ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้ของที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว หวังเยี่ยนหลงเป็นเพียงคนเดียวที่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง วังธาราเหมันต์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแคว้นฉิน เส้นทางเดินนั้นยาวไกลและคดเคี้ยว
หวังเยี่ยนหลงตัดสินใจเข้าพักบ้านน้อยหลังหนึ่งเพราะรู้สึกว่าร่างกายของตนกำลังมีบางอย่างผิดแปลกไป นับตั้งแต่ได้ฝึกฝนวิชาลับของพรรคทลายฟ้าเพื่อฟื้นฟูเส้นชีพจร เขาก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เดิมทีพอเข้าใจอยู่บ้างว่าปราณมารนั้นมีลักษณะเช่นไร บางครั้งจึงสามารถควบคุมมันเอาไว้ได้ แต่บางครั้งมันกลับย้อนมากัดกินเขา
เขานึกถึงไปตอนที่อยู่กับเซี่ยฟาน เวลานั้นแม้จะทำอะไรที่ไม่เข้าใจตัวเองไปบ้างแต่กลับรู้สึกว่าเขาสามารถควบคุมปราณมารได้ดีกว่าทุกวันนี้
เขารีบหลบหนีจากตรงนั้นเพราะรู้ว่าพลังของตนเองกำลังไม่ปกติ หากเขาควบคุมปราณมารได้ ไม่มีสิ่งใดต้องกลัว แต่เวลานี้จำต้องหลบหลีกให้มากที่สุด หวังเยี่ยนหลงเดินทางรอนแรมไม่หยุดพักในหมู่บ้านใกล้สุดเพราะรู้ว่าศิษย์ของวังธาราเหมันต์จะต้องออกตามล่าตัวเขา จึงฝืนร่างกายมากกว่าที่ควรจะเป็น ครั้นคิดว่าเวลานี้ปลอดภัยแล้วก็ทรุดตัวลงใต้ต้นไม้ใหญ่ เอนหลังพิงลำต้นด้วยความเหนื่อยล้า เขาหยิบดอกกล้วยไม้น้ำแข็งขึ้นมาดู แล้วก็เก็บเอาไว้ตามเดิม ถ้ามันช่วยรักษาร่างที่ถูกโลหิตมารทำลายได้ บาดแผลของเขาย่อมรักษาได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนำมันกลับไปให้บิดาของเขาตามคำสั่ง
หมิงฮวาทรุดตัวลงกับพื้นเพราะเจ็บปวด โลหิตมารกลายเป็นหนามแหลมคอยทิ่มแทงภายในร่างกาย “เจ้าเด็กพวกนี้ บ้านอยู่ไหนก็รีบไป!” เขาตวาดใส่เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างไม่ปรานี แล้วหันมาหาหมิงฮวา “ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของเราบ้าง” หวังเยี่ยนหลงมองหน้านาง แม้หมิงฮวาจะกำลังทรมานอยู่แต่นางก็ข่มความเจ็บปวดนั้นเอาไว้ “เจ้าต้องการอะไร” “ดอกกล้วยไม้น้ำแข็งของสำนักเจ้า” หวังเยี
ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้ของที่ต้องการเรียบร้อยแล้วหวังเยี่ยนหลงเป็นเพียงคนเดียวที่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง วังธาราเหมันต์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแคว้นฉิน เส้นทางเดินนั้นยาวไกลและคดเคี้ยวหวังเยี่ยนหลงตัดสินใจเข้าพักบ้านน้อยหลังหนึ่งเพราะรู้สึกว่าร่างกายของตนกำลังมีบางอย่างผิดแปลกไป นับตั้งแต่ได้ฝึกฝนวิชาลับของพรรคทลายฟ้าเพื่อฟื้นฟูเส้นชีพจร เขาก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เดิมทีพอเข้าใจอยู่บ้างว่าปราณมารนั้นมีลักษณะเช่นไร บางครั้งจึงสามารถควบคุมมันเอาไว้ได้ แต่บางครั้งมันกลับย้อนมากัดกินเขาเขานึกถึงไปตอนที่อยู่กับเซี่ยฟาน เวลานั้นแม้จะทำอะไรที่ไม่เข้าใจตัวเองไปบ้างแต่กลับรู้สึกว่าเขาสามารถควบคุมปราณมารได้ดีกว่าทุกวันนี้
“ละอองโลหิตบุปผา ทำไมเจ้ารู้เรื่องนี้”เฟินเยว่เอ่ยปากถาม “บอกข้ามาแค่ว่า เจ้าช่วยได้หรือไม่” เขาไม่สนใจจะตอบคำถามนางมากมาย สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงอย่างเดียว “ได้และไม่ได้” นางตอบตามความจริง “ต้องได้เท่านั้น” น้ำเสียงของเขาทำให้นางคิดหนัก ของวิเศษที่มีไว้ให้หัวหน้าพรรคกับคนในตระกูลจะแอบขโมยมาให้คนนอกได้อย่างไร ชีวิตนางหนอ ไม่ได้ตายวันนี้ก็คงพรุ่งนี้ แต่แล้วนางก็นึกบางอย่างออก&nbs
ทางด้านตอนใต้ของแคว้นซีเป่ยคุณชายใหญ่เร่งรีบเดินเข้าเมืองหาที่พักก่อนพลบค่ำ แต่โรงเตี๊ยมถูกจองเต็มหมดทุกห้องแล้ว ขณะกำลังยืนดูลาดเลาอยู่ด้านนอก มีหญิงสาวผู้หนึ่งเข้ามาหาเขา “คุณชายท่านนี้ กำลังหาสิ่งใดอยู่หรือ” หญิงสาวเดินวนรอบตัวเขาอยู่หนึ่งรอบแล้วหยุดที่ตรงหน้า “มาจากต่างเมืองเช่นนี้ ให้ข้าช่วยหรือไม่” หากเป็นผู้อื่นคงจะดูไม่ออกว่านางไม่ใช่คนธรรมดา คุณชายอย่างเขาไม่อยากจะเสวนากับคนเจ้าเล่ห์จึงโบกมือแบบขอไปทีแล้วเดินหนีไปอีกทาง กระนั้นนางยังไม่ยอมแพ้เดินตามหลังเขามาเรื่อย ๆ “เจ้าตามข้ามาทำไม” คุณชายใหญ่ถามด้วยความหงุดหงิด
หลังจากได้พบกับศิษย์สำนักเขาศิลาหยกแล้วคุณชายรองก็ออกเดินทางไปตามสะพานไม้พร้อมกับพวกเขา สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ภาพสำนักที่อยู่ไกลลิบยามที่เขาเดินทางลำพังนั้นขยับใกล้เข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ได้ “ถึงแล้ว” เสียงของศิษย์ตัวน้อยสุดดังขึ้น “ข้าขอตัวไปหาท่านอาจารย์ก่อนเจ้าค่ะ” นางบอกลาทุกคนแล้วก็รีบเดินกระโดดโลดเต้นไปอีกทางหนึ่ง “เจ้าวิ่งระวังด้วย เดี๋ยวสะดุด...” เสียงตะโกนบอกของศิษย์คนโตไม่ทันสิ้นคำ นางก็สะดุดก้อนหินหัวคะมำในทันที ศิษย์พี่ผู้นี้จึงได้แต่เอามือกุมหน้าส่ายหัว “ศิษย์พี่ ข้าสบายดี”