“คุณรู้อาการของแม่ฉันได้ยังไง?” หลินจืออี้ถามหลี่ฮวนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็หยุดชะงักและหันมาอย่างรวดเร็ว "ฉันนัด CT ไว้ ต้องรีบไปแล้ว"เมื่อเห็นดังนั้น หลินจืออี้ก็รีบรับรถเข็นในมือของคนขับรถ แล้วผลักหลิ่วเหอไปข้างหน้าหลิ่วเหอเอียงคอเล็กน้อยแล้วพูดว่า "เป็นเจ้าสาม เขาเห็นสภาพของฉันที่ศาลบรรพบุรุษไม่ค่อยดี เลยหาข้ออ้างให้ฉันกลับมาก่อน หมอหลี่เขาก็เป็นคนช่วยนัดให้ แกอย่าพูดถึงเขาทีไรก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟสิ”“ฉันเปล่าสักหน่อย” หลินจืออี้โต้กลับ“เฮอะ”หลิ่วเหอมองเธอด้วยสีหน้าที่ว่า ‘ปากแข็งชะมัด’เมื่อถึงนอกห้องซีที หลี่ฮวนก็ก้มหน้าเขียนตัวเลขแถวหนึ่งบนการ์ดใบหนึ่งส่งให้หลินจืออี้“ผมไม่สะดวกที่จะเข้าไปกับพวกคุณ นี่เป็นหมายเลขของพวกคุณ คิวต่อไปก็เป็นคุณแล้ว คุณเข้าไปให้เขาดูโดยตรงก็ได้แล้ว”“อืม”หลินจืออี้กวาดสายตาไปที่การ์ดตัวเลขด้านบนดูคุ้นๆ แต่เธอนึกไม่ออกชั่วขณะพอดีกับที่ประตูตรงหน้าเปิดออก หลินจืออี้ก็ไม่ได้มองอย่างละเอียด รีบผลักหลิ่วเหอเข้าไปหลังจากถ่าย CT ออกมา หลี่ฮวนฮวนก็พาพวกเธอไปพบผู้อํานวยการแผนกอีกครั้งหลังจากแน่ใจว่าเป็นเพียงกล้ามเนื้อเคล็ดแล้ว ก็จัดให
กงเฉินเหมือนจะโกรธจริงๆ แล้ว หลินจืออี้จะหายใจไม่ออกอยู่แล้วหลังจากแยกกันแล้ว เธอก็โกรธจนวิ่งเข้าไปในห้องและเหวี่ยงประตูอย่างแรงกงเฉินรับโทรศัพท์ที่ทำงานงานและเคาะประตูเมื่อเขากําลังจะออกไป“อยู่ห่างจากเขาหน่อย”หลินจืออี้ทุบหมอนลงบนประตูกงเฉินขมวดคิ้วและตกตะลึง นิสัยนี่นับวันจะยิ่งเสียมมากขึ้นเรื่อยๆในเวลานี้ เฉินจิ่นก็เคาะประตูพอดีกงเฉินหันไปเปิดประตูบ้าน เฉินจิ่นก็ยื่นของชิ้นหนึ่งให้เขา“อะไร?” กงเฉินมองเฉินจิ่นอย่างสงสัย“คุณชายสาม ตอนเช้าผมไม่ได้กําชับคนให้ดี นี่เป็นของที่ผมซื้อให้คุณ คุณเอาไปให้คุณหลินเถอะครับ”เฉินจิ่นวางกล่องเล็กๆ ที่น่ารักบนพื้นอย่างกระตือรือร้นกงเฉินชําเลืองมองอย่างรังเกียจเล็กน้อย “ไม่ต้อง”เปลือกตาของเฉินจิ่นกระตุก “คุณชายสาม ผมถามเพื่อนร่วมงานหญิงเป็นพิเศษ พวกเขาบอกว่านี่เป็นกล่องของขวัญที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงนี้นะครับ”ได้ยินดังนั้น กงเฉินก็หยิบกล่องมาวางไว้บนโต๊ะน้ำชาจากนั้นทั้งสองก็จากไปหลินจืออี้ที่อยู่ในห้องรอจนไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอะไรแล้ว ก็เปิดประตูเดินออกมา เห็นกล่องบนโต๊ะน้ำชาพอดีของอะไร?กล่องแปลกมากเลยดูท
“พี่โจว เขาไม่เคยกินจิ๊กโฉ่ว ให้ฉันเถอะ”แต่ก่อนที่มือของเธอจะสัมผัสถ้วย กงเฉินก็เอื้อมมือออกไปรับมัน“ใครบอกว่าฉันไม่กินจิ๊กโฉ่ว?”“……”หลินจืออี้มองกงเฉินจุ่มจิ๊กโฉ่วด้วยความประหลาดใจเธอรู้สึกว่าเขาแปลกๆแต่ก็ไม่ได้สนใจ ก้มหน้าก้มตากินเกี๊ยวไปสองลูกไม่ง่ายเลยกว่าจะรอให้พี่โจวกินหมด หลินจืออี้ก็อยากให้เธอกลับไปก่อน เมื่อลุกขึ้นช่วยเธอทําความสะอาด ปากของเธอที่พักผ่อนอยู่ไม่กี่นาทีก็เริ่มซุบซิบอีกแล้ว“เลิกกันจริงๆ เหรอ?” เธอถามพลางเช็ดโต๊ะ“อืม” หลินจืออี้มองกงเฉินอย่างไม่รู้ตัว แล้วพยักหน้ายังไงก็ไม่เคยอยู่ด้วยกันอยู่แล้วดวงตาของพี่โจวเปล่งประกายและพูดคําพูดที่น่าตกใจออกมา "ฉันจะแนะนําให้เธอเองนะ!"“ฮ้า?”หลินจืออี้ตกใจพี่โจวเงยหน้ามองกงเฉินแล้วรับรองว่า “คุณชายสาม คุณที่เป็นผู้อาวุโสก็วางใจเถิด ด้านคุณธรรมฉันจะควบคุมอย่างเคร่งครัด ไม่ยอมให้หลานสาวคุณเสียเปรียบเด็ดขาดค่ะ”“หลานสาวตัวน้อย เธอว่ายังไงล่ะ?” กงเฉินจ้องมองหลินจืออี้ น้ำเสียงไม่แยแส แต่แผ่ไอเย็นออกมาหลินจืออี้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ รีบส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก”พี่โจวคนนี้ดีตรงที่ว่า ขอแค่คุยกับเธอ ถึงจะคุ
หลินจืออี้เบิกตาโพลงมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แล้วชิงพูดก่อน “เขาเป็นอาเล็กของฉัน เป็นญาติห่างๆ น่ะ”"ญาติห่างๆ ก็ถือว่าเป็นญาตินี่ ไม่นึกเลยว่าคุณชายสามจะเป็น...... “อาเล็กของเธอ?”เกี๊ยวจานนั้นในมือพี่โจวเกือบจะถือไม่มั่นหลินจืออี้ยกมือขึ้นรับจาน “ใช่ พอดีเขาไปทางเดียวกันน่ะ ตอนนี้จะไปแล้วล่ะ”พร้อมกันนั้น เธอก็ใช้แขนดันกงเฉิน ส่งสัญญาณให้เขารีบออกไปกงเฉินกลับยืนมั่นอย่างกับภูเขา หลุบตามองไปที่เกี๊ยวจานนั้นพี่โจวตาไว ถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณชายสาม คุณอยากทานไหมคะ? ฉันทํามาเยอะแยะเลยนะคะ”หลินจืออี้รีบตอบ “เขาไม่กินหรอก! เขากินกับคนอื่นมาแล้ว! ฉันจะกินเป็นเพื่อนพี่เองนะ”“เธอไม่เคยกินกับคนอื่นงั้นเหรอ?” กงเฉินหลุบตากวาดมองหลินจืออี้อย่างเฉยชาอากาศหยุดชะงักนิ่งทันทีสายตาของพี่โจววนเวียนอยู่ระหว่างคนทั้งสอง นี่เป็นอากับหลานจริงๆ เหรอ?บทสนทนานี้ทำไมมันฟังดูไร้เดียงสามากซะงั้น?พี่โจวเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแข็งขึ้นเรื่อยๆ จึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “งั้นนั่งลงกินด้วยกันสิ พวกเธอสองคนเข้าไปก่อน ฉันจะไปต้ม”หลินจืออี้ห้ามไม่ทัน พี่โจวก็รีบกลับไปต้มเกี๊ยวแล้วเธอทําได้แค่กัดฟันแ
"อะไรนะ"“ฉันได้ยินมาว่าคุณท่านกงเข้มงวดกับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เธอยังยอมไปกับฉันไหม?” กงเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้งหลินจืออี้วางแก้วชาลง ดูจากท่าทางของเขาแล้วคงถามอะไรไม่ออกแล้วล่ะ จึงพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ “คุณชายใหญ่ ฉันดื่มหมดแล้ว ไปกันเถอะค่ะ”เธอลุกขึ้นเตรียมจะจากไป แต่ข้อมือกลับถูกกงเยี่ยนกําแน่นอย่างกระทันหันเธอจ้องมองเขาด้วยความเจ็บปวด สัมผัสได้ถึงอารมณ์แปลกๆ ที่พลุ่งพล่านในดวงตาของเขา แต่ก็หายวับไปกงเยี่ยนลุกขึ้นถอนหายใจ มองคอเสื้อที่พลิกด้านในเธอ แล้วยิ้มพลางพูดว่า “ฉันแค่อยากเตือนเธอว่าคอเสื้อไม่ได้พลิกเรียบร้อยน่ะ”“อืม”หลินจืออี้มองคอเสื้อที่ถูกเขาจัดให้เรียบร้อย แล้วหันหลังเดินออกไปนอกประตูทันทีอีกด้านหนึ่งประธานอวี๋เท้าคางเล็กน้อย อาหารอร่อยๆ ที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็นไม่อยากอาหารเพราะผู้ชายที่ทําลายทิวทัศน์ที่อยู่ตรงข้าม“คุณชายสาม จะไม่ตามไปดูหน่อยเหรอคะ? หลานสาวตัวน้อยของคุณกล้าหาญมากจริงๆ ยังกล้าติดต่อกับกงเยี่ยนอีก”“ฉันได้ยินมาว่าเขาขายเทคโนโลยีช่วยชีวิตของตระกูลเฉินไปแล้ว และขายหุ้นของตระกูลเฉินเป็นการส่วนตัว ดูเหมือนว่าเขาจะวางแผนจะขุดหลุมให้คุณก่อนที่จะหนี
หลินจืออี้มองคนที่เดินมาอย่างช้าๆ แล้วถอยหลังไปสองก้าวอย่างระแวดระวังเป็นกงเยี่ยนไม่ได้เจอกันนาน เขาผอมลงนิดหน่อยได้ยินหลิ่วเหอบอกว่า เขาถูกตระกูลกงปลดออกจากตําแหน่งในบริษัท แม้แต่หุ้นที่พ่อของเขาทิ้งไว้ให้ก็ถูกคุณท่านกงเก็บกลับไปเขาทําได้เพียงพาเฉินซู่หลานกลับไปที่ตระกูลเฉิน ไม่สิ ตอนนี้ตระกูลเฉินก็ถูกกงเฉินซื้อไปแล้วตอนนี้อย่างมากสุด เขาก็ถือได้แค่ว่าเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นเท่านั้นที่จริงหลินจืออี้ก็ไม่เข้าใจว่าทําไมคุณท่านกงถึงใจร้ายกับเขาขนาดนี้หลังจากดึงสติกลับมา เธอก็ยังคงพยักหน้าอย่างสุภาพ “คุณชายใหญ่”กงเยี่ยนยิ้มอย่างขมขื่น “เธอยังโกรธอยู่เหรอ?”หลินจืออี้ไม่ได้พูดอะไรจะไม่โกรธได้ยังไง?เธอเชื่อใจเขามาสองชาติ แต่สุดท้ายเขากลับโกหกเธอมาตลอดกงเยี่ยนมองเธอ พูดอย่างจนใจ “ฉันมาเพื่อขอโทษเธอ ไปกินข้าวเย็นด้วยกันเถอะ วันหลังเกรงว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว”หลินจืออี้เงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย “คุณ......”“แม่ของฉันได้รับความกระทบกระเทือน อาการป่วยหนักขึ้น ข้าวางแผนที่จะพาท่านไปรักษาที่ต่างประเทศ ต่อไป...... ไม่น่าจะกลับมาแล้ว”“จะไปเมื่อไหร่”“วันคริสต์มาส” กงเยี่ยนยกมุมปาก