้อยู่เคียงข้างไป๋เหยียนหลันหัวเราะเย็นชาในลำคอ ราวกับเป็นเรื่องตลกขบขัน นางโน้มตัวลงช้าๆ ก้มใบหน้าเพ่งมองลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบของหลี่เจิ้งเฉิน ปลายนิ้วเรียวเชยคางเขาขึ้นอย่างแผ่วเบาน้ำเสียงหวานเอ่ยแผ่ว หากแต่แฝงด้วยความเยียบเย็นจนฟังแล้วต้องขนลุกซู่ “หากกล่าวว่าข้าเป็นภรรยาของท่าน…แล้วสตรีผู้นั้นเล่า ทั้งที่ท่านรักใคร่นางอย่างลึกซึ้ง ถักทอสานต่อด้ายแดงมาด้วยกันเนิ่นนาน ทว่ายามนี้กลับขาดสะบั้นเพราะข้างั้นหรือ”มุมปากของนางเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยันและดูแคลนก่อนจะกล่าวอีกครั้ง “ไฉนจิตใจของบุรุษถึงได้ผันเปลี่ยนง่ายดายนัก”ทว่าหลี่เจิ้งเฉินหรือจะสนใจฟัง ยามนี้ใบหน้าของเขาและนางอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น หัวใจแกร่งพลันเต้นกระหน่ำอย่างควบคุมไม่อยู่กลิ่นหอมอ่อนจางๆ ของสตรีตรงหน้าโชยมาชวนให้นึกถึงค่ำคืนนั้น...ภาพเรือนอรชรงดงามภายใต้แสงสลัวแวบเข้ามาในหัวเขาอย่างไม่รู้ตัวหลี่เจิ้งเฉินจ้องมองอย่างหลงใหล…ราวกับตกอยู่ในภวังค์“เหอะ!” ไป๋ซูเหยาแค่นเสียง หดมือกลับ ก่อนจะถอยออกห่างอย่

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status